'ครูธัญ' ชี้!! สังคมอย่าใช้อำนาจกดดัน 'ครูสาว' บูลลี่ 'ป๋าเปรม' ควรช่วยครูให้เข้าใจความหลากหลายทางเพศทั้งระบบ

(23 ธ.ค. 65) ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่มีครูท่านหนึ่งพูดถึง พล.อ.เปรม ในชั้นเรียนในฐานะตัวอย่างเมื่อพูดถึงการปกครองในระบอบอำนาจนิยมและมีการพาดพิงถึงประเด็นเรื่องเพศวิถี ตนเห็นว่าสิ่งที่ครูท่านนั้นตั้งข้อสังเกตในประเด็นเพศวิถีและข้อเท็จจริงบางอย่างเป็นเรื่องที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์จริง และไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษา และขบวนการจัดตั้งของสื่อบางฝ่าย ที่ทำการล่าแม่มด กดดัน ลงโทษ ครูท่านนั้นอย่างไม่เป็นธรรม

ธัญวัจน์ กล่าวว่า การพูดถึง พล.อ.เปรม ในลักษณะอคติทางเพศเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และข้อเท็จจริงบางอย่างที่เป็นลักษณะเรื่องเล่านั้นควรมีการบอกนักเรียนก่อนทุกครั้งว่ายังไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ได้รับการพิสูจน์ แต่การแก้ปัญหาของกรณีนี้ควรเป็นการตักเตือน และอบรมทัศนคติครูเรื่องการเข้าใจความหลากหลายทางเพศทั้งระบบ ไม่ใช่ดำเนินการทางนิติสงคราม ทั้งทางกฎหมายและทางวินัย รวมทั้งใช้การกดดันทางสังคมอย่างการล่าแม่มดแบบที่บางฝ่ายกระทำอยู่ในปัจจุบัน

ธัญวัจน์ ตั้งคำถามว่า การที่มวลชนและสื่อบางฝ่ายหยิบยกกรณีนี้ขึ้นมาล่าแม่มดครูท่านนี้ เป็นเพราะต้องการให้ชั้นเรียนตระหนักถึงความเข้าใจความหลากหลายทางเพศจริง หรือเป็นไปเพื่อปิดปากทุกคนที่เห็นต่างจากตนเองกันแน่ ด้วยการกดดันให้ใช้กลไกอำนาจรัฐเข้าเล่นงาน

ถ้าผู้ที่ออกมาใช้โจมตีครูท่านนี้เห็นความสำคัญของการพิสูจน์ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ สิ่งที่เราควรส่งเสริมคือการเปิดให้ห้องเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัย มีการถกเถียงแลกเปลี่ยนข้อมูลกันทุกด้านและหักล้างกันด้วยเหตุผล ไม่ใช่การใช้อำนาจปิดปาก สร้างความกลัว และสถาปนาความจริงเพียงแบบเดียวในแบบที่ผู้มีอำนาจต้องการให้เชื่อ

และจากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งการ ผบ.ตร. ให้ดำเนินคดีการปลุกปั่นสร้างความแตกแยก เราอยากถามกลับไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ว่าใครกันแน่ที่กำลังสร้างความแตกแยกในสังคม ระหว่างครูคนหนึ่งที่สอนในชั้นเรียนกับสื่อและมวลชนที่ทำการล่าแม่มด เคลื่อนไหวกดดันให้ประเด็นนี้กลายเป็นประเด็นทางการเมือง

การทำให้การศึกษาไทยมีอนาคต ต้องทำความเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางเพศ ควบคู่กับการสอนประวัติศาสตร์ที่สร้างการถกเถียงไม่ใช่รับข้อมูลข้างเดียว แต่การล่าแม่มด กำจัดผู้เห็นต่างที่มีความเชื่อต่างจากตัวเอง และใช้อำนาจเข้าข่มขู่คุกคามมากกว่าความเป็นจริง สิ่งเหล่านี้จะยิ่งปลูกฝังวัฒนธรรมอำนาจนิยมในโรงเรียน และจะยิ่งทำให้การศึกษาของชาติล้าหลัง ไม่ทันโลก

และสุดท้าย อยากฝากไปยังนายกรัฐมนตรีและผู้ที่มีอำนาจในประเทศนี้ ให้ความสำคัญกับการปฏิรูปการศึกษาด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น สิทธิเสรีภาพในสถานศึกษา การต่อต้านการบูลลี่รังแกกัน การทำความเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางเพศ การทำความเข้าใจเรื่องการเคารพสิทธิเหนือชีวิตและร่างกายของนักเรียน การปฏิรูปชั้นเรียนและหลักสูตรให้ก้าวหน้าสร้างสรรค์ มีเสรีภาพในการพูดและปลอดภัย การลดภาระงานที่ไม่จำเป็นของครูผู้สอน การคิดหาวิธีการเพิ่มทรัพยากรสนับสนุนเด็กระดับประถมศึกษาและปฐมวัย การเปลี่ยนวิธีการประเมินวัดผลการศึกษา ในระดับเดียวกันกับการล่าแม่มดครั้งนี้ ธัญเชื่อได้เลยว่าการศึกษาไทยจะต้องพัฒนามากกว่าแแบบที่เป็นในทุกวันนี้อย่างแน่นอน

"เราเลือกที่จะยอมรับ หรือปฏิเสธความจริง"

"การที่ฝ่ายหนึ่งออกมาบอกว่าไม่เป็นความจริง และอีกฝ่ายหนึ่งบอกว่าจริง เราต้องยอมรับว่าไม่มีใครที่รู้เรื่องราวเพศวิถีของ พล.อ.เปรม และหากมองในด้านกลับกัน ถ้าพล.อ. เปรม ต้องปิดบังตนเองเมื่ออยู่ในตำแหน่ง ก็เป็นเรื่องน่าเศร้าที่สังคมไทยยังไม่ได้เปิดรับความหลากหลายทางเพศอย่างแท้จริง”

"ยังคงมองว่าความหลากหลายทางเพศต้องเป็นความลับหรือถ้าถูกเปิดเผยแล้วก็จะต้องมีฝ่ายที่ออกมาบอกว่าไม่เป็นความจริงเพราะในใจลึกลึกมองว่าเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจและไม่เหมาะสม ต้องทำให้สังเดินไปข้างหน้าด้วยความเข้าใจ" ธัญวัจน์ทิ้งท้าย