ประเด็นที่รัฐบาลทหารกลัว จนไม่ออกใบรับรองผลการเรียน สวนทาง!! การสนับสนุนแรงงานไปทำงานในต่างประเทศ

หลังจากรัฐบาลทหารเมียนมาทำการรัฐประหาร ก็ทำให้มีคนต้องการจะเดินทางไปเรียนหรือทำงานในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลของความปลอดภัยก็ดี หรือ เรื่องของผลกระทบทางเศรษฐกิจทำให้คนว่างงานสูงขึ้นตาม

เหล่านี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้หนุ่มสาวเมียนมาเดินทางไปใช้ชีวิตในต่างแดน แต่ชีวิตในต่างแดนนั้น มันไม่ง่ายเหมือนในเมียนมา...

ในเมียนมาหลักฐานการศึกษาที่ใช้เป็นตัวบ่งสถานะจะเป็นใบรับรองที่ระบุเป็นภาษาพม่าว่า ได้จบหลักสูตรตามที่ทางกระทรวงศึกษากำหนดไว้ แต่ไม่มีการให้ใบเกรดหรือใบทรานสคริปต์ ซึ่งแตกต่างจากหลาย ๆ ประเทศในเอเซีย และใบทรานสคริปต์นี่แหละคือเอกสารสำคัญหรือเป็นใบเบิกทางที่ใช้ในการศึกษาต่อหรือทำงานตามสิ่งที่ไปเรียนมา

ในช่วงแรกที่มีการปิดไม่ให้ใบทรานสคริปต์หลายคนเข้าใจได้ว่าภายในรัฐบาลยังสับสน เจ้าหน้าที่หลายคนทำอารยะขัดขืน หรือ CDM (Civil Disobedient Movement) โดยการไม่ไปทำงาน 

แต่เมื่อเวลาผ่านไปจากเดือนเป็นปี จากเหตุการณ์วุ่นวายจนเหตุการณ์สงบ คำสั่งลับที่ไม่มีการประกาศนี้ ก็ไม่มีท่าทีจะเปลี่ยนหรือยกเลิกไป

สุดท้ายจึงทำให้เกิดมิจฉาชีพขึ้น หลายคนเลือกซื้ออนาคตด้วยการติดต่อทำทรานสคริปต์ปลอม ในขณะที่หลายคนพยายามติดต่อสถาบันการศึกษาที่ตนสำเร็จมา แต่ผลตอบกลับมาคือ ทำได้แค่รอหากต้องการทรานสคริปต์กับสามารถออกอีเมลรับรองให้ว่าได้ผ่านการศึกษาวิชานั้นวิชานี้ ซึ่งในหลักสากลไม่สามารถนำมาใช้ในการสมัครศึกษาต่อหรือสมัครงานได้เลย

ฉะนั้น ณ วันนี้ วันที่เมียนมาพยายามจะสนับสนุนส่งแรงงานไปทำงานในต่างประเทศ ก็ควรจำเป็นที่จะต้องเปิดโอกาสเรื่องการออกทรานสคริปต์ให้แก่ชาวเมียนมาที่ต้องการไปทำงานหรือศึกษาต่อด้วย เพราะยิ่งเขาได้ทำงานในต่างประเทศดีๆ ตำแหน่งสูงๆ ก็จะมีเงินไหลเข้าประเทศเพราะคนเหล่านี้ก็จะส่งเงินทองกลับมาให้พ่อแม่ ลูก และครอบครัวที่อยู่ในเมียนมาอยู่ดี

หากรัฐบาลทหารมีความจริงใจควรใส่ใจเรื่องการศึกษาและเปิดโอกาสให้คนเหล่านี้ ณ วันนี้คงไม่ต้องมาพะวงเรื่องสมองไหล เพราะจากการคว่ำบาตรจากต่างชาติก็ดีหรือจากการร่วมกระทำของกลุ่มต่อต้านก็ดี ก็ได้ฉุดให้ประเทศล้าหลังคนอื่นไปแล้ว และในอดีตตลอด 4 ปีของรัฐบาล NLD ก็ไม่ได้มีการพัฒนาด้านการศึกษาแบบเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาของภาครัฐที่ระดับคุณภาพยังห่างกับการศึกษาของโรงเรียนเอกชนมาก ทำให้เด็กที่จบมาจากโรงเรียนรัฐไม่ได้มีคุณภาพเท่าเด็กที่จบจากโรงเรียนเอกชน

สุดท้ายรัฐบาลทหารต้องไม่ลืมว่าการศึกษานั้นสำคัญ เพราะเคยได้ยินว่าในรัฐบาลของประธานาธิบดี เต็ง เส่ง มีการส่งผู้บริหารมาเรียนรู้ศึกษางานจากฝั่งไทยหลายองค์กรจากภาครัฐของไทย จนกลับไปพัฒนาในช่วงของยุครัฐบาลเต็ง เส่ง ให้เห็นเป็นประจักษ์มาแล้ว และนี่จะเป็นการพิสูจน์ความใจกว้างของรัฐบาลที่คิดจะมอบอนาคตในการบริหารประเทศให้อยู่ในมือชาวเมียนมารุ่นใหม่สืบไป


เรื่อง: AYA IRRAWADEE