‘เพื่อไทย’ จี้ ‘ก.เกษตรฯ’ ใส่ใจชื่อเสียงข้าวหอมมะลิ 105 หลัง ‘ข้าวผกาลำดวนของกัมพูชา’ ผงาดขึ้นที่ 1 ของโลก

(25 พ.ย. 65) นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีตรมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีข้าวหอมมะลิไทยเสียแชมป์ข้าวที่ดีที่สุดในโลกให้กับข้าวผกาลำดวนของกัมพูชา ในการประกวดข้าวที่ดีที่สุดในโลกปี 2022 ที่จ.ภูเก็ตว่า…

ความจริงแล้วข้าวหอมมะลิ 105 ของไทยเป็นสายพันธุ์ที่ยังคงดีที่สุดในโลก การประกวดข้าวในประเทศไทยครั้งนี้ ข้าวหอมมะลิ 105 ไทยไม่ได้แพ้ที่สายพันธุ์ แต่แพ้เพราะการปล่อยปละละเลยในกระบวนการจัดการ ทั้งด้านวิชาการ และการส่งเสริมด้านเกษตรกรรมที่ถูกต้อง เนื่องจากคนจัดการเรื่องนี้มืออ่อน ไม่มีความใส่ใจในชื่อเสียงของประเทศไทย เมื่อรู้อยู่ว่าเราจะทำการประกวดข้าว กระบวนการผลิตข้าวตั้งแต่เรื่องของเมล็ดพันธุ์ พื้นที่ปลูก ช่วงแสง จังหวะการให้ปุ๋ย กระบวนการเพาะกล้า ที่ดูแลตั้งแต่ระบบราก จังหวะการใส่ปุ๋ย ตามความต้องการของข้าวในแต่ละช่วงอายุข้าว ตลอดจน การให้ปุ๋ยเสริมเพิ่มคุณภาพข้าว ในช่วงก่อนการเก็บเกี่ยวเราได้เข้าไปควบคุมดูแลหรือไม่ แม้กระทั่งการวิเคราะห์ ความต้องการปุ๋ย NPK ที่เป็นธาตุอาหารหลัก และปุ๋ยที่เป็นธาตุอาหารรอง เช่น แคลเซี่ยม แมกนีเซียม ซัลเฟอร์ หรือแมงกานิส ที่มีความแตกต่างกันในแต่ละภาคของประเทศไทยนั้น เราได้เสริม เพิ่มเติม ให้ถูกต้องหรือไม่อย่างไร เมื่อรู้ว่าจะมีการประกวดคุณได้นำข้าวจากแปลงนาที่มีการดูแลที่ถูกต้องหรือไม่ หรือปล่อยไปตามยถากรรมแล้วหยิบเอาข้าวทั่วไปไปประกวด 

“ในความรู้สึกที่เป็นคนไทย รักชื่อเสียงของข้าวไทย รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่เห็นว่ารัฐบาลนี้ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับลำดับข้าวไทยว่าข้าวไทยจะอยู่ในลำดับที่ 1 หรือไม่ จะส่งผลกระทบต่อราคาหรืออนาคตของข้าวไทยอย่างไร การปล่อยให้ข้าวไทยแพ้คาบ้านแบบนี้ นักวิชาการเรื่องข้าวในประเทศไทยแทบไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เราขายหน้ากับกระบวนการจัดการของรัฐบาล ที่รู้อยู่ว่าจะแข่งแต่กลับไม่มีกระบวนการจัดการอะไรเลย ทั้งที่ข้าวคือพืชทางการเกษตรหลักของประเทศ และเป็นพืชผลหลักที่เราส่งออก” นายวรวัจน์ กล่าว

นายวรวัจน์ กล่าวอีกว่า ตนยังเชื่อมั่นว่าข้าวหอมมะลิ 105 ของไทยยังเป็นข้าวที่ดีที่สุดในโลก แต่กระบวนการจัดการก่อนการเข้าประกวด หรือการส่งเสริมวิธีการเพาะปลูกทางด้านวิชาการต่างหากที่เราละเลยไป ดังนั้นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ไม่ดูแลจัดการเรื่องการปลูกข้าวเข้าประกวด ท่านต้องเข้ามาดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะเราเคยทำมาแล้วที่หุงหลังบ้าน หอมมาถึงหน้าบ้าน พันธุ์ข้าวเราทำได้ แต่เราต้องบริหารจัดการ ใส่ใจในทุกรายละเอียดทางเกษตรกรรม ซึ่งกรมการข้าวเพิ่งได้เงินเพิ่มจากการอนุมัติของกรรมาธิการงบประมาณไปจำนวน 15,000 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมการเพาะปลูกข้าวไปเมื่องบประมาณปีนี้เอง 

วันนี้ตนห่วงว่าอนาคตจะไม่ใช่แค่ข้าว แต่อาจจะมีไม้ผลอีกหลายชนิด เช่น มะม่วง ทุเรียน ส้มโอ ลำไย ที่เรากำลังจะเสียโอกาสตามมา อย่าบอกว่า เสียแชมป์ข้าวครั้งเดียวไม่เสียหายกับประเทศไทย เพราะเรื่องนี้จะส่งผลต่อความมั่นใจของตลาดโลก และแนวโน้มราคาข้าวไทย ที่อาจจะไม่สามารถดีดตัวขึ้นได้ ทุกวันนี้เกษตรกรไทยก็จะแย่อยู่แล้ว ยังจะมาโดนซ้ำเติมอีก การที่นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ออกมาชี้แจงถึงสภาพ และพื้นที่ของการเพาะปลูกข้าว คือการสารภาพถึงความไร้ความรับผิดชอบของกระบวนการปลูกข้าวก่อนนำไปประกวดแล้วว่าไม่ได้มีการควบคุมคุณภาพให้ผลผลิตออกมาสมบูรณ์ 100% ซึ่งตนขอเรียกร้องในนามของคนไทยคนหนึ่ง ที่รักชื่อเสียงของข้าวไทยว่า การเสียชื่อเสียงของประเทศไทยครั้งนี้ เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ