‘เศรษฐา’ แจงปม ‘เป๋าตังดิจิทัล 1 หมื่นบาท’ มั่นใจ!! เศรษฐกิจโต ปีละไม่ต่ำกว่า 5%

(7 เม.ย.66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรค พท. นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบายพรรค พท. และประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค พท. นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรค แถลงกรณีมีการตั้งข้อสงสัยกระเป๋าตังค์ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท 

นายเศรษฐา กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากที่พรรค พท. แถลงนโยบายกระเป๋าตังค์ดิจิทัลวอลเลตเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าจะเอาเงินมาจากไหน ช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมาประเทศเราบอบซ้ำมาเยอะโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ พี่น้องประชาชนมีรายได้ลด รายจ่ายเพิ่ม จนกระทั่งอยู่ในภาวะที่เรียกว่าซึมลึก ซึมนาน ซึมยาว รัฐบาลปัจจุบันก็ค่อยๆ หยอดน้ำข้าวต้มมาเรื่อยๆ เป็นจำนวนเงินเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง ไม่ก่อให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจที่เหมาะสม พรรค พท.เราคิดใหญ่ทำเป็น โดยจำนวนเงิน 10,000 บาทนั้น เราจะให้เป็นเงินดิจิทัล 10,000 บาทเลย ที่ต้องให้เป็นกระเป๋าตังค์ดิจิทัลไม่ให้เป็นเงินสด เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่เราสามารถจำกัดวิธีการใช้ได้ หากให้เป็นเงินสดก็อาจจะใช้ไปในทางอื่นที่ไม่เหมาะสม เช่น เรื่องของการพนัน ยาเสพติด การใช้หนี้นอกระบบ เทคโนโลยีจะสามารถบอกได้ว่าไปใช้อะไรบ้าง ส่วนที่มีการตั้งคำถามว่าหากเป็นหนี้สถาบันการเงิน จะสามารถนำไปใช้ได้หรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่เราต้องลงพื้นที่เพื่อสอบถามความต้องการ หากเป็นความต้องการเราก็จะนำมาพิจารณาอีกครั้ง 

นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ส่วนระยะเวลาที่เราให้ใช้ภายใน 6 เดือนนั้น เพราะเราต้องการกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายอย่างรวดเร็ว เป็นเรื่องใหญ่ที่เราต้องให้ความสำคัญ อีกเรื่องคือระยะรัศมีในการใช้ตามบัตรประชาชน 4 กิโลเมตรนั้น หากพื้นที่ไหนที่ไม่มีร้านค้า ก็สามารถขยายระยะทางออกไปได้ ส่วนคนที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ แต่บัตรประชาชนอยู่ต่างจังหวัดจะสามารถใช้ได้หรือไม่นั้น เราตอบชัดเจนว่าไม่ได้ เพราะเราอยากให้กลับไปใช้เงินที่บ้าน เพื่อที่จะไปกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ไม่ใช่มากระจุกตัวที่หัวเมืองอย่างเดียว หากภายใน 6 เดือนนั้นไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านเลย เงินก็จะหายไป ฉะนั้นคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ให้พี่น้องได้กลับไปเยี่ยมพ่อแม่ที่ภูมิลำเนาและไปกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนด้วย 

เมื่อถามว่ามีนักวิชาการมองว่าเป็นนโยบายประชานิยมสุดขั้ว พร้อมตั้งคำถามว่าเงินมาจากไหน และจะกระทบหนี้สาธารณะของประเทศ นายเศรษฐา กล่าวว่า นโยบายนี้จะทำให้ภาครัฐเก็บภาษีได้เพิ่มมากขึ้น นี่จะตอบคำถามได้ว่าเงินมาจากไหน ยืนยันว่าเม็ดเงินมาจากการจัดสรรงบประมาณ การจัดเก็บภาษี VAT ที่ได้เพิ่มมากขึ้น และการจัดเก็บภาษีนิติบุคคล รวมทั้งสวัสดิการรัฐที่ลดน้อยลง ตนไม่อยากให้ใช้คำว่าประชานิยมสุดโต่ง แต่เป็นความจำเป็นและความต้องการของพี่น้องประชาชนที่ต้องการการช่วยเหลือเวลานี้

เมื่อถามว่างบประมาณปี 67 ที่ตั้งไว้ 3.35 ล้านล้านบาท ถ้าเป็นรัฐบาลและนำเสนอนโยบายนี้ จำเป็นต้องปรับลดงบประมาณกระทรวงอื่นๆ อย่างเช่นกระทรวงกลาโหม หรืองบประมาณลงทุนหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า การจัดเก็บภาษีจะได้เพิ่มมากขึ้นกว่า 2 แสนล้าน ส่วนงบประมาณอื่นๆ นั้น จะต้องดูงบประมาณในส่วนอื่นๆ ไม่ใช่งบประมาณกระทรวงกลาโหมเท่านั้น ว่าอะไรเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน 

เมื่อถามว่าจำนวนเงินที่ได้สามารถนำไปใช้จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ได้ทั้งหมด ยกเว้นซื้อบุหรี่หรือใช้หนี้นอกระบบ 

เมื่อถามว่าร้านค้าสะดวกซื้อทั่วไปร่วมโครงการได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า สามารถเข้าร่วมโครงการได้ทั้งหมด ไม่กีดกั้นใครคนใดคนหนึ่ง เราเสมอภาคเท่าเทียม 

เมื่อถามว่าคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปสามารถใช้ได้ แล้วจะใช้งบประมารณเท่าไร นายเศรษฐา กล่าวว่า จะมีประชาชนกว่า 50 ล้านคนที่ได้รับสิทธิ์ ซึ่งจะใช้งบประมาณกว่า 5 แสนล้านบาท คาดว่าจะเริ่มโครงการได้ช่วงไตรมาส 3 หากเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งจะเริ่มได้ประมาณวันที่ 1 ม.ค.67 

เมื่อถามว่าคาดหวังการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ภายใน 4 ปี การเติบโตของจีดีพีเฉลี่ยร้อยละ 5 ต่อปี 

เมื่อถามว่ากรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่านโยบายนี้มองประชาชนเป็นยาจก นายเศรษฐา กล่าวว่า “ผมไม่เคยมองประชาชนเป็นยกจก เป้าหมายของของพรรค พท. คือช่วยประชาชนพ้นหลุมดำของความยากจน ถ้าเกิดว่าดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท เป็นจุดสตาร์ทให้ประชาชนลุกขึ้นเดิน ลุกขึ้นทำมาหากินได้อีกครั้งหนึ่ง ผมถือว่าเป็นการช่วยเหลือประชาชน”

ด้าน นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า จุดยืนของพรรค พท.คือต้องการได้อำนาจรัฐเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ซึ่งเราประกาศเรื่องนี้ตั้งแต่เดือนต.ค.65 และก็เริ่มมีมาตรการที่ค่อยๆ ปล่อยออกมา ไม่ว่าจะเป็นรายได้ขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ซึ่งเป็นเป้าหมายที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ที่สำคัญเรารับรองได้ว่าสามารถทำให้เศรษฐกิจโตขึ้นได้ไม่ต่ำกว่า 5% ซึ่งเมื่อประชาชนมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น รายได้ไม่เพียงพอ ก็เป็นการสำคัญที่หากพูดในเชิงการแพทย์ที่เราไม่อยากหยอดน้ำข้าวต้มเพื่อให้ยืดจากความตาย แต่เราจะต้องใช้การปั๊มหัวใจให้กลับคืนมาให้รวดเร็วเพื่อกลับมาแข็งแรง โดยกระเป๋าตังค์ดิจิทัลวอลเล็ตเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่จะปลุกกำลังของเราให้ฟื้นขึ้นเพื่อให้เราไปแข่งขันกับต่างประเทศได้ แต่ระหว่าง 6 เดือนนี้เราจะมีมาตรการอื่นรองรับเพื่อให้เขาขยับไปทำมาหากินได้เพิ่มขึ้น 

เมื่อถามว่านโยบายนี้จะไม่เข้าข่ายหมิ่นเหม่กฎหมายที่สัญญาว่าจะให้หรือไม่ นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ไม่น่าจะมีปัญหา นี่เป็นนโยบายที่เกิดขึ้นกับคนไทยทุกคนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ได้ให้เฉพาะจงเจาะ 

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ต่อจากนี้คนไทย 16 ปีขึ้นไปจะมี 2 บัญชี โดยบัญชีที่ 1 คือบัญชีออมทรัพย์ที่เป็นเงินปกติผูกกับธนาคารพาณิชย์ บัญชีที่ 2 คือ ดิจิทัลวอลเล็ตให้กับประชาชนประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคนผูกกับบัตรประชาชนอัตโนมัติ เราจะมอบกุญแจดิจิทัลให้กับประชาชนทุกคนในการเข้าถึงเงินนี้ ทั้งนี้ เราสามารถใช้บล็อคเชนในการเขียนเงื่อนไขลงบนเงินได้ ซึ่งเราสามารถกำหนดได้ว่าใช้ภายใน 6 เดือนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และให้ใช้ได้ในรัศมี 4 กม. เพื่อต้องการเงินหมุนในระดับหมู่บ้าน หรือชุมชนทั่วประเทศพร้อมกัน จึงเป็นส่วนที่แตกต่างจากแอปพลิเคชั่นเป๋าตังที่เป็นเงินในโลกยุคเก่า เราเป็นเงินในโลกยุคใหม่ 

เมื่อถามว่าจะให้ประชาชนต้องเลือกระหว่างนโยบายเงินดิจิทัลกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือไม่ นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ไม่ได้ให้ประชาชนเลือกระหว่างสองระบบนี้ เพราะประชาชนจะมีสองบัญชี คือบัญชีออมทรัพย์และบัญชีดิจิทัลวอลเล็ต แต่เราจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น จนวันหนึ่งคนจะหลุดจากเกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ย้ำว่าเราจะไม่ยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 

นายจักรพงษ์ กล่าวว่า พรรค พท.ยืนยันว่าจะไม่ยกเลิกบัตรคนจน แต่จะเปิดโอกาสให้ประชาชนเลือกระหว่างบัตรคนจนกับโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล หาก พท.ได้เริ่มดำเนินโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลเมื่อไหร่  คนไทยคงไม่อยากกลับไปใช้บัตรคนจนอีกแล้ว ซึ่งจะทำให้เราสามารถลดงบประมาณรายจ่ายในส่วนนี้ได้ถึง 5 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ยังไม่มีการผ่านในวาระใด หากเราชนะเลือกตั้งเราสามารถเข้าไปทำงบประมาณปี 67 ได้ ซึ่งเราสามารถรีดงบประมาณในส่วนที่คิดว่าเป็นส่วนเกินได้หลายแสนล้าน ทั้งนี้ พรรค พท.ห่วงใยเรื่องวินัยการเงินการคลัง เราห่วงใยตั้งแต่ยังไม่มีพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังด้วยซ้ำ และเราเป็นพรรคการเมืองเดียวที่สามารถทำนโยบายที่หาเสียงไว้ได้ทั้งหมด โดยยังสามารถรักษาวินัยการเงินการคลัง เราใช้เงินเป็นและหาเงินเป็นด้วย ดังนั้นทุกนโยบายเกิดจากการคำนวณเป็นอย่างดี เพื่อให้มั่นใจว่าเราทำได้จริง