ต่อยอดสู่การเติบโต!! EA ปูทางขยายธุรกิจรถโดยสารไฟฟ้าเต็มตัว หลังเข้าซื้อหุ้น BYD 23% มูลค่ากว่า 6.99 พันล้าน

EA เดินหน้าต่อยอดธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทุ่ม 6,997 ล้านบาท ส่งบ.ย่อยเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน BYD สัดส่วน 23% เตรียมขยายธุรกิจรถโดยสารไฟฟ้า ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจที่จะเป็น New S-Curve ในอนาคต

นับเป็นอีกหนึ่งก้าวย่างที่สำคัญทางธุรกิจของบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ที่ยังคงเดินหน้าต่อยอดสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เมื่อนายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 65 อนุมัติให้ บริษัท อีเอ โมบิลิตี โฮลดิง จำกัด (EMH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าลงทุนใน บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD, บริษัท เอซ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (ACE) และบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (TSB)

ทั้งนี้ EMH จะเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) ของ BYD จำนวน 990,800,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท หรือคิดเป็น 23.63% ของทุนชำระแล้วภายหลังการเพิ่มทุน ในราคาหุ้นละ 7.062 บาท คิดเป็นมูลค่าซื้อหุ้นเพิ่มทุน 6,997,029,600 บาท
 
สำหรับ BYD นั้น เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกอบธุรกิจหลักเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์จากกระทรวงการคลัง, คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ขณะที่ ACE ประกอบธุรกิจหลักในการเข้าถือหุ้นในบริษัทจำกัด และ/หรือ บริษัทมหาชน จำกัด โดยมี BYD ถือหุ้น ในอัตรา 49% และ TSB ประกอบธุรกิจหลักในการให้บริการรถโดยสารไฟฟ้าประจำทางในเขตกรุงเทพและปริมณฑล โดยมี ACE เป็นผู้ถือหุ้นในอัตรา 100%

นายอมร ระบุว่า การเข้าลงทุนใน BYD จะทำให้บริษัทได้มาซึ่งพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งจะก่อให้เกิดโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจของบริษัทฯ เนื่องจากการลงทุนในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีโอกาสในการสร้างยอดขายรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ส่วนแหล่งเงินทุนที่ใช้มาจากกระแสเงินสดของบริษัทและเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
 

นอกจากนี้ คณะกรรมการยังอนุมัติให้ บริษัท อี ทรานสปอร์ต โฮลดิง จำกัด (ETH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โอนกิจการทั้งหมด ภายใต้กระบวนการโอนกิจการทั้งหมด ให้แก่ TSB เป็นผลให้บริษัทย่อยทั้ง 9 บริษัท และบริษัทร่วม 1 บริษัท ที่อยู่ภายใต้การถือหุ้นของ ETH สิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อยและบริษัทร่วมของบริษัท โดยจะรับค่าตอบแทนจากการโอนกิจการทั้งหมดด้วยเงินสดจำนวน 6,000,000,000 บาท จาก TSB

การลงทุนดังกล่าว บริษัทฯ จะได้หุ้น BYD จำนวน 990,800,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 7.062 บาท โดยคิดเป็นมูลค่ารวม 6,997,029,600 บาท ผ่านการถือครองของ EMH ที่จะได้รับเงินจากการโอนกิจการทั้งหมดของ ETH เป็นจำนวนทั้งสิ้น 6,000,000,000 บาท หากรวมการได้มาและจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ทั้ง 2 รายการนี้ บริษัทจะใช้เงินรวมทั้งสิ้น 997,029,600 บาท

แน่นอนว่า การลงทุนของ EA ครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งการต่อยอดทางธุรกิจที่สำคัญล้อไปกับธุรกิจแบตเตอรี่ และธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (Commercial EV) เรือธงตัวใหม่ของ EA ที่จะเป็น News S-Curve เข้ามาเสริมธุรกิจเดิมอย่างโรงไฟฟ้า และไบโอดีเซล 

นั่นเพราะ BYD ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจไปแล้วก่อนหน้านี้ ไม่ได้จำกัดเพียงธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เท่านั้น แต่ได้รุกธุรกิจไปสู่ผู้ให้บริการรถโดยสารไฟฟ้า (E Bus) ผ่านไทย สมายล์ บัส ล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน 65 ที่ผ่านมา คว้าใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางรวม 71 เส้นทาง ซึ่งเป็นการหลอมรวมระบบนิเวศน์ทางธุรกิจ (Ecosystems) ภายในกลุ่มธุรกิจ เป็นการต่อยอดทางธุรกิจอย่างลงตัว และสุดท้ายทุกสายน้ำจะไหลไปสู่ EA นั่นเอง