แฮรี่และเมแกน สะบั้นสัมพันธ์ ‘ราชวงศ์อังกฤษ’ หลังถ่ายทอดเรื่องราว ‘สาวไส้ให้กากิน’ ผ่าน Netflix ด้วยความจริงที่มาจากฝั่งเดียว

เมื่อเป็นข่าวตอนแรกๆผู้เขียนไม่ได้สนใจในเรื่องนี้นัก แต่พออ่านข่าวที่ออกมาหลังจากที่สารคดี ๖ ตอนจบที่ Netflix จัดทำและเผยแพร่ออกมา ก็เริ่มสนใจว่าทั้งดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซสของอังกฤษออกมาพูดอะไรบ้างและเห็นคนที่ดูออกมาวิจารณ์มากมายก่ายกอง เลยอยากเขียนเรื่องนี้สักหน่อยโดยอาศัยอ้างอิงจากบทความของ Katie Razzall ซึ่งเป็นบรรณาธิการด้านวัฒนธรรมและสื่อ ของบีบีซี 

ก่อนที่จะไปพูดถึงบทความของเคธี่ แลซเซอล์ เพื่อให้ท่านผู้อ่านเข้าใจที่มาที่ไปของเรื่องนี้ก็คือ Netflix ได้จ้างหรือเชิญด้วยราคาแพง (ตามข่าว) ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์หรือที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปคือ เจ้าชายแฮรี่และภรรยาคือเมแกน มาร์เคิล อดีตดาราโทรทัศน์ชาวอเมริกันให้มาเล่าเรื่องราวชีวิตของทั้งสองคนว่ามีอะไรและ เป็นอย่างไรที่ได้ประสพมามีปัญหาอะไรกับราชวงศ์อังกฤษ ตามที่เคยเป็นข่าวมาบ้างแล้ว แต่นั้นก็เป็นการให้สัมภาษณ์เป็นช่วงๆเมื่อมีเรื่องขึ้นมา

แต่ Netflix อาจเห็นว่ามันยังไม่มากพอหรือกระจ่างชัดพอเลยทำเป็นสารคดียาว ๆ เล่ากันเสีย ๖ ตอนเกือบ ๖ ชั่วโมงจบซึ่งก็เพิ่งจะจบไปหมาดๆนี่เอง ไหน ๆ ก็เป็นข่าวดังไปทั้งคุ้งน้ำทั้งสองฝากฝั่งแอตแลนติกแล้ว ดังนั้นลุ่มน้ำเจ้าพระยาก็น่าจะได้รู้กันบ้างจึงเป็นที่มาของบทความนี้

เนื่องจากการเล่าเรื่องของทั้งเจ้าชายแฮรี่และเมแกนมีความยาวมาก บทความนี้จะกล่าวถึงเพียงคร่าว ๆ แต่ถ้าท่านผู้อ่านสนใจอยากดูก็เชิญติดตามได้ที่ Netflix แต่สิ่งที่ผู้เขียนอยากพูดถึงคือมุมมองของบ.ก ด้านวัฒนธรรมและสื่อของบีบีซีที่ได้ดูทั้ง ๖ ตอนและเธอได้สรุปแยกเป็นตอนๆไว้อย่างน่าสนใจว่าทั้งคู่พูดถึงอะไรและมีข้อน่าสังเกตอย่างไรบ้าง

เคธี่เขียนถึงเป็นข้อๆไว้ว่าดังนี้

๑.    เป็นการเล่าเรื่องด้านเดียวคือทั้งสองคนบอกเล่าเรื่องราวเพียงฝ่ายเดียวโดยไม่ได้มีผู้ที่ถูกเอ่ยถึงพูดบ้าง แต่เคธี่ก็บอกว่าดูแล้วแม้จะน่าเห็นใจแต่มันก็เหมือนเป็นการชักนำหรือชักจูงให้เข้าใจฝ่ายของคนทั้งสองมากกว่า

เริ่มเรื่องแรกในตอนนี้ ทั้งเจ้าชายและเมแกนแสดงให้เห็นถึงผลกระทบต่อความรู้สึกที่เป็นทุกข์จากการกระทำของสื่อต่างๆและราชวงศ์อังกฤษ เมแกนมีความอึดอัดและไม่สบายใจมากจนคิดฆ่าตัวตาย ซึ่งแฮรี่ยอมรับว่าตนไม่ได้ช่วยภรรยาในปัญหานี้ดีเท่าที่ควร และมารดาของเมแกนที่ดูตอนนี้ก็บอกว่าหัวใจสลายที่ได้ฟังลูกสาวพูดว่าอยากฆ่าตัวตาย มีการพูดถึงการที่เมแกนแท้งลูกว่าเกิดจากความเครียดในระหว่างที่เมแกนฟ้องร้องสื่อสิ่งพิมพ์แห่งหนึ่ง ความเครียดที่คนทั้งสองถูกสื่อติดตามทุกวินาที เช่น นักข่าวถ่ายภาพจากเฮลิคอปเตอร์,จากเรือ และรถรอบบริเวณบ้านของคนทั้งสองในแคนาดา ซึ่งการตกเป็นเป้าสายตาของนักข่าวตลอดเวลาเช่นนี้สร้างความหวาดกลัวและรำคาญอย่างยิ่ง

เคธี่บอกว่าคนดูอาจจะเห็นอกและเข้าใจภาวะการณ์ที่คนทั้งสองเผชิญ แต่เธอบอกว่านั่นก็เป็นข้อมูลด้านเดียว คนดูได้ฟังแต่มุมมองของแฮรี่และเมแกนเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้กำกับหรือผู้ผลิตตั้งใจให้คนดูเห็นความยุ่งยากลำบากใจที่ถูกสื่อรบกวนและแม้ว่าจะเห็นถึงความตั้งใจที่จะให้ผู้ชมเห็นแต่จุดนี้ แต่เคธี่ ก็ยอมรับว่า ได้เห็นความทุกข์ใจของคนทั้งสอง

๒.    มีหลายคำถามที่ไม่มีคำตอบ

เคธี่บอกว่าสิ่งที่สร้างความเสียหายอย่างใหญ่ให้กับแฮรี่และเมแกนคือการให้สัมภาษณ์แก่ โอปราห์ วินฟรีย์ ในการที่อ้างว่ามีการเหยียดผิวในราชวงศ์อังกฤษ เคธี่อธิบายว่าหลังจากที่ได้ดูการสัมภาษณ์ทั้ง ๖ ตอนของแฮรี่และเมแกนแล้ว เรายังไม่เห็นความจริงในคำกล่าวหาถึงสีผิวของลูกชายของคนทั้งสองคืออาร์ชี่ และเมแกนไม่ได้พูดจาชัดเจนในคำกล่าวหาที่ว่ามีการรังแกและรังเกียจเธอ เพียงแต่ยกตัวอย่างถึงการทำงานของคนในวังที่ดูถูกดูหมิ่นเธออย่างไร เช่นเดียวกับที่เจ้าชายแฮรี่เล่าว่าเจ้าชายวิลเลี่ยม พี่ชายตระโกนใส่พระองค์อย่างไรในระหว่างการหารือถึงอนาคตของเจ้าชายเองที่วังซานดริงแฮม เคธี่บอกว่าตอนนี้ทำให้คนดูเหมือนถูกแขวนไว้บนอากาศ เพราะความคลุมคลือ

๓.    เรื่องเศร้าที่น่าหดหู่

ภาพที่เจ้าชายน้อยทั้งสองพระองค์เดินตามหลังหีบศพพระมารดาคือเจ้าหญิงไดอาน่าครั้งนั้น คนทั้งโลกสงสารทั้งสองพระองค์ยิ่งนักและต่อมาได้เห็นความสัมพันธ์รักใคร่ที่มีต่อกันก็พอคลายเศร้าได้บ้าง แต่ในปีนี้ ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องได้แตกร้าวลงเสียแล้วเมื่อเจ้าชายแฮรี่ได้เปิดเผยโจมตีเจ้าชายวิลเลี่ยมว่าเห็นแก่ตัวมากกว่าสิ่งใดในสิ่งที่เจ้าชายแฮรี่เชื่อว่าฝั่งเจ้าชายวิลเลี่ยมใช้วิธีสกปรกด้วยการให้เจ้าหน้าที่กองข่าวออกมาให้ข่าวด้านลบแก่เจ้าชาย  เจ้าชายแฮรี่เล่าถึงความหลังที่เคยเห็นฝ่ายข่าวของพระบิดาออกมาให้ข่าวต่อต้านพระมารดาแล้วก็เคยให้สัญญากันว่าทั้งสองจะไม่ทำเช่นนั้น เคธี่บอกว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองพระองค์ได้ขาดสะบั้นลงแล้วและคงต้องใช้เวลาอีกนานที่จะกลับคืนดีกัน

 ๔ . เรื่องดูจะซับซ้อนมากขึ้น แต่.....

เคธี่ บอกว่า เรื่องที่เล่ามานี้เป็นความจริงก็จริง แต่ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด คือมันมีความขัดแย้งกัน เช่น เราได้ยินมาว่า มีความอิจฉาริษยาในการที่ทั้งเมแกนและแฮรี่ มีข่าวพาดหัวมากกว่าราชวงศ์คนอื่นๆ เราได้รับการบอกเล่าว่าวังเริ่มให้ข่าวต่อต้านคนทั้งสอง ขณะเดียวกันเราก็ได้ยินว่าพระราชวังยอมรับสารคดีที่สถานโทรทัศน์ ITV ของอังกฤษถ่ายทำทั้งหมดทั้งมวลโดยในรายการนั้นเมแกนได้เปิดเผยความทุกข์ยากลำบากใจของเธออย่างหมดเปลือกและเป็นที่โจทย์ขานกันสนั่นเมือง

เคธี่บอกว่าชีวิตไม่ได้มีสองด้าน มันควรมีความจริงด้านเดียวและเป็นที่น่าเสียดายที่ว่าการลาจากราชวงศ์ของคนทั้งสองเป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงของราชวงศ์อังกฤษและประเทศอังกฤษ การที่ราชวงศ์ยอมรับสตรีที่มีชื่อเสียงเข้ามาร่วมวงศ์ไพบูรย์เช่นนี้เป็นการเปิดกว้างต่อประเทศและเครือจักรภพ แต่สิ่งที้เกิดขึ้นทำให้ราชวงศ์เสียโอกาสในการที่สร้างยุคใหม่ในศตวรรษใหม่

 ๕ .นี่คือสิ่งที่เจ้าชายต้องการ

เจ้าชายแฮรี่เสียพระมารดาไปเมื่อพระองค์มีพระชนมายุเพียง ๑๒ ปี ความเจ็บปวดและว้าเว้ติดตรึงในความรู้สึกของพระองค์มาตลอดเวลาจึงไม่แปลกที่เจ้าชายจะต้องการสตรีที่มีความคล้ายกับพระมารดามาเป็นคู่ เมแกนคือ ทายาทของเจ้าหญิงไดอาน่าหรืออีกนัยหนึ่งคือตัวแทนที่ต้องเผชิญกับความอึดอัดกับคนในวัง จึงเห็นได้ชัดว่าที่เจ้าชายลุกขึ้นปกป้องและต่อสู้ให้กับเมแกนนั้นเหมือนกับพระองค์ได้ช่วยทำในสิ่งที่พระมารดาทิ้งไว้ให้ เคธี่เห็นว่า แคลิฟอร์เนียอาจเป็นที่ที่เจ้าชายเลือกและแยกจากครอบครัวที่ไม่ได้สร้างความประทับใจอะไรให้มากนัก

๖. แคลิฟอร์เนียที่รัก

ตอนนี้มุ่งไปที่จะให้เห็นชีวิตในอเมริกาของคนทั้งสอง ที่ทั้งคู่เป็นที่รู้จักและรักใคร่มากกว่า รัฐที่เต็มไปด้วยสีสัน แสงแดด ชายทะเล ช่างตรงกันข้ามกับความเจ้าระเบียบพิธีรีตองในอังกฤษและอากาศที่ขมุกขมัว ชีวิตของดยุกและดัชเชสที่แห่งใหม่ดูจะรื่นรมย์มากกว่า มีเพื่อนฝูงชื่อดัง บ้านหลังใหญ่ ลูกน่ารัก และรายได้งามๆจาก Netflix เคธี่บอกว่า ตอนนี้เป็นการส่งสัญญาณกลับไปยังอังกฤษว่าชีวิตในอเมริกาอบอุ่นกว่า

๗. บทต่อไป หรือบทสุดท้าย

เมื่อเรื่องราวความทรงจำที่เจ้าชายแฮรี่เขียนภายใต้ชื่อ “Spare” ออกวางจำหน่ายเคธี่บอกว่า เรื่องราวของคนทั้งสองกับราชวงศ์อังกฤษก็คงจะมาถึงจุดจบอย่างสิ้นเชิง และการที่ออกมาพูดถึงชีวิตของคนทั้งสองอย่างเปิดเผยเช่นนี้ นับได้ว่าเจ้าชายแฮรี่โชคดีไม่น้อย ที่สามารถที่จะเดินออกจากฐานะของตน ขายความทรงจำให้กับ Netflix และเลือกทางเดินอิสระที่ไม่ต้องอยู่ในกรอบต่อไป ชีวิตที่เจ้าชายและภรรยาต้องการเป็นโดยไม่เหลียวหลังไปดูว่าที่ผ่านมาคืออะไร และนั่นก็คือซีรี่ย์ที่มีคนจับผิดและวิจารณ์กันมากในขณะนี้

อ้างอิง : Harry and Meghan: Seven takeaways from their Netflix series,BBC News.

เรื่อง : อนุดี เซียสกุล