Monday, 6 May 2024
บราซิล

อยากได้ผู้ว่ากรุงเทพฯ แบบนี้!! รู้จัก Jaime Lerner สุดยอดนายกเทศมนตรีแห่ง Curitiba บราซิล ผู้เปลี่ยนเมืองแห่งความสิ้นหวัง เป็นแดนศิวิไลซ์ที่ใครก็อยากเลียนแบบ

การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครครั้งที่ 11 ที่จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 พี่น้องชาวกทม. อยากได้ผู้ว่าฯ เข้ามาบริหารจัดการกรุงเทพมหานครแบบไหนกันครับ

ถ้ายังไม่แน่ใจ ผมขอแนะนำให้ลองเลือกผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่มีคุณลักษณะแบบ Jaime Lerner ผู้เป็นสุดยอดนายกเทศมนตรีแห่ง Curitiba บราซิล

ว่าแต่ Jaime Lerner เป็นใคร? แล้วเขาสุดยอดแค่ไหน ลองมาดูผลงานและประวัติของเขากันดูครับ

Jaime Lerner (17 ธันวาคม พ.ศ. 2480 - 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2564) เป็นนักการเมืองชาวบราซิล เคยเป็นผู้ว่าการรัฐ Paraná มีชื่อเสียงในฐานะสถาปนิกและนักวางผังเมือง อีกทั้งยังเคยเป็นนายกเทศมนตรีเมือง Curitiba เมืองหลวงของรัฐ Paraná ถึง 3 สมัย (พ.ศ. 2514-2518, พ.ศ. 2522-2527 และ พ.ศ. 2533-2535)

ในปี พ.ศ. 2537 Jaime Lerner ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าการรัฐ Paraná และได้รับเลือกอีกครั้งในปี พ.ศ. 2541 โดยอดีตนายกเทศมนตรีแห่ง Curitiba เมืองหลวงของรัฐ Paraná นั้น มีดีกรีเป็นนักวางผังเมืองและสถาปนิก ที่มีชื่อเสียงอย่างมาก จากการช่วยออกแบบทางเดินในเมือง, ถนน และการขนส่งสาธารณะส่วนใหญ่ของ Curitiba เช่น Rede Integrada de Transporte ในปี พ.ศ. 2508 เขาช่วยก่อตั้ง Instituto de Pesquisa e Planejamento Urbano de Curitiba หรือ IPPUC (สถาบันการวางผังเมืองและการวิจัยแห่ง Curitiba) และออกแบบแผนแม่บทของ Curitiba

ครั้งหนึ่งราว 50 ปีก่อน Curitiba เคยเป็นเมืองที่สิ้นหวังไม่ต่างจากเมืองอื่น ๆ ในโลกนี้ เพราะเต็มไปด้วยปัญหานานัปการ แต่ปัญหาต่าง ๆ กลับเปลี่ยนไป โดยปัจจุบัน Curitiba เป็นเมืองหนึ่งในประเทศกำลังพัฒนาที่ติดอันดับเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง แถมยังเป็นเมืองสำหรับประชาชน ไม่ใช่สำหรับรถ และถูกจัดให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในอเมริกาใต้ ในการจัดอันดับเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้ง ๆ ในช่วงที่ผ่านมา เหล่าเมืองที่ติดอันดับหนึ่งในสิบเกือบทั้งหมด มักอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น แคนาดา, ออสเตรเลีย, สหรัฐอเมริกา, เยอรมัน, เดนมาร์ก เป็นต้น แต่มีเมืองหนึ่งในประเทศกำลังพัฒนาติดอันดับอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ Curitiba ของบราซิล

สวนสาธารณะของเมือง Curitiba

Curitiba เป็นเมืองหลวงของรัฐ Paraná ตั้งอยู่ตอนใต้ของประเทศบราซิล สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2236 เป็นเมืองขนาดกลาง มีพื้นที่ 432 ตารางกิโลเมตร มีขนาดเศรษฐกิจเป็นลำดับที่ 4 ของประเทศบราซิล ประชากร 1.9 ล้านคน และหากรวมพื้นที่เชื่อมต่อเขตมหานครมีประชากรถึง 3.3 ล้านคน

แกะเทศบาลแห่ง Curitiba

ในฐานะนายกเทศมนตรี Jaime Lerner ใช้วิธีในการแก้ปัญหานอกแบบเพื่อรับมือกับความท้าทายทางภูมิศาสตร์ของ Curitiba เช่นเดียวกับเมืองอื่นๆ Curitiba ล้อมรอบด้วยที่ราบน้ำท่วมถึง เมืองที่มั่งคั่งกว่าในสหรัฐอเมริกา เช่น New Orleans หรือ Sacramento ได้สร้างระบบเขื่อนในเขตที่ราบน้ำท่วมถึงที่มีราคาแพงและมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูง แต่ในทางตรงกันข้าม Curitiba ได้ซื้อที่ดินในเขตที่ราบน้ำท่วมถึง และสร้างเป็นสวนสาธารณะ ปัจจุบันเมืองนี้ติดอันดับเมืองชั้นนำของโลกที่มีพื้นที่สวนสาธารณะต่อหัวสูง Curitiba เคยมีปัญหาเรื่องสถานะความเป็นเมืองของโลกที่สาม ขาดงบประมาณจนไม่สามารถซื้อรถแทรกเตอร์และน้ำมันเชื้อเพลิงเติมรถเพื่อตัดหญ้าในสวนสาธารณะที่มีอยู่ได้ แต่ได้รับการตอบสนองที่เป็นนวัตกรรมใหม่คือ "แกะเทศบาล" ที่ควบคุมดูแลพืชพันธุ์ในสวนสาธารณะ และขายขนแกะเป็นทุนสำหรับโครงการต่างๆ เพื่อเด็กและเยาวชน

เมื่อ Jaime Lerner เป็นนายกเทศมนตรี ในเขตเทศบาล Curitiba มีพื้นที่บางส่วนซึ่งไม่สามารถให้บริการในการจัดเก็บขยะของเสีย เพราะ “ถนน” นั้นแคบเกินไป แทนที่จะละเลยคนเหล่านี้หรือรื้อถอนสลัมที่มีอยู่ทิ้งไป Jaime Lerner ได้เริ่มโครงการในการแลกถุงเครื่องใช้ของชำและบัตรโดยสารสำหรับถุงใส่ขยะที่นำมาแลก สลัมจึงสะอาดขึ้นมาก ทำนองเดียวกัน Curitiba มีอ่าวในบริเวณใกล้เคียงเป็นพื้นที่ทิ้งขยะ ซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงมากในการทำความสะอาด Jaime Lerner จึงเริ่มโครงการจ่ายเงินให้ชาวประมงสำหรับขยะที่พวกเขาเก็บมาได้ (ตามน้ำหนัก) ด้วยวิธีนี้พวกเขาสามารถหาเงินได้ แม้จะอยู่นอกฤดูจับปลา และเป็นรายได้เสริม สามารถทำให้ Curitiba ประหยัดเงินในการจัดการขยะดังกล่าวได้มากมาย

Jaime Lerner ยังได้จัดตั้งโครงการด้านสังคมและการศึกษาที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ มากมาย เด็กในพื้นที่สามารถฝึกงานกับเจ้าหน้าที่ของเทศบาลได้หากไม่ต้องการไปโรงเรียน แม้ว่าวาระของเขาในฐานะนายกเทศมนตรีจะไม่ได้ปราศจากความขัดแย้ง แต่ Curitiba ก็ไม่มีกลุ่มนักเลงอันธพาลเช่นเมืองใหญ่อย่าง Rio de Janeiro

กระบวนการพัฒนา Curitiba ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถแบ่งช่วงทศวรรษแห่งการพัฒนามีความก้าวหน้าตามลำดับดังนี้...

ทศวรรษแรก ยุคแห่งขยายตัวอย่างรวดเร็วและไร้ทิศทาง ในปี พ.ศ. 2511 นายกเทศมนตรี Ivo Arzua สั่งการให้เตรียมเมือง Curitiba สำหรับการขยายตัวในอนาคต มีทีมสถาปนิก นักผังเมืองจากมหาวิทยาลัย Paraná นำโดย Jaime Lerner รับผิดชอบจัดทำแผนแม่บท Curitiba มีสาระสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ (1) ลดการขยายตัวอย่างไร้ทิศทาง (2) ลดการจราจรบริเวณใจกลางเมือง (3) อนุรักษ์พื้นที่ประวัติศาสตร์ และ (4) จัดระบบขนส่งมวลชนที่เข้าถึงง่ายและราคาถูก (BRT : Bus Rapid Transit) ใน 5 สายทางที่กระจายออกจากศูนย์กลางเมือง

ทศวรรษที่ 2 การปฏิบัติตามแผนแม่บท ในปี พ.ศ. 2514 Jaime Lerner ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรี ได้สร้างนวัตกรรมในการพัฒนาเมืองโดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม และงบประมาณไม่มากนัก เขาตั้งหน่วยวางแผนและผังเมืองเพื่อจัดระบบและพัฒนาฟื้นฟูเมือง ผลงานสำคัญได้แก่ ศูนย์กลางธุรกิจของเมือง เป็นถนนคนเดินสายแรกของบราซิล และเริ่มพัฒนาเขตอุตสาหกรรมบริเวณนอกเมือง

ทศวรรษที่ 3 ยุคสมัยแห่งสิ่งแวดล้อม Curitiba ได้จัดทำโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและโครงการทางสังคมจำนวนมากคุ้มครองพื้นที่สีเขียวจากการพัฒนา ขยายระบบขนส่งมวลชน BRT และจัดตั้งกลไกบริหารระดับภาคเพื่อกระจายอำนาจและการตัดสินใจสู่ท้องถิ่น

ทศวรรษที่ 4 การยอมรับในฐานะเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปี พ.ศ. 2533 Curitiba ได้รับรางวัลด้านสิ่งแวดล้อมจากองค์การสิ่งแวดล้อมโลก และในปี พ.ศ. 2535 Curitiba เป็นสถานที่จัด World Cities Forum มีการสร้างสวนพฤกษศาสตร์แห่งใหม่และโรงโอเปร่าบริเวณเหมืองเก่า มีอุตสาหกรรมรถยนต์เป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่ตั้งในเขตอุตสาหกรรมของเมือง

ทศวรรษที่ 5 อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเริ่มมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจเมือง เพิ่มรถเมล์ชมเมืองในระบบ BRT เทศบาลเริ่มสร้างสวนเทคโนโลยีเพื่อดึงดูดธุรกิจสมัยใหม่ และลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีพลังงานทางเลือก ในปี 2553 Curitiba ได้รับรางวัล Globe Sustainable City Award ในฐานะเทศบาลที่มีความโดดเด่นในการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน และได้รับยกย่องจาก นิตยสารรีดเดอร์ส์ไดเจสต์ ได้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในบราซิล

ย่านใจกลางเมือง Curitiba

ปัจจุบัน Curitiba เป็นเมืองที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกในฐานะต้นแบบของการพัฒนาเมืองที่ดี และมีนโยบายสิ่งแวดล้อมที่ก้าวหน้า นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 เทศบาล Curitiba ได้ริเริ่มระบบขนส่งมวลชนแบบ BRT เพิ่มสวนสาธารณะมากกว่า 24 แห่ง เพื่อสันทนาการและเป็นแก้มลิง และรองรับน้ำที่จะไหลบ่าท่วมในเมือง รวมทั้งเพิ่มพื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากรจาก 0.5 ตารางเมตรต่อคน เป็น 52 ตารางเมตรต่อคน

ราคา ‘กาแฟ’ ทั่วโลกเตรียมพุ่ง หลัง ‘บราซิล’ ผลิตได้ลดลง เซ่นโลกร้อน

จากสภาพอากาศเลวร้ายแบบสุดขั้วที่กำลังเกิดขึ้นในโลก เริ่มส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตเมล็ดกาแฟในประเทศผู้ผลิตชั้นนำบางแห่งอย่างเด่นชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ‘บราซิล’

ยิ่งไปกว่านั้น ผลกระทบสืบเนื่องจากผลผลิตกาแฟที่ลดลงในบราซิล ซึ่งเป็นผู้ปลูกที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงเป็นประเทศที่ส่งออก กาแฟมากที่สุดในโลก ก็อาจจะทำให้ราคากาแฟทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ภายหลังจากสภาพอากาศเลวร้ายที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว รวมถึงต้นทุนปุ๋ย และพลังงานที่ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้เมื่อปีที่แล้ว บราซิลประสบกับ ‘ภัยแล้ง’ และ ‘ปรากฏการณ์น้ำค้างแข็ง’ ส่งผลให้ปริมาณการผลิตกาแฟในประเทศรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (ช่วงก.ค.64-65) อยู่ที่ 35.7 ล้านถุง น้อยกว่าในช่วงเดียวกันเมื่อสองปีที่แล้ว ที่ผลิตได้มากถึง 48.7 ล้านถุง

จากผลผลิตที่ลดลง กระทบต่อราคากาแฟที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีราคาอยู่ที่ 2.59 ดอลลาร์ต่อปอนด์ แพงกว่าปีที่แล้วถึง 18.06% แม้ราคาจะเริ่มลดลงมาบ้าง แต่ก็ยังอยู่ที่ค่าเฉลี่ยราว 2.23 ดอลลาร์ต่อปอนด์ 

บราซิล สั่งห้ามขายไอโฟนหากไร้ที่ชาร์จ ปรับเงินอีกราว 87 ลบ. เหตุไม่แถมที่ชาร์จ

รัฐบาลบราซิล มีคำสั่งห้ามบริษัทแอปเปิล อิงค์ จำหน่าย iPhone ซึ่งไม่มีที่ชาร์จแบตเตอรีมาพร้อมกับตัวเครื่อง โดยระบุว่าทางบริษัทได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าที่ไม่สมบูรณ์ให้แก่ผู้บริโภค

ทั้งนี้ กระทรวงยุติธรรมบราซิลสั่งปรับบริษัทแอปเปิลเป็นเงิน 12.275 ล้านเรอัล (2.38 ล้านดอลลาร์) หรือราว 87 ล้านบาท พร้อมกับสั่งให้แอปเปิลยกเลิกการจำหน่าย iPhone 12 หรือ iPhone รุ่นที่ใหม่กว่า รวมทั้งห้ามการจำหน่าย iPhone ทุกรุ่นที่ไม่ได้มาพร้อมกับที่ชาร์จแบตเตอรี

คำสั่งของกระทรวงยุติธรรมระบุว่า "การที่แอปเปิลจำหน่าย iPhone ที่ขาดอุปกรณ์สำคัญถือเป็นพฤติกรรมที่จงใจในการเลือกปฏิบัติต่อผู้บริโภค"

นอกจากนี้ กระทรวงฯยังได้ปฏิเสธข้ออ้างของแอปเปิลที่ระบุว่า การที่บริษัทจำหน่าย iPhone ซึ่งไม่มีที่ชาร์จแบตเตอรีมาพร้อมกับตัวเครื่องก็เพื่อลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งกระทรวงฯยืนยันว่า ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่า การจำหน่าย iPhone ซึ่งไม่มีที่ชาร์จแบตเตอรีจะช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด

ศึกชิงประธานาธิบดีบราซิล สองสิงห์ชิงตั่งนั่ง อาจซ้ำรอยประธานาธิบดีผมเป๋แห่งสหรัฐฯ

อย่าเพิ่งมองบน คิดว่าแอดมินเอาข่าวเก่ามาเสนอ เรื่องนี้ยังไม่จบนะ ช่วยจำชื่อแบบบราซิลหน่อย ประธานาธิบดีคนปัจจุบันจอมเบียว ชอบทำเก่ง ไม่ใส่หน้ากากอนามัยช่วงโควิดระบาด จนติดโควิดเองนี่ชื่อ 'ฌาอีร์ โบลโซนารู'

ส่วนคนที่เข้ามาชกชิงแชมป์เข็มขัดประธานาธิบดีคนใหม่ที่คะแนนสูสีนี้ชื่อ 'ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา' จำง่าย ๆ ว่าประธานาธิบดีคนปัจจุบันมี “รู” เดียว ส่วนผู้ท้าชิงนั้นมีดีกรีเป็นอดีตประธานาธิบดีมีสอง “ลู” 

ผลการเลือกตั้งคือ พี่สองลู อดีตประธานาธิบดี ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวาได้คะแนน 48.4% แต่ยังไม่ถึงครึ่ง จนสามารถคว่ำพี่รูเดียว ฌาอีร์ โบลโซนารู ประธานาธิบดีคนปัจจุบันได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด  

จะว่าไปไม่รู้ว่าคนไหนดีกว่ากัน เพราะอดีตประธานาธิบดีสองลู ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา เคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่ถูกจำคุกในข้อหาคอร์รัปชัน

ส่วนพี่รูเดียวก็ใช่ย่อย ประธานาธิบดีคนปัจจุบันคือโบลโซนารูถูกกล่าวหาว่าทำลายสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและจัดการวิกฤตโควิด-19 ผิดพลาดขั้นร้ายแรง จนคนบราซิลตายเป็นเบือถึง 700,000 คน  เพราะ ขัดขวางโครงการวัคซีนโควิด-19 

ม็อบหนุนอดีตประธานาธิบดี บุกทำเนียบ ค้านผลเลือกตั้ง

(10 ม.ค. 66) กลุ่มผู้สนับสนุนนายฌาอีร์ โบลโซนารู อดีตประธานาธิบดีบราซิล ได้บุกรุกเข้าไปในสภาคองเกรส, ทำเนียบประธานาธิบดี และศาลสูงของบราซิลในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (8 ม.ค.) เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี

หลังจากนายลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีบราซิลในเดือนต.ค. 2565 ด้วยคะแนนโหวต 59.8 ล้านเสียง หรือคิดเป็น 50.86% แซงหน้านายโบลโซนารู ปธน.บราซิลในเวลานั้น ซึ่งได้รับคะแนนโหวต 57.8 ล้านเสียง หรือคิดเป็น 49.14% เป็นเหตุให้กลุ่มผู้สนับสนุนอดีตปธน.โบลโซนารูซึ่งเป็นอดีตผู้นำขวาจัดของบราซิล ได้แสดงความไม่พอใจต่อผลการเลือกตั้งในครั้งนี้

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปธน.ลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา แถลงว่าทางรัฐบาลได้ส่งเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงเข้าแทรกแซงสถานการณ์ในกรุงบราซิเลีย เมืองหลวงของบราซิล และจะทำการควบคุมสถานการณ์ไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค. หลังจากเบื้องต้นกองกำลังความมั่นคงของเมืองหลวงแห่งนี้ไม่สามารถรับมือกับพวกผู้บุกรุกได้

ในระหว่างการแถลงข่าวครั้งนี้ ปธน.ลูลาได้กล่าวโทษนายโบลโซนารู ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์จลาจล และยังตำหนิเกี่ยวกับมาตรการความมั่นคงที่ไม่เพียงพอในเมืองหลวง โดยกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ปล่อยให้กลุ่มคนที่ฝักใฝ่ฝ่ายซ้ายและและกลุ่มคนหัวรุนแรงสร้างความเสียหายร้ายแรง

‘จีน-บราซิล’ บรรลุข้อตกลงการค้า ใช้สกุลเงิน ‘หยวน-เรอัล’ หวังลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ หนุนการค้าทวิภาคีมากขึ้น

เมื่อวันพุธที่ 29 มี.ค. 66 รัฐบาลบราซิล ได้ประกาศว่า จีนและบราซิลบรรลุข้อตกลงการค้า โดยใช้สกุลเงินหยวนและเงินเรอัล ในการทำธุรกรรมกันโดยตรงแทนการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นสกุลเงินกลาง ซึ่งนับเป็นความพยายามล่าสุดของจีน ที่จะลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ในการค้าระหว่างประเทศ

ด้านสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนของบราซิล (ApexBrasil) แถลงว่า “ข้อตกลงนี้ เป็นที่คาดหวังว่าจะช่วยลดต้นทุน สนับสนุนการค้าทวิภาคียิ่งขึ้น และอำนวยความสะดวกในการลงทุน”

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวานนี้ (29 มี.ค. 66) ว่า จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของบราซิล โดยเมื่อปีที่แล้ว มีมูลค่าการค้าทวิภาคีสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1.505 แสนล้านดอลลาร์

ข้อตกลงดังกล่าว เกิดขึ้นหลังเสร็จสิ้นการประชุมภาคธุรกิจระดับสูงระหว่างจีน-บราซิล ในกรุงปักกิ่ง โดยก่อนหน้านี้มีการทำความตกลงเบื้องต้นระหว่างสองประเทศเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา

สยอง!! ‘หลาน’ เข็น ‘ศพลุง’ เข้าธนาคาร หวังกู้เงินแสน ตีเนียนทำท่าทีว่ายังไม่ตาย สุดท้ายถูกพนักงานจับได้ 

เมื่อวานนี้ (17 เม.ย.67) เพจเฟซบุ๊ก World Forum ข่าวสารต่างประเทศ ได้โพสต์ข้อความเหตุการณ์ในบราซิล โดยระบุว่า…

หลานสาวคนหนึ่งได้เข็นศพลุงไปธนาคาร เพื่อเซ็นสินเชื่อกู้เงินในชื่อของลุง โดยเธอตบตาเจ้าหน้าที่ธนาคารในเมืองรีโอเดจาเนโร (หลานสาวชื่อเอริกา เด ซูซา วิเอรา นูเนส)

ทั้งนี้ ขณะที่คอคุณลุงพับลงและตั้งไม่ตรง แต่หลานสาวก็พยายามที่จะตั้งคอขึ้น ซึ่งเธอใช้มือจับประคองไว้ และแกล้งทำเป็นกำลังพูดคุยกับลุง และบอกเขาเซ็นเอกสารเงินกู้ต่อหน้าพนักงาน

"คุณลุง ได้ยินหรือเปล่าคะ คุณลุงต้องเซ็นเอกสารนะ หนูเซ็นไม่ได้"

"เซ็นชื่อตรงนี้ และเลิกทำให้หนูปวดหัวได้แล้ว"

นั่นคือคำที่เธอแกล้งคุยกับลุงร่างที่ไร้วิญญาณ ซึ่งเธอทำเหมือนปฏิบัติกับคนปกติ

ซึ่งพนักงานธนาคารก็พูดว่า ฉันเห็นในสิ่งที่ไม่ถูกต้องไม่ใช่สิ่งถูกกฎหมาย ลุงดูไม่ค่อยสบาย และลุงหน้าซีดมาก

ทางด้านหลานสาวเอริกา ก็ตอบกลับว่า “ลุงก็เป็นปกติแบบนี้” และพูดกับลุงว่าไม่สบายหรือเปล่า จะกลับไปโรงบาลอีกไหม

จากนั้นพนักงานธนาคารเริ่มสงสัย และบันทึกคลิปของทั้งคู่ไว้ ก่อนจะเรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน

ทั้งนี้ สิ่งที่ช็อกที่สุดต่อมา หน่วยกู้ภัยยืนยันว่าเปาโล โรแบร์โต บรากา ชายวัย 68 ปี เสียชีวิตแล้ว ก่อนที่หลานสาวจะลากร่างลุงไปธนาคารด้วยรถเข็น ตำรวจจึงจับกุมเอริกา ในข้อหาหลอกลวง และเปิดเผยว่าเธอพยายามจะกู้เงิน 17,000 เรอัลบราซิล (119,090 บาท)


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top