เปิดความจริงจากปาก 'เสธ.หิ' เหตุผลที่รัฐประหารต้องบังเกิด และนักวิชาเกินยังลอยชายในวันที่อ้างไทยเป็นรัฐเผด็จการ

ไม่นานมานี้ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตนายทหารชื่อดัง และ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวกับ THE STATES TIMES ถึงเหตุผลในการเกิดรัฐประหาร ยึดอำนาจ เพราะ ‘ลุงตู่’ เผด็จการจริงไหม? ว่า...

คำพูดนี้ ผมเห็นว่าได้มีการกล่าวหาท่านมาตลอดเวลา เราต้องกลับไปดู ว่าทำไมวันนั้นต้องทำการรัฐประหารยึดอำนาจ หากใครที่อยู่ในสมัยนั้นจำได้ ณ เวลานั้น สภาวะของประเทศเรานั้น อยู่ในสภาวะของ ‘รัฐล้มเหลว’ คือ การบริหารงานของรัฐบาลนั้น ไม่สามารถทำได้ นโยบายของรัฐบาลไม่ได้รับการตอบสนองในปฏิบัติการราชการ ขาดภาวะของนิติรัฐ การปกครองประเทศ ณ เวลานั้น ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้เลย 

ที่สำคัญที่สุดในเวลานั้น ที่เป็นอันตรายอย่างมาก คือ มีการใช้อาวุธ จนถึงขั้นใช้อาวุธสงครามในการทำลายฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นประชาชนด้วยกันเอง และมีการบาดเจ็บล้มตายรายวัน 

ในกระบวนการหาทางออก ณ เวลานั้น ท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พยายามเป็นกาวใจผสานพรรคการเมืองทุกพรรค ผสานบุคคลที่เห็นต่าง ไม่ว่าจะเป็นขั้วอะไรก็ตาม ให้มาพูดคุยกันหลายครั้งหลายหน แต่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ต่างคนต่างยืนยันให้ความคิดของตัวเอง และไม่ยอมกัน การยึดอำนาจ ปฏิวัติรัฐประหารในเวลานั้น จึงเป็นทางออกสุดท้ายที่ท่านจำเป็นต้องกระทำ

>> หลังจากรัฐประหาร เกิดอะไรขึ้น? 
หลังจากที่ท่านสามารถนำบ้านเมืองเข้าสู่สภาวะความสงบสุขได้ รัฐฯ สามารถบริหารงานได้ สามารถนำการใช้หลักนิติรัฐมาปกครองบ้านเมืองได้ ประเทศเข้าสู่ความสงบ ท่านก็ดำเนินการเข้าสู่ระบบประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด ในเวลานั้น คือ ได้มีการร่างรัฐธรรมนูญ และรัฐธรรมนูญฉบับนั้นก็ได้ผ่านประชามติเสียงข้างมาก กลายเป็นรัฐธรรมนูญ ปี 60 หลังจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ท่านเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญฉบับ ปี 60 ซึ่งทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลได้เข้าสู่กติกาตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้เช่นเดียวกัน

แน่นอนว่า รัฐธรรมนูญฉบับ ปี 60 นั้น ถูกกล่าวอ้างว่ามีความไม่เหมาะสมหลายอย่าง ผมขอกราบเรียนว่า เราเอาความคิดในปัจจุบัน ขณะที่บ้านเมืองยังสงบสุขนี้ ไปตัดสินความคิดของคนในปี 60 ไม่ได้ เราจะต้องเคารพความคิดของทุก ๆ คน แม้แต่ความคิดของเด็ก ๆ เยาวชนในตอนนี้ เราก็ต้องเคารพในความคิดของเขาเหมือนกัน เพราะน้อง ๆ เยาวชนในเวลานี้ ก็จะต้องไปเป็นผู้นำในวันข้างหน้า เมื่อพวกเราอายุมากขึ้น เราก็ต้องกลายเป็นผู้ตาม เขาต้องมาเป็นผู้นำให้กับเราในอนาคต และในขณะเดียวกันเราก็ต้องไม่ดูถูกความคิดของคน ณ เวลานั้น ที่ผ่านประชามติมาให้ นั่นเป็นสิ่งที่ผมอยากจะเรียกร้องมาตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม หากมองดูความเป็นจริง จะพบว่าหลังจากที่ท่านพลเอกประยุทธ์ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว จะเห็นว่าท่านได้ผ่านกระบวนการตรวจสอบจากรัฐสภา มีการอภิปรายในทุกปี ท่านโดนทุกประเด็นอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม 

ขณะเดียวกันในบริบทของสังคมนั้น ท่านได้โดนโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือมวลชนที่ไม่เห็นด้วยกับท่าน บางคนวิพากษ์วิจารณ์ท่านด้วยข้อความที่รุนแรงในที่สาธารณะ ซึ่งบุคคลเหล่านี้ ผมก็เห็นว่ามีชีวิตที่ปกติสุขดีจนถึงทุกวันนี้ ไม่มีใครโดนอุ้มหายไปเลย 

เพราะฉะนั้น จะกล่าวหาว่าท่านเป็นเผด็จการได้อย่างไร? ลองติดดูกันเอาเอง...