มิตรภาพสองนักแสดง!! ‘Al Pacino - Robert De Niro’ เพื่อนซี้กว่า 50 ปี มิตรภาพลูกผู้ชายที่ยืนยงด้วยการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

Robert De Niro และ Al Pacino ต่างก็เป็นนักแสดงอเมริกันเชื้อสายอิตาเลียนที่เติบโตในมหานครนิวยอร์ก 

โดย De Niro เกิดเมื่อ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๖ และเติบโตในย่าน Greenwich Village ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเขต Manhattan ของมหานครนิวยอร์ก 

ส่วน Pacino เกิดเมื่อ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๓ และเติบโตในเขต Bronx ของมหานครนิวยอร์กเช่นกัน

Robert De Niro ในวัยเด็กกับ Robert De Niro Sr. ผู้เป็นพ่อ

นอกจากเติบโตในมหานครนิวยอร์กเหมือนกันแล้ว ความเหมือนอีกอย่างของทั้งสองคน ก็คือ พ่อ-แม่แยกทางกันตั้งแต่พวกเขาอายุเพียงสองขวบทั้งคู่ 

โดย Virginia Admiral และ Robert De Niro Sr. (แม่และพ่อของ De Niro) ซึ่งทำอาชีพเป็นศิลปินวาดภาพทั้งคู่แยกทางกัน เนื่องจาก Robert De Niro Sr. ได้เปิดเผยว่าตัวเองเป็นเกย์ และ Virginia Admiral ก็เป็นผู้เลี้ยงดูเขานับแต่นั้นมา โดยมี De Niro Sr. ผู้เป็นพ่อดูแลอยู่ห่าง ๆ 

ส่วน Pacino นั้นแม่ของเขา Rose Gerardi หย่ากับ Salvatore Pacino พ่อของเขา โดยแม่เป็นผู้ดูแลเขาตั้งแต่นั้นมา ส่วนผู้เป็นพ่ออพยพโยกย้ายไปอยู่เมือง Covina ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย

HB Studio (Herbert Berghof Studio) โรงเรียนการแสดงที่ทั้งคู่เคยเข้าเรียน

ต่อมาทั้งคู่ก็เข้าเรียนในโรงเรียนการแสดงเหมือนกัน ซ้ำยังเป็นโรงเรียนเดียวกัน  โดย Pacino เข้าเรียนใน HB Studio (Herbert Berghof Studio) ส่วน De Niro ก็เข้าเรียนใน HB Studio และ Lee Strasberg's Actors Studio แต่เข้าเรียนที่ HB Studio ต่างเวลากัน และทั้งคู่ต่างก็ชื่นชมนักแสดงที่มีความสามารถเหมือนกัน เช่น Marlon Brando และ James Dean 

นอกจาก ทั้งคู่ยังเริ่มอาชีพการแสดงด้วยบทบาทสำคัญในภาพยนตร์เกี่ยวกับ ‘อันธพาล/นักเลง’ โดยหนึ่งในบทบาทแรกๆ ของ Pacino คือบทบาทของ Michael Corleone ใน The Godfather (ค.ศ. 1972) 

ในขณะที่ De Niro แสดงในบทของ John ‘Johnny Boy’ Civello ใน Mean Streets (ค.ศ. 1973)

ทั้งสองพบกันในช่วงปลายทศวรรษ 1960 ในมหานครนิวยอร์กบ้านเกิดของทั้งคู่ โดยต่างก็เป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นอาชีพการแสดง แล้วพวกเขาก็เป็นเพื่อนกันตั้งแต่นั้นมา 

ความมหัศจรรย์ระหว่างนักแสดงสองคนบนหน้าจอนั้นเข้มข้นมาก และบทบาทของพวกเขาก็น่าทึ่งมากเช่นกัน จนดูเหมือนว่าเราจะได้เห็นพวกเขาแสดงร่วมกันในภาพยนตร์หลายเรื่อง แต่ในความเป็นจริงแล้ว The Irishman (ค.ศ. 2019) เป็นเพียงภาพยนตร์เรื่องที่ ๔ ที่นำแสดงโดย Pacino และ De Niro ส่วนอีก ๓ เรื่องคือ Heat (ค.ศ. 1995), Righteous Kill (ค.ศ. 2008) และ The Godfather Part II (ค.ศ. 1974) ซึ่งเรื่องนี้พวกเขาไม่ได้เข้าฉากที่แสดงร่วมกันด้วยซ้ำ

Godfather Part II เป็นภาพยนตร์ที่แสดงในเรื่องเดียวกันเป็นเรื่องแรก แต่ไม่เคยได้ร่วมฉากกันเลย

ในปี พ.ศ. ๒๕๑๗ ทั้งสองได้แสดงในภาพยนตร์เรื่องเดียวกันเป็นเรื่องแรก แต่ไม่เคยได้ร่วมฉากกันเลยใน The Godfather Part II หรือแม้กระทั่งเกือบตลอดทั้งเรื่องของ HEAT พ.ศ. ๒๕๓๘ แต่ในที่สุดพวกเขาก็ปรากฏตัวในเฟรมเดียวกันของภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยแสดงฉากนั่งร่วมกันบนโต๊ะอาหาร 

ในที่สุดพวกเขาก็ปรากฏตัวในเฟรมเดียวกันของภาพยนตร์เรื่อง HEAT โดยแสดงฉากนั่งร่วมกันบนโต๊ะอาหาร

Pacino อายุมากว่า De Niro สามปี และมักแสดงท่าทีในการปกป้อง De Niro อย่างเห็นได้ชัด เพราะปกติแล้ว De Niro เป็นคนที่พูดน้อยเพียงไม่กี่คำ และเป็นคนที่พูดต่อหน้านักข่าวน้อยมาก ๆ อีกด้วย

ครั้งหนึ่งในช่วงการให้สัมภาษณ์ร่วมกันของ Robert De Niro และ Al Pacino ตัว De Niro นั่งเงียบ ๆ บนเก้าอี้โซฟา และแทบไม่จะพูดอะไรเลย เว้นแต่จะหัวเราะ ขณะที่ Pacino ยืนคำรามหรือออกท่าทางแสดงเป็นตัวละคร และอธิบายฉากต่าง ๆ ที่มาจากชีวิตจริงของพวกเขา 

ทั้งรูปลักษณ์อันหล่อเหลาของ Pacino ก็ร่วงโรย ส่วน De Niro ก็รับบทบาทเป็นพ่อและปู่มากขึ้น เนื่องจากกาลเวลาและสังขารได้เปลี่ยนไป (ด้วยอายุที่มากขึ้น จึงต้องรับบทบาทการแสดงที่เหมาะกับอายุ)

ท่ามกลางสื่อมวลชน พวกเขามักจะแสดงออกต่อกันอย่างอ่อนโยน และบ่อยครั้ง Pacino จะคอยสกัดบางคำถามที่ถาม De Niro แล้วเปลี่ยนมาตอบคำถามด้วยตนเองแทน ในตอนท้ายของการสัมภาษณ์นี้ ชายทั้งสองยืนขึ้นและโอบกอดกันอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลานาน และ Pacino ก็ได้พูดกับ De Niro ว่า “ฉันรักนาย”

พวกเขาทั้งสองคนมีหลายสิ่งที่เหมือนกันมาก และมักจะสนับสนุนซึ่งกันและกันเสมอ อาจด้วยเพราะสองนักแสดงคู่นี้ต่างโด่งดังหลังจากแสดงในภาพยนตร์ธรรมดาที่กลายเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ พวกเขาจึงต้องเผชิญหน้ากับชื่อเสียงที่เข้ามาอย่างกะทันหันพร้อมกันในช่วงเวลาใกล้ ๆ กัน ทำให้มิตรภาพที่พวกเขามีต่อกันช่วยให้พวกเขาทั้งคู่สามารถยืนหยัดจนฟันฝ่าผ่านบททดสอบแห่งความรุ่งโรจน์มาด้วยกันได้จนสำเร็จ

“เราอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ปกติ” Pacino กล่าวในการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่งของพวกเขา 

“มันเป็นความคิดที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเรารู้ดี มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ หากเราไม่ได้เข้าถึงการมีชื่อเสียง” De Niro ซึ่งเห็นด้วยบอกว่า “เป็นเรื่องดีที่เรามีโอกาสได้พูดคุยในเรื่องต่าง ๆ ด้วยกัน”

ทั้งสองคนยังคงช่วยเหลือและสนับสนุนซึ่งกันและกัน และเข้าใจกันเป็นอย่างดี 

“พวกเรามารวมตัวกัน และมีความไว้วางใจอยู่ที่นั่น เพียงแต่ว่า เราสามารถเข้าใจเรื่องบางเรื่องบางอย่างได้ดีขึ้นแม้จะเล็กน้อยก็ตาม และบางครั้งเราก็ไปที่นั่นเพื่อรับคำติชม แล้วเราก็นั่งคุยกันถึงเรื่องต่างๆ” Pacino กล่าว 

ไม่มีการแย่งชิงกันเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา แม้ว่าพวกเขามักจะต้องแสดงพร้อมกันในบทบาทเดียวกัน ในช่วงมิตรภาพที่ยาวนานกว่า ๕๐ ปีระหว่าง Pacino กับ De Niro มีสถานการณ์ที่ทั้งคู่พร้อมสำหรับบทบาทเดียวกัน เช่น บทบาทของ Michael Corleone ใน The Godfather แต่ไม่เคยเปลี่ยนเพื่อนสองคนให้กลายเป็นศัตรูได้

พวกเขาทั้งสองเรียนรู้จากกันและกัน เมื่อคุณสนิทสนมกับคน ๆ หนึ่ง แล้วคุณทั้งสองคนต่างก็เชื่อใจซึ่งกันและกัน และเคารพในพรสวรรค์ของกันและกัน คุณจะไม่มีทางหลีกหนีในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากกันและกันได้ นี่เป็นเรื่องจริงสำหรับ Pacino และ De Niro 

ตัวอย่างเช่น ในการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่ง De Niro ยอมรับว่า Pacino เป็นคนที่สอนให้เขาอ่านบทกับผู้กำกับและนักแสดงคนอื่น ๆ ก่อนการถ่ายทำจริง เพื่อให้เข้าใจเนื้อหาของบทมากขึ้น 

พวกเขายกย่องความสามารถของกันและกันและไม่อายที่จะพูดว่า "ฉันรักนาย"

หากอ่านหรือดูบทสัมภาษณ์ของ Pacino และ De Niro จะพบว่า พวกเขาใช้คำพูดดี ๆ เมื่อพูดถึงกันและกัน พวกเขาชมเชยความสามารถและแนวทางในการทำงานของพวกเขาซึ่งกันและกัน 

พวกเขาบอกว่า มิตรภาพของพวกเขามีความหมายต่อพวกเขามากแค่ไหน พวกเขายังระลึกถึงความประทับใจแรกของพวกเขาที่มีต่อกัน กลายเป็นความประทับใจที่ยาวนานจนถึงปัจจุบัน 

“ผมจำการประชุมได้ชัดเจนมาก ไม่น่าเชื่อว่าผมได้เห็นชายคนนี้ ผมคิดว่า 'ว้าว' เขามีเสน่ห์มาก เขาไม่ได้ทำอะไร ก็แค่เดิน คุณรู้ไหมว่า เขาเป็น Bob (De Niro) แต่คุณสัมผัสได้ได้ถึงบางอย่างจากเขา” Pacino เล่าถึงครั้งแรกที่เขาพบกับ De Niro

บ่อยครั้งในระหว่างการสัมภาษณ์ร่วมกัน Pacino และ De Niro มักจะตอบคำถามแทนกันและกัน ส่งมุกตลกให้กัน และไม่อายที่จะแสดงความรู้สึกที่แท้จริงของพวกเขา พวกเขาหัวเราะ โอบกอด และพูดว่า "ฉันรักนาย" 

มิตรภาพระหว่างสองนักแสดงซึ่งมีมายาวนานกว่า ๕๐ ปี และชายทั้งสองได้สอนเรื่องความเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ และเราก็หวังว่า Al Pacino และ Robert De Niro จะรักษาความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยมของพวกเขาไว้ตลอดไป และหวังว่าจะได้เห็นพวกเขาแสดงร่วมกันอีกครั้งในภาพยนตร์ ซึ่งก็คงต้องเฝ้ารอชมต่อไปในอนาคต


👍 ติดตามผลงาน อาจารย์โญธิน มานะบุญ เพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/author/ดร.โญธิน%20มานะบุญ