Monday, 1 July 2024
ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ

เปิดความจริงจากปาก 'เสธ.หิ' เหตุผลที่รัฐประหารต้องบังเกิด และนักวิชาเกินยังลอยชายในวันที่อ้างไทยเป็นรัฐเผด็จการ

ไม่นานมานี้ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตนายทหารชื่อดัง และ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวกับ THE STATES TIMES ถึงเหตุผลในการเกิดรัฐประหาร ยึดอำนาจ เพราะ ‘ลุงตู่’ เผด็จการจริงไหม? ว่า...

คำพูดนี้ ผมเห็นว่าได้มีการกล่าวหาท่านมาตลอดเวลา เราต้องกลับไปดู ว่าทำไมวันนั้นต้องทำการรัฐประหารยึดอำนาจ หากใครที่อยู่ในสมัยนั้นจำได้ ณ เวลานั้น สภาวะของประเทศเรานั้น อยู่ในสภาวะของ ‘รัฐล้มเหลว’ คือ การบริหารงานของรัฐบาลนั้น ไม่สามารถทำได้ นโยบายของรัฐบาลไม่ได้รับการตอบสนองในปฏิบัติการราชการ ขาดภาวะของนิติรัฐ การปกครองประเทศ ณ เวลานั้น ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้เลย 

ที่สำคัญที่สุดในเวลานั้น ที่เป็นอันตรายอย่างมาก คือ มีการใช้อาวุธ จนถึงขั้นใช้อาวุธสงครามในการทำลายฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นประชาชนด้วยกันเอง และมีการบาดเจ็บล้มตายรายวัน 

ในกระบวนการหาทางออก ณ เวลานั้น ท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พยายามเป็นกาวใจผสานพรรคการเมืองทุกพรรค ผสานบุคคลที่เห็นต่าง ไม่ว่าจะเป็นขั้วอะไรก็ตาม ให้มาพูดคุยกันหลายครั้งหลายหน แต่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ต่างคนต่างยืนยันให้ความคิดของตัวเอง และไม่ยอมกัน การยึดอำนาจ ปฏิวัติรัฐประหารในเวลานั้น จึงเป็นทางออกสุดท้ายที่ท่านจำเป็นต้องกระทำ

>> หลังจากรัฐประหาร เกิดอะไรขึ้น? 
หลังจากที่ท่านสามารถนำบ้านเมืองเข้าสู่สภาวะความสงบสุขได้ รัฐฯ สามารถบริหารงานได้ สามารถนำการใช้หลักนิติรัฐมาปกครองบ้านเมืองได้ ประเทศเข้าสู่ความสงบ ท่านก็ดำเนินการเข้าสู่ระบบประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด ในเวลานั้น คือ ได้มีการร่างรัฐธรรมนูญ และรัฐธรรมนูญฉบับนั้นก็ได้ผ่านประชามติเสียงข้างมาก กลายเป็นรัฐธรรมนูญ ปี 60 หลังจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ท่านเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญฉบับ ปี 60 ซึ่งทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลได้เข้าสู่กติกาตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้เช่นเดียวกัน

เหตุผลในการเกิดรัฐประหาร ยึดอำนาจ เพราะ ‘ลุงตู่’ เผด็จการจริงหรือไม่?

ไม่นานมานี้ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตนายทหารชื่อดัง และ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวกับ THE STATES TIMES ถึงเหตุผลในการเกิดรัฐประหาร ยึดอำนาจ เพราะ ‘ลุงตู่’ เผด็จการจริงไหม? ว่า...

คำพูดนี้ ผมเห็นว่าได้มีการกล่าวหาท่านมาตลอดเวลา เราต้องกลับไปดู ว่าทำไมวันนั้นต้องทำการรัฐประหารยึดอำนาจ หากใครที่อยู่ในสมัยนั้นจำได้ ณ เวลานั้น สภาวะของประเทศเรานั้น อยู่ในสภาวะของ ‘รัฐล้มเหลว’ คือ การบริหารงานของรัฐบาลนั้น ไม่สามารถทำได้ นโยบายของรัฐบาลไม่ได้รับการตอบสนองในปฏิบัติการราชการ ขาดภาวะของนิติรัฐ การปกครองประเทศ ณ เวลานั้น ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้เลย 

ที่สำคัญที่สุดในเวลานั้น ที่เป็นอันตรายอย่างมาก คือ มีการใช้อาวุธ จนถึงขั้นใช้อาวุธสงครามในการทำลายฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นประชาชนด้วยกันเอง และมีการบาดเจ็บล้มตายรายวัน 

ในกระบวนการหาทางออก ณ เวลานั้น ท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พยายามเป็นกาวใจผสานพรรคการเมืองทุกพรรค ผสานบุคคลที่เห็นต่าง ไม่ว่าจะเป็นขั้วอะไรก็ตาม ให้มาพูดคุยกันหลายครั้งหลายหน แต่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ต่างคนต่างยืนยันให้ความคิดของตัวเอง และไม่ยอมกัน การยึดอำนาจ ปฏิวัติรัฐประหารในเวลานั้น จึงเป็นทางออกสุดท้ายที่ท่านจำเป็นต้องกระทำ

>> หลังจากรัฐประหาร เกิดอะไรขึ้น? 
หลังจากที่ท่านสามารถนำบ้านเมืองเข้าสู่สภาวะความสงบสุขได้ รัฐฯ สามารถบริหารงานได้ สามารถนำการใช้หลักนิติรัฐมาปกครองบ้านเมืองได้ ประเทศเข้าสู่ความสงบ ท่านก็ดำเนินการเข้าสู่ระบบประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด ในเวลานั้น คือ ได้มีการร่างรัฐธรรมนูญ และรัฐธรรมนูญฉบับนั้นก็ได้ผ่านประชามติเสียงข้างมาก กลายเป็นรัฐธรรมนูญ ปี 60 หลังจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ท่านเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญฉบับ ปี 60 ซึ่งทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลได้เข้าสู่กติกาตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้เช่นเดียวกัน

เปิดเหตุผล...ทำไม? ‘ลุงตู่’ ต้องอยู่ต่อ!!  จากปากคนใกล้ชิด 'ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ'

ทำไม? ถึงตัดสินใจร่วมงานกับ ‘ลุงตู่’? นี่คือคำถามที่ THE STATES TIMES ได้สอบถามกับ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตนายทหารชื่อดัง และ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร โดยท่านได้ตอบว่า...

สำหรับผม การที่เลือกมาช่วยงานท่านพลเอกประยุทธ์ เนื่องจาก ผมมีความศรัทธาในตัวท่านในหลาย ๆ เรื่อง เพราะว่าผมได้เห็นท่านมาตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก ๆ 

อันดับแรกเลย คือ ท่านเป็นคนที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ทหารทุกท่าน และประชาชนทุกคน มีความรักดีต่อสถาบันฯ ร่วมกันอยู่แล้ว 

อันดับที่สอง คือ ท่านเป็นคนที่ทำพวกเราเห็นว่า ท่านเป็นคนที่ทุ่มเทกับการทำงานมากในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จนมีผลงานออกมาเป็นรูปธรรมมากมายในสมัยรัฐบาลของท่าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสาธารณูปโภค ในเรื่องความก้าวหน้า ในเรื่องของไอที หรือเรื่องของความสำคัญระหว่างประเทศ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนในรัฐบาลนี้ ที่ชัดเจนที่สุดก็คือ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งท่านก็สามารถพื้นความสัมพันธ์ได้ และเป็นประโยชน์ต่อประเทศอเราย่างมหาศาล

อันดับต่อมา ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ความซื่อสัตย์สุจริต ผมคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ชัดเจนมาก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ที่ท่านได้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ท่านโดนตรวจสอบไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ เพื่อหาประเด็นตรวจสอบเรื่องทุจริตเกี่ยวกับตัวท่าน แต่ก็ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่เป็นรูปประธรรมอย่างชัดเจน ที่จะกล่าวหาท่านได้เลย แม้แต่ที่เราเห็นว่าบุคคลใกล้ชิดท่านหรือใกล้เคียงท่าน ที่มีข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตต่าง ๆ นั้น ท่านก็ไม่เคยใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีไปปกป้อง ท่านก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม กระบวนการตรวจสอบ และจะเห็นว่าที่ผ่านมานั้น โครงการอะไรก็ตามที่มีปัญหา หรือมีประเด็นร้องเรียนเรื่องการทุจริต ท่านก็จะรับฟัง ตรวจสอบ และรับโครงการ เพื่อให้มีความโปร่งใส มีความชัดเจน ก่อนที่จะให้โครงการนั้นเดินหน้าต่อไป

อันดับที่สี่ ผมยังเชื่อมั่นในความเป็นผู้นำของ ‘ลุงตู่’ อย่างมาก เห็นชัดเจนได้จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา คือ ท่านกล้าที่จะตั้ง ศปค. และสิ่งที่ท่านทำถือเป็นสิ่งใหม่ของประเทศ นั่นคือการที่ท่านนำเอาอาจารย์หมอทั้งหลาย มาเป็นผู้นำของ ศปค. ข้าราชการ ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ นักการเมือง มาเป็นผู้สนับสนุนการทำงานของ ศปค. โดยที่มีอาจารย์หมอเป็นผู้นำ สิ่งที่ท่านทำนั้นเป็นผลประจักษ์ ทำให้ WHO นั้น นำไปยกย่องเป็นต้นแบบของการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ของประเทศชาติ

เปิดเหตุผล...ทำไม? ‘ลุงตู่’ ต้องอยู่ต่อ!! จากปากคนใกล้ชิด

ทำไม? ถึงตัดสินใจร่วมงานกับ ‘ลุงตู่’ ? นี่คือคำถามที่ THE STATES TIMES ได้สอบถามกับ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตนายทหารชื่อดัง และ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร โดยท่านได้ตอบว่า...

สำหรับผม การที่เลือกมาช่วยงานท่านพลเอกประยุทธ์ เนื่องจาก ผมมีความศรัทธาในตัวท่านในหลาย ๆ เรื่อง เพราะว่าผมได้เห็นท่านมาตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก ๆ 

อันดับแรกเลย คือ ท่านเป็นคนที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ทหารทุกท่าน และประชาชนทุกคน มีความรักดีต่อสถาบันฯ ร่วมกันอยู่แล้ว 

อันดับที่สอง คือ ท่านเป็นคนที่ทำพวกเราเห็นว่า ท่านเป็นคนที่ทุ่มเทกับการทำงานมากในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จนมีผลงานออกมาเป็นรูปธรรมมากมายในสมัยรัฐบาลของท่าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสาธารณูปโภค ในเรื่องความก้าวหน้า ในเรื่องของไอที หรือเรื่องของความสำคัญระหว่างประเทศ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนในรัฐบาลนี้ ที่ชัดเจนที่สุดก็คือ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งท่านก็สามารถพื้นความสัมพันธ์ได้ และเป็นประโยชน์ต่อประเทศอเราย่างมหาศาล

อันดับต่อมา ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ความซื่อสัตย์สุจริต ผมคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ชัดเจนมาก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ที่ท่านได้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ท่านโดนตรวจสอบไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ เพื่อหาประเด็นตรวจสอบเรื่องทุจริตเกี่ยวกับตัวท่าน แต่ก็ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่เป็นรูปประธรรมอย่างชัดเจน ที่จะกล่าวหาท่านได้เลย แม้แต่ที่เราเห็นว่าบุคคลใกล้ชิดท่านหรือใกล้เคียงท่าน ที่มีข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตต่าง ๆ นั้น ท่านก็ไม่เคยใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีไปปกป้อง ท่านก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม กระบวนการตรวจสอบ และจะเห็นว่าที่ผ่านมานั้น โครงการอะไรก็ตามที่มีปัญหา หรือมีประเด็นร้องเรียนเรื่องการทุจริต ท่านก็จะรับฟัง ตรวจสอบ และรับโครงการ เพื่อให้มีความโปร่งใส มีความชัดเจน ก่อนที่จะให้โครงการนั้นเดินหน้าต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top