'พิชัย' จวก 'ประยุทธ์' ยิ่งอยู่ คนไทยยิ่งไม่รอด ชี้!! กู้มากก็เจ๊งมาก แนะควรมีจิตสำนึกได้แล้ว

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ (4 ต.ค. 65) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ตลอดเวลา 8 ปีเศรษฐกิจไทยย่ำแย่มาตลอด รายได้ประชาชนลดต่ำลง เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำมาก หนี้สินเพิ่มขึ้นมาก คนจนเพิ่มขึ้นมาก ขนาดปัญหาน้ำท่วมในปัจจุบันยังไม่มีการรับมือ คิดได้แค่จะใช้วิทยุทรานซิสเตอร์แค่นั้น แต่พล.อ.ประยุทธ์กลับคิดว่าตนเองทำได้ดี ประเทศก้าวหน้าทั้งที่ประเทศเพื่อนบ้านแซงหน้าไปหมด แม้พล.อ.ประยุทธ์จะรอดแต่คนไทยน่าจะไม่รอดแน่ถ้าเป็นแบบนี้ 

ทั้งนี้ World Economic Forum (WEF) จัดไทยอยู่อันดับที่ 104 จาก 138 ประเทศด้านการกระจายอำนาจในตลาดสินค้าและบริการ (Extent of Market Dominance) และอยู่อันดับที่ 62 ในด้านประสิทธิภาพของการบังคับใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้า (Effectiveness of Anti-Monopoly Policy) หมายความว่าไทยปล่อยให้มีการผูกขาดของนายทุนรายใหญ่กันมาก และการบังคับใช้กฎหมายป้องกันการผูกขาดยังมีประสิทธิภาพที่ต่ำ ทำให้ผู้ประกอบการรายกลางและรายย่อยไม่สามารถพัฒนาก้าวขึ้นเป็นรายใหญ่ได้ เพราะถูกปิดกั้น ปิดโอกาส ดังนั้นการทำลายการผูกขาดจึงจำเป็นอย่างมาก หากประเทศไทยต้องพัฒนาต่อไป 

นายพิชัย กล่าวต่อว่า การที่นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงานบอกว่าเศรษฐกิจไทยปี 2566 จะเป็นขาขึ้นนั้น น่าจะเป็นการขายฝันมากกว่า เพราะปีหน้าไทยจะเผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจอีกมาก เช่น เศรษฐกิจโลกที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย การส่งออกของไทยคงไม่เพิ่มมากนัก อัตราดอกเบี้ยของไทยที่น่าจะต้องเพิ่มขึ้น เงินเฟ้อที่อาจจะยังไม่ลดลง ค่าไฟฟ้าที่ยังจะเพิ่มขึ้นอีก และราคาสินค้าและบริการที่จะปรับขึ้น หนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือนที่จะยิ่งพุ่งสูงขึ้น และหนี้เสียจะมากขึ้นจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นและจ่ายไม่ไหว อีกทั้ง รมว.ท่องเที่ยวที่อ้างว่าไทยฟื้นเร็วสุด น่าจะเข้าใจผิดเพราะเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในแดนลบมา 3 ปีแล่ว จากปี 63 ที่ติดลบ 6.2% และยังไม่ฟื้นที่เดิมเลย แถมการท่องเที่ยวของประเทศอื่นฟื้นแล้ว ห้องพักจองกันเต็ม แต่ของไทยกลับว่าง แถมยังจะไปเก็บค่าเหยียบแผ่นดินให้เป็นที่กวนใจนักท่องเที่ยวต่างชาติอีก

นายพิชัย กล่าวอีกว่า การที่รัฐบาลจะจัดงบประมาณปี 2566 โดยจะกู้ถึง 1.05 ล้านล้านบาทนั้น น่าเป็นห่วงว่าจะทำให้หนี้สาธารณะยิ่งพุ่งสูง เพราะกู้มากแต่ไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ ยิ่งกู้มากยิ่งเจ๊งมาก ทำให้หนี้สาธารณะต่อจีดีพียิ่งเพิ่มขึ้น และอาจจะต้องไปขยายเพดานที่ 70% กันอีก ซึ่งรัฐบาลในอนาคตจะต้องใช้หนี้แทนพล.อ.ประยุทธ์เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 40 ปีถึงจะใช้หนี้หมด ลูกหลานจะยิ่งลำบากกันมาก หากมองตัวเองย้อนหลัง พล.อ.ประยุทธ์น่าจะทราบดีว่าการบริหารเศรษฐกิจของพล.อ.ประยุทธ์ล้มเหลวมาตลอด หากยังดื้อรั้นเศรษฐกิจไทยในอนาคตจะพบกับอุปสรรคจำนวนมาก โดยที่พล.อ.ประยุทธ์จะไม่สามารถรับมือได้เลย คนไทยจะยิ่งลำบากและประเทศไทยจะยิ่งเสื่อมถอยลงอีก ดังนั้นถึงเวลาที่ต้องสำนึกและออกไปได้แล้ว