'บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก' บุกตรวจผับนอมินีต่างชาติในคืนฮาโลวีน 7 แห่ง คาดโทษตำรวจท้องที่ละเลยบกพร่อง ลงโทษสถานหนัก

เซอร์ไพรส์คืนฮาโลวีน 'บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก' นำกำลัง 200 นาย สุ่มตรวจค้นสถานบันเทิงนายทุนต่างชาติเป็นนอมินี 7 แห่งทั่ว กทม.คาดโทษท้องที่ละเลยบกพร่องต้องรับผิดชอบ

เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 1 พ.ย.พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.(ปป.) และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. (สส.) พร้อมชุดปฏิบัติการ บช.น., บช.สอท., บช.ปส., บช.สตม. พิสูจน์หลักฐาน และ บช.ทท.กว่า 200 นาย เข้าตรวจค้น ผับ บาร์ สถานบริการซึ่งคาดว่าเป็นของนายทุนต่างชาติ และนอมินีพร้อมกัน 7 จุด ทั่วกรุงเทพมหานคร โดยมีสถานบันเทิงขนาดใหญ่ อาทิ ร้าน แอสการ์ด (Asgard) บาร์โฮส ย่านห้วยขวาง และสถานบันเทิงเบบี้เฟส ย่านเอกมัย โดยใช้เวลาปฏิบัติการประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่คณะรอง ผบ.ตร. ทั้ง 2 นาย จะเดินทางมาสรุปผลปฏิบัติการที่ร้านแอสการ์ด บาร์โฮส แยกเหม่งจ๋าย

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ปฏิบัติการในค่ำคืนนี้เป็นการทำงานร่วมกัน ระหว่างตำรวจฝ่ายป้องกันปราบปรามและตำรวจฝ่ายสืบสวน จากผลการปฏิบัติงาน ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ซึ่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนมาตั้งแต่คดีที่พัทยา โดยการทำงานจะเน้นไปที่เรื่องของยาเสพติด อาวุธปืน และ การปล่อยเด็กเข้าใช้บริการ อย่างที่เคยกล่าว ว่า 3 เรื่องนี้ เป็นหน้าที่ของสถานบันเทิงจะต้องเป็นผู้คัดกรองอยู่แล้ว ต้องไม่ให้มีเล็ดลอดเข้าไป หลังจากนี้เรื่องการกวดขันสถานบันเทิง เราจะทำงานบูรณาร่วมกันทั้งฝ่ายป้องกันปราบปรามและฝ่ายสืบสวน ใช้กำลังพลของทุกกองบัญชาการ รวมถึงปัญหาบุคคลต่างชาติที่เข้ามาทำงานในบ้านเรา โดยเฉพาะปัญหามาเฟียต่างชาติ หลาย ๆ แก๊ง

พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ กล่าวอีกว่า ผลการปฏิบัติงานวันนี้ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย มีเพียงผลตรวจปัสสาวะนักท่องเที่ยวที่พบสารเสพติด ซึ่งอาจเป็นการเสพมาจากภายนอกสถานบันเทิง ในวันนี้ที่มี รอง ผบ.ตร.นำกำลังลงพื้นที่ ตรวจตราตามสถานบันเทิงถึง 2 คน ตนถือว่า พวกตนมาเปิดปฏิบัติการให้แล้ว หลังจากนี้ตำรวจท้องที่ก็ต้องทำงานกวดขันตามนโยบายด้วย หากตรวจพบภายหลัง ว่า ละเลยบกพร่อง เจ้าของท้องที่ก็ต้องรับผิดชอบ หากในภายหลังตรวจพบความผิด จำเป็นต้องลงโทษไม่มีการตักเตือน ในส่วนของสถานบันเทิงหากคุณทำผิดต้องปิด 5 ปี แอบเปิดเมื่อไหร่ ก็มีโทษจำคุก เนื่องจากเป็นนโยบายที่ท่าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.สั่งการเอาไว้แล้ว เข้าใจว่า เราเพิ่งผ่านพ้นสถานการณ์ความลำบากมาจากโควิด 19 การลงตรวจสอบของตำรวจ ย่อมส่งผลกระทบในภาพรวมต่อสถานบันเทิง แต่เมื่อคุณมีอาชีพทำสถานบันเทิง คุณก็ต้องอยู่ในกรอบ ปฏิบัติตามกฎหมาย และช่วยสอดส่องดูแลไม่ให้มีสิ่งผิดกฎหมายด้วย

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ท่าน ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำและกำชับ ในมาตรการป้องกันและตรวจค้นสารเสพติด อาวุธ และเยาวชน ในสถานบริการอย่างเคร่งครัด วันนี้ก็มีการบูรณาการร่วมกันลงพื้นที่ตรวจค้นประมาณ 7 แห่ง ทั่วกรุงเทพมหานคร โดยใช้กำลังจาก บช.ปส., บช.สตม., บช.น., บช.ทท. และ ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ในแต่ละจุดที่ทำการตรวจค้น มีการนำน้ำยาตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ลงไปตรวจทดสอบประมาณ 300 ชุด ผลการตรวจสอบมีนักท่องเที่ยวฉี่สีม่วงเพียง 1-2 คน ซึ่งถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดี แต่อาจเป็นเพราะคืนนี้ แม้จะเป็นเทศกาลฮาโลวีน แต่เป็นวันธรรมดา ไม่ใช่วันหยุดทำให้นักท่องเที่ยวน้อยก็เป็นได้ 

ในส่วนของการสืบสวนที่ตนรับผิดชอบ หลังจากนี้ หากพบว่ามีสถานบันเทิงฝ่าฝืนกฎหมายกระทำความผิด ก็จะต้องขยายผลหาตัวเจ้าของกิจการมาดำเนินคดีต่อไป คดีผับศูนย์เหรียญ บ่อนศูนย์เหรียญ ที่ สน.ยานนาวา และ สน. สุทธิสาร ก็ยังต้องดำเนินการต่อคาดว่าภายใน 2-3 วัน จะมีการออกหมายจับ ผู้กระทำความผิดได้เกือบทั้งหมด หลังจากทำการเช็คเส้นทางของเงิน และช่องทางการติดต่อสื่อสารของผู้ร่วมขบวนการ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เราดำเนินการโดยใช้ข้อมูลจากทุกภาคส่วน ทั้งผลการสืบสวนสอบสวนของตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และข้อมูลที่ได้จาก คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หากผลการปฏิบัติเชื่อมโยงถึงใคร ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของสถานบริการที่เป็นชาวต่างชาติ หรือคนไทยที่เป็นนอมินี เราดำเนินคดีทั้งหมด ยืนยันความผิดถึงตัวเจ้าของที่แท้จริงแน่นอน ฝากประชาสัมพันธ์ไปถึงเจ้าของสถานบริการทั้งคนไทยและต่างชาติ ที่เข้ามาลงทุน ท่านต้องดูแลสถานบันเทิงของท่านให้ดี ต้องไม่มียาเสพติด ไม่มีอาวุธและไม่มีเยาวชนเข้าไปใช้บริการ หากท่านไม่ปฏิบัติตาม จะต้องถูกปิดหรือเพิกถอนใบอนุญาต เนื่องจากมีกฎหมายบังคับใช้อยู่

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของ สน.ยานนาวา ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการทุจริต ปล่อยตัวผู้ต้องหา พรุ่งนี้ (2 พ.ย.) ก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาให้ครบตั้งแต่ ระดับรองผู้กำกับการ ระดับสารวัตร รองสารวัตร ที่ทำหน้าที่พนักงานสอบสวน ซึ่งเรื่องนี้ท่าน ผบ.ตร. ได้กำหนดแนวทางการทำงานไว้ชัดเจน ว่า ต้องดำเนินคดีทั้งหมด กรณีที่ร่วมกันนำผู้ต้องหาชาวจีนไปฝากขังโดยไม่แจ้งให้ สตม.รับทราบ เป็นเหตุให้มีการปล่อยตัวผู้ต้องหาออกไป เราจะไล่ดำเนินคดี