เมืองงามในหุบเขา สำรวจเมือง ‘อันติกัว’ ในประเทศกัวเตมาลา ดื่มด่ำบรรยากาศที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาไฟ

“Travel isn’t always pretty. It isn’t always comfortable. Sometimes it hurts, it even breaks your heart. But that’s okay. The journey changes you; it should change you. It leaves marks on your memory, on your consciousness, on your heart, and on your body. You take something with you. Hopefully, you leave something good behind.” – Anthony Bourdain

ทางหลวงกว้างสี่เลนฉีกออกจากเมืองหลวง การจราจรคับคั่ง แม้กระทั่งเมื่อค่อย ๆ คดเคี้ยวขึ้นเขารถราก็ยังเยอะอยู่ดี คนขับรถบัสหมุนพวงมาลัยอย่างคล่องแคล่วโดยไม่ชะลอความเร็ว รถแล่นผ่านโค้งเหล่านั้น ผู้โดยสารท้องถิ่นรู้วิธีเอนตัวเองให้ได้องศาเหมาะสม ในขณะนักท่องเที่ยวต่างชาติโดนแรงเหวี่ยง ไหลไปยังอีกด้านจนแทบตกจากเบาะ ไม่ใช่สิ่งที่น่าตระหนกตกใจแต่อย่างใด แต่กลับเป็นเรื่องชวนหัวแทน 

ปลายทางครั้งนี้ คือเมืองงามในหุบเขาแห่งประเทศกัวเตมาลา (Guatemala) โอบล้อมด้วยภูเขาไฟ ชื่อเมืองอันติกัว อันที่จริงชื่อเต็มคือ อันติกัวกัวเตมาลา (Antigua Guatemala) หมายถึงเมืองโบราณแห่งประเทศกัวเตมาลา ค่าที่เคยเป็นเมืองหลวงเก่าเมื่อราวห้าร้อยปีก่อน คงความเป็นศูนย์รวมทางการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมอยู่ได้สองร้อยปี แต่เนื่องจากอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อแผ่นดินไหว จึงประสบกับหายนะทางธรรมชาตินับครั้งไม่ถ้วน 

แผ่นดินไหวในปี 1773 นับเป็นครั้งรุนแรงสุด ตึกรามพังถล่ม ได้รับความเสียหายมากจนทางการในสมัยนั้นเห็นว่าเกินกว่าจะซ่อมหรือสร้างขึ้นใหม่ จึงตกลงกันย้ายเมืองหลวงไปยังที่ราบสูงห่างออกไปราวสี่สิบกิโลเมตร ซึ่งก็คือกรุงกัวเตมาลาซิตี้ (Guatemala City) นั่นเอง

เมื่อถนนไต่ขึ้นไปถึงจุดสูงสุด ก็ค่อย ๆ ลดระดับลง พลขับรถบัสคันเดิมยังฉวัดเฉวียนอย่างชินทาง ภาพภูเขาไฟเริ่มเผยให้เห็นนอกหน้าต่างรถ รูปทรงสามเหลี่ยมสมมาตรมีพลังเย้ายวนชวนให้ใจเต้นโครมครามอยากเข้าไปสัมผัสในระยะใกล้กว่านี้ ใครบางคนเคยเล่าให้ฟังว่าสามเหลี่ยมเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่ทรงพลังที่สุด จึงไม่แปลกใจเลยที่สถูป เจดีย์ทางฝั่งเอเชีย ปิรามิดทั้งที่แอฟริกาอย่างอียิปต์ และปิรามิดชาวมายาในทวีปอเมริกาทั้งหลายจึงมีลักษณะไม่ต่างจากภูเขาไฟ

การจราจรติดขัดทันทีที่ถึงบริเวณทางเข้าเมือง เมื่อหลายร้อยปีก่อนนับว่ากว้างขวางแน่นอน แต่ยุคนี้รถราเยอะ ถนนกว้างเท่าเดิมนั้นกลับแคบไปถนัด ในเมื่อขยายถนนไม่ได้ จึงต้องแก้ไขโดยการเดินรถทางเดียว ก้อนหินนำมาเรียงเป็นพื้นถนนตะปุ่มตะป่ำ กระเด้งกระดอนกันครู่หนึ่งก็ถึงท่ารถ ผู้โดยสารลงจากรถ แยกย้ายกันไปยังสถานที่ตามที่ตั้งใจไว้

เมืองนี้ตั้งอยู่ที่ความสูงราวพันห้าร้อยเมตรจากระดับน้ำทะเล โอบล้อมด้วยภูเขา โดยมีภูเขาไฟสามลูกตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง ลูกที่เห็นได้ชัดกว่าใคร คือภูเขาไฟอะกวา (Volcan Agua) อีกลูกที่คนนิยมเดินเทร็กขึ้นไปยังปากปล่องของมัน คือภูเขาไฟอะคาเตนังโก (Volcan Acatenango) จุดประสงค์หลักก็เพื่อชมการประทุในระยะใกล้ของภูเขาไฟโฟยโก (Volcan Fuego) ซึ่งอยู่ใกล้กันนั่นเอง

แม้จะคล้ายกับเมืองเก่าสไตล์โคโลเนียลอื่น ๆ แต่เอกลักษณ์ซึ่งแตกต่างมาก คืออาคารหลายหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโบสถ์เก่าแก่ซึ่งกระจายกันอยู่ตามจุดต่าง ๆ ในเมืองนั้นอยู่ในสภาพซากปรักหักพัง เป็นอนุสรณ์สถานซึ่งอนุรักษ์ไว้ให้คงลักษณะเช่นนั้น โดยไม่มีการสร้างขึ้นใหม่ เพื่อเป็นประจักษ์พยานถึงพลังรุนแรงแห่งธรรมชาติ คนที่เห็นจะได้เข้าใจอดีตของที่นี่ ดีกว่ากลบร่องรอยด้วยตึกใหม่ซึ่งคล้ายของเดิมมากกว่ากันเป็นไหน ๆ

สำหรับใครที่เพิ่งมาเที่ยวกัวเตมาลาเป็นครั้งแรก การมาตั้งต้นการเดินทางในประเทศนี้ ณ อันติกัวนั้นนับว่าสมเหตุสมผลโดยประการทั้งปวง เพราะโดยบรรยากาศในตัวมันเองที่แสนจะผ่อนคลาย มีความปลอดภัยสูง กับบรรดาสิ่งอำนวยความสะดวกสารพันที่รองรับ ล้วนช่วยให้รื่นรมย์ในช่วงปรับตัวกับวัฒนธรรมใหม่ได้เป็นอย่างดี

ย่านใจกลางเมืองเก่าเหมาะสำหรับเริ่มต้นสำรวจอะไรต่อมิอะไร อาจจะเริ่มต้นที่แลนด์มาร์กสำคัญ คือซุ้มประตูสีเหลืองซานตาคาตารินา (Santa Catarina Arch) นักท่องเที่ยวมักมากระจุกกันบริเวณนี้ ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ขายต่างเห็นเป็นโอกาสดีในการเสนอขายสินค้าที่ระลึกจำพวกสร้อยคอ กำไล ภาพวาด หมวก คนขายผลไม้หั่นชิ้นใส่ถุงหรือรถเข็นขายไอศกรีมทรงรถบัสฉบับย่อก็ประจำอยู่แถวนั้นด้วยเช่นกัน เวลาถ่ายเซลฟี่หรือให้ใครถ่ายภาพคู่กับสัญลักษณ์ประจำเมืองโดยมีภูเขาไฟอะกวาเป็นฉากหลังแล้วโพสต์ขึ้น ใครต่อใครบนโลกโซเชี่ยลเห็นปุ๊บก็รู้ปั๊บว่านั่นคืออันติกัว ใกล้กันนั้นคือโบสถ์ลาเมอร์เซ็ด (La Merced Church) ซึ่งก็คุมโทนผนังด้านนอกด้วยสีเหลืองและขาวเช่นกัน ข้างในเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ ยกเว้นช่วงที่มีการประกอบพิธีมิสซา เพื่อเปิดโอกาสให้ศาสนิกชนได้ร่วมพิธีกันอย่างสงบเรียบร้อย เสร็จกิจกรรมทางศาสนาแล้วก็เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าได้ตามปกติ

อีกจุดที่คนมักไปพักผ่อนหย่อนใจกันตลอดทั้งวัน คือสวนสาธารณะและลานน้ำพุกลางเมือง ม้ายาวกระจายตัวอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น เหมาะสำหรับนั่งสังเกตอากัปกิริยาผู้คน บรรดานกพิราบมีความสุขกับการจิกกินอาหารที่คนโปรยลงพื้นให้ บางส่วนลงไปเกาะขอบน้ำพุ เล่นน้ำอาบน้ำกันโดยไม่ได้เกรงกลัวใครจะมาจับหรือทำร้าย นักท่องเที่ยวอุดหนุนคนเข็นขายของขบเคี้ยวเล่นประเภทถั่วชนิดต่าง ๆ ลุงช่างภาพโพลารอยด์ถือป้ายเรียกลูกค้าที่ต้องการภาพที่ระลึกแบบด่วน ๆ เวลาค่ำมักมีพวกผู้หญิงชนเผ่าเดินเร่ขายลูกโป่งติดไฟกะพริบ เด็กน้อยมักรบเร้าพ่อแม่ให้ซื้อให้ บางค่ำมีนักเป่าแซ็กโซโฟนมาเปิดหมวกบรรเลงเพลงรวมฮิตร่วมสมัยสไตล์โรแมนติกเสริมบรรยากาศการนั่งในสวนอีกด้วย 

ฝั่งตรงกันข้ามสวนกลางเมืองคืออาคารพิพิธภัณฑ์ศิลปะนั้นไม่ควรพลาดเลย เพราะการจัดแสดงชิ้นงานข้างในนั้นน่าสนใจและหลากหลายมาก มีการผูกโยงศิลปะในแต่ละยุคเข้าด้วยกันได้อย่างสวยงาม เป็นการเสพทั้งสุนทรียะและเพิ่มพูนความรู้ไปในขณะเดียวกัน ที่สำคัญ เขาเปิดให้ชมฟรี ไม่ต้องเสียค่าตั๋วเข้าชมแต่อย่างใด

ย่านตลาดสดกินพื้นที่กว้างกับตลาดขายของที่ระลึกนั้นอยู่ติดกันและอยู่ใกล้กับท่ารถ รถบัสรุ่นเก่าสีสันสดใสแล่นเข้าออก ตุ๊กตุ๊กสีเทาคาดแถบน้ำเงินคอยรับส่งผู้โดยสารขาจร มอเตอร์ไซค์รับจ้างก็มี เดินเข้าไปในตรอกเล็กซอยน้อยภายในตลาดสดแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในเขาวงกต ของกิน ผัก ผลไม้ เนื้อหมู ไก่สด และอื่น ๆ อีกมากมายละลานตา เสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้าทั้งมือหนึ่งและมือสองแยกขายคนละฟากของตลาด สินค้าหัตถกรรมในตลาดสดราคาถูกกว่าที่ขายกันในตลาดขายของที่ระลึก ในขณะที่ตลาดซึ่งแยกส่วนเพื่อขายงานศิลปะประเภทต่าง ๆ ให้แก่นักท่องเที่ยวนั้นมีสินค้าให้เลือกหลากหลายกว่า 

รายละเอียดปลีกย่อยอื่น ๆ ของอันติกัวนั้นคงแล้วแต่ความสนใจส่วนบุคคล เพราะมีร้านอาหาร ร้านหนังสือ ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึกอีกมากมาย นอกจากประเภทของสินค้าแล้ว การออกแบบตกแต่ง ลวดลายบนผนัง บนพื้น ภาพวาด ภาพถ่าย แสง สีของแต่ละที่ก็น่าดูไม่น้อยไปกว่าสินค้า หยกเป็นอีกผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อ ใครชื่นชอบหินสีเขียวหลากหลายเฉดสีก็เลือกช้อปปิ้งกันได้ตามสบาย ร้านนวดผ่อนคลายเห็นอยู่ทั่วไป แต่ราคาแพงกว่าบ้านเรา 7-8 เท่า หรือคนที่จริงจังด้านภาษา ก็เทคคอร์สภาษาสเปนจากโรงเรียนเอกชนทั้งหลายก็ได้

จุดชมวิวเซอร์โรเดลาครูซ (Cerro de La Cruz) ตั้งอยู่บนเนินเหนือเมือง ใคร ๆ ก็ชื่นชอบ จะนั่งแท็กซี่หรือตุ๊กตุ๊กขึ้นไปก็ได้ ใครต้องการออกกำลังกายก็ใช้วิธีเดินหรือปั่นจักรยาน รับรองว่าไม่ผิดหวังกับทิวทัศน์เมืองที่มองลงไปแน่นอน 

กิจกรรมทัวร์ก็มีหลากหลายให้เลือกทำ แบบเรียนรู้วัฒนธรรมก็มี ทัวร์เรียนรู้สิ่งทอและวิธีการทอผ้า ชั้นเรียนทำอาหารท้องถิ่น ทัวร์ไร่กาแฟเพื่อทำความรู้จักกระบวนการผลิต สำหรับทัวร์แอดเวนเจอร์นั้นเหมาะสำหรับคนที่พลังเหลือเฟือ มีตั้งแต่การเทร็กขึ้นสู่ภูเขาไฟ ปั่นจักรยานเพื่อชมทิวทัศน์ หรือปั่นดาวน์ฮิลล์ซึ่งน่าตื่นเต้นกว่า หรือขับรถเอทีวี ไม่ก็ทัวร์มอเตอร์ไซค์ขึ้นไปยังจุดชมวิวหรือไปเที่ยวภูเขาไฟ

เหน็ดเหนื่อยจากการสำรวจเมืองและทำกิจกรรมจนหนำใจแล้ว บางที แค่ได้ขึ้นไปนั่งเล่นที่ดาดฟ้าของที่พัก อาบแดดอุ่นยามบ่ายแก่ เปิดเพลงเคล้าเบา จิบกาแฟ ไวน์ หรือเบียร์เย็น ๆ สักกระป๋อง เหม่อมองดูภูเขาไฟที่อยู่ต่อหน้า ปล่อยใจให้ล่องลอยไป แค่นี้ก็เป็นกิจกรรมสุดแสนจะวิเศษมากแล้ว 


👍 ติดตามผลงาน อาจารย์สว่าง ทองดี เพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/author/สว่าง%20ทองดี