Sunday, 13 October 2024
Meta

รู้จัก ‘Meta’ ชื่อใหม่ Facebook และเป้าหมายน่าคิด ยึด ‘เวลา-ชีวิต’ ผู้คนได้มากกว่าโซเชียลมีเดีย

ในที่สุดก็เป็นไปตามกระแสข่าว หลังจาก Facebook วางแผนรีแบรนด์ พร้อมเปลี่ยนชื่อบริษัท เพื่อมุ่งหน้าสู่โลกเสมือนจริง หรือที่เรียกว่า Metaverse โลกที่เทคโนโลยีผสมผสานกับชีวิตความเป็นจริง

โดย มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งเฟซบุ๊ก (Facebook) ได้ประกาศเรื่องสำคัญนี้ในงาน Facebook Connect ซึ่งเป็นงานสัมมนาประจำปี ซึ่งเขาได้เปิดเผยถึงชื่อใหม่ของบริษัท นั่นก็คือ ‘เมตา’ (Meta) เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมเข้าสู่ยุคของเมตาเวิร์ส (Metaverse) 

สำหรับการเปลี่ยนชื่อบริษัท Facebook เป็น Meta นั้น ก็จะทำให้ Meta เหมือนกับยานแม่ ขณะที่ส่วนบริการอื่น ๆ ในเครืออย่าง Facebook, Instagram และ WhatsApp ยังอยู่เหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนชื่อใหม่ของ Facebook ในครั้งนี้ อาจจะไม่ได้นำมาซึ่งความ ‘เมตตา’ สักเท่าไรนัก โดยคุณปฐม อินทโรดม อุปนายกสมาคมการค้าดิจิทัลไทย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก และเผยให้เห็นปมลึกเกี่ยวกับชื่อใหม่ของ Facebook ในครั้งนี้อย่างน่าสนใจว่า...

ชื่อใหม่ของ Facebook คือ Meta แต่ไม่ “เมตตา” เราแน่...เพราะมาร์กจะสร้างโลกคู่ขนานที่ดึงทั้งเวลา เงิน และทรัพยากรของเราไปใส่โลกเสมือนนี้มากขึ้น ผลคือ ปัญหาเด็กติดเกม เด็กติดมือถือ จะหายไปทันที เพราะคนรุ่นใหม่จะ “ใช้ชีวิต” อยู่ในนั้นเลย!!

สำรวจความสนใจคนไทย ผ่าน FB และ IG จากรายงาน ‘ที่สุดของปี 2564’ ของ Meta

ในขณะที่ผู้คนต่างตั้งตารอปี 2565 ที่กำลังจะมาถึง Meta ได้เผยรายงาน “ที่สุดของปี 2564” (2021 Year in Review) เพื่อแบ่งปันเรื่องราว เหตุการณ์ และช่วงเวลาที่ส่งผลต่อคนไทย และทำให้ปีที่ผ่านมานี้สร้างการเชื่อมต่อถึงกันมากขึ้น และยังมีความหมายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

เรื่องราวต่าง ๆ ครอบคลุมการพูดคุยและโพสต์บน Facebook และ Instagram ทั้งจากวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไปจนถึงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงโตเกียวปี 2563 และแม้แต่การทำสวนและอาหาร

Meta กล่าวไว้ว่า “ทุก ๆ ปี รายงานที่สุดของปีสะท้อนแนวคิดที่กำหนดด้วยคำสำคัญยอดนิยมของปีนั้น ๆ สำหรับปี 2564 ได้แก่ โควิด สุขภาพ กีฬา และหลากหลายหัวข้อไลฟ์สไตล์ที่โดนใจคนไทยทั้งใน Facebook และ Instagram”

โควิดและสุขภาพ: คำว่า ‘วัคซีน’, ‘อาการ’ และ ‘การตรวจ’ เป็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมสูงสุดในแนวคิดนี้ ขณะที่ประเทศไทยกำลังต่อสู้กับการระบาดของเวฟ 2 และ 3 ของโควิด-19 ที่ตามกันมาอย่างต่อเนื่อง และผู้คนก็ได้หันมาใช้ Facebook และ Instagram เพื่อขอความช่วยเหลือและเชื่อมต่อกัน และทำให้เกิดการค้นหาคำว่า ‘วัคซีน’ และหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน เนื่องจากคนไทยรู้จักที่จะอยู่อย่างปลอดภัยและมองหาการสร้างภูมิคุ้มกันให้ตนเองจากไวรัส

Meta ออกโรง ขู่ปิด ‘Facebook - IG’ ในยุโรป หากถูกจำกัดด้านกฎหมาย ปิดกั้นโฆษณา

ดูเหมือนว่า Meta บริษัทแม่ของ Facebook สื่อโซเชียล อันดับต้นของโลกกำลังจ่อจะปิดตัวลงในยุโรป เพราะประเด็นข้อมูลกฎหมายความเป็นส่วนตัว General Data Protection Regulation (GDPR) หรือกฎหมายของยุโรปที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการดูแลข้อมูลส่วนตัวของบุคคล ที่จะถูกบริษัทหรือธุรกิจอะไรก็ตามแต่เก็บไป ซึ่งมีผลทำให้ Meta ไม่สามารถนำเข้าข้อมูลต่าง ๆ จากทางยุโรปบนเซิร์ฟเวอร์ของอเมริกาได้

ล่าสุดทาง Meta ออกมากล่าวว่า “หากเราไม่สามารถส่งข้อมูลต่าง ๆ ข้ามประเทศได้ในประเทศต่าง ๆ ที่เรานั้นให้บริการอยู่ มันอาจส่งผลต่อการให้บริการของเรา รวมถึงส่งผลต่อการยิงโฆษณาต่าง ๆ ที่เป็นไปอยู่” 

Meta บอกว่า ถ้าเค้าไม่สามารถจัดทำข้อตกลงใหม่ได้ภายในปี 2022 อาจเป็นไปได้ว่า จะต้องปิดให้บริการ Facebook และ Instagram ลงในประเทศแถบยุโรปทั้งหมด

London financial ก็มีการติดต่อเข้าไปหา Meta อยู่เหมือนกัน เกี่ยวกับรายงานข้างต้นว่าจริงเท็จแค่ไหน ซึ่งก็ได้คำตอบยืนยันเพิ่มเติมมาจากคุณ นิก เคล็กก์ (Nick Clegg) รองประธานฝ่ายกิจการของ Meta ว่า

“เราพยายามจัดการเรื่องนี้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้ธุรกิจมากมายหลายรายสูญเสียรายได้ไปจากการพึ่งพา Facebook ในการดำเนินกิจการ และให้พวกเขาสามารถแบ่งปันข้อมูลให้กับเราได้อย่างปลอดภัย” 

ซึ่งแน่นอนว่าหาก Facebook และ Instagram ปิดตัวลงไปนั้นจะส่งผลต่อธุรกิจยิบย่อยต่าง ๆ มากมายในยุโรปอย่างแน่นอน ก็ต้องมารอดูกันต่อไปว่าทางยุโรปนั้นจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร


ที่มา : www.thebosstimes.com 

'เฟซบุ๊ก'​ ไฟเขียว!! ปล่อยพ่น​ 'คำเกลียดชัง-รุนแรง'​ กับรัสเซีย ชี้!! บางประเทศ​ ถึงขั้นขู่อาฆาต​ 'ปูติน-ทหารรัสเซีย' ได้

เฟซบุ๊กประกาศผ่อนคลายกฎข้อบังคับมาตรฐานชุมชนว่าด้วยคำพูดเกลียดชังยั่วยุใช้ความรุนแรงชั่วคราว โดยต่อไปนี้ผู้ใช้บริการในบางประเทศจะสามารถใช้ถ้อยคำยุยงข่มขู่อาฆาตกับทหารรัสเซียผู้รุกราน หรือแม้แต่ขู่อาฆาต "ปูติน" ได้

รายงานของเอเอฟพี/รอยเตอร์/ดิอินดีเพนเดนต์เมื่อ 11 มี.ค.65 กล่าวว่า บริษัท เมตาแพลตฟอร์มส์ ประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายเกี่ยวกับคำพูดที่แสดงความเกลียดชังเป็นการชั่วคราว โดยต่อจากนี้จะอนุญาตให้ผู้ใช้เฟซบุ๊กและอินสตาแกรมในบางประเทศ เรียกร้องให้ใช้ความรุนแรงกับชาวรัสเซียและทหารรัสเซียที่มีส่วนร่วมในการรุกรานยูเครนได้

เมตา​ ระบุในถ้อยแถลงว่า ผลจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย เมตา ยอมผ่อนปรนรูปแบบการแสดงออกทางการเมืองที่ปกติแล้วจะละเมิดกฎของเรา เช่น คำพูดรุนแรง อาทิ "รัสเซียผู้รุกรานจงพินาศ" แต่ "เรายังคงไม่อนุญาตการเรียกร้องอย่างน่าเชื่อถือให้ใช้ความรุนแรงต่อพลเรือนรัสเซีย"

ในอีเมลที่ชี้แจงต่อรอยเตอร์ เมตากล่าวด้วยว่า จะอนุญาตโพสต์ที่สาปแช่งประธานาธิบดี​ วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย หรือประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก ของเบลารุส แต่จะต้องไม่มีการอ้างถึงเป้าหมายรายอื่นหรือมีสิ่งบ่งชี้ที่น่าเชื่อถือ 2 อย่าง เช่น พิกัด หรือ​ วิธีการสังหาร

เอเอฟพีกล่าวว่า เมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 เฟซบุ๊ก​ ก็เคยอนุญาตให้มีข้อยกเว้นเช่นนี้กับโพสต์ที่สาปแช่ง​ อยาตุลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน เช่น "คาเมเนอีจงพินาศ" ระหว่างที่เกิดการชุมนุมประท้วงในอิหร่านตอนนั้น

การเปลี่ยนแปลงนโยบายชั่วคราวของเฟซบุ๊ก​ จะมีผลกับประเทศ อาร์เมเนีย, อาเซอร์ไบจาน, เอสโตเนีย, จอร์เจีย, ฮังการี, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, โปแลนด์, โรมาเนีย, รัสเซีย, สโลวาเกีย และยูเครน

Meta เจ๊งยับกับ Reality Labs สูญ 2.9 พันล้านเหรียญฯ หลังกระแส metaverse ไม่ปังตามเป้า

Meta Platforms Inc. ซึ่งเดิมเรียกว่า Facebook ได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2022 เมื่อวันพุธ โดยรายงานว่า หน่วยงาน Reality Labs ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ metaverse ของบริษัท ขาดทุนยับเยินกว่า 2.9 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 ซึ่งตัวเลขการหดตัวของรายได้ในครั้งนี้มากกว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่ 1 ปี 2564

theblockcrypto เปิดเผยถึงรายได้ของ Meta Platforms Inc. หรือ Facebook เดิมว่า บริษัทได้ทุ่มเทให้ส่วนงาน R&D ซึ่งเป็นแผนกในการรับผิดชอบของ Reality Labs ซึ่งทำเงินได้ 695 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ หรือเพิ่มขึ้นจาก 534 ล้านดอลลาร์เทียบกับในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 แต่โดยรวมแล้วบริษัทยังขาดทุนกว่า 2.9 พันล้านดอลลาร์

โดยในรายงานผลประกอบการระบุว่า “เราคาดว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดในปี 2022 จะอยู่ในช่วงประมาณ 87-92 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงจากแนวโน้มก่อนหน้าของเราที่ 90-95 พันล้านดอลลาร์ โดยในปีนี้ เรามองว่าการเติบโตของค่าใช้จ่ายจะถูกขับเคลื่อนโดยกลุ่ม Family of Apps เป็นหลักตามด้วย Reality Labs”

พี่มาร์ก รั้งอันดับ 20 ในบรรดามหาเศรษฐีโลก หลังทุ่มงบพัฒนา Meta จนเงินหายไปมหาศาล

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เจ้าของแพลตฟอร์ม Meta หรือ Facebook ที่ทุกคนคุ้นเคย ได้ตกอันดับจากมหาเศรษฐีระดับโลก สาเหตุหลักมาเพราะการลงทุนในการสร้างโลกเมตาเวิร์สไปด้วยเม็ดเงินกว่า 71 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ภายหลังการแข่งขันทางเทคโนโลยี รวมถึงแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่ต้องพัฒนาออกมาเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ และดึงดูดผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง ได้ทำให้มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก กระโดดเข้ามาทุ่มทุนเพื่อสร้างโลกเมตาเวิร์สอย่างเต็มที่แบบมอบทั้งเวลาและเงินลงทุน

แต่กลับกันการลงทุนครั้งใหญ่นี้ ได้ทำให้ มาร์ก ตกอันดับจากมหาเศรษฐีระดับโลกแบบน่าตกใจ โดยทรัพย์สินของเขาได้ลดลงถึง 71 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ โดยตอนนี้ทรัพย์สินของเขาเหลือมูลค่าสุทธิ 55.9 พันล้านดอลลาร์ หล่นไปอยู่ในอันดับที่ 20 จากทำเนียบมหาเศรษฐีระดับโลก ซึ่งนับเป็นอันดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2014 

เมื่อไม่ถึง 2 ปีที่แล้ว ซักเคอร์เบิร์ก วัย 38 ปี มีมูลค่าทรัพย์สิน 106 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และอยู่ในลำดับต้นๆ มหาเศรษฐีระดับโลก แถมความร่ำรวยของเขายังเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 142 พันล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายน 2564 

เจ้าของ TikTok รวยแซงหน้า 'มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก' ด้วยมูลค่าทรัพย์สินกว่า 49,500 ล้านดอลลาร์

Zhang Yiming นักธุรกิจชาวจีน ผู้ก่อตั้งและเจ้าของ TikTok รวยแซงหน้า Mark Zuckerberg ซีอีโอ และผู้ถือหุ้นใหญ่ Meta แล้ว หลังจาก Meta เจอมรสมระลอกใหญ่ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทำให้ราคาหุ้นร่วงหนัก ขณะที่ Elon Musk ยังครองแชมป์รวยที่สุด ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 219,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

หลังจากตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัท Meta บริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram โดนปัญหาเศรษฐกิจและพิษสงครามรุมเร้า จนทำให้ต้องประกาศลดพนักงาน และปรับโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่ ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ความมั่งคั่งของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ซีอีโอ และผู้ถือหุ้นใหญ่ Meta ลดลงตามไปด้วย

ขณะที่มาร์ก ชักเคอร์เบิร์ก กำลังประสบปัญหา ในทางตรงกันข้าม Zhang Yiming นักธุรกิจชาวจีน ผู้ก่อตั้งและเจ้าของ ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok กลับมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยก้าวขึ้นเป็นคนที่ร่ำรวยในอันดับที่ 22 ของโลก ด้วยมูลค่าทรัพย์สินกว่า 49,500 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้านมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก อันดับตกลงอยู่ที่ 24 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 48,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนบุคคลที่ร่ำรวยอันดับ 1 คือ Elon Musk ผู้ก่อตั้ง 'เทสลา' และ 'สเปซเอ็กซ์' มูลค่าทรัพย์สิน 219,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามมาด้วย Bernard Arnault & family มูลค่าทรัพย์สิน 142,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอันดับ 3 Jeff Bezos ซีอีโอ แอมะซอน (Amazon) มูลค่าทรัพย์สิน 138,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ข้อมูลอ้างอิงจาก Forbes


ที่มา : https://mgronline.com/stockmarket/detail/9650000097279

'ซัคเคอร์เบิร์ก' ยอมรับ Meta ไล่พนักงาน 10,000 ราย เพราะบริหารงานพลาด เหตุนำเงินไปจมอยู่กับ Metaverse

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 บริษัท Meta ได้ประกาศไล่พนักงาน 10,000 คนออกจากบริษัท ซึ่งคิดเป็น 13% ของพนักงานทั้งหมด และถือเป็นการลดพนักงานครั้งใหญ่ที่สุดในปีนี้ 

โดยที่ปัญหาใหญ่เกิดจากการนำงบประมาณไปทุ่มให้กับ Metaverse ท่ามกลางสถานการณ์ตลาดโฆษณาที่อ่อนตัวลงจนทำให้กำไรของบริษัทหดหายไปกว่าครึ่งหนึ่ง

ขณะที่ซัคเคอร์เบิร์ค CEO ของ Meta ได้อธิบายว่า "ไม่เพียงแต่ตลาดการค้าออนไลน์กำลังปรับตัวสู่แนวโน้มก่อนหน้านี้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการที่เศรษฐกิจมหภาคมีการถดถอย การแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้รายได้จากโฆษณาของเราต่ำกว่าที่ผมคาดการณ์ไว้"

"เรื่องนี้ผมผิดเอง และผมขอรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น"

อย่างไรก็ตาม Meta จะได้ทำการชดเชยให้พนักงาน เป็นเงินเดือน 4 เดือน รวมโบนัสตลอดระยะเวลาที่พนักงานร่วมทำงานกับบริษัท ปีละ 2 สัปดาห์ และสวัสดิการอื่นเช่น ประกันสุขภาพให้อีก 6 เดือน

Meta ขู่เอาข่าวออกจาก Facebook ทั้งหมด หากสภาคองเกรส ผ่านกฎหมายบังคับแบ่งเงินให้สื่อ | NEWS GEN TIMES EP.79

Meta ขู่เอาข่าวออกจาก Facebook ทั้งหมด

หากสภาคองเกรส ผ่านกฎหมายบังคับแบ่งเงินให้สื่อ

ชี้เป็นเงื่อนไขเจรจาที่ ‘ไม่เป็นธรรม’ ต่อผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม

.

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

.

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง .

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top