‘พิชัย’ ชี้!! ผูกขาดโรงกลั่น ทำราคาน้ำมันพุ่ง แนะ!! จำกัดการผูกขาดให้น้อย เพิ่มโอกาสคนรุ่นใหม่

(8 พ.ย. 65) เมื่อเ วลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า น่าเสียดายที่สุราเสรีไม่ผ่านการโหวตในสภา โดยแพ้ไปเพียง 2 เสียงเท่านั้น หากผ่านได้จะทำให้จำกัดการผูกขาดสุราในประเทศ เกิดการกระจายรายได้ให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งพรรคไทยรักไทยเคยคิดเรื่องนี้แล้วตั้งแต่ปี 2546 จึงหวังว่าในอนาคตเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง สุราเสรีจะเกิดขึ้นได้จริง 

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีปัญหาการผูกขาดอย่างมาก ขนาดองค์กรระหว่างประเทศยังจัดอันดับประเทศไทยในลำดับท้าย ๆ ที่จัดการการผูกขาดได้ย่ำแย่ จึงต้องหาทางจำกัดการผูกขาดในทุกด้าน เพื่อให้โอกาสคนรุ่นใหม่สามารถพัฒนาตนเองขึ้นมาได้ ทำให้ประเทศพัฒนาขึ้นเมื่อมีการแข่งขันที่แท้จริง 

นายพิชัย กล่าวต่อว่า อยากให้มีการจำกัดการผูกขาดผลิตน้ำมันและกลั่นน้ำมันในประเทศไทย เพราะมีปัญหามาตลอด เพราะโรงกลั่น 6 โรงใน 7 โรงกลั่น เป็นของ บมจ.ปตท. ซึ่งคุมปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปที่กลั่นแล้วเกือบทั้งหมด ทำให้มีปัญหาราคาโครงสร้างราคาน้ำมัน ดังนี้ 

1.) ราคาหน้าโรงกลั่นจะต้องเท่ากับสิงคโปร์โดยไม่บวกค่าขนส่ง ราคาขายในประเทศจะต้องเท่ากับราคาส่งออก เพราะบริษัทในเครือ บมจ.ปตท. ขยายการกลั่นเพื่อการส่งออก แสดงว่าราคาส่งออกก็กำไรอยู่แล้ว 

2.) ค่าการตลาดควรจะถูกจำกัดที่ลิตรละ 1.40 บาท ตามที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ อย่าปล่อยให้ราคาค่าการตลาดพุ่งสูงแบบไม่สมเหตุผล 

3.) ราคาส่วนผสมของน้ำมันที่ผลิตจากพืชพลังงาน ทั้งเอทานอลและน้ำมันปาล์ม ควรมีราคาที่เป็นธรรมไม่สูงกว่าราคาน้ำมันที่ไปผสมมากนัก หากราคาต่างกันมากควรลดราคาหรือไม่ก็ต้องลดการผสม เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน

“นอกจากนี้ยังมีปัญหาของกองทุนน้ำมันที่ยังติดลบกว่าแสนล้านบาท โดยมีการนำกองทุนน้ำมันไปสนับสนุนราคาก๊าซหุงต้มจำนวนหลายหมื่นล้านบาท และมีการนำเงินกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานโอนเข้ารัฐไป 20,087.43 หมื่นล้านบาทที่ยังไม่ได้คืนมา จะเห็นได้ว่าการผูกขาดจะทำให้ประชาชนเสียประโยชน์อย่างมาก ต้องจำกัดการผูกขาดให้น้อยที่สุด เพื่อให้มีการแข่งขันซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประชาชนทั้งประเทศ และเปิดให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้เติบโตขึ้น” นายพิชัย กล่าว