อยากได้ผู้ว่ากรุงเทพฯ แบบนี้!! รู้จัก Jaime Lerner สุดยอดนายกเทศมนตรีแห่ง Curitiba บราซิล ผู้เปลี่ยนเมืองแห่งความสิ้นหวัง เป็นแดนศิวิไลซ์ที่ใครก็อยากเลียนแบบ

การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครครั้งที่ 11 ที่จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 พี่น้องชาวกทม. อยากได้ผู้ว่าฯ เข้ามาบริหารจัดการกรุงเทพมหานครแบบไหนกันครับ

ถ้ายังไม่แน่ใจ ผมขอแนะนำให้ลองเลือกผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่มีคุณลักษณะแบบ Jaime Lerner ผู้เป็นสุดยอดนายกเทศมนตรีแห่ง Curitiba บราซิล

ว่าแต่ Jaime Lerner เป็นใคร? แล้วเขาสุดยอดแค่ไหน ลองมาดูผลงานและประวัติของเขากันดูครับ

Jaime Lerner (17 ธันวาคม พ.ศ. 2480 - 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2564) เป็นนักการเมืองชาวบราซิล เคยเป็นผู้ว่าการรัฐ Paraná มีชื่อเสียงในฐานะสถาปนิกและนักวางผังเมือง อีกทั้งยังเคยเป็นนายกเทศมนตรีเมือง Curitiba เมืองหลวงของรัฐ Paraná ถึง 3 สมัย (พ.ศ. 2514-2518, พ.ศ. 2522-2527 และ พ.ศ. 2533-2535)

ในปี พ.ศ. 2537 Jaime Lerner ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าการรัฐ Paraná และได้รับเลือกอีกครั้งในปี พ.ศ. 2541 โดยอดีตนายกเทศมนตรีแห่ง Curitiba เมืองหลวงของรัฐ Paraná นั้น มีดีกรีเป็นนักวางผังเมืองและสถาปนิก ที่มีชื่อเสียงอย่างมาก จากการช่วยออกแบบทางเดินในเมือง, ถนน และการขนส่งสาธารณะส่วนใหญ่ของ Curitiba เช่น Rede Integrada de Transporte ในปี พ.ศ. 2508 เขาช่วยก่อตั้ง Instituto de Pesquisa e Planejamento Urbano de Curitiba หรือ IPPUC (สถาบันการวางผังเมืองและการวิจัยแห่ง Curitiba) และออกแบบแผนแม่บทของ Curitiba

ครั้งหนึ่งราว 50 ปีก่อน Curitiba เคยเป็นเมืองที่สิ้นหวังไม่ต่างจากเมืองอื่น ๆ ในโลกนี้ เพราะเต็มไปด้วยปัญหานานัปการ แต่ปัญหาต่าง ๆ กลับเปลี่ยนไป โดยปัจจุบัน Curitiba เป็นเมืองหนึ่งในประเทศกำลังพัฒนาที่ติดอันดับเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง แถมยังเป็นเมืองสำหรับประชาชน ไม่ใช่สำหรับรถ และถูกจัดให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในอเมริกาใต้ ในการจัดอันดับเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้ง ๆ ในช่วงที่ผ่านมา เหล่าเมืองที่ติดอันดับหนึ่งในสิบเกือบทั้งหมด มักอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น แคนาดา, ออสเตรเลีย, สหรัฐอเมริกา, เยอรมัน, เดนมาร์ก เป็นต้น แต่มีเมืองหนึ่งในประเทศกำลังพัฒนาติดอันดับอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ Curitiba ของบราซิล

สวนสาธารณะของเมือง Curitiba

Curitiba เป็นเมืองหลวงของรัฐ Paraná ตั้งอยู่ตอนใต้ของประเทศบราซิล สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2236 เป็นเมืองขนาดกลาง มีพื้นที่ 432 ตารางกิโลเมตร มีขนาดเศรษฐกิจเป็นลำดับที่ 4 ของประเทศบราซิล ประชากร 1.9 ล้านคน และหากรวมพื้นที่เชื่อมต่อเขตมหานครมีประชากรถึง 3.3 ล้านคน

แกะเทศบาลแห่ง Curitiba

ในฐานะนายกเทศมนตรี Jaime Lerner ใช้วิธีในการแก้ปัญหานอกแบบเพื่อรับมือกับความท้าทายทางภูมิศาสตร์ของ Curitiba เช่นเดียวกับเมืองอื่นๆ Curitiba ล้อมรอบด้วยที่ราบน้ำท่วมถึง เมืองที่มั่งคั่งกว่าในสหรัฐอเมริกา เช่น New Orleans หรือ Sacramento ได้สร้างระบบเขื่อนในเขตที่ราบน้ำท่วมถึงที่มีราคาแพงและมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูง แต่ในทางตรงกันข้าม Curitiba ได้ซื้อที่ดินในเขตที่ราบน้ำท่วมถึง และสร้างเป็นสวนสาธารณะ ปัจจุบันเมืองนี้ติดอันดับเมืองชั้นนำของโลกที่มีพื้นที่สวนสาธารณะต่อหัวสูง Curitiba เคยมีปัญหาเรื่องสถานะความเป็นเมืองของโลกที่สาม ขาดงบประมาณจนไม่สามารถซื้อรถแทรกเตอร์และน้ำมันเชื้อเพลิงเติมรถเพื่อตัดหญ้าในสวนสาธารณะที่มีอยู่ได้ แต่ได้รับการตอบสนองที่เป็นนวัตกรรมใหม่คือ "แกะเทศบาล" ที่ควบคุมดูแลพืชพันธุ์ในสวนสาธารณะ และขายขนแกะเป็นทุนสำหรับโครงการต่างๆ เพื่อเด็กและเยาวชน

เมื่อ Jaime Lerner เป็นนายกเทศมนตรี ในเขตเทศบาล Curitiba มีพื้นที่บางส่วนซึ่งไม่สามารถให้บริการในการจัดเก็บขยะของเสีย เพราะ “ถนน” นั้นแคบเกินไป แทนที่จะละเลยคนเหล่านี้หรือรื้อถอนสลัมที่มีอยู่ทิ้งไป Jaime Lerner ได้เริ่มโครงการในการแลกถุงเครื่องใช้ของชำและบัตรโดยสารสำหรับถุงใส่ขยะที่นำมาแลก สลัมจึงสะอาดขึ้นมาก ทำนองเดียวกัน Curitiba มีอ่าวในบริเวณใกล้เคียงเป็นพื้นที่ทิ้งขยะ ซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงมากในการทำความสะอาด Jaime Lerner จึงเริ่มโครงการจ่ายเงินให้ชาวประมงสำหรับขยะที่พวกเขาเก็บมาได้ (ตามน้ำหนัก) ด้วยวิธีนี้พวกเขาสามารถหาเงินได้ แม้จะอยู่นอกฤดูจับปลา และเป็นรายได้เสริม สามารถทำให้ Curitiba ประหยัดเงินในการจัดการขยะดังกล่าวได้มากมาย

Jaime Lerner ยังได้จัดตั้งโครงการด้านสังคมและการศึกษาที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ มากมาย เด็กในพื้นที่สามารถฝึกงานกับเจ้าหน้าที่ของเทศบาลได้หากไม่ต้องการไปโรงเรียน แม้ว่าวาระของเขาในฐานะนายกเทศมนตรีจะไม่ได้ปราศจากความขัดแย้ง แต่ Curitiba ก็ไม่มีกลุ่มนักเลงอันธพาลเช่นเมืองใหญ่อย่าง Rio de Janeiro

กระบวนการพัฒนา Curitiba ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถแบ่งช่วงทศวรรษแห่งการพัฒนามีความก้าวหน้าตามลำดับดังนี้...

ทศวรรษแรก ยุคแห่งขยายตัวอย่างรวดเร็วและไร้ทิศทาง ในปี พ.ศ. 2511 นายกเทศมนตรี Ivo Arzua สั่งการให้เตรียมเมือง Curitiba สำหรับการขยายตัวในอนาคต มีทีมสถาปนิก นักผังเมืองจากมหาวิทยาลัย Paraná นำโดย Jaime Lerner รับผิดชอบจัดทำแผนแม่บท Curitiba มีสาระสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ (1) ลดการขยายตัวอย่างไร้ทิศทาง (2) ลดการจราจรบริเวณใจกลางเมือง (3) อนุรักษ์พื้นที่ประวัติศาสตร์ และ (4) จัดระบบขนส่งมวลชนที่เข้าถึงง่ายและราคาถูก (BRT : Bus Rapid Transit) ใน 5 สายทางที่กระจายออกจากศูนย์กลางเมือง

ทศวรรษที่ 2 การปฏิบัติตามแผนแม่บท ในปี พ.ศ. 2514 Jaime Lerner ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรี ได้สร้างนวัตกรรมในการพัฒนาเมืองโดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม และงบประมาณไม่มากนัก เขาตั้งหน่วยวางแผนและผังเมืองเพื่อจัดระบบและพัฒนาฟื้นฟูเมือง ผลงานสำคัญได้แก่ ศูนย์กลางธุรกิจของเมือง เป็นถนนคนเดินสายแรกของบราซิล และเริ่มพัฒนาเขตอุตสาหกรรมบริเวณนอกเมือง

ทศวรรษที่ 3 ยุคสมัยแห่งสิ่งแวดล้อม Curitiba ได้จัดทำโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและโครงการทางสังคมจำนวนมากคุ้มครองพื้นที่สีเขียวจากการพัฒนา ขยายระบบขนส่งมวลชน BRT และจัดตั้งกลไกบริหารระดับภาคเพื่อกระจายอำนาจและการตัดสินใจสู่ท้องถิ่น

ทศวรรษที่ 4 การยอมรับในฐานะเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปี พ.ศ. 2533 Curitiba ได้รับรางวัลด้านสิ่งแวดล้อมจากองค์การสิ่งแวดล้อมโลก และในปี พ.ศ. 2535 Curitiba เป็นสถานที่จัด World Cities Forum มีการสร้างสวนพฤกษศาสตร์แห่งใหม่และโรงโอเปร่าบริเวณเหมืองเก่า มีอุตสาหกรรมรถยนต์เป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่ตั้งในเขตอุตสาหกรรมของเมือง

ทศวรรษที่ 5 อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเริ่มมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจเมือง เพิ่มรถเมล์ชมเมืองในระบบ BRT เทศบาลเริ่มสร้างสวนเทคโนโลยีเพื่อดึงดูดธุรกิจสมัยใหม่ และลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีพลังงานทางเลือก ในปี 2553 Curitiba ได้รับรางวัล Globe Sustainable City Award ในฐานะเทศบาลที่มีความโดดเด่นในการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน และได้รับยกย่องจาก นิตยสารรีดเดอร์ส์ไดเจสต์ ได้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในบราซิล

ย่านใจกลางเมือง Curitiba

ปัจจุบัน Curitiba เป็นเมืองที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกในฐานะต้นแบบของการพัฒนาเมืองที่ดี และมีนโยบายสิ่งแวดล้อมที่ก้าวหน้า นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 เทศบาล Curitiba ได้ริเริ่มระบบขนส่งมวลชนแบบ BRT เพิ่มสวนสาธารณะมากกว่า 24 แห่ง เพื่อสันทนาการและเป็นแก้มลิง และรองรับน้ำที่จะไหลบ่าท่วมในเมือง รวมทั้งเพิ่มพื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากรจาก 0.5 ตารางเมตรต่อคน เป็น 52 ตารางเมตรต่อคน

สวนสาธารณะของ Curitiba

เส้นทางหลักและที่จอดรถ BRT: ระบบการขนส่งหลักของ Curitiba

Curitiba ยังมีรถโดยสาร 2-3 ตอนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยาวถึง 28 เมตร และรองรับผู้โดยสารได้ 250 คน และใช้เชื้อเพลิงชีวภาพจากถั่วเหลืองเท่านั้น ซึ่งช่วยลดการปล่อยมลพิษได้ถึง 50%

>> รถโดยสารด่วนพิเศษ

หนึ่งในความสำเร็จของ Curitiba คือระบบขนส่งมวลชนด้วยรถประจำทาง หนึ่งในนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ Curitiba สร้างคือระบบขนส่งมวลชนด้วยรถประจำทาง (ระบบขนส่งมวลชนทางด่วน Rede Integrada de Transporte หรือ “Speedy bus” หรือ Bus Rapid Transit : BRT) การขนส่งสาธารณะของ Curitiba ประกอบด้วยรถประจำทางทั้งหมด ถือเป็นระบบขนส่งมวลชนทางด่วน (BRT) แห่งที่สองของโลก โดยเริ่มในปี พ.ศ. 2517

ความนิยมใช้ BRT ของ Curitiba ส่งผลต่อการเปลี่ยนรูปแบบจากการเดินทางด้วยรถยนต์เป็นการเดินทางโดยรถประจำทาง จากผลการสำรวจผู้ใช้ BRT ในปี พ.ศ. 2534 ประมาณว่าการนำ BRT มาใช้ทำให้การเดินทางด้วยรถยนต์ลดลงประมาณ 27 ล้านครั้งต่อปี ซึ่งช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้กว่า 27 ล้านลิตรต่อปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 28% ของผู้ใช้ BRT เคยขับรถยนต์เอง เมื่อเปรียบเทียบกับเมืองขนาดเดียวกันอื่น ๆ ของบราซิลแล้ว Curitiba ใช้เชื้อเพลิงต่อหัวน้อยลงประมาณ 30% ส่งผลให้เป็นเมืองที่มีอัตรามลพิษทางอากาศต่ำที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ

รถโดยสารประมาณ 1,100 คันให้บริการ 12,500 เที่ยวทุกวัน ให้บริการผู้โดยสารมากกว่า 1.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 50 เท่าตัวจาก 20 ปีที่แล้ว 80% ของผู้เดินทางใช้บริการรถประจำทาง เป็นค่าใช้จ่ายประมาณ 10% ของรายได้ของพวกเขา ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศมาก และ Curitiba ยังมีรถโดยสาร 2-3 ตอนที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีความยาวถึง 28 เมตร และสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 250 คน และใช้เชื้อเพลิงชีวภาพจากถั่วเหลืองเท่านั้น ซึ่งช่วยลดการปล่อยมลพิษได้ถึง 50%

BRT ของเมือง Curitiba มีที่รอสำหรับขึ้นรถสูงเสมอรถไม่เสียเวลาก้าวขึ้น-ลง

นอกจากนี้ ในส่วนของถนน ก็มีช่องทางด่วนสำหรับรถประจำทาง แถมรถประจำทางที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ก็ช่วยให้การขึ้นรถทำได้อย่างรวดเร็ว ราคาตั๋วราคาถูกและมีความถี่ที่สม่ำเสมอ ช่วยให้ Curitiba สามารถบริหารจัดการระบบขนส่งมวลชนที่รวดเร็ว ราคาถูก และปล่อยมลพิษต่ำได้

ขณะเดียวกันถนนที่เมืองสร้างไว้ ก็เพื่อคนเดินถนนเท่านั้นและเลนจักรยานที่กำหนดก็มีส่วนทำให้เกิดสิ่งนี้เช่นกัน โดยเดิมที Curitiba ได้รับงบประมาณจากรัฐบาลกลางเพื่อสร้างระบบรถไฟใต้ดิน แต่ Curitiba ไม่ใช่เมืองเล็ก ๆ ซึ่ง Jaime Lerner ค้นพบว่า "รางหนัก" เช่นของรถไฟใต้ดินมีค่าใช้จ่ายสูงเป็นสิบเท่าของ "รางเบา" (รถราง) ซึ่งในทางกลับกันยังมีค่าใช้จ่ายเป็นสิบเท่าของรถประจำทาง และจะมีเส้นทางประจำของรถประจำทาง เป็นการเฉพาะ ทั้งเทศบาล Curitiba ยังได้สร้างจุดจอดพักต่าง ๆ ให้สวยงามด้วยรูปลักษณ์และความรู้สึก โดยทุกแห่งมีอุปกรณ์สำหรับผู้พิการ มีการกระตุ้นจูงใจให้บริษัทเอกชนให้บริการรถรถประจำทาง เทศบาล Curitiba ควบคุมเส้นทางและค่าโดยสาร ในขณะที่บริษัทเอกชนจ้างคนขับรถตลอดจนบำรุงรักษาอุปกรณ์ รวมทั้งมีการวางรูปแบบการใช้ที่ดินในเมือง Curitiba สนับสนุนระบบขนส่งมวลชนตามธรรมชาติ อาคารริมทางขึ้นรถประจำทางโดยเฉพาะสูงไม่เกินหกชั้น แล้วค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าสู่บ้านชั้นเดียวภายในไม่กี่ช่วงตึก

ความหนาแน่นที่ผสมกันนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่า จะมีจำนวนผู้ใช้เพียงพอภายในระยะที่เดินไปยังและกลับจากป้ายรถเมล์โดยสารได้ เวลาเฉลี่ยที่ผู้คนเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะใน Curitiba ไปและกลับจากที่ทำงานในวันธรรมดาคือ 72 นาที 21% ของผู้โดยสารระบบขนส่งสาธารณะใช้เวลาในการเดินทางมากกว่า 2 ชั่วโมงทุกวัน เวลาเฉลี่ยที่ผู้คนรอรถที่ป้ายหรือสถานีคือ 17 นาที ในขณะที่ผู้ใช้ 33% รอนานกว่า 20 นาทีโดยเฉลี่ยทุกวัน ระยะทางเฉลี่ยที่ผู้คนใช้ในการเดินทางเที่ยวเดียวโดยระบบขนส่งสาธารณะคือ 7 กิโลเมตร ในขณะที่ 12% เดินทางมากกว่า 12 กิโลเมตรในเที่ยวเดียว

ย่านของใจกลางเมือง Curitiba

>> ปัจจัยแห่งความสำเร็จของ Curitiba

ความสำเร็จของเมือง Curitiba อยู่ที่ความเรียบง่ายของเทคโนโลยีที่ใช้ การยึดคนเป็นศูนย์กลาง แฝงด้วยพลังของความกล้าหาญในการตัดสินใจ และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง สิ่งสำคัญเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์สูงสุดจากการบูรณาการระบบขนส่งมวลชน แผนการใช้ที่ดิน และการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่สนับสนุนซึ่งกันและกันในการยกระดับคุณภาพชีวิต ปัจจัยความสำเร็จของเมือง Curitiba ที่น่าสนใจ ได้แก่…

การเน้นระบบขนส่งมวลชน เป็นแกนหลักในการพัฒนา Curitiba เป็นเมืองที่สองของโลกที่ใช้ระบบ BRT และชาว Curitiba ส่วนใหญ่ก็ใช้รถประจำทาง ปริมาณการใช้ระบบขนส่งมวลชนจึงมีจำนวนสูงกว่า 2.1 ล้านคนต่อเที่ยวต่อวัน ค่าโดยสารของผู้โดยสารระยะสั้นจะถูกนำมาอุดหนุนเส้นทางโดยสารระยะยาว ทำให้การเสียค่าโดยสารในแต่ละครั้งสามารถเดินทางได้ถึง 70 กม.

การแก้ปัญหาน้ำท่วมตามศักยภาพพื้นที่ Curitiba มีปัญหาน้ำท่วมอย่างรุนแรง เนื่องจากมีทางน้ำมาก ทั้งยังเป็นพื้นที่ลุ่ม เทศบาลจึงนำทางน้ำและที่ลุ่มเหล่านี้มาทำเป็นสวนสาธารณะ เป็นแก้มลิงและพื้นที่รองรับน้ำ สำหรับแก้ปัญหาน้ำท่วม ในช่วงปี พ.ศ. 2533 - 2542 Curitiba ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมืองหลวงเชิงนิเวศ” ของบราซิล มีสวนสาธารณะใหม่ 6 แห่ง มีสวนพฤกษ์ศาสตร์ใหม่ และพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น 8 แห่งคิดเป็นพื้นที่สีเขียวรวม 8 ล้านตารางเมตร

การรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพ Curitiba สามารถรีไซเคิลขยะได้ถึงร้อยละ 70 โดยแต่ละวันสามารถรีไซเคิลขยะมูลฝอยได้ถึง 2 ใน 3 มีโครงการให้คนจนนำขยะมาแลกตั๋วรถเมล์และอาหารที่ศูนย์ชุมชน เป็นการลดค่าครองชีพของคนจน ลดขยะในเมือง และลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค จัดโครงการให้เด็กนำขยะมาแลกเครื่องเขียน ของเล่น และตั๋วชมการแสดง สัปดาห์ละครั้ง โดยเทศบาลจะส่งรถไปรับขยะที่แยกแล้วตามบ้าน เฉพาะการรีไซเคิลกระดาษ ทำให้ไม่ต้องตัดต้นไม้อย่างน้อย 1,200 ต้นต่อวัน เทศบาลนำเงินที่ขายวัสดุจากการแยกขยะไปใช้ในการจัดบริการสังคมและสุขภาพให้คนยากจน นอกจากนี้ เทศบาลจ้างคนไร้บ้านและผู้ป่วยติดเหล้าเป็นคนคัดแยกขยะในโรงงานเพื่อช่วยเหลือบรรดาผู้คนที่ประสบปัญหา

การส่งเสริมเศรษฐกิจของเมือง เทศบาลเปลี่ยนถนนใจกลางเมืองให้เป็นถนนคนเดิน มีศูนย์การค้าที่เปิด 24 ชั่วโมง มีร้านรวงขายสินค้า ภัตตาคาร ร้านกาแฟ มีต้นไม้และดอกไม้ริมทางที่ดูแลโดยเด็กข้างถนน

ผู้นำที่มีคุณภาพ ระบบคิดแบบองค์รวม และความต่อเนื่องตามนโยบายของ Jaime Lerner สถาปนิกและอดีตนายกเทศมนตรี 3 สมัย ปัจจุบันมีพันธกิจในการขยายผลเมืองต้นแบบนี้ไปสู่เมืองต่าง ๆ ทั่วโลก Cassio Taniguchi วิศวกรโยธาและอดีตนายกเทศมนตรีเป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้นำพาเมือง Curitiba ก้าวสู่ศตวรรษใหม่แห่งการเจริญเติบโต สถาบันการวิจัยและวางแผนเมืองแห่ง Curitiba ทำหน้าที่กำกับดูแล และสร้างความต่อเนื่องของโครงการพัฒนาที่สำคัญ

ส่วนสำคัญที่สุดเป็นประชาชน ผู้มีส่วนร่วมคิด ตัดสินใจและสนับสนุนการทำงานของเทศบาล และมีความภาคภูมิใจในเมืองของพวกเขา ผู้คนชาวเมืองนี้ถือว่า Curitiba เป็นเมืองของทุกคน

>> บทสรุป

Curitiba ได้พิสูจน์ว่าโครงการที่ดีนั้นไม่จำเป็นต้องลงทุนสูงเสมอไป นอกจากนี้ Curitiba เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า การพัฒนาเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในประเทศกำลังพัฒนาเป็นสิ่งที่ทำได้ เพียงแต่ต้องตระหนักว่า การพัฒนาเป็นเรื่องที่มีพลวัต และต้องมีการวางแผนและพัฒนาแบบล่างขึ้นบน ด้วยเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประชาชน จึงต้องให้ประชาชนส่วนใหญ่เข้ามามีส่วนร่วม

Jaime Lerner ในฐานะผู้ว่าการรัฐ Paraná ใช้นโยบายดึงดูดการลงทุนเพื่อเปลี่ยนรัฐให้เป็นหนึ่งในศูนย์กลางอุตสาหกรรมของบราซิล ซึ่งสามารถสร้างเม็ดเงินลงทุนได้กว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างปี พ.ศ. 2538-2544 ด้วยประสบการณ์ในการบริหารจัดการ Curitiba ทำให้ Jaime Lerner มุ่งความสนใจไปยังประเด็นต่าง ๆ เช่น การขนส่ง การศึกษา สุขภาพ สุขาภิบาล สันทนาการในยามว่าง และการพัฒนารัฐ Paraná เข้าสู่เขตอุตสาหกรรม ซึ่งเขาได้รับรางวัล Lerner the Child and Peace Prize จาก UNICEF ในปี พ.ศ. 2539 สำหรับโครงการต่าง ๆ ของเขา อาทิ ‘Da Rua para a Escola’ (From the Street to School : จากถนนสู่โรงเรียน), ‘Protogendo a Vida’ (Protecting Life : การปกป้องชีวิต) และ ‘Universidade do Professor’ (ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย)

ต่อมาในปี พ.ศ. 2554 Jaime Lerner ถูกตัดสินจำคุกสามปีครึ่งในข้อหายกเลิกการประกวดราคาสาธารณะอย่างผิดกฎหมายในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐ Paraná แต่เขาก็ไม่ได้ถูกจำคุกเนื่องจากอายุมาก ในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหภาพสถาปนิกนานาชาติ เมื่อกรกฎาคม พ.ศ. 2545 Jaime Lerner ได้รับเลือกเป็นประธานสหภาพสถาปนิกนานาชาติวาระสามปี นอกจากนั้นแล้ว สหภาพสถาปนิกนานาชาติ ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์ด้านการวางผังเมืองและการพัฒนาภูมิภาคจาก Universidade Federal do Paraná ซึ่งเขาเป็นศิษย์เก่าด้วย และทั้งยังเป็นศาสตราจารย์รับเชิญ (Visiting Professor) ของ University of California, Berkeley สหรัฐอเมริกา และในเดือนเมษายน พ.ศ. 2548 Jaime Lerner ได้เข้าร่วมการประชุม Symposium of China Bus Rapid Transit Initiative (Shanghai) เพื่อส่งเสริมโครงการ BRT ในเมืองใหญ่ของจีน เขาถูกสัมภาษณ์เป็นพิเศษจนทำให้กลายเป็นผลกระทบต่อแนวคิดของนายกเทศมนตรีและนักวางผังเมืองทั่วประเทศจีน Jaime Lerner ยังเป็นสมาชิกคณะกรรมการของสถาบันทรัพยากรโลกอีกด้วย Jaime Lerner เสียชีวิตด้วยโรคไตเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 สิริอายุ 83 ปี

แต่ที่น่าสนใจและเป็นน่าสังเกตอย่างสำคัญ คือ การเข้าสู่วงการเมืองของ Jaime Lerner ในสมัยแรกของการเป็นนายกเทศมนตรี Curitiba ในปี พ.ศ. 2514 เขาได้รับการแต่งตั้งโดยผู้ว่าการรัฐ Paraná ที่มาจากรัฐบาลเผด็จการทหารของบราซิลในขณะนั้น


👍 ติดตามผลงาน อาจารย์โญธิน มานะบุญ เพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/author/ดร.โญธิน%20มานะบุญ