รู้จัก ‘Meta’ ชื่อใหม่ Facebook และเป้าหมายน่าคิด ยึด ‘เวลา-ชีวิต’ ผู้คนได้มากกว่าโซเชียลมีเดีย

ในที่สุดก็เป็นไปตามกระแสข่าว หลังจาก Facebook วางแผนรีแบรนด์ พร้อมเปลี่ยนชื่อบริษัท เพื่อมุ่งหน้าสู่โลกเสมือนจริง หรือที่เรียกว่า Metaverse โลกที่เทคโนโลยีผสมผสานกับชีวิตความเป็นจริง

โดย มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งเฟซบุ๊ก (Facebook) ได้ประกาศเรื่องสำคัญนี้ในงาน Facebook Connect ซึ่งเป็นงานสัมมนาประจำปี ซึ่งเขาได้เปิดเผยถึงชื่อใหม่ของบริษัท นั่นก็คือ ‘เมตา’ (Meta) เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมเข้าสู่ยุคของเมตาเวิร์ส (Metaverse) 

สำหรับการเปลี่ยนชื่อบริษัท Facebook เป็น Meta นั้น ก็จะทำให้ Meta เหมือนกับยานแม่ ขณะที่ส่วนบริการอื่น ๆ ในเครืออย่าง Facebook, Instagram และ WhatsApp ยังอยู่เหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนชื่อใหม่ของ Facebook ในครั้งนี้ อาจจะไม่ได้นำมาซึ่งความ ‘เมตตา’ สักเท่าไรนัก โดยคุณปฐม อินทโรดม อุปนายกสมาคมการค้าดิจิทัลไทย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก และเผยให้เห็นปมลึกเกี่ยวกับชื่อใหม่ของ Facebook ในครั้งนี้อย่างน่าสนใจว่า...

ชื่อใหม่ของ Facebook คือ Meta แต่ไม่ “เมตตา” เราแน่...เพราะมาร์กจะสร้างโลกคู่ขนานที่ดึงทั้งเวลา เงิน และทรัพยากรของเราไปใส่โลกเสมือนนี้มากขึ้น ผลคือ ปัญหาเด็กติดเกม เด็กติดมือถือ จะหายไปทันที เพราะคนรุ่นใหม่จะ “ใช้ชีวิต” อยู่ในนั้นเลย!!

ชื่อ Meta ที่สื่อตรงถึง Metaverse ทำให้เราต้องหันมาสนใจศัพท์คำนี้ ซึ่งสรุปง่าย ๆ ว่าเป็นโลกเสมือนที่เราใช้ชีวิตอยู่ในนั้นได้ โดยสิ่งที่มาร์กโชว์ เช่น Avatar ที่เป็นตัวเราในโลกเสมือนที่สามารถพบปะผู้คนในโลกจำลอง จะไม่ต่างอะไรกับ Facebook ที่ใช้อยู่ แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมา คือ ตัวตนเสมือนนี้มีความสมจริงมากขึ้นเพราะเป็น VR ที่ต้องใส่อุปกรณ์อย่าง Oculus (ซึ่งซื้อกิจการมาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว) 

และที่สำคัญที่สุดคือ Ecosystem ที่สร้างขึ้นทำให้ผู้ใช้ “หาเงิน” จากโลกเสมือนนี้ได้ด้วย นี่คือสาเหตุที่ Facebook พยายามผลักดันเงินสกุลดิจิทัล ของตัวเองคือ Libra อย่างหนักแต่โดนแรงเสียดทานมากจนต้องเปลี่ยนเป็น Diem ซึ่งแน่นอนว่ามันจะถูกใช้อยู่ในโลก Meta นี่แหละ

ลองคิดดูว่าถ้าเราต้องใช้ชีวิตในโลกนี้มากขึ้น ตัวตนเสมือนของเราก็จำเป็นต้องมีเสื้อผ้าสวยๆ ใส่เหมือนโลกในความเป็นจริง อาชีพออกแบบ Avatar จะทำเงินไม่แพ้ดีไซเนอร์ และบริษัทแฟชั่นทั้งหลายก็จะเปลี่ยนช่องทางในการหารายได้จากการเปิดร้านในห้าง มาสู่เปิดร้านใน Meta ขายสินค้าที่จับต้องไม่ได้ แต่ทำเงินได้ดีกว่าเดิม เพราะไม่ต้องปวดหัวเรื่องโรงงานผลิต ไม่ต้องหาวัตถุดิบ ฯลฯ

Meta จะก่อให้เกิดอาชีพใหม่อีกมาก ทั้งหมดทำงานและทำเงินอยู่ในโลกเสมือน ไม่ว่าจะเป็นออกแบบ นักดนตรี สถาปนิก นักแปล ฯลฯ รวมถึงคนเล่นเกมที่เคยได้แต้มเอาไปแลกไอเทม ก็กลายเป็นได้เหรียญ Diem เอาไปใช้จับจ่ายใช้สอยได้ รวมถึง Convert เป็นเงินในโลกจริงได้ด้วย Blockchain จึงกลายเป็นประตูที่เชื่อมโลกเสมือนกับโลกจริงเข้าด้วยกัน

Meta จะทำให้คนธรรมดา ๆ ที่อาจมีชีวิตเป็นมนุษย์เงินเดือนในโลกจริง แต่โลดแล่นเป็นเจ้าของอาณาจักรใหญ่โตในโลก Meta คนในยุคนี้จึงมี 2 โลกที่ใช้ชีวิตคู่ขนานกัน แต่ถ่ายโอนความมั่งคั่งได้ด้วย Diem ที่ไม่มีรัฐบาลของประเทศไหนควบคุมได้แน่นอน

บอกแล้วว่าเขาไม่ ‘เมตตา’ เราแน่ ๆ


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4408621795857589&id=100001294357814