ยั่งยืนระดับโลก!! EA ติดอันดับดัชนีความยั่งยืนระดับสากล ‘The Sustainability Yearbook 2022’ จาก S&P Global ตอกย้ำเชื่อมั่นนักลงทุนทั้งสถาบันไทยและต่างประเทศ

ปัจจุบันภาคเอกชนนับว่ามีความสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจของประเทศอย่างมาก โดยเฉพาะบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่สามารถดึงเม็ดเงินลงทุนจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

แต่ในขณะเดียวกันบริษัทจดทะเบียนเอง หากต้องการได้รับการยอมรับจากนักลงทุน สิ่งสำคัญคือการพัฒนาธุรกิจให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน พร้อมกับตระหนักถึงการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ และให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล

เฉกเช่น บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA ที่สามารถพัฒนาและสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ จนได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 41 บริษัทไทยติดอันดับดัชนีด้านความยั่งยืนระดับสากล ‘The Sustainability Yearbook 2022’ ระดับ Member ซึ่งจัดโดย S&P Global

อมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) EA สะท้อนภาพธุรกิจของ EA ว่า การที่ S&P Global ประกาศรายชื่อบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับใน The Sustainability Yearbook 2022 ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มี 41 บริษัทไทยที่ติดอันดับจากบริษัททั่วโลก 716 บริษัท โดย EA เป็นหนึ่งในบริษัทที่ติดอันดับดัชนีดังกล่าว ในระดับ Member และผลประเมินด้านความยั่งยืนของ S&P Global สะท้อนให้เห็นถึงการเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืนในสายตาผู้ลงทุนทั้งไทย และต่างประเทศ และแน่นอนว่าการจัดอันดับดังกล่าว จะเป็นข้อมูลสำคัญที่ผู้ลงทุนทั่วโลกใช้ในการวิเคราะห์ และพิจารณาตัดสินใจในการเข้าลงทุน

ในปีนี้ S&P Global เน้นย้ำถึงวิกฤติของปัญหาภาวะโลกร้อนที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน นั่นจึงเป็นส่วนช่วยเสริมให้ EA มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น เพราะธุรกิจหลักของ EA มุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมสร้างศักยภาพทางด้านพลังงานสะอาดและด้านพลังงานไฟฟ้า 

โดยมีธุรกิจที่ถือว่าเป็น New S Curve อย่างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตใหญ่ที่สุดในอาเซียน ตลอดจนเป็นผู้นำด้านสถานีอัดประจุ เพื่อที่จะยกระดับการเดินทางสมัยใหม่ให้มีความสะดวกสบาย ช่วยลดมลภาวะอย่างยั่งยืน และเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ประเทศเข้าสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ พร้อมทั้งสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนไทย มีรายได้สูงขึ้น ช่วยให้ประเทศไทยสามารถก้าวข้าม Middle income Trap ไปสู่ประเทศที่มีศักยภาพและมีความยั่งยืนทางด้านพลังงานในอนาคต

ขณะเดียวกัน EA ยังมีเป้าหมายที่จะพัฒนาองค์กร จากการเป็นผู้ผลิตพลังงานสะอาดสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจ EV แบบครบวงจร ซึ่งในปี 2565 จะเป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากที่ได้ทยอยลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังมีการลงทุนเพิ่มเติม โดยจะเน้นในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

แน่นอนว่า ผลตอบแทนจากการที่บริษัทฯ ได้ลงทุนมาเริ่มเห็นผลชัดเจนมากขึ้น ทำให้ในปี 2565 บริษัทฯ มองถึงตั้งเป้าหมายการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% โดยมาจากการเติบโตของธุรกิจ EV ทั้งในส่วนของ แบตเตอรี่ รถบัสไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า และสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ขณะที่ธุรกิจไบโอดีเซล-พลังงานทดแทน วางเป้าหมายรักษาการเติบโตต่อเนื่อง

สำหรับผลการดำเนินงาน ในปี 2564 ที่ผ่านมา พบว่า EA  มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 6,100.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 895.50 ล้านบาท หรือ 17.21% เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิรวม 5,204.57 ล้านบาท

โดยปี 2564 บริษัทมีรายได้ 20,588.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,358.96 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 19.53% เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มารายได้รวม 17,199.14 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้ปัจจัยหลักจาก

- ธุรกิจจำหน่ายกระแสไฟฟ้า เท่ากับ 10,933.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.13% จากปีก่อน โดยโรงงานพลังลมสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากความเร็วลมที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

- ธุรกิจไบโอดีเซล มีรายได้ 8,165.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.40% เมื่อเทียบจากปี 2563 สาเหตุหลักมาจากในปี 2564 ผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบออกมาได้น้อย แต่การส่งออกมีมากขึ้น รวมทั้งมาเลเซีย เกิดปัญหาแรงงานในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มดิบ ส่งผลให้ราคาการจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ ทั้งในและนอกประเทศปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่การจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล ได้รับผลกระทบจาก มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ปรับลดส่วนผสมของ B100 ในน้ำมันดีเซล และผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว

- ธุรกิจผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและยานยนต์ไฟฟ้า อยู่ที่ 1,012.20 ล้านบาท รับรู้รายได้การจำหน่ายรถโดยสารไฟฟ้าจำนวน 112 คัน

- รายได้อื่นๆ 384.29 ล้านบาท

ด้านสินทรัพย์รวมของ EA และบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 เท่ากับ 85,476.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 เท่ากับ 6,992.48 ล้านบาท หรือ 8.91% โดยมีหนี้สินรวมเท่ากับ  50,374.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 เท่ากับ 1,517.64 ล้านบาท หรือ 3.11%

และในปีนี้ ทางคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.30 บาทต่อหุ้น

จากตัวเลขผลการดำเนินงานที่เติบโตสม่ำเสมอ รวมถึงการสร้างรายได้จากธุรกิจเดิม ทั้งโรงผลิตไฟฟ้า และผลิตไบโอดีเซล รวมถึงธุรกิจใหม่ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ - แท่นชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า - รถบัสไฟฟ้า ล้วนแล้วแต่เป็นธุรกิจที่จะสร้างรายได้อย่างยั่งยืน

ขณะเดียวกัน ยังถือเป็นการช่วยลดมลพิษให้กับประเทศไทย จากการวิจัยพัฒนาและสร้างนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาดอย่างไม่หยุดนิ่งอีกด้วย


อ้างอิง : https://www.energyabsolute.co.th/finance_highlights
https://www.pptvhd36.com/news/หุ้น-การลงทุน/166997
https://www.set.or.th/set/companyhighlight.do?symbol=EA&ssoPageId=5&language=th&country=TH


👍 อ่านบทความน่ารู้เกี่ยวกับ Art Of Energy เพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/tag/artofenergy