'พงศ์พรหม' แนะ!! ปั้นหัวลำโพง ต้องสร้างสรรค์ อย่าฉาบฉวยและประเคนที่ดินสวยๆ ให้นายทุน

นายพงศ์พรหม ยามะรัต ได้โพสต์ข้อความลงเพจส่วนตน Pongprom Yamarat สะท้อนมุมมองการพัฒนาสถานีรถไฟหัวลำโพง ว่า 

เช้านี้ขอเสนอแนวทางการพัฒนา “หัวลำโพง” สู่การเป็น 
“ASEAN new Iconic Destination”

ต่อ รมว.คมนาคม คุณศักดิ์สยาม ชิดชอบ (ขออภัยที่ไม่เรียกว่าท่านนะครับ ผมว่าเราควรยุติการใช้สรรพนามว่า “ท่าน” กับนักการเมือง และข้าราชการได้แล้ว แต่ขอใช้คำว่า “คุณ” บนความเคารพแทน)

ยาวนิดนะครับ แต่เปลี่ยนประเทศได้เลย ผมยืนยัน

ผมมานั่งอ่านรายละเอียดแผนการพัฒนาหัวลำโพงฉบับกระทรวงคมนาคม ผมไม่รู้สึกผิดหวังอะไรเลย เพราะเจอมาตั้งแต่แนวทางการพัฒนามักกะสันสมัยนายกยิ่งลักษณ์ ที่จะเอามักกะสันไปทำศูนย์ประชุมเชย ๆ

เกือบ 10 ปี แนวคิดกระทรวงเมืองไทยก็ยังเป็นแบบเดิม คือ “ตัดป่าสัก ไปปลูกพืชมูลค่าต่ำเช่นข้าวโพด” อยู่เสมอ 

เช้านี้ผมขอเสนอบ้างนะครับ

1.) ท่านต้องเก็บการเดินรถไฟบางสาย โดยเฉพาะสายชานเมืองที่วิ่งเข้าหัวลำโพงครับ แค่ตัดรถไฟสายหลักออกไปอยู่บางซื่อ เส้นที่เก็บไว้ก็เหลือไม่ถึง 10% ของทั้งหมดแล้ว ไม่กระทบการจราจรมากมายเหมือนที่ท่านพูดหรอก

แต่จะช่วยค่าครองชีพให้คนได้อีก 5,000-10,000 คน ทีเดียว คนเหล่านี้หากมีค่าเดินทางเพิ่มขึ้นอีกวันละเป็นร้อยบาท มันเยอะครับท่าน ชีวิตล่มสลายเลยนะ ยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจห่วยแบบนี้ 

2.) ผมเสนอพัฒนาหัวลำโพงทั้งผืนภายใต้คอนเซปต์
“Gateway to ASEAN”

ท่านเห็นมั้ยครับว่าหัวลำโพงอยู่ “กึ่งกลาง” ระหว่างเมืองเก่า และเมืองใหม่พอดี

หัวลำโพงควรเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ที่สามารถเป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ในอาเซียน และเป็นแหล่งบ่มเพาะ Creative Economy ให้คนไทยได้

ใครพูดว่า Soft power ผมด่าหัวแตกเลยนะครับ

จำไว้นะครับ Soft power คือของสำเร็จรูป คือ Event base คือ Service base

แต่การจะทำให้ครบ ต้องสร้าง “Ecosystem” เราเรียกเศรษฐกิจแบบนั้นว่า “Creative Economy” ครับ ช่วยอย่าโง่ใช้คำว่า “Soft power” จนพร่ำเพรื่อแบบนี้

แล้วสังเกตมั้ยครับ ทำไมผมจึงใช้คำว่า “ASEAN” แทนคำว่า “Bangkok”?

จุดนี้สำคัญ

นี่คือสิ่งที่กระทรวงคมนาคม ไม่ได้ทำการบ้าน

นอกจากการเดินทางโดยเรือแล้ว หัวลำโพงนี่แหละครับ เคยเป็น “ชุมทาง” การเดินทางของพี่น้องชาวไทย ชาวจีน ชาวมลายู ชาวพม่า ชาวลาว ชาวเขมร ชาวเวียดนาม ไปสู่ทั่วภูมิภาค

นี่แหละครับ “Super Soft power hub of ASEAN”!! ที่มีองค์กรร่วมสร้าง Creative Economy มาอยู่ด้วย

นักการเมือง-ข้าราชการ ต้องคิดแบบนี้ให้เป็นครับ อย่าเอาแต่จะทำอะไรฉาบฉวย พวกคุณกินเงินภาษีประชาชนอยู่นะครับ

การพัฒนาหัวลำโพงภายใต้ Gateway to ASEAN นี้ จะสร้างหัวลำโพงให้เป็น “ASEAN new Iconic destination” ด้วยการสร้าง Museum ที่บอกเล่าที่มาของคนในภูมิภาคนี้

พัฒนาการของก๋วยเตี๋ยว
พัฒนาการของโอ่ง
พัฒนาการของอาหารจีน ฮาลาล ไทย ญวน
พัฒนาการของผ้าทั่วภูมิภาค
พัฒนาการของเพลงทั่วภูมิภาค
พัฒนาการของวัฒนธรรมทั่วภูมิภาค

ชาวมอญ ชาวมุสลิม พหุวัฒนธรรมแห่งภูมิภาค

โอ้ยยยย เยอะไปหมด ถ้าจะคิด

เอาแค่นักท่องเที่ยว ผมว่าแค่แนวคิดนี้ ผมหานักท่องเที่ยวได้ปีละ 5,000,000 คน เป็นอย่างน้อย แถมหลัง 1 ทุ่ม เปลี่ยนตัวเองเป็น creative space เปิดตัว iPhone 15 (ในอนาคต) ครั้งแรกในเอเชีย งานเลี้ยงทูตระดับเอเชีย Bangkok Fashion City

อยู่ที่นี่ทั้งหมด

เท่านั้นไม่พอ

ผมจะเชิญ TCDC, Depa, NIA, Bedo มาตั้งสำนักงาน ทำศูนย์บ่มเพาะ และให้ทุนผู้ประกอบการ

แค่คิดก็มันแล้ว

ข้อ 3 ผมเสนอทำสะพานเชื่อมเมืองเก่า และใหม่ แบบ Millennium bridge ที่ข้ามแม่น้ำ Thames หน้า Tate Modern

ผมเสนอทำสะพาน 4 เลน คือรถ 2 จักรยาน 1 ทางเดิน 1 เชื่อมถนนหลวงฝั่งเมืองเก่า และ พระราม 4 ซอย 1, 3, 5 1 เส้น

และทางเดิน + จักรยานอีก 2 เส้น ให้เกิดการเชื่อมต่อการเดินทางท่องเที่ยวใน local แทนการพึ่งพาถนนพระราม 4 และ พระราม 1 เพียง 2 สาย ก็จะทำให้การเที่ยวแบบ hop จะด้วยรถ จักรยาน เดิน สามารถทำได้ง่าย ก็จะเป็นการพัฒนา “local economy” มากกว่าการจะประเคนที่ดินสวยให้นายทุนเพียงอย่างเดียว

แนวคิดแบบนี้เราเรียกว่า Multi-disciplinary

คิดจากหลายมิติ ให้กับคนทุกคน

วัฒนธรรมชาติได้ เทคโนโลยีเกิด เศรษฐกิจโต ท้องถิ่นมั่นคง

เฮ้ย นักการเมือง-ข้าราชการ เปลี่ยนตัวเองเถอะหว่ะ!!

(เครดิตภาพแรก baolau.com)