ส่องมาตรการช่วยเหลือยามโควิด19 ระบาด คำสัญญาว่า “เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” จากบิ๊กตู่

ด้วยคำยืนยันจากปากของนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ 'ประยุทธ์ จันทร์โอชา' ว่า "เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" ซึ่งคือคำสัญญาอย่างดีที่มีต่อประชาชนชาวไทย โดยเห็นเป็นรูปธรรมที่สุดผ่านนโยบายต่าง ๆ ท่ามกลางวิกฤต ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยไม่เคยทิ้งใครไว้ข้างหลังจริง ๆ อย่างที่ลั่นวาจา

โดยอาจสรุปย่อ ๆ ได้ดังนี้ มาตรการดูแลค่าเสี่ยงภัยให้บุคลากรทางการแพทย์ 20,000 เยียวยาผู้ประกอบการต่าง ๆ ด้วยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ มาตรการดูแลเยียวยาอาชีพอิสระที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม เช่น แรงงานนอกระบบประกันสังคม 16 ล้านคน ชดเชยรายได้เกษตรกร 10 ล้านคน เยียวยากลุ่มเปราะบาง 6.8 ล้านคน รวมถึงกลุ่มผู้ไม่ได้รับการเยียวยาใด ๆ อีก 1.16 ล้านคน

เฉพาะยอดรวมงบประมาณการดูแลและเยียวยา (รอบสอง) ก็ได้ใช้จ่ายเพื่อ 'ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง' ไปถึง 455,956 ล้านบาท ช่วยเหลือแรงงานคนไทยได้เกือบ 34 ล้านคน หรือมากกว่า 50% ของประชากรทั้งประเทศ พร้อมกับปล่อยสินเชื่อฉุกเฉิน สินเชื่อพิเศษ สินเชื่อเพิ่มสภาพคล่องฯ รวมถึงการยืดชำระ ลดหย่อน ยกเว้นภาษีแทบทุกรูปแบบ คิดเป็นรายได้ที่รัฐต้องแบกรับเกินกว่าสามพันล้านบาท

ไทยเราบอบช้ำกับการระบาดรอบสองอย่างแสนสาหัสที่สุด

กล่าวโดยย่อ คือ รัฐบาลใช้เงินจำนวนมหาศาลมากกว่า 2.8 ล้านล้านบาท ในช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา เพื่อดูแลความเดือดร้อนไม่ให้ตกอยู่กับประชาชนจนมากเกินไปนั่นเอง

หากพวกอยู่ไม่สุขอยากทราบว่างบประมาณเท่านี้ซื้อเรือดำน้ำได้กี่ลำ? ก็อยากให้ลองเอาตัวเลข 11,250 ล้านบาทหารดู โดยที่ไทยยังติดอยู่ใน 4 ประเทศอาเซียนที่ยัง 'ไม่มีเรือดำน้ำ' เหมือนกับฟิลิปปินส์ กัมพูชา และลาว แต่ยังรักษาแสนยานุภาพทางทหาร เป็นลำดับสามของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ยังได้รายงานอีกว่า "...ในระยะ 2-3 ปี ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 นักลงทุนโดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ที่ผลิตสินค้าจากไทยส่งไปทั่วโลก ได้ชื่นชมประเทศไทยที่สามารถบริหารจัดการสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลายรายตัดสินใจขยายการลงทุนในไทยเพิ่ม เพราะเชื่อมั่นในนโยบายการบริหารจัดการช่วงวิกฤตของรัฐบาล"

นอกจากนี้ 'มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์' ของสหรัฐฯ ยังได้รายงานดัชนีความมั่นคงด้านสุขภาพ Security Index) จากการจัดอันดับประเทศทั้งหมดรวม 195 ประเทศ ช่วงปลายปี พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา พบว่าประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 6 ของโลก และอันดับ 1 ของภูมิภาคเอเชีย พร้อมยกย่องว่าไทยเป็น 1 ใน 13 ประเทศที่มีความพร้อมต่อการรับมือกับโรคระบาดมากที่สุด!"

อย่างไรก็ตามจากหลากหลายมาตรการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนไทย ทั้งโครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน รวมทั้งมาตรการอื่น ๆ ยังได้รับเสียงชื่นชมจากนานาประเทศ นั่นเพราะทำให้ผู้ซื้อ ผู้ขาย ต่างได้ประโยชน์ในคราวเดียวกัน โดยไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลังเหมือนดังคำกล่าวข้างต้นของนายกรัฐมนตรี