'พงศ์พรหม' ห่วง!! 'ช่องว่าง' คุณภาพคนไทย VS ชาวโลก เริ่มห่าง!! พายุศก.ลูกใหม่ที่ต้องรีบแก้ ก่อนต่างชาติเทใจไปประเทศอื่น

(13 ก.ย. 65) พงศ์พรหม ยามะรัต รองโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...

เมื่อคืนแชร์เรื่องสัมภาษณ์เด็กเวียดนามไป

ที่ห่วงมาก ๆ คือตอนนี้เด็กเวียดนามสามารถเกาะกลุ่มความมุ่งมั่น ตั้งใจ ไฝ่รู้ กล้าล้ม กล้าลุกแบบเด็กอเมริกัน, สิงคโปร์, จีน, ญี่ปุ่น, เยอรมันได้แล้ว

แต่ที่ผมห่วงเด็กไทยรุ่นใหม่ คือ 'ช่องว่าง' ความเก่งระหว่าง 'เด็กไทย' กับ 'เด็กโลก' มันห่างกันกว่าเดิม

ผมไม่เถียงเลย เด็กไทยรุ่นใหม่กลุ่มนึง ที่เก่ง ๆ เค้าเก่งกว่าคนรุ่นผมมาก

แต่ที่ด้อยกว่า ก็มีจำนวนมากจนน่าตกใจเช่นกัน

>> ทำงานไม่ Productive แต่ท้อเก่ง!!

เจ้าของกิจการทั้งไทย-เทศบ่นเรื่องเดียวกัน

ต่างชาติก็ทะยอยไปประเทศอื่น เหตุนึงก็เพราะหาพนักงานคุณภาพดียาก

>> การทำงานไม่ Productive

ตัวเองก็จะรู้สึกไปเองว่างานเยอะ ทั้งที่ไม่เยอะ เพียงแต่งานไม่จบ 

ต้องทำงานเล็ก ๆ ที่คนอื่นทำ 2 วันจบ โดยใช้เวลา 2 อาทิตย์

Research บอกชัดว่าคนทำงาน Productive จะมี Work Life Balance ดีกว่าคนอื่น ๆ
 
*** แต่เด็กไทยจำนวนมาก...ไม่ ***

ไม่ Focus ไม่พยายาม งานไม่จบ ก็บ่นว่าเหนื่อย

ต่างชาติเบื่อ เค้าก็ไปลงทุนประเทศอื่น

>> เทียบคนรุ่นผม

ผมเองเป็นเด็กเรียนไม่เก่ง ผมจบรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ด้วย GPA 2.41 แต่ในวันที่ออกจากรั้วมหาลัยแล้ว คนรุ่นเรา 'สู้' ทุกคน

ผมเข้าทำงานครั้งแรกที่ IBM ตอนนั้นนายผม Assign งานให้ทำด้วยโปรแกรม Excel ที่ผมไม่เคยรู้จัก

สิ่งที่ผมทำ คือ ผมอยู่ที่ IBM เพื่อทำความรู้จักโปรแกรม Excel เองถึง 3 ทุ่มแทบทุกคืน พอเริ่มจับอะไรได้ที ก็จะรวบรวมคำถามไปถามพี่กุ้ง กับพี่แหม่ม ฝ่ายบัญชีที

เรียนเองโดยไม่กวนเงินพ่อแม่ จนสามารถใช้ทำงานเพื่อส่งงานได้

ผมไม่เคยมองว่าการต้องกลับบ้านดึกเพื่อเรียน Excel เอง เป็นความเหนื่อย ไม่เคยโทษนายที่ให้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ

>> ในวันนั้นผมสมัครมาทำงานที่ IBM 

IBM ไม่ได้ง้อให้ผมมาทำงานซะหน่อย ผมก็ต้องทำให้เต็มที่ และคนที่ได้ประโยชน์ที่สุดมันก็ผม

>> เข้า IBM ปีนั้นได้รู้จัก 'แนน'

แนนจบหอการค้าปีเดียวกัน แนนน่ารัก นิสัยดี สวยด้วย แต่ลุยงานเก่งกว่าผมอีก ผมอยู่ 3 ทุ่ม แนนมันลุยยัน 4-5 ทุ่ม

ปีนั้นน้ำท่วมอยุธยา คน IBM เราก็แห่ไปช่วยน้ำท่วมกัน

งานหนักเอา งานเบาสู้
งานเสร็จ ค่อยแดกเหล้า

>> ตอนจะต่อโท

ผมสอบ TOEFL ได้ห่วยมาก ถ้าจำไม่ผิด ผมสอบครั้งแรกได้ 430 หรืออะไรซักอย่าง ก็เลยต้องวางแผนพัฒนาตัวเอง

อย่าลืมว่าสมัยนั้นไม่มี Google หรือ YouTube ทุกคนต้องสู้เอง

ผมใช้วิธีเข้าร้านหนังสือ 'ดวงกมล' วันไหนมีเงิน ก็ซื้อหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์มาอ่าน และเก็บทุกฉบับไว้ที่บ้าน เพื่อนำมาอ่านให้ครบทุกข่าว จะได้ไม่เปลืองเงินที่ซื้อมา

วันไหนไม่มีเงิน ก็แอบไปยืนอ่านนิตยสารภาษาอังกฤษที่แผง หลบ ๆ คนขาย

จำได้ว่าสอบครั้งที่ 2 ได้ 480 ครั้งที่ 3 ได้ 550 และคะแนนสุดท้ายที่ได้คือ 610 หรือ 630 ซักอย่าง

ตัวอย่างนี้ เทียบกับคนรุ่นผมนี่กระจอกมาก

คน Gen X และ Gen Y ต้น คนอื่น ๆ ขวนขวายหนักกว่านี้ แต่คงไม่ยกตัวอย่างอะไรแล้ว เพราะจะยาวไป

>> แค่จะวนมาบอกว่า...

'ช่องว่าง' คุณภาพคนไทย VS โลก มันห่างขึ้นกว่ายุค 90 จริงๆ ซึ่งผมว่ามันคือพายุเศรษฐกิจลูกใหม่ที่ต้องรีบแก้

แล้วเอาจริง ๆ รักสบายได้ ถ้ากิเลสน้อย ๆ

แต่ปัญหามันเกิดที่ว่า...การอยากได้ อยากเที่ยว อยากรวย อยากมีชีวิตชิลล์ มันไปไม่ได้กับการรักสบายครับ

อ้อ!! แล้วอย่าหลอกตัวเองว่า นี่คือ ทำงานหนักจนท้อ หรือ Productive จนท้อ

ที่ท้อเพราะเปราะบาง และไม่ Productive ครับ


ที่มา: https://www.facebook.com/100000004424101/posts/pfbid02JaGgHktJ5UhG7g9RKEANBiSRm9dj93EsyZTzzr2ndhPH2nBWMQkEcKJmh7wD32EAl/

https://www.facebook.com/100000004424101/posts/pfbid028DG9EnDS5dq3g3XSSbD2WonQj8a9nkRr5URyx6RdxjuPRsuE9YCgebWyXYPkjwHl/