ฉงน!! ‘ข้าราชการสีเทา’ ฉายแสงซ้ำซาก ฤๅฤทธิ์แรงโหมจาก ‘เงา’ หลังฉาก ที่ให้ท้ายจนเคยตัว

ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายในสังคม ‘ข้าราชการสีเทา’ ก็เน่าออกมาอีกเป็นระลอกคลื่น 

เพราะเมื่อปลายปีที่แล้ว กรณีข้าราชการสีเทา สุดงามไส้ ที่ทำเอา ‘ท็อป’ วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพย์ฯ ยังต๊กกะใจ และตามหลอกหลอนอยู่นั้น สาเหตุมันก็มาจากความละโมบส่วนบุคคล ที่ไม่รู้มีใครหนุนหลังให้หาญกล้าลงมือกิน

แต่ก็อย่างว่า คดีนี้ก็จบลงเมื่อผู้ถูกกระทำเกินทน จนเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แท็กมือกับกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) บุกเข้าจับกุม ‘รัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา’ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเป็นผลสำเร็จ 

เป็นเหตุเซอร์ไพรซ์ท่ามกลางความตื่นตะลึงของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ ที่อยู่ในห้องประชุม และกำลังรออวยพรปีใหม่ ‘ทั่นอธิบดี’ ซึ่งถูกแจ้งข้อหา ‘เรียกรับผลประโยชน์’ เรียกเก็บค่าวิ่งเต้นตำแหน่ง-รีดลูกน้อง โดยจากการตรวจค้นห้องทำงาน พบเงินสดประมาณ 5 ล้านบาท ใส่ซองจำนวนหลายต่อหลายซองเป็นของกลาง แม้เจ้าตัวจะให้การปฏิเสธ ว่าไม่รู้เงินอะไร ก็มิเป็นผล 

ถัดมาวันนี้ (2 ก.พ.66) ก็ได้ข่าวทำนองว่า ผอ.โรงเรียนดังในเมืองกรุง รีดเงินเอกชน 3.2 แสนบาท เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการทุจริตเกี่ยวกับอาหารนักเรียน จนโดนเจ้าเดิมอย่าง บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท., เปิดปฏิบัติการ ‘ไข่นกกระทา’

ผู้ต้องหา รอบนี้ มีชื่อว่า นายไพฑูรย์ ภูมิช่อ ผู้อำนวยการโรงเรียนบางชัน (ปลื้มวิทยานุสรณ์) อายุ 58 ปี ถูกรวบในข้อหา เป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด และ เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ภายในห้องทำงานโรงเรียน แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร

โดยสืบเนื่องจากก่อนหน้าได้รับการร้องเรียนและก่อนเข้าทำการจับกุมนั้นสายข่าวแจ้งว่าว่า นายไพฑูรย์ มีพฤติกรรมใช้อำนาจหน้าที่ในทางไม่เหมาะสม เรียกรับเงินจากคู่สัญญาหรือผู้ประกอบการที่ชนะการเสนอราคาโครงการจ้างเหมาประกอบอาหารสำหรับนักเรียน ภาคเรียนที่ 2/2565 ของโรงเรียนบางชัน (ปลื้มวิทยานุสรณ์) เป็นเงิน 329,000 บาท อ้างว่าจะนำไปปรับปรุงวัสดุ อุปกรณ์ โต๊ะ เก้าอี้ ภายในโรงอาหารของโรงเรียน และ เรียกเก็บเพิ่มเติมเป็นเงินรายเดือนอีกเดือนละ 9,000 บาท ซึ่งเงินส่วนหลังนี้อ้างว่าเป็นค่าดูแลเจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องอาหารของนักเรียน จำนวน 5 คน

เมื่อจับได้ ก็เข้าสูตร อ้างว่าไม่มีการเรียกรับเงินแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่าก่อนหน้าจะถูกจับกุมได้มีการเชิญตัวผู้ประกอบการมาเข้าพบจริง แต่เป็นการเรียกมาพบเพื่อเจรจาเกี่ยวกับปัญหาที่มีการร้องเรียนเรื่องคุณภาพอาหารเพียงเท่านั้น ส่วนซองเงินที่อยู่บนโต๊ะนั้น ก็ไม่ทราบว่าเป็นของผู้ประกอบการคนดังกล่าววางลืมไว้หรือไม่ แต่ไม่ใช่ของตนอย่างแน่นอน เบื้องต้นจึงนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปปป. เพื่อทำการแจ้งข้อกล่าวหา ก่อนเร่งรวบรวมพยานหลักฐานสรุปสำนวนส่งต่อให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาตามกฎหมายต่อไป

สำหรับโครงการอาหารเด็กนักเรียนดังกล่าว เดิมทีมีการตั้งงบกลางไว้ที่ 12 ล้านบาท ก่อนเปิดให้ผู้ประกอบการต่างๆ เสนอราคาโดยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) จนมีผู้ชนะการประกวดยื่นรับทำโครงการที่วงเงินงบประมาณ 8 ล้านบาท เฉลี่ยค่าอาหารเช้าและกลางวันต่อเด็กตกรายละ 28 บาท ต่อวัน จากจำนวนเด็ก เกือบ 3 พันคน ภายในกรอบระยะเวลา 100 วัน

โดยปฏิบัติการของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เข้าจับกุมครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการเปรียบเปรยเชิงสัญลักษณ์ให้เห็นว่าการปราบปรามทุจริตเงินโครงการดังกล่าวนั้นถือเป็นการช่วยให้เด็กนักเรียนได้รับประทานอาหารที่มีคุณภาพมากขึ้นอีกทางหนึ่ง ซึ่งจากเดิมที่อาจเคยได้รับประทานอาหารเพียงแค่ ‘ไข่นกกระทา’ แต่หากไม่มีการทุจริตเงินส่วนนี้เกิดขึ้น เด็กนักเรียนเหล่านี้ก็จะได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์คุ้มค่าเงินอุดหนุนที่ภาครัฐจัดให้มากกว่าเพียงแค่ ‘ไข่นกกระทา’ ใบเล็กๆ นั่นเอง

คำถาม คือ ทำไมสังคมไทยตอนนี้ ถึงปล่อยคนลักษณะดังที่เป็นข่าวเหล่านี้ เล็ดลอดเข้ามาสู่ระบบราชการ นี่ยังไม่อยากพูดเรื่องดาราสาวไต้หวันนะ งามไส้เสียยิ่งกว่า เพราะ : ทั่นๆ ผู้บังคับบัญชาของเหล่าตำรวจผู้กล้า มองไม่ออก หรือ กลอกตา ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นหรืออย่างไร

เพราะพลันปฏิบัติการ ‘ไข่นกกระทา’ นี้โผล่ ก็เริ่มมีคนถามขึ้นมาอีกคำรบว่าใครกันแน่ที่เป็นเงาเบื้องหลังแสงแห่ง ‘อธรรม’ ตัวจริง ในคราครั้งนี้?