วีรบุรุษต่างเชื้อชาติ!! ‘Kostas Sarantidis’ ชายชาวกรีซแห่งกองกำลัง Viet Minh ผู้ได้รับการยกย่องเป็น ‘วีรบุรุษแห่งกองทัพประชาชนเวียดนาม’


Kostas Nguyen Van Lap ชายชาวกรีซผู้ซึ่งกลายเป็นวีรบุรุษของเวียดนาม

๒ สิงหาคมที่ผ่านมา เวียดนามได้จัดพิธีรำลึกจัดถึง Kostas Nguyen Van Lap (Kostas Sarantidis - Nguyen Van Lap) ขึ้นที่เมืองดานัง ทางตอนกลางของประเทศ Kostas Nguyen Van Lap ชายผู้มีสัญชาติกรีซและเวียดนาม เข้าร่วมกับกองกำลัง Viet Minh ของเวียดนามในสงครามต่อต้านอาณานิคมของฝรั่งเศส และกลายเป็นวีรบุรุษแห่งกองทัพประชาชนเวียดนาม

Kostas Nguyen Van Lap ประดับเหรียญอิสริยาภรณ์ “วีรบุรุษแห่งกองทัพประชาชนเวียดนาม (Hero of the People's Armed Forces of Vietnam)

Kostas Nguyen Van Lap (1927 - 25 มิถุนายน ค.ศ. 2021) เดิมชื่อ Kostas Sarantidis (Κώστας Σαραντίδης) เขาเป็นชาวต่างชาติเพียงคนเดียวที่เคยได้รับตำแหน่ง “วีรบุรุษแห่งกองทัพประชาชนเวียดนาม (Hero of the People's Armed Forces of Vietnam) เขาเป็นทหาร "เวียดนามใหม่" ซึ่งเป็นชาวกรีซเพียงคนเดียวที่เคยรับใช้ในกองกำลัง Viet Minh ระหว่างสงครามเวียดนามกับฝรั่งเศส อดีตเจ้าอาณานิคม



Kostas Nguyen Van Lap เกิดในครอบครัวคนงานในเมือง Thessaloniki ประเทศกรีซ เมื่อเขาอายุ ๑๖ ปี กรีซถูกนาซีเยอรมันยึดครอง เขาจึงถูกเกณฑ์เป็นทหารแล้วถูกส่งไปเยอรมนี ภายหลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง เขาไม่สามารถกลับไปกรีซได้ เพราะไม่มีเอกสารประจำตัว เขาถูกส่งไปยังค่ายกักกันในอิตาลีในช่วงต้นปี ค.ศ. 1946 และต่อมาได้สมัครเข้าร่วมกองทหารต่างด้าวฝรั่งเศส และถูกส่งไปยังอินโดจีนภายใต้ภารกิจในการปลดปล่อยประชาชน และปลดอาวุธทหารญี่ปุ่น

หน่วยของเขาเดินทางไปเวียดนามทางเรือ เมื่อถึงไซง่อนแล้วก็ถูกพาขึ้นรถไฟไปยังตอนกลางของเวียดนาม ในวันแรกที่เขามาถึงเวียดนาม เขาได้เห็นความโหดร้ายมากมายของกองทัพฝรั่งเศสที่กระทำต่อชาวเวียดนาม เขาจึงตระหนักว่า ฝรั่งเศสเป็นเพียงผู้รุกราน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะแปรพักตร์ เข้าร่วมกับกองกำลัง Viet Minh โดย Kostas Nguyen Van Lap เล่าว่า "เราเข้าร่วมในการต่อสู้หลายครั้งในภาคใต้ ทหารได้รับคำสั่งให้โจมตีและเผาหมู่บ้านเพื่อพิสูจน์ตนเองว่า แข็งแกร่ง ผมอยากจะลาออก เพราะผมทนไม่ไหวแล้ว ในวันสุดท้ายในกองทหารต่างด้าวฝรั่งเศสของผม ผมเห็นด้วยตาตนเองว่า ทหารของกองทหารต่างด้าวฝรั่งเศสทั้งหมวดข่มขืนเด็กหญิงอายุเพียง ๑๔-๑๕ ปี” 

ขณะเขาประจำการอยู่ที่เมือง Binh Hoa ก็ได้พบกับ Mai Le สายลับหญิงซึ่งเป็นผู้ที่ช่วยให้ Kostas Nguyen Van Lap เข้าร่วมกับกองกำลัง Viet Minh โดยพ่อแม่ของ Mai Le เป็นผู้รักชาติ เข้าร่วมสงครามต่อต้านและเสียสละตัวเอง แม้จะอายุน้อยมาก แต่ Mai Le และเพื่อนร่วมชั้นก็ออกจากเมืองเข้าร่วมกลุ่มต่อต้าน เขาพบกับ Mai Le ในฐานะที่เธอเป็นภรรยาของร้อยโท Christianis หัวหน้าหน่วยในเมือง Phan Thiet โดย Mai Le ได้ฝากฝังเขากับกองกำลัง Viet Minh (ต่อมาสายลับหญิงผู้นี้ถูกจับและถูกประหารชีวิตโดยฝรั่งเศสในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1946) 

เวลา ๐๒.๐๐ น. ของวันที่ ๖ เมษายน เขาทิ้งกองทหารต่างด้าวฝรั่งเศสเพื่อไปยังเขตปลอดทหารใน Binh Thuan นอกจากนี้ เขายังปล่อยนักโทษอีก ๒๔ คน นำถือปืนกลเบรนและปืนไรเฟิลไปด้วยอีกสองกระบอก ระเบิดมือสองกล่อง และกระสุนอีกจำนวนหนึ่ง ที่พื้นที่ต่อต้านเขาพบว่า กองกำลัง Viet Minh มีอาวุธที่แย่มาก อาทิ ปืนคาบศิลาฝรั่งเศสสามกระบอกที่มีความยาวต่างกัน นายทหารมีปืนพกที่เก่ามาก ทหารบางคนยังใช้มีด หรือดาบ เขามอบปืนที่เขานำมาด้วยให้กับกองกำลัง Viet Minh ทหารเวียดนามดีใจมากเพราะได้อาวุธใหม่ หลังจากนั้นทหารเวียดนามจึงฆ่าลูกวัวเพื่อทำอาหารฉลอง หลังจากนั้น Kostas ได้รับชื่อเวียดนามว่า Nguyen Van Lap และเข้าร่วมกองทัพประชาชนเวียดนามอย่างเป็นทางการ ในฐานะหนึ่งในทหาร "เวียดนามใหม่ " 

ในช่วงปี ค.ศ. 1946 - 1948 สภาพความเป็นอยู่ของกองกำลัง Viet Minh นั้นเลวร้ายมาก เขาเล่าว่า "เราได้รับอาหารเพียง ๘๐๐ กรัมต่อวัน และมีเพียงผักเป็นอาหารเท่านั้น” สโลแกนการต่อต้านของกองกำลัง Viet Minh มีความคล้ายคลึงกับสโลแกนของชาวกรีซซึ่งก็คือ "เสรีภาพหรือความตาย" กองกำลัง Viet Minh ให้เขาทำงานในหน่วยประจำเขตพื้นที่ ๕ เขตสนามรบ “กว๋างนาม – ดานัง” เขาได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ออกอากาศไปยังกองทหารต่างด้าวฝรั่งเศสชักจูงให้ทหารแปรพักตร์ออกจากกองทหารต่างด้าวฝรั่งเศส และช่วยชีวิตเชลย ๑๒๐ คนที่ถูกจับ 

ต่อมาเขาและเพื่อนร่วมหน่วยสามารถยิงเครื่องบิน Morane-Saulnier ตก และจับกุมนักบินชาวฝรั่งเศสสามคนที่ยังมีชีวิตอยู่ใกล้ ๆ กับ Phu Cang (กว๋างนาม) เมื่อเมษายน ค.ศ. 1948 หน่วยของเขาสามารถสังหารกองกำลังศัตรูได้ ๒๐๐ นาย ที่ Huong An - Ba Ren

Kostas Nguyen Van Lap ยังทำหน้าที่เป็นผู้คุมของเรือนจำ Au Phi หมายเลข ๓ ใน Quang Ngai เขาทำงานในการให้ความรู้แก่นักโทษ อธิบายถึงสาเหตุของการต่อต้านการรุกรานเวียดนาม และนโยบายด้านมนุษยธรรมของรัฐบาล 

ในปี ค.ศ. 1949 เขาได้เข้าร่วมพรรคแรงงานเวียดนาม ตำแหน่งสูงสุดของเขาในกองกำลัง Viet Minh คือ ร้อยเอก เขาได้พบกับภรรยาชาวเวียดนามคนแรกของเขาขณะอยู่ในกองกำลัง Viet Minh ต่อมาภรรยาของเขาถูกกล่าวหาและถูกจำคุก เขาจึงหย่ากับภรรยาคนนี้ 

หลังจากถูกปลดจากกองทัพ เขาเคยขับรถบรรทุกที่เหมืองถ่านหินนาดัง เหมืองดีบุกโจบัง และเล่นเป็นชาวฝรั่งเศสและชาวอเมริกันในภาพยนตร์สารคดีของเวียดนามเหนือหลายเรื่อง ต่อมาทำงานเป็นล่ามให้กับผู้เชี่ยวชาญการพิมพ์จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมัน ซึ่งที่นี่เขาได้พบและแต่งงานกับภรรยาคนที่สองของเขา แต่หลังจากที่ภรรยาคนแรกของเขาพ้นผิดและได้รับการปล่อยตัว เธอร้องเรียนว่า เขาทอดทิ้งเธอ รัฐบาลเวียดนามเหนืออนุญาตให้ชายมีภรรยาได้หลายคน แต่ก็เขาปฏิเสธ 

ดังนั้นในปี ค.ศ. 1954 เขาจึงถูกขับออกจากพรรคแรงงานเวียดนาม ภรรยาคนที่สองของเขาให้กำเนิดลูกสามคนในเวียดนามเหนือและอีกคนหนึ่งในกรีซในเวลาต่อมา

ในปี ค.ศ. 1965 เขาและครอบครัวได้เดินทางกลับไปยังกรีซ ตามความประสงค์ของมารดาผู้สูงอายุมากแล้ว หลังจากขาดการติดต่อกับครอบครัวตั้งแต่ถูกเยอรมันจับเมื่อตอนอายุ ๑๖ ปี หลังจากกลับถึงกรีซแล้ว เขาทำงานเป็นพนักงานขับรถให้กับ Pechiney (บริษัท Aluminium แห่งกรีซ ) เขายังได้สนับสนุนเวียดนามอย่างแข็งขัน โดยเข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์แห่งกรีซ (KKE) ร่วมก่อตั้งสมาคมเวียดนามในกรีซ และระดมการสนับสนุนด้านต่าง ๆ ให้กับเวียดนาม ภรรยาชาวเวียดนามของเขาให้กำเนิดลูกคนที่สี่ในเมือง Thessaloniki แม้ว่าเขาจะกลับไปกรีซ แต่เขาก็คิดถึงเวียดนามอยู่เสมอ และรู้สึกมีความสุขมากเมื่อได้รับข่าวว่า เวียดนามชนะสงครามกับสหรัฐฯ 



Kostas Nguyen Van Lap กับ Vo Nguyen Giap อดีตรองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของเวียดนาม

เขาได้กลับไปเยือนเวียดนามหลายครั้ง เพื่อเยี่ยมสหายเก่า สนามรบเก่า และเข้าร่วมงาน National Emulation Soldiers Festival Congress นอกจากนี้ เขายังได้เดินทางไปกับ Karolos Papoulias ประธานาธิบดีของกรีซ เพื่อเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 2008 และได้รับการต้อนรับอย่างดีจากผู้นำเวียดนามหลายคน เช่น Pham Van Dong , Vo Nguyen Giap และ Nguyen Minh Triet เป็นต้น และมีส่วนสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมากมาย วันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 2010 ประธานาธิบดีเวียดนามแต่งตั้งให้เขาเป็นพลเมืองเวียดนาม และในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2013 ประธานาธิบดีเวียดนามได้มอบตำแหน่ง “วีรบุรุษแห่งกองทัพประชาชนเวียดนาม (Hero of the People's Armed Forces of Vietnam)” ให้กับเขา

เขาเล่าด้วยว่า “ผมมีภาพเด็กๆ ที่ตกเป็นเหยื่อพิษของอเมริกันเสมอ ผมจะพบพวกเขาในการไปเยือนดานังอีก ถ้าหากคุณได้เห็นด้วยตาของคุณเอง คุณจะรู้สึกเจ็บปวดใจ" เขายังเคยกล่าวไว้ว่า “ผมรักประเทศเวียดนามและชาวเวียดนาม พวกเขาเกิดมาพร้อมกับรอยยิ้ม และตายด้วยรอยยิ้ม พวกเขาเป็นคนใจดี ผมถูกประกาศให้เป็นวีรบุรุษแห่งกองทัพประชาชนเวียดนาม พวกเขายังจำผมได้ ทุกปีคนเหล่านี้ยังเขียนบทกวีให้ผม ซึ่งหนึ่งในนั้นกล่าวว่า "พวกเราขอขอบคุณประเทศกรีซที่ให้กำเนิดตำนานสำหรับพวกเรา และเป็นวีรบุรุษของพวกเรา" 

ในปี ค.ศ. 2014 เขาได้ให้สัมภาษณ์ว่า “จะไม่มีใครรู้ชะตากรรมของผม ถ้าผมไม่เข้าร่วมกองทัพไปเวียดนาม และไม่เข้าร่วมกับกองกำลัง Viet Minh ผมจะกลายเป็นคนแบบไหน ผมภูมิใจในสิ่งที่ผมทำ แล้วจะทำต่อไป ผมจะทำต่อไป จะอุทิศตนอย่างสุดใจต่อไปเพื่อเวียดนาม ด้วยเพราะพวกเขาคู่ควร ผมรักและศรัทธาในพวกเขา ผมไม่เสียใจเลย หากมีโอกาสแบบนี้ในชีวิตอีก ผมก็จะทำแบบเดิม” 

เขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 2021 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ สิริอายุ ๙๔ ปี ประธานาธิบดีแห่งรัฐเหงียนซวนฟุก อดีตประธานาธิบดีเหงียน มินห์ ตรีเอต รองนายกรัฐมนตรีฟาม บินห์ มินห์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ฟาน วัน ยางรัฐมนตรีต่างประเทศ บุย แท็ง เซิน และประธานสหภาพองค์กรมิตรภาพเวียดนาม เหงียน เฟือง งา ต่างก็ได้ส่งสาสน์แสดงความเสียใจกับครอบครัวของเขา เอกอัครรัฐทูต Le Hong Truong ตลอดจนเจ้าหน้าที่และพนักงานของสถานเอกอัครรัฐทูตเวียดนามในกรีซก็ได้เข้าร่วมงานศพของเขา เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ. 2021 จนกระทั่งวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 2022 เขาจึงถูกฝังในเวียดนามตามประสงค์ของครอบครัว ณ สุสาน เขตทหารที่ ๕ เมืองดานัง

Kostas Nguyen Van Lap กับภรรยาและครอบครัว

เขามีภรรยาชาวเวียดนามสองคน ภรรยาคนแรกที่เขาพบขณะรับใช้ในกองทัพ เขาเลิกกับเธอหลังจากที่เธอถูกกล่าวหาและถูกตัดสินจำคุก ภายหลังเขาแต่งงานกับภรรยาคนที่ ๒ พวกเขามีลูก ๔ คน ได้แก่ ลูกชาย Nguyen Van Thanh, ลูกสาวสามคน Nguyen Thi Bach Tuyet, Nguyen Thi Bach Nga และคนสุดท้องคือ Nguyen Thi Tu Do เขาเชื่อว่าชื่อของลูกคนสุดท้องของเขายังเป็นเจตจำนงตลอดชีวิตของเขาคือ การต่อสู้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่ออิสรภาพ 

ชีวิตของเขาถูกสร้างขึ้นเป็นภาพยนตร์โดย Giannis Tritsibidas ผู้กำกับชาวกรีซ เป็นภาพยนตร์สารคดีความยาว ๘๘ นาทีในชื่อ Viet Costas : Citizenship undefined (Mr. Costas Vietnam - Nationality Undefined) ซึ่งสร้างในปี ค.ศ. 2012 ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลที่ชนะเลิศจากเทศกาลภาพยนตร์สารคดีกรีซครั้งที่ ๖ ของสมาพันธ์ภาพยนตร์กรีซที่เมือง Chalkida


👍 ติดตามผลงาน อาจารย์โญธิน มานะบุญ เพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/author/ดร.โญธิน%20มานะบุญ