Sunday, 5 May 2024
ราชวงศ์อังกฤษ

แฮรี่และเมแกน สะบั้นสัมพันธ์ ‘ราชวงศ์อังกฤษ’ หลังถ่ายทอดเรื่องราว ‘สาวไส้ให้กากิน’ ผ่าน Netflix ด้วยความจริงที่มาจากฝั่งเดียว

เมื่อเป็นข่าวตอนแรกๆผู้เขียนไม่ได้สนใจในเรื่องนี้นัก แต่พออ่านข่าวที่ออกมาหลังจากที่สารคดี ๖ ตอนจบที่ Netflix จัดทำและเผยแพร่ออกมา ก็เริ่มสนใจว่าทั้งดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซสของอังกฤษออกมาพูดอะไรบ้างและเห็นคนที่ดูออกมาวิจารณ์มากมายก่ายกอง เลยอยากเขียนเรื่องนี้สักหน่อยโดยอาศัยอ้างอิงจากบทความของ Katie Razzall ซึ่งเป็นบรรณาธิการด้านวัฒนธรรมและสื่อ ของบีบีซี 

ก่อนที่จะไปพูดถึงบทความของเคธี่ แลซเซอล์ เพื่อให้ท่านผู้อ่านเข้าใจที่มาที่ไปของเรื่องนี้ก็คือ Netflix ได้จ้างหรือเชิญด้วยราคาแพง (ตามข่าว) ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์หรือที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปคือ เจ้าชายแฮรี่และภรรยาคือเมแกน มาร์เคิล อดีตดาราโทรทัศน์ชาวอเมริกันให้มาเล่าเรื่องราวชีวิตของทั้งสองคนว่ามีอะไรและ เป็นอย่างไรที่ได้ประสพมามีปัญหาอะไรกับราชวงศ์อังกฤษ ตามที่เคยเป็นข่าวมาบ้างแล้ว แต่นั้นก็เป็นการให้สัมภาษณ์เป็นช่วงๆเมื่อมีเรื่องขึ้นมา

แต่ Netflix อาจเห็นว่ามันยังไม่มากพอหรือกระจ่างชัดพอเลยทำเป็นสารคดียาว ๆ เล่ากันเสีย ๖ ตอนเกือบ ๖ ชั่วโมงจบซึ่งก็เพิ่งจะจบไปหมาดๆนี่เอง ไหน ๆ ก็เป็นข่าวดังไปทั้งคุ้งน้ำทั้งสองฝากฝั่งแอตแลนติกแล้ว ดังนั้นลุ่มน้ำเจ้าพระยาก็น่าจะได้รู้กันบ้างจึงเป็นที่มาของบทความนี้

เนื่องจากการเล่าเรื่องของทั้งเจ้าชายแฮรี่และเมแกนมีความยาวมาก บทความนี้จะกล่าวถึงเพียงคร่าว ๆ แต่ถ้าท่านผู้อ่านสนใจอยากดูก็เชิญติดตามได้ที่ Netflix แต่สิ่งที่ผู้เขียนอยากพูดถึงคือมุมมองของบ.ก ด้านวัฒนธรรมและสื่อของบีบีซีที่ได้ดูทั้ง ๖ ตอนและเธอได้สรุปแยกเป็นตอนๆไว้อย่างน่าสนใจว่าทั้งคู่พูดถึงอะไรและมีข้อน่าสังเกตอย่างไรบ้าง

‘อดีตผู้สื่อข่าวสายวัง’ เล่ามุมมองความรัก ‘เจ้าชายวิลเลียม-เจ้าหญิงเคท’ ชี้ ฝ่ายหญิงเข้ามาเติมเต็มสิ่งที่เจ้าชาย 'ไม่เคยมี' ในชีวิตราชวงศ์

(10 ก.ค. 66) คู่สามีภรรยาที่มีชาติกำเนิดแตกต่างกันมาก บางครั้งความต่างที่หลายคนมองว่าอาจเป็น ‘อุปสรรค’ กลับกลายเป็นการ ‘เติมเต็ม‘ ให้กัน เหมือนที่ ‘เจนนี บอนด์’ อดีตผู้สื่อข่าวสายราชวงศ์ของสำนักข่าวบีบีซี มองคู่ของเจ้าชายวิลเลียม และเจ้าหญิงแคทเธอรีนแห่งเวลส์ หรือ เคท มิดเดิลตัน พระชายา ว่า ฝ่ายหญิงซึ่งมาจากสามัญชนได้เข้ามาเติมเต็ม ให้ทุกสิ่งที่เจ้าชายวิลเลียม ไม่เคยมีในชีวิตราชวงศ์ของพระองค์

บอนด์ ในวัย 72 ปี ให้ความเห็นว่า ทั้งเจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮร์รี พระอนุชา พระโอรสทั้ง 2 ของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร กับ เจ้าหญิงไดอานา อดีตพระชายา ซึ่งสิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ปี 2540 ต่างเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่มีความแข็งแรงทางอารมณ์ อย่างที่รู้กันว่าชีวิตคู่ของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กับ เจ้าหญิงไดอานา ไม่ได้ราบรื่นและลงเอยด้วยการหย่า ก่อนเจ้าหญิงไดอานาจะประสบอุบัติเหตุ กระทั่งสิ้นพระชนม์

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เคทได้ให้ทุกสิ่งที่เจ้าชายวิลเลียมไม่เคยได้ในชีวิตครอบครัวของพระองค์เอง ทั้งความรัก การเป็นคู่ชีวิตที่ผูกพันลึกซึ้ง มิตรภาพที่มีรากฐานแข็งแรง ความหลงใหล การเคารพซึ่งกันและกัน และยังขยายไปถึงความสัมพันธ์ที่ลงตัว มีความสุขกับพ่อตาแม่ยาย” บอนด์ให้สัมภาษณ์นิตยสารโอเค

อดีตนักข่าวของบีบีซี เล่าว่าทั้ง ไมเคิล และ แคโรล มิดเดิลตัน พ่อแม่ของเคท มิดเดิลตัน หรือ เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ต่างรักเจ้าชายวิลเลียม และปฎิบัติต่อพระองค์เหมือนเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว “เจ้าชายวิลเลียมสามารถผ่อนคลายเมื่ออยู่กับไมเคิลและแคโรล สามารถไว้ใจบุคคลทั้งสอง และสามารถเป็นตัวของพระองค์เองในแบบที่ทรงสามารถทำได้กับคนอื่นเพียงไม่กี่คน”

เจ้าชายวิลเลียม และเจ้าหญิงแคทเธอรีน พระชายา ทรงรู้จัก และพบรักกันตั้งแต่เป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูวส์ ในสกอตแลนด์ เคยเลิกคบเป็นแฟนกันไประยะหนึ่ง ก่อนจะหวนกลับมาคบกันใหม่ และประกาศหมั้นเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนปี 2553 จากนั้นทรงเข้าพิธีเสกสมรสเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2544 

เป็นเวลา 12 ปีแล้ว ที่ทั้งสองพระองค์ทรงครองชีวิตคู่ ช่วยกันเลี้ยงดูพระโอรส พระธิดาทั้ง 3 พระองค์ ได้แก่ เจ้าชายจอร์จ พระโอรสองค์โต พระชันษา 9 ปี เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ พระชันษา 8 ปี และเจ้าชายหลุยส์ พระชันษา 5 ปี เติบโตอย่างมีความสุข เป็นที่รักที่เอ็นดูของแฟนคลับราชวงศ์อังกฤษทั่วโลก

ระหว่างให้สัมภาษณ์นิตยสารดัง ‘เจนนี บอนด์’ มองว่า “ทุกวันนี้เจ้าชายวิลเลียมทรงใกล้ชิดกับพระบิดามากขึ้น แต่ฉันคิดว่าสุภาพสตรีอีกคนที่ช่วยให้เจ้าชายวิลเลียมทรงเป็นผู้ชายเหมือนที่ทรงเป็นอยู่ ก็คือควีนเอลิซาเบธที่ 2 สมเด็จย่าของพระองค์ที่สิ้นพระชนม์จากไปแล้ว ซึ่งเจ้าชายวิลเลียมเคยบอกอยู่เสมอว่า เป็นผู้ที่อยู่ในชีวิตของพระองค์ทั้งช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด และเศร้าที่สุดในชีวิต”

ลือสนั่น!! ความสัมพันธ์ ‘เจ้าชายแฮร์รี-เมแกน’ เริ่มสั่นคลอน หลังวงในอ้างทั้งคู่ห่างกันสักพักแล้ว ด้านแฟนคลับออกโรงป้อง

เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 66 ‘ดิ อินดิเพนเดนท์’ สื่ออังกฤษ รายงานว่า แฟนๆ ที่ชื่นชมออกมาปกป้อง ‘เจ้าชายแฮร์รี และเมแกน’ ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ท่ามกลางข่าวลือสะพัดว่าทั้งคู่แยกทางกันแล้ว

โดยมีกระแสข่าวว่า หลังจาก ‘Spare’ หนังสือบันทึกความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รี แห่งราชวงศ์อังกฤษ วางแผง ก็เริ่มมีการคาดเดาว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าชายแฮร์รีและเมแกน พระชายา ที่เข้าพิธีเสกสมรสกันในปี 2018 อาจไม่มั่นคงอย่างที่เคยเป็นมา ตามรายงานของ ‘Entertainment Tonight’ ระบุว่า…

“เจ้าชายแฮร์รี พระชันษา 38 ปี ได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เพื่อพักผ่อนและใช้เวลาห่างจากพระชายาของพระองค์”

ส่วน ‘RadarOnline’ รายงานเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า เจ้าชายแฮร์รีและเมแกน กำลังเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบาก โดยอ้างคนวงในบอกว่าทั้งคู่ได้ห่างกันสักพักแล้ว “พวกเขากำลังพยายามทบทวนว่าอะไรที่เป็นปัญหาของพวกเขา” และว่า “เจ้าชายแฮร์รี ไม่เหมาะกับโลกมายาของเมแกน”

ขณะที่มีรายงานว่าเมื่อข้อตกลงมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนทำกับ ‘Spotify’ ได้สิ้นสุดลงเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ก็มีกระแสข่าวลือเกิดขึ้นอีกครั้ง บลูมเบิร์กรายงานถึงความยุ่งยากของเมแกนในการเลือกแขกที่จะเชิญมาในรายการ โดยขณะที่เจ้าชายแฮร์รีทรงอยากให้เชิญ โดนัลด์ ทรัมป์, วลาดิมีร์ ปูติน และมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก มาร่วม แต่ผู้บริหารดูจะไม่กระตือรือร้นกับไอเดียเหล่านี้ของพระองค์

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวอีกรายบอกกับ ‘Page Six’ ว่า “เจ้าชายแฮร์รีและเมแกน ยังคงอยู่ด้วยกันและแต่งงานอย่างมีความสุข”

ด้านแคที นิโคล ผู้เขียนเรื่อง ‘The New Royals’ กล่าวกับ ET ว่า “ประสบการณ์ของฉันกับแฮร์รีและเมแกน เมื่อใดก็ตามที่ฉันอยู่กับพวกเขา ในฐานะคู่รักที่สนิทกันมากๆ ประกายแห่งความมีชีวิตชีวาของพวกเขา ทำให้ฉันรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องจริงเสมอ”

แฟนคลับอีกรายหนึ่งที่สนับสนุนคู่รักต่างฐานันดรคู่นี้ ทวีตว่า “โปรดรู้ไว้ว่าฉันเป็นแฟนตัวยงของเมแกน ตั้งแต่เรื่อง ‘Suit’ และเจ้าชายแฮร์รีตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ และฉันเข้าร่วมในทวิตเตอร์ เพราะฉันกำลังมองหาวิธีที่จะปกป้องและสนับสนุนพวกเขา เป็นเรื่องดีที่รู้ว่าพวกเราไม่ได้อยู่เพียงลำพัง”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top