Tuesday, 1 July 2025
WORLD

‘หวังอี้’ เผย 'จีน' เล็งขยายความร่วมมือกับ 'ไทย' หลายด้าน เชื่อเสถียรภาพไทย แม้สถานการณ์ภายในจะมีการเปลี่ยนแปลง

(20 ส.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันเสาร์ (19 ส.ค.66) หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้พบปะกับดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ซึ่งเดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน

หวัง ซึ่งเป็นกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน กล่าวว่าการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีจะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ระหว่างประเทศหรือสถานการณ์ภายในประเทศของไทย พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าไทยจะยังคงมีเสถียรภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืน

จีนพร้อมส่งเสริมความร่วมมือด้านต่างๆ กับไทยให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น สนับสนุนการเร่งสร้างทางรถไฟจีน-ไทย และเส้นทางเชื่อมทางรถไฟจีน-ลาว-ไทย และร่วมพยายามปราบปรามกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งรวมถึงการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม

นอกจากนั้น หวัง กล่าวถึงความพร้อมของจีนที่จะสนับสนุนการสร้างประชาคมอาเซียน สนับสนุนความเป็นกลางของอาเซียน และสนับสนุนความพยายามร่วมกันสร้างศูนย์กลางการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันจีนพร้อมทำงานร่วมกับกลุ่มประเทศอาเซียนเพื่อเร่งการปรึกษาหารือเกี่ยวกับประมวลการปฏิบัติในทะเลจีนใต้ พยายามกำหนดกฎเกณฑ์ระดับภูมิภาคอันมีประสิทธิภาพและแก่นสารตั้งแต่ระยะแรก และสร้างทะเลจีนใต้เป็นทะเลแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือ

หวัง ชี้ว่ากลุ่มประเทศในภูมิภาคควรป้องกันกองกำลังนอกภูมิภาคมายั่วยุการเผชิญหน้าแบบแบ่งพรรคแบ่งพวกและกระตุ้นความคิดเกี่ยวกับสงครามเย็น ซึ่งจะบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพอันได้มาอย่างยากยิ่ง

ด้าน นายดอน กล่าวว่า ไทยยินดีเสริมสร้างการเสวนาหารือและการแลกเปลี่ยนกับจีน ส่งเสริมความร่วมมืออันเป็นประโยชน์ซึ่งกันและกันในด้านต่างๆ ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และสนับสนุนการเชื่อมต่อทางรถไฟจีน-ลาว-ไทย และทำงานเพื่อการพัฒนาร่วมกัน ภายใต้สถานการณ์ระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นและความไม่แน่นอนในภูมิภาคในปัจจุบัน

‘เมียนมา’ จับชาวสวิสพร้อมพวก 13 คน ฐานสร้างภาพยนตร์ดูหมิ่นพุทธศาสนา

(20 ส.ค. 66) หนังสือพิมพ์เมียนมา อาลินน์ สื่อเมียนมารายงานว่า ดิดิเยร์ นุสเบาเมอร์ วัย 52 ปีพลเมืองสวิส ถูกทางการจับกุม เนื่องจากสร้างภาพยนตร์ที่ดูหมิ่นพุทธศาสนา โดยนุสเบาเมอร์ถูกจับกุม พร้อมกับชาวเมียนมา 13 คน ซึ่งรวมถึงเด็กหญิงวัย 12 ปี เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่ไม่มีรายละเอียดว่าพวกเขาถูกควบคุมตัวไว้ที่ใด

รายงานข่าวระบุว่า นุสเบาเมอร์ได้เขียนบท ถ่ายทำ และตัดต่อภาพยนตร์เรื่อง ‘Don’t Expect Anything’ ซึ่งมีความยาว 75 นาที โพสต์บนยูทูบ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม และยังมีคลิปสั้นเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้เผยแพร่บนโซเชียลมีเดียทั้งติ๊กต็อกและเฟซบุ๊ก ซึ่งเรียกเสียงตำหนิจากกลุ่มชาวพุทธชาตินิยมในเมียนมา

หนังสือพิมพ์เมียนมา อาลินน์รายงานว่า แม้ผู้แสดงหลักในภาพยนตร์ดังกล่าวจะเป็นชาวพุทธ แต่พวกเขาก็ประพฤติตนไม่เหมาะสม ทำให้เสื่อมเสียศักดิ์ศรีและศีลธรรมของพระผ่านท่าทางและบทสนทนา

ทั้งนี้ การดูหมิ่นพุทธศาสนาถือเป็นความผิดที่มีโทษตามกฎหมายในเมียนมา ซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ ขณะที่ลัทธิชาตินิยมทางศาสนาได้เพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยชาวเมียนมาราว 90% นับถือศาสนาพุทธ

นุสเบาเมอร์ ไม่ใช่ชาวต่างชาติคนแรกที่ถูกควบคุมตัวในเมียนมาในข้อหาดูหมิ่นพุทธศาสนา ก่อนหน้านี้ในเดือนมีนาคม 2558 พลเมืองนิวซีแลนด์คนหนึ่ง ถูกจับพร้อมชาวเมียนมา 2 คน และถูกตัดสินจำคุก 2 ปีครึ่ง และใช้แรงงานหนักฐานดูหมิ่นพุทธศาสนาในโฆษณาออนไลน์

ขณะที่ในเดือนตุลาคม 2559 นักท่องเที่ยวชาวเนเธอร์แลนด์ถูกจำคุกเป็นเวลา 3 เดือน และให้ทำงานหนักจากข้อหาหมิ่นศาสนาพุทธ หลังถอดปลั๊กลำโพงที่พระสงฆ์ใช้ในการเทศน์ช่วงดึกในเมืองมัณฑะเลย์ โดยเขาถูกเนรเทศหลังรับโทษแล้ว และในปีเดียวกัน นักท่องเที่ยวสเปนถูกเนรเทศออกจากเมียนมาหลังพบว่ามีรอยสักรูปพระพุทธเจ้าที่ขาของเขา

‘ไบเดน’ ควง ‘ผู้นำญี่ปุ่น-โสมใต้’ จ่อประกาศความร่วมมือครั้งใหม่ เพิ่มความมั่นคง 3 ชาติ ผนึกกำลังเผชิญหน้า ‘จีน-เกาหลีเหนือ’

เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 66 สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายโจ ไบเดนประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมที่จะประกาศความร่วมมือด้านความมั่นคงครั้งใหม่ ในการประชุมสุดยอดไตรภาคี ร่วมกับประธานาธิบดียุน ซอกยอลของเกาหลีใต้ และนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อหวังที่จะเป็นการส่งข้อความที่หนักแน่นไปยังจีน ที่แสดงความไม่พอใจต่อการร่วมมือกันของทั้ง 3 ฝ่ายนี้อย่างเห็นได้ชัด

ก่อนหน้านี้ พันธมิตรของสหรัฐฯ อย่างประเทศเกาหลีใต้และญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกันมานานหลายสิบปี หลังจากการที่ญี่ปุ่นยึดครองคาบสมุทรเกาหลีระหว่างปี 1910 – 1945 ซึ่งเต็มไปด้วยการใช้ความรุนแรง แต่เมื่อไม่นานมานี้ ประธานาธิบดียุนของเกาหลีใต้ได้ตัดสินใจที่จะหันมายุติข้อพิพาทกับญี่ปุ่นเรื่องการใช้แรงงานทาสในช่วงสงคราม และหันมาเรียกประเทศญี่ปุ่นว่าเป็นพันธมิตร ท่ามกลางความตึงเครียดจากเกาหลีเหนือและจีน

ในการประชุมสุดยอดไตรภาคีครั้งนี้ที่จะมีขึ้นที่แคมป์เดวิด บ้านพักส่วนตัวของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในรัฐแมริแลนด์ ผู้นำของทั้ง 3 ประเทศจะบรรลุข้อตกลงในเรื่องการตั้งสายด่วนฉุกเฉิน 3 ฝ่าย การจัดซ้อมรบเป็นประจำ และจะตกลงที่จะจัดการประชุมสุดยอดไตรภาคีเช่นนี้ทุกปี โดยหวังที่จะกำหนดให้เป็นแบบแผนในความร่วมมือ 3 ฝ่ายนี้

ยิ่งไปกว่านั้น ฮิการิโกะ โอโนะ โฆษกหญิงของกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นยังระบุอีกว่า ในการประชุมดังกล่าวจะมีการตกลงกัน ถึงความจำเป็นในการหารือพูดคุยกัน ในขณะที่เกิดสถานการณ์วิกฤต และเดินหน้าในเรื่องการแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับเกาหลีเหนือแบบเรียลไทม์อีกด้วย ขณะที่นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกากล่าวว่า เขามองการประชุมสุดยอดในครั้งนี้ว่าเป็น ยุคใหม่ของความร่วมมือไตรภาคี “ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นพันธมิตรที่สำคัญ ไม่ใช่แค่ในภูมิภาคแต่เป็นทั่วโลก” บลิงเกนกล่าว โดยคาดว่าจะมีการพูดคุยกันถึงเรื่องอื่นๆ นอกเหนือประเด็นในทวีปเอเชียด้วยเช่นกัน

ในช่วงที่ผ่านมา ประเทศเกาหลีเหนือได้มีการยิงทดสอบขีปนาวุธอยู่บ่อยครั้ง และประเทศจีน ภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้แสดงแสนยานุภาพมากขึ้น ทั้งในประเทศและภูมิภาคเอเชีย จากความพยายามที่จะเรียกร้องกรรมสิทธิ์ทางทะเลที่มีข้อพิพาทและจัดการซ้อมรบครั้งใหญ่รอบเกาะไต้หวัน นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ได้เรียกร้องให้ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้หันมาร่วมมือกับจีน เพื่อช่วยกันพัฒนาภูมิภาคเอเชียตะวันออก โดยกล่าวว่า “ไม่ว่าคุณจะย้อมสีผมให้เป็นสีทอง หรือทำจมูกให้แหลมแค่ไหน คุณก็ไม่มีวันเป็นชาวตะวันตกได้”

ด้านนายราห์ม เอมานูเอล เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำญี่ปุ่น กล่าวว่า “เราได้สร้างบางอย่างที่จีนไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งที่เราอยากจะบอกคือเราเป็นมหาอำนาจ และมีตัวตนในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกอย่างถาวร และคุณสามารถมั่นใจในสหรัฐฯ ได้อีกนาน” นอกจากนั้นแล้ว นายเอมานูเอลยังกล่าวอีกว่า จีนควรที่จะเข้าใจว่า “เราคือมหาอำนาจที่กำลังอยู่ในขาขึ้น ขณะที่จีนกำลังอยู่ในขาลง”

‘เจ้าของเพจท่องเที่ยวดัง’ แชร์ประสบการณ์นั่ง Subway นิวยอร์ก ไร้สัญญาณมือถือ-รถไฟเสียบ่อย-ไม่สะอาด-ความปลอดภัยต่ำ

เมื่อไม่นานนี้ ‘คุณแม็กซ์’ เจ้าของเพจเฟสบุ๊ก ‘เพื่อนพาเที่ยว นิวยอร์ก’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอ ‘แชร์ 5 เรื่องล้าหลังของ ‘Subway’ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ควรมาดูงานที่ประเทศไทย’ โดยระบุว่า…

ตอนนี้แม็กซ์อยู่ที่นิวยอร์ก จะพาไปเปิดโลก 5 เรื่อง Culture Shock ที่ Subway ของนครนิวยอร์กกัน!!

เรื่องที่ 1 ไม่มีสัญญาโทรศัพท์มือถือ ที่ประเทศไทย เราสามารถเล่นโทรศัพท์มือถือได้ตลอดเวลา แต่ที่นิวยอร์ก หากเราจะใช้บริการรถไฟใต้ดิน เราจะสามารถใช้โทรศัพท์ได้แค่ตอนที่อยู่ในสถานีเท่านั้น แต่เวลาที่ขบวนรถไฟกำลังวิ่งระหว่างสถานี สัญญาณโทรศัพท์จะไม่มีเลย เราจะไม่สามารถติดต่อสื่อสาร หรือเล่นอะไรได้เลย

เรื่องที่ 2 Subway ที่นิวยอร์ก ซ่อมบ่อยมาก โดยเฉพาะช่วงดึกๆ หรือช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ผู้โดยสารต้องคอยอ่านป้ายประกาศที่ติดเตือนไว้ล่วงหน้า ตรงข้างหน้าสถานี เพื่อคอยเช็กการเดินรถอยู่ตลอด

เรื่องที่ 3 ไม่มีประตูกั้นระหว่างรถไฟกับชานชาลา มีเพียงคำแนะนำให้ผู้โดยสารยืนหลังเส้นสีเหลืองเท่านั้น ซึ่งตรงนี้เราต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสสูงมากที่จะโดนคนดันจนตกลงไปที่รางรถไฟ จึงแนะนำให้ยืนพิงกำแพง เพื่อความปลอดภัย และอุ่นใจในขณะที่กำลังรอรถไฟ

เรื่องที่ 4 ความสะอาด รวมถึงเรื่องกลิ่นภายในสถานีรถไฟใต้ดินจะค่อนข้างแรงมาก โดยเฉพาะในช่วงซัมเมอร์ แต่สถานีรถไฟที่เพิ่งสร้างใหม่ และสะอาดๆ เขาก็มีเหมือนเช่นกัน

เรื่องที่ 5 ภายใน Subway มีเจ้าหน้าที่และตำรวจค่อนข้างน้อยมาก หลายคนจึงมีความรู้สึกไม่ปลอดภัย และกลัวคนไร้บ้าน (Homeless) ที่มาใช้บริการ แต่เราก็ไม่สามารถไปกีดกันใครไม่ให้ใช้บริการได้ เพราะด้วยความที่ราคาค่าโดยสารของ Subway นั้นไม่ได้แพงมาก ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้บริการได้ ดังนั้น คนไร้บ้านเขาก็อาจจะเสียเงินซื้อตั๋วโดยสารเหมือนกับพวกเรานี่แหละ หากรู้สึกไม่ไว้วางใจ เราก็ต้องมีความช่างสังเกตอยู่ตลอดเวลา

‘เบอร์เกอร์คิง อินเดีย’ ประกาศงดใส่มะเขือเทศในทุกเมนู หลังประเทศเผชิญฤดูมรสุม ทำพืชผักขาดแคลน-ราคาพุ่ง

เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 66 สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ‘เบอร์เกอร์ คิง’ (Burger King) ฟาสต์ฟูดแบรนด์ดังที่มีสาขาทั่วโลก ประกาศงดใส่มะเขือเทศในทุกรายการอาหารที่มีอยู่ของร้านสาขาทั่วประเทศอินเดีย หลังจากมะเขือเทศมีราคาพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากปัญหาสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อการเก็บเกี่ยวพืชผล

ส่งผลให้‘เบอร์เกอร์ คิง เป็นเครือร้านขายเบอร์เกอร์ชื่อดังรายที่ 2 ต่อจากแมคโดนัลด์ ที่งดใส่มะเขือเทศในเมนูอาหารที่เครือร้านสาขาในอินเดียเป็นการชั่วคราวไปก่อนหน้า

เบอร์เกอร์ คิงให้เหตุผลถึงการตัดสินใจดำเนินการเช่นนี้ ว่าเป็นเพราะเงื่อนไขที่คาดเดาไม่ได้เกี่ยวกับคุณภาพและผลผลิตของมะเขือเทศ

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ความเสียหายของพืชผลเนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย เป็นสาเหตุให้เกิดการขาดแคลนในตลาด

เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ‘ซับเวย์’ (Subway) เครือร้านขายแซนด์วิชชื่อดังสัญชาติอเมริกัน ก็ได้งดใช้มะเขือเทศเป็นส่วนประกอบในรายการอาหาร ที่ให้บริการในร้านสาขาในอินเดียเช่นกัน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อด้านอาหารของอินเดียพุ่งสูงสุด นับตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2563 นอกจากนี้ ซับเวย์ยังยกเลิกการให้ชีสฟรี 3 แผ่นสำหรับเมนูแซนด์วิชที่ให้มาเป็นเวลาหลายปีอีกด้วย

ทั้งนี้ ราคาสินค้าจำเป็นในประเทศอินเดียพุ่งพรวดขึ้นอย่างรวดเร็วในไม่กี่เดือนมานี้ สำหรับมะเขือเทศมีราคาพุ่งขึ้นไปถึงกิโลกรัมละ 250 รูปี (ราว 100 บาท) ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากฝนฤดูมรสุมได้ส่งผลกระทบต่อพืชผลและห่วงโซ่อุปทาน

อย่างไรก็ดี ราคามะเขือเทศในตลาดอินเดียได้เริ่มลดลงเมื่อต้นนี้ หลังจากเริ่มมีการนำเข้ามะเขือเทศมาจากชาติเพื่อนบ้านอย่างเนปาล เพื่อบรรเทาวิกฤตอุปทานในอินเดีย

Evergrand ยื่นล้มละลาย หลังผิดนัดชำระหนี้สูงถึง 12 ล้านลบ. เทียบเท่ากับ 2% ของ GDP จีน ส่อลุกลามทำ ศก.จีนถดถอย

Evergrand Group ยักษ์อสังหาฯ อันดับ 2 ของจีนประกาศล้มละลาย หลังผิดนัดชำระหนี้สูงถึง 12 ล้านล้านบาท เท่ากับ 2% ของ GDP จีน ส่อเกิดโดมิโน่วิกฤตอสังหาฯ ลุกลามทำเศรษฐกิจจีนถดถอย เพราะคิดเป็น 30% ของ GDP และบริษัทเหล่านี้หนี้สูงเกินกว่าจะชำระไหว

(18 ส.ค.66) Reporter Journey เผยว่า Evergrande Group บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับ 2 ของจีน ถูกยื่นฟ้องล้มละลายในศาลนิวยอร์กเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

เนื่องจากประสบปัญหาจากการกู้ยืมอย่างหนักและผิดนัดชำระหนี้ในปี 2564 ทำให้เกิดวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ครั้งใหญ่ในระบบเศรษฐกิจของจีน ซึ่งยังคงได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง

Evergrande ยื่นขอความคุ้มครองการล้มละลายในบทที่ 15 ซึ่งอนุญาตให้ศาลล้มละลายของสหรัฐเข้ามาแทรกแซงเมื่อคดีล้มละลายเกี่ยวข้องกับประเทศอื่น บทที่ 15 การล้มละลายมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างศาลสหรัฐ ลูกหนี้ และศาลของประเทศอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินคดีล้มละลายข้ามพรมแดน

ผลกระทบจากกรณีของ Evergrande ต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญในเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกมาช้านาน และคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 30% ของ GDP ของประเทศ แต่การผิดนัดชำระหนี้ของ Evergrande ในปี 2564 ได้ส่งคลื่นกระแทกไปยังตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน สร้างความเสียหายต่อภาคธุรกิจอสังหาฯ และระบบเศรษฐกิจ การเงินโดยรวมในประเทศ

การผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลจีนเริ่มปราบปรามการกู้ยืมเงินมากเกินไปโดยนักพัฒนาเพื่อพยายามควบคุมราคาที่อยู่อาศัยที่พุ่งสูงขึ้น

นับตั้งแต่การล่มสลายของ Evergrande ผู้พัฒนาอสังหาฯ รายใหญ่หลายรายในจีน รวมถึง Kasia, Fantasia และ Shimao Group ได้ผิดนัดชำระหนี้ ล่าสุด Country Garden ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีนอีกราย เตือนว่าจะ “พิจารณานำมาตรการจัดการหนี้ต่างๆ มาใช้” ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการคาดเดาว่าบริษัทอาจเตรียมปรับโครงสร้างหนี้เนื่องจากประสบปัญหาในการระดมเงินสด

วิกฤตของภาคอสังหาฯ ของจีน กำลังส่งผลกระทบขยายตัวไปยังเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจีน โดยเฉพาะ Evergrande เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีโครงการอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 1,300 โครงการในกว่า 280 เมือง ตามข้อมูลบนเว็บไซต์ของบริษัท บริษัทยังมีธุรกิจที่ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์อีกหลายแห่ง รวมถึงธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจดูแลสุขภาพ และธุรกิจสวนสนุก

Evergrande ประสบปัญหาในการชำระหนี้เงินกู้หลังจากผิดนัดชำระหนี้อย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2564 ภาระหนี้ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์สูงถึง 2.437 ล้านล้านหยวน หรือ 12 ล้านล้านบาท เมื่อสิ้นปีที่แล้ว นั่นคือประมาณ 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศทั้งหมดของจีน

Evergrande ยังรายงานในตลาดหลักทรัพย์เมื่อเดือนที่แล้วว่าได้สูญเสียเงินของผู้ถือหุ้น 81,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2564 และ 2565

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดเผยแผนการปรับโครงสร้างหนี้ ที่รอคอยมายาวนาน ซึ่งใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ของจีน ผู้พัฒนากล่าวว่าได้บรรลุ "ข้อตกลงที่มีผลผูกพัน" กับผู้ถือหุ้นกู้ระหว่างประเทศในเงื่อนไขสำคัญของแผน

“การปรับโครงสร้างที่เสนอนี้จะช่วยบรรเทาแรงกดดันของบริษัทจากภาระหนี้นอกประเทศ และอำนวยความสะดวกในความพยายามของบริษัทในการกลับมาดำเนินการต่อและแก้ไขปัญหาบนภายใน”

ในฐานะส่วนหนึ่งของแผน Evergrande กล่าวว่า จะมุ่งเน้นไปที่การกลับมาดำเนินการตามปกติในอีก 3 ปีข้างหน้า แต่จะต้องมีการจัดหาเงินทุนเพิ่มเติม 36,400 ล้านดอลลาร์ถึง 43,700 ล้านดอลลาร์ บริษัทยังเตือนด้วยว่ารถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทมีความเสี่ยงที่จะปิดตัวลงโดยไม่มีเงินทุนใหม่

ตั้งแต่นั้นมาก็มีการระดมทุนเข้ามาบ้าง โดยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา NWTN บริษัทรถยนต์ในดูไบได้ประกาศการลงทุนเชิงกลยุทธ์มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าของ Evergrande เพื่อแลกกับสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 28%

‘อดีต นร.ไทยในญี่ปุ่น’ ชี้!! คราฟต์เบียร์ไทยต้องใส่ใจมาตรฐาน ยก ‘กม.เหล้าเบียร์ญี่ปุ่น’ ต้องมีใบอนุญาต-ควบคุมอย่างเข้มข้น

(17 ส.ค. 66) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Naruphun Chotechuang’ โดย ‘คุณนฤพันธ์ โชติช่วง’ อดีตนักเรียนวิทยาลัยยามชายฝั่งญี่ปุ่น ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงประเด็นกฎหมายแอลกอฮอล์ในประเทศญี่ปุ่น โดยระบุว่า…

จากข่าวรองประธานสภา (คนที่ 1) ได้ทำการโฆษณาเบียร์ผ่านโลกโซเชียล ซึ่งผิด พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาตราที่ 32 ว่าด้วย “ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ห้ามแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณ หรือชักชวนใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม” ซึ่งหากฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

หลังจากนั้น เจ้าตัวก็ออกมาแก้ต่างทั้งในสื่อโซเชียลและทีวีต่างๆ นานา ซึ่งผมไม่เป็นปัญหาหรอก เพราะยังไงเจ้าตัวก็มีสิทธิ์นั้นเวลาสู้คดี แต่มีคำแก้ตัวอยู่ข้อความหนึ่งที่ได้ยินแล้ว ได้แต่มองบนก็คือ “เกาหลีใต้ยังทำได้เลย ให้ดารา นักร้องโฆษณาเหล้าเบียร์” ก็เข้าใจนะครับว่า การเอาข้อดี (รวมถึงคิดว่าเป็นข้อดี) ของต่างประเทศมาเทียบเคียงกับไทยมันก็ช่วยพัฒนาประเทศได้ในบางกรณี แต่ช่วยกรุณายกมาพูดทั้งระบบ ไม่ใช่ดึงแต่ข้อดีที่จะใช้แก้ต่างให้ตัวเอง หรือเพื่อผลประโยชน์กับตัวเองเท่านั้น เพราะฉะนั้น ผมก็ขอยกเอาบางส่วนของระบบที่เขาบอกกันว่ามันจะดีต่อวงการคราฟต์เบียร์ ผลิตเหล้า ถ้าทำแบบต่างประเทศมาให้เห็นภาพครับ

ผมจะยกกรณีของประเทศญี่ปุ่นนะครับ เนื่องจากไม่ได้เคยอาศัยอยู่ในเกาหลีใต้ ซึ่งญี่ปุ่นก็อนุญาตให้โฆษณาเหล้าเบียร์ได้ตามสื่อทั่วไป จนบางที่เห็นโฆษณาบางตัวแล้ว ผมยังเปรี้ยวปากเลย เล่นยกดื่มโชว์กันแบบไม่เกรงใจใคร

สิ่งที่อยากให้นำเสนอมากกว่าเรื่องโฆษณาเหล้าเบียร์ คือ ‘มาตรฐานการผลิต’ ครับ การจะเป็นผู้ผลิตเบียร์ หรือเหล้าญี่ปุ่นได้นั้น ไม่ใช่ว่าอยากทำเพื่อขายจะสามารถทำได้เลย ต้องยื่นขออนุญาตกับสำนักงานภาษีในเขตที่สถานที่ผลิตของท่านตั้งอยู่ เพื่อขอใบอนุญาตผลิต (製造免許) โดยการยื่นของใบอนุญาตนั้นต้องลงข้อมูลพื้นฐานต่างๆ เทคโนโลยีการผลิต เครื่องจักรเครื่องมือการผลิต และปริมาณการผลิตเฉลี่ยได้ในหนึ่งปี (มาตรฐานการผลิตน้อยที่สุดที่อนุญาต สำหรับเบียร์คือ 60 กิโลลิตร หรือ 6 หมื่นลิตรต่อปี) ถ้าข้อมูลที่กล่าวข้างต้นผ่าน ก็จะเป็นการตรวจสอบผู้ยื่นขออนุญาต และตรวจสถานที่ผลิต ตามกฎหมายภาษีเหล้ามาตราที่ 10 (酒税法第10条)

หนึ่งคุณสมบัติที่น่าสนใจคือ วรรค 7-2 ผู้ยื่นจะต้องไม่เป็นบุคคลที่โดนลงโทษภายในสามปี ล่าสุดในข้อหาความผิดกฎหมายห้ามผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีดื่มเหล้า กฎหมายสถานประกอบการเริงรมย์ (風俗営業) กฎหมายปกป้องกันการรุนแรงที่ไม่เหมาะสม กฎหมายอาญา (หมวดความรุนแรงต่างๆ)

ถ้าผ่านการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ก็จะได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ก็ใช่ว่าจะสิ้นสุด ผู้ที่ทำการผลิตเบียร์หรือเหล้าเพื่อขาย (ทำเพื่อบริโภคเองไม่จำเป็น) จำเป็นต้องมีใบอนุญาตส่วนบุคคลเพิ่มเติมยกตัวอย่างเช่น (อาจมีมากกว่านี้ แล้วแต่ประเภทแอลกอฮอล์ที่ผลิต)

1.) ใบอนุญาตจัดการวัตถุอันตราย สำหรับผู้ผลิตเบียร์หรือเหล้า ที่ต้องเก็บรักษาแอลกอฮอล์ที่ใช้การหมักในการผลิต จำเป็นต้องมีใบอนุญาตจัดการวัตถุอันตรายซึ่งควบคุมดูแล โดยหน่วยงานสอบขององค์กรดับเพลิงของญี่ปุ่น (一般財団法人消防試験研究センター) โดยจะเป็นการสอบเพื่อวัดความรู้ในเรื่องแอลกอฮอล์ การเก็บรักษาและการขนส่ง นอกจากนี้ แล้วถ้ามีการขนส่งและเก็บรักษาแอลกอฮอล์หมัก ก็จำเป็นต้องส่งเอกสารให้กับสถานีดับเพลิงในพื้นที่ด้วย

2.) ใบมาตรฐานทักษะประเภทเครื่องต้มน้ำ หรือ ‘บอยเลอร์’ ในสถานที่ผลิตแอลกอฮอล์บางประเภท จำเป็นต้องใช้เครื่องต้มน้ำในการผลิต ผู้รับผิดชอบจึงจำเป็นต้องมีใบมาตรฐานทักษะประเภทเครื่องต้มน้ำซึ่งควบคุมดูแลโดยหน่วยงานเฉพาะ (一般社団法人日本ボイラ協会) เนื่องจากเครื่องต้มน้ำต้องใช้ทักษะเฉพาะ มีความอันตรายในการใช้งาน ผู้ใช้จริงต้องมีมาตรฐานและความรู้ที่ได้รับการยอมรับ

จะเห็นว่าภายใต้ข้อดีของต่างประเทศที่ถูกยกขึ้นมาเปรียบเทียบกับประเทศไทย ถ้าดูลงลึกไปถึงรายละเอียด จะพบว่ามีอะไรมากกว่าที่เราเห็น ไม่ใช่แค่การอยากทำก็ทำได้เลยตามใจชอบ ทุกอย่างจำเป็นต้องมีมาตรฐานไว้เป็นตัวกำหนดภายใต้ข้อกฎหมายเดียวกัน

จะว่าไปแล้ว เรื่องใบอนุญาตในแต่ละอาชีพของญี่ปุ่น เป็นเรื่องที่น่าสนใจและควรนำมาปรับใช้ในประเทศไทยมาก เนื่องจากคนไทยพูดเรื่องค่าแรงขั้นต่ำแล้วหยิบเอาญี่ปุ่นมาอ้างก็บ่อยๆ แต่ไม่เคยพูดว่า การจะประกอบอาชีพแต่ละอาชีพของญี่ปุ่น ต้องมีใบอนุญาตในแต่ละอาชีพด้วย เช่น เกษตรกรหรือพ่อครัว บางใบอนุญาตอาจไม่ได้บอกว่าจำเป็นต้องมี แต่มันมีผลเกี่ยวกับค่าแรงที่ได้รับ ยิ่งมีระดับสูงก็ยิ่งได้ค่าแรงเยอะ แสดงถึงความชำนาญที่มี

ปล. ตัวผมก็มีใบอนุญาตประกอบอาชีพที่ญี่ปุ่นอยู่ 3 ใบ ที่กว่าจะสอบผ่านก็รากเลือดอยู่เหมือนกัน คือ
- ใบอนุญาตขับเรือระดับ 3
- ใบอนุญาตใช้วิทยุสื่อสารภาคพื้นดินระดับ 2
- ใบอนุญาตใช้วิทยุในทะเลระดับ 1

‘นิวยอร์ก’ สั่งแบน ‘ติ๊กต๊อก’ บนอุปกรณ์ของรัฐฯ อ้าง ห่วงความปลอดภัยต่อเครือข่ายของเมือง

(17 ส.ค. 66) นครนิวยอร์กสั่งห้ามการใช้งาน ‘ติ๊กต๊อก’ แอปพลิเคชันดังของจีนบนอุปกรณ์ของรัฐบาล โดยอ้างข้อห่วงกังวลด้านความปลอดภัย ทำให้นิวยอร์กกลายเป็นเมืองล่าสุดในสหรัฐฯ ที่มีคำสั่งห้ามดังกล่าว หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีหลายรัฐในสหรัฐฯ ที่มีคำสั่งห้ามดังกล่าวไปก่อนหน้านี้

‘ติ๊กต๊อก’ เป็นแอปที่มีการใช้งานในหมู่ชาวอเมริกันมากกว่า 150 ล้านคน เป็นของบริษัทไบท์แดนซ์ ยักษ์ใหญ่ด้านไอทีของจีน ต้องเผชิญกับข้อเรียกร้องและแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐที่ต้องการให้มีการสั่งห้ามการใช้งานทั่วประเทศ เนื่องจากกังวลต่ออิทธิพลของจีนที่อาจเกิดขึ้นตามมา

‘อีริค อดัมส์’ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ระบุในแถลงการณ์ว่า ติ๊กต๊อกเป็นภัยคุกคามด้านความปลอดภัยต่อเครือข่ายทางเทคนิคของเมือง แม้ว่าติ๊กต๊อกจะยืนยันว่า ไม่ได้แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้งานในสหรัฐฯ กับรัฐบาลจีน และยังมีการกำหนดมาตรการสำคัญเพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้งานติ๊กต๊อกอีกด้วย

ภายใต้คำสั่งล่าสุดนี้ หน่วยงานในนครนิวยอร์กจะต้องลบแอปติ๊กต๊อกออกภายใน 30 นาที และพนักงานจะไม่สามารถเข้าถึงแอปและเว็บไซต์บนอุปกรณ์และเครือข่ายใดๆ ของเมืองได้อีกต่อไป

‘ทหารมะกัน’ ลักลอบข้ามแดน ขอลี้ภัยไปอยู่ ‘เกาหลีเหนือ’ อ้าง ถูกเลือกปฏิบัติ-เหยียดเชื้อชาติ-ทารุณกรรมในกองทัพสหรัฐฯ

สื่อสหรัฐฯ อ้างอิงแหล่งข่าวจากเกาหลีเหนือ ที่ประกาศอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกว่า ได้จับกุมตัว ‘พลทหาร ทราวิส คิง’ สังกัดกองทัพสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้ไว้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา พลทหาร ทราวิส คิง ได้ลักลอบข้ามชายแดน จากเขตปลอดทหารที่หมู่บ้านปันมุนจอม เข้ามาในดินแดนเกาหลีเหนืออย่างผิดกฎหมาย ต่อมาถูกจำกุมตัวได้โดยกองกำลังเกาหลีเหนือ

หลังจากที่มีการสอบสวน พลทหาร คิง สารภาพว่า เขาตั้งใจที่จะข้ามแดนมายังเกาหลีเหนือด้วยตนเอง แม้จะรู้ว่าผิดกฎหมาย โดยยังกล่าวอีกว่า ที่ทำไปเพราะต้องการต่อต้านการกระทำทารุณกรรมอย่างไร้มนุษยธรรม และการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในกองทัพสหรัฐฯ และตัวเขาก็ไม่แยแสต่อสังคมอเมริกันที่เต็มไปด้วยความไม่เท่าเทียม ดังนั้น เขาประสงค์ที่จะขอลี้ภัยทางการเมืองในเกาหลีเหนือ หรือในประเทศที่สามอื่นๆ

‘พลทหาร ทราวิส คิง’ เป็นพลเมืองสหรัฐฯ ปัจจุบันอายุ 23 ปี ถูกส่งมาประจำการในค่ายทหาร Garrison Humphreys ในจังหวัดพย็องแท็ก ประเทศเกาหลีใต้ ต่อมาถูกตำรวจเกาหลีใต้จับกุมด้วยข้อหาทะเลาะวิวาท ก่อนถูกส่งตัวคืนให้แก่กองทัพสหรัฐฯ โดย พลทหาร คิง จะต้องถูกส่งตัวกลับสหรัฐฯ เพื่อลงโทษทางวินัย และมีกำหนดเดินทางออกจากเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา

แต่ทว่า พลทหาร คิง ได้หลบหนีออกจากสนามบินอินชอน และเข้าร่วมโปรแกรมทัวร์เยี่ยมชมเขตปลอดทหารที่หมู่บ้านปันมุนจอม ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวดังของเกาหลีใต้ เมื่อสบโอกาส พลทหาร คิง ได้หนีทัวร์ และเดินข้ามเขตชายแดนไปยังเกาหลีเหนือและหายตัวไป จนล่าสุดเพิ่งได้รับการยืนยันจากรัฐบาลเกาหลีเหนือว่า ได้ควบคุมตัวพลทหาร ทราวิส คิง อยู่ และเป็นพลเมืองสหรัฐฯ คนแรกในรอบ 5 ปี ที่ถูกกักตัวในเกาหลีเหนือ

ด้านเจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ ไม่ขอออกความเห็นในคำสารภาพของพลทหาร ทราวิส คิง ที่ปรากฏในสื่อเกาหลีเหนือ เพียงแต่กล่าวว่า ตอนนี้ฝ่ายกลาโหมต้องการเพียงให้พลทหารอเมริกันเดินทางกลับสหรัฐฯ อย่างปลอดภัยเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้โฆษกกลาโหมสหรัฐฯ เคยแถลงข่าวเกี่ยวกับการหายตัวไปของพลทหาร ทราวิส คิง ว่าเขาแอบข้ามแดนไปเกาหลีเหนือเองโดยสมัครใจ ไม่ได้รับคำสั่งใดๆจากทางกองทัพสหรัฐฯ และไม่ออกความเห็นว่าพลทหารคิง ‘แปรพักตร์’ หรือไม่

ด้านรัฐบาลไบเดน กำลังถกเถียงกันในกรณีพลทหาร ทราวิส คิง ว่าสมควรที่จะระบุสถานะให้เขาเป็น ‘เชลยสงคราม’ เพื่อให้ได้รับการคุ้มครองพิเศษภายใต้อนุสัญญาเจนีวา ที่ว่าด้วยเรื่องการคุ้มครองด้านมนุษยธรรมแก่เชลยศึก แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป และจนถึงตอนนี้ พลทหารคิงยังอยู่ในสถานะ ‘ขาดราชการโดยไม่ได้ลา’

ถึงแม้ว่ากรณีของพลทหาร ทราวิส คิง จะสร้างความอับอายกับกองทัพสหรัฐฯ อยู่พอสมควร แต่จากความเห็นของ วิคเตอร์ ชา รองประธานอาวุโสของสถาบันกลยุทธ์ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในกรุงวอชิงตัน กล่าวว่า ทันทีที่พลทหารคิงถูกกักตัวในเกาหลีเหนือ เราก็ไม่อาจเชื่อคำพูดของเขาได้อีกต่อไป ทุกถ้อยคำที่ผ่านสื่อของเกาหลีเหนือไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าจริง หรือเป็นแค่เพียงการโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลเกาหลีเหนือเท่านั้น

ส่วนการเรียกตัวพลเมืองอเมริกันกลับคืนมาจากการเกาหลีเหนือได้นั้น โดยปกติต้องมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ไปเยือน ซึ่งตอนนี้ทางสหรัฐฯ ไม่มีความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับเกาหลีเหนือ แต่สิ่งที่เราเคยเห็นในอดีตเมื่อมีการคุมตัวพลเมืองอเมริกัน จะต้องมีการพิจารณาไต่สวนคดี ที่มักจบลงด้วยการเกณฑ์แรงงาน หรือจำคุก ที่จะนำไปสู่การใช้ระเบียบวิธีทางการทูตระดับสูงเพื่อพาคนอเมริกันกลับประเทศได้

ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทางการเกาหลีเหนือจะปล่อยตัวชาวอเมริกัน ที่ลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายกลับสหรัฐฯ โดยไม่มีการเจรจาต่อรองในระดับสูง จึงยากที่จะคาดเดาว่าอนาคตของพลทหาร ทราวิส คิง จะไปต่ออย่างไรในดินแดนเกาหลีเหนือ

เรื่อง : ยีนส์ อรุณรัตน์

ข้อควรรู้เกี่ยวกับการแต่งกายใน 'ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก' ชุดต้องเป๊ะ!! 'หนวดเครา-ผมเผ้า' ต้องเนี้ยบ ฝ่าฝืนถูกปรับเหยียบหมื่น

(16 ส.ค. 66) เพจ 'ทันโลกกับ Trader KP' ได้เผยเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการแต่งกายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange) ที่นักลงทุนยังต้องบอกว่า ‘สุดเนี้ยบ!’ ไว้ว่า...

ใครจะรู้ว่าภาพลักษณ์ที่เราเห็นกันในหนังว่าตลาดหุ้นมีแต่คนเนี้ยบและสุภาพเรียบร้อย จะเป็นกฎระเบียบที่เข้มงวดและอาจมีค่าปรับสูงถึง 9,000 บาทหากเราไม่สวมสูท ผูกไทด์เข้าตลาดหุ้นนิวยอร์ก

ตามคำกล่าวที่อยู่ในหลักจรรยาบรรณของตลาดหุ้นนิวยอร์กได้กล่าวว่า “เสื้อผ้าทุกชิ้นจะต้องรีดให้ไม่มีรอยยับให้เห็น”

ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange) หรือที่นักลงทุนรู้จักกันในนาม NYSE เป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งแรกในนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา อาคารของตลาดหลักทรัพย์ตั้งอยู่มุมถนนวอลล์สตรีท (Wall Street) จึงมักเรียกกันว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีท

👨🏻‍💼 การแต่งกายของผู้ชาย
สำหรับนักลงทุนและพนักงานผู้ชายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กจะต้องดำเนินการตามกฎการแต่งกายต่อไปนี้...

👉 เสื้อเชิ้ตคอปกติดกระดุมทุกเม็ด
👉 ผูกไทด์ให้แน่น ไม่หละหลวมเกินไป
👉 กางเกงขายาว ได้แก่ กางเกงสูท หรือ กางเกงลำลอง
👉 แจ็กเก็ตแขนยาว ได้แก่ สูท แจ็กเก็ต เบลเซอร์ หรือแจ็กเกตสำนักงานธรรมดา
👉 เสื้อเชิ้ตกอล์ฟ หรือ เสื้อโปโลมีปกหรือคอเต่า
👉 เล็มหนวด เคราให้ดูเรียบร้อย

👩🏻‍💼 การแต่งกายของผู้หญิง
สำหรับนักลงทุนและพนักงานผู้หญิงในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กจะต้องดำเนินการตามกฎการแต่งกายต่อไปนี้....

👉 เสื้อเบลาส์ เสื้อเชิ้ต หรือสเวตเตอร์ที่ดูเหมาะสม
👉 สวมใส่กระโปรงหรือเดรสยาว
👉 กางเกงสูทขายาว 
👉 ถุงน่อง (ในบางกรณี)

👨🏼‍🦰 👱🏼‍♀️ กฎแต่งกายร่วมกัน
แม้จะมีกฎระเบียบที่ดูเนี้ยบเป็นอย่างมาก แต่ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กยังมีกฎการแต่งกายที่ทุกเพศต้องปฏิบัติร่วมกันก็แก่การสวมรองเท้าที่จะต้องมีส้นและปลอดภัยสำหรับการเดินในตลาดหุ้น

เนื่องจากในอดีตเมื่อถึงเวลาที่ตลาดหุ้นเริ่มวุ่นวาย เทรดเดอร์หลายคนจะเริ่มถอดร้องเท้าทิ้งไว้ที่โต๊ะทำงานและวิ่งไปมาจนทำให้ดูไม่สุภาพเรียบร้อย

💸 ค่าปรับ
หากไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กได้วางไว้จะต้องเสียค่าปรับสูงถึง 250 ดอลลาร์ หรือเกือบ 9,000 บาทในครั้งแรก และหากมีการฝ่าฝืนกฎระเบียบซ้ำอีกครั้งจะต้องเสียค่าปรับสูงถึง 500 ดอลลาร์ หรือเกือบ 17,500 บาทในครั้งที่สอง พร้อมค่าปรับจะมากขึ้นและอาจถูกแบนจากตลาดหุ้นนิวยอร์กก็เป็นได้

📌หากใครที่อยากไปเยี่ยมชมตลาดหุ้นนิวยอร์กไม่ต้องกังวลไป เนื่องจากสมาชิก NYSE จะมีการมอบความรู้แก่ผู้เยี่ยมชมเกี่ยวกับระเบียบการแต่งกายก่อนเข้าชมอย่างเข้มงวด

ต่างชาติสัมผัส 'รถไฟจีน-ลาว' พาเข้างานแสดงสินค้าในคุนหมิง เปรียบเหมือนสะพานเชื่อมจีน-ลาว และโลกไว้ด้วยกัน

(ซินหัว) (15 ส.ค. 66) ที่คุนหมิง นายมูฮัมหมัด ฟาซเซิล แรบบี ชาวบังกลาเทศที่เดินทางจากลาวเข้าสู่จีนเมื่อไม่นานนี้ และเตรียมเดินทางสู่นครคุนหมิง มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เพื่อร่วมงานแสดงสินค้าจีน-เอเชียใต้ ครั้งที่ 7 และงานแสดงสินค้านำเข้าและส่งออกคุนหมิงแห่งประเทศจีน ครั้งที่ 27 เปิดเผยว่าทางรถไฟจีน-ลาว เปรียบเหมือนสะพานเชื่อมการแลกเปลี่ยนระหว่างจีนและลาว รวมถึงจีนและโลก

ทางรถไฟจีน-ลาว ได้เปิดบริการขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดนอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย. เป็นต้นมา ซึ่งเกื้อหนุนการเดินทางจากนครหลวงเวียงจันทน์ของลาวสู่นครคุนหมิงของอวิ๋นหนาน เมืองเจ้าภาพจัดงานแสดงสินค้าจีน-เอเชียใต้ ครั้งที่ 7 และงานแสดงสินค้านำเข้าและส่งออกคุนหมิงแห่งประเทศจีน ครั้งที่ 27 ระหว่างวันที่ 16-20 ส.ค. นี้

ข้อมูลจากสถานีผ่านแดนตำบลโม๋ฮันบนพรมแดนจีน-ลาว ระบุว่าสถานีฯ ได้ตรวจสอบรับรองรถไฟจีน-ลาว ที่ขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดนทั้งหมด 246 เที่ยว รวมถึงผู้โดยสารขาเข้า-ขาออกจาก 53 ประเทศและภูมิภาค จำนวน 52,888 คน เมื่อนับถึงวันที่ 15 ส.ค.

สำหรับผู้โดยสารที่สื่อสารต่างภาษาสามารถใช้บริการเครื่องแปลภาษาอัจฉริยะที่สถานีฯ ซึ่งสามารถแปลภาษาต่างๆ แบบเรียลไทม์มากกว่า 70 ภาษา รวมถึงรองรับภาษาต่างๆ ของกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนน้อยในจีน แปลสลับระหว่างภาษาถิ่นกับภาษาจีนกลาง ภายใต้การผสานเทคโนโลยีวิเคราะห์ความหมายเชิงอัจฉริยะ โดยเครื่องแปลภาษานี้อำนวยความสะดวกแก่การสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้โดยสารอย่างมาก

จีนออกแผนปฏิบัติการ มุ่งเสริมสร้าง 'ระบบพาณิชย์ระดับอำเภอ' ส่งเสริมการพัฒนาแบบบูรณาการ ฟื้นฟูภูมิภาคชนบท

(15 ส.ค.66) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (14 ) รัฐบาลจีนได้ออกแผนปฏิบัติการระยะ 3 ปี ที่มุ่งเดินหน้าเสริมสร้างระบบพาณิชย์ระดับอำเภอ ภายใต้ความพยายามส่งเสริมการพัฒนาแบบบูรณาการของพื้นที่ในเมืองและชนบท และฟื้นฟูภูมิภาคชนบทของประเทศ แผนดังกล่าวครอบคลุมการสร้างอำเภอ 'แนวหน้า' จำนวน 500 แห่ง ภายในปี 2025 ซึ่งจะมีศูนย์กระจายโลจิสติกส์ระดับอำเภอ ร้านสะดวกซื้อสำหรับประชากรชนบท และศูนย์พาณิชย์ชนบท เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดกลางและขนาดใหญ่ และตลาดผลผลิตการเกษตร พร้อมทั้งแสวงหาการเปิดช่องทางไหลเวียนแบบสองทางอย่างต่อเนื่องสำหรับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่จัดส่งสู่ชนบท และสินค้าเกษตรที่จัดส่งสู่เมือง เพิ่มรายได้เกษตรกรรมและยกระดับแนวโน้มการบริโภคของเกษตรกร รวมถึงช่วยตอบสนองความต้องการด้านชีวิตและการผลิตของประชากรชนบท

แผนข้างต้นมีขึ้นท่ามกลางความพยายามของจีนในการเร่งการจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกเชิงพาณิชย์ที่ด้อยพัฒนาในภูมิภาคชนบท พัฒนาระบบกระจายโลจิสติกส์ใน 'หมู่บ้าน-ตำบล-อำเภอ' โดยชี้แนะบริษัทพาณิชย์และโลจิสติกส์ให้มีการเปลี่ยนผ่านและยกระดับ ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาระบบพาณิชย์ที่มีคุณภาพสูงในอำเภอต่างๆ มีการระบุภารกิจเฉพาะมากกว่า 20 ภารกิจใน 7 ด้าน อาทิ การขยายบริการที่ศูนย์การค้าและตลาดชั้นนำสู่หมู่บ้านและตำบล การปรับปรุงศูนย์การค้าและตลาด การยกระดับศูนย์กระจายโลจิสติกส์หรือก่อสร้างขึ้นใหม่ การบ่มเพาะแบรนด์อีคอมเมิร์ซผลผลิตการเกษตรในท้องถิ่น และการเพิ่มขีดความสามารถของโลจิสติกส์ห่วงโซ่ความเย็นสำหรับผลผลิตการเกษตร

อนึ่ง แผนปฏิบัติการนี้ร่วมออกโดยหลายกระทรวงของจีนที่กำกับดูแลงานหลายด้าน อาทิ พาณิชย์ การวางแผนเศรษฐกิจ การคลัง ทรัพยากรธรรมชาติ การเกษตรและกิจการชนบท วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว และบริการไปรษณีย์ โดยจะมีการกำหนดรายชื่ออำเภอแนวหน้าเป็นประจำทุกปีตามคำแนะนำจากหน่วยงานระดับมณฑล เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2023

‘ยูเครน’ เตือน!! ‘โอลิมปิก ปารีส 2024’ เตรียมถูกแบน หากไฟเขียวให้ ‘รัสเซีย-เบลารุส’ ร่วมลงแข่งขันได้

‘เดนีส ชมีฮัล’ นายกรัฐมนตรี ยูเครน เตือน โอลิมปิก ปารีส 2024 จะถูกแบนจาก 35 ประเทศทั่วโลก หาก ‘รัสเซีย และเบลารุส’ ได้รับไฟเขียวให้ลงแข่งขันได้

(15 ส.ค. 66) ‘รัสเซีย-เบลารุส’ ถูกคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) แบนต่อเนื่องหลังก่อสงครามรุกราน ยูเครน แต่ระยะหลังดูเหมือนเริ่มมีการผ่อนปรนมาตรการลง และ มีโอกาสที่รัสเซีย และเบลารุส จะได้แข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ ภายใต้ธงเป็นกลาง โดยทั้งสองชาติจะได้แข่งขันใน เอเชียนเกมส์ ที่หางโจว เพื่อทำคะแนนสะสมสำหรับควอลิฟาย โอลิมปิกด้วย

ล่าสุด ยูเครน ระบุว่า รัฐบาลได้ทำหนังสือเรียกร้องและขอความร่วมมือจากนานาประเทศทั่วโลกให้ร่วมกันแบนรัสเซีย–เบลารุสต่อไป โดย เดนีส ระบุว่า “ยูเครนมีความมุ่งมั่นในเรื่องนี้ มีการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรระหว่างประเทศที่ทรงพลัง เพื่อให้กีฬาได้รับความยุติธรรม รวมกว่า 35 รัฐ เราพร้อมจะบอยคอตต์การแข่งขันโอลิมปิก หากรัสเซีย และเบลารุส ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมได้”

ขณะที่ ‘อเล็กซี โมโรซอฟ’ รัฐมนตรีกีฬาของรัสเซีย ระบุว่า รัฐบาลรู้สึกเสียใจกับการสูญเสียนักกีฬารัสเซียไปแล้ว 67 คน ที่เลือกจะโอนสัญชาติไปเล่นให้ประเทศอื่น หลังเกิดสงครามนับตั้งแต่ปี 2022

โดยนักกีฬาที่แข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ 2020 จำนวน 47 คน และ นักกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 8 คน รวมทั้ง นักกีฬาอื่นๆอีก 12 คน ได้สละสัญชาติรัสเซียไป เนื่องจากประเทศถูกสหพันธ์กีฬานานาชาติห้ามเข้าร่วมการแข่งขัน อาทิ อนาสตาเซีย เคอร์ปิชนิโกว่า นักกีฬาว่ายน้ำแชมป์ยุโรป ย้ายไปเล่นให้ฝรั่งเศส และ ฮานนา ปรากัตเซ่น เหรียญเงินเรือพายเหรียญเงินโอลิมปิก ย้ายไปเล่นให้ อุซเบกิสถาน

‘เด็กชายวัย 13 ปี’ พลัดตก ‘แกรนด์แคนยอน’ สูงกว่า 30 เมตร!! หลังหลบทางให้ นนท.ถ่ายรูป กู้ภัยเร่งช่วยเหลือ รอดตายปาฏิหาริย์

(15 ส.ค. 66) เดอะซัน รายงานการรอดชีวิตสุดปาฏิหาริย์ของเด็กชายวัย 13 ปี หลังประสบเหตุตกจาก แกรนด์แคนยอน ที่ระดับความสูงกว่า 30 เมตร โชคดีที่ดวงชะตายังไม่ถึงฆาต และหน่วยกู้ภัยใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงจึงช่วยเหลือนำตัวเด็กชายขึ้นมาได้ ก่อนรับส่งไปรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาล

ด.ช.ไวแอตต์ คอฟฟ์แมน เดินทางไปเที่ยวกับแม่ที่อุทยานแห่งชาติแกรนด์แคนยอน และกำลังชื่นชมกับทิวทัศน์สวยงามบริเวณจุดชมวิวไบรต์แองเจิ้ล ระหว่างนั้นมีกลุ่มนักท่องเที่ยวหลายคนแห่ถ่ายรูปที่จุดชมวิว หนุ่มน้อยเลยเขยิบตัวออกมาเพื่อไม่ให้บังกล้องของคนอื่น แต่ดันลื่นไถลและตกลงไป

ไวแอตต์ให้สัมภาษณ์เคพีเอ็นเอ็กซ์ สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา ว่า “ผมขึ้นไปบนขอบผา และกำลังเขยิบตัวออกไปเพื่อให้คนอื่นสามารถถ่ายรูปได้ ผมย่อตัวลงและจับก้อนหิน ผมมีเพียงมือเดียวที่จับมันไว้” ไวแอตต์บอกว่าตอนนั้นจับหินได้ไม่ถนัดนักและต่อมาก็หงายหลังลงไป “ผมฉันจำได้อีกทีคือตื่นขึ้นบนรถพยาบาล มีเฮลิคอปเตอร์ และขึ้นเครื่องบินมาที่นี่”

รายงานระบุว่าหน่วยกู้ภัยใช้เวลา 2 ชั่วโมงในการไต่ลงไปยังหุบเขาที่มีร่างของไวแอตต์นอนแน่นิ่ง จากนั้นหน่วยแพทย์ฉุกเฉินทางอากาศส่งตัวหนุ่มน้อยไปยังโรงพยาบาลในนครลาสเวกัส รัฐเนวาดา ซึ่งมีชายแดนติดต่อกัน

แม้ไวแอตต์จะได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งกระดูกสันหลังหัก 9 ซี่ ปอดยุบ ม้ามแตก สมองกระทบกระเทือน และมือหักข้างหนึ่ง แต่เด็กชายตอบสนองต่อการรักษาและมีอาการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายไบรอัน คอฟฟ์แมน พ่อของไวแอตต์ กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย แพทย์ฉุกเฉิน และทีมแพทย์ที่โรงพยาบาลต่อการทำงานอย่างทุ่มเท “พวกเราโชคดีมากๆ ที่ได้พาลูกกลับบ้านโดยมีเขานั่งอยู่ที่เบาะหน้ารถแทนที่จะเป็นในกล่อง” นายคอฟฟ์แมนพุดเปรียบเปรยถึงความดีใจที่ไม่ต้องรับร่างลูกชายในโลงศพกลับบ้าน

ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมามีเหตุสลดที่อุทยานแห่งชาติแกรนด์แคนยอน หลังจากชายคนหนึ่งพลัดตกจากทางเดินลอยฟ้าที่ความสูงเกือบ 1,220 เมตร และตกกระแทกพื้นด้านล่างจนบาดเจ็บสาหัส แม้หน่วยกู้ภัยจะรีบรุดเข้าช่วยเหลือ แต่อาการหนักมากและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

'นร.เขมร' ผวา!! หลังพบคลังลูกระเบิดนับพัน ถูกฝังไว้กลางโรงเรียนมานานกว่า 50 ปี

สื่อกัมพูชารายงานว่า ได้ค้นพบลูกระเบิดตกค้างที่ยังไม่ระเบิดถูกฝังไว้กลางสนามภายในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในจังหวัดกระแจะ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของกัมพูชามากกว่า 2,000 ลูก นอกจากนี้ยังพบหัวกระสุนระเบิด M79 อีกมากกว่า 1,000 ลูก จัดว่าเป็นหนึ่งในอาวุธสงครามที่มีพลังทำลายล้างสูง ที่สหรัฐอเมริกาได้นำมาใช้อย่างแพร่หลายตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนาม 

ทางการกัมพูชาได้สั่งให้ปิดโรงเรียนชั่วคราว และระดมผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่เพื่อกู้ระเบิดโดยทันที โดย นาย เฮง รัตนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา กล่าวว่า ต้องใช้เวลาพอสมควรในการกู้ระเบิดตกค้าง และจำเป็นต้องขยายพื้นที่การค้นหารอบรัศมีโรงเรียนด้วย  

แต่นับว่ายังโชคดีมากๆ ที่ยังไม่มีนักเรียนคนใดเคยได้รับบาดเจ็บจากซากระเบิดสมัยสงครามกัมพูชา เพราะลูกระเบิดเหล่านี้ ไม่ใช่ระเบิดด้าน ยังสามารถระเบิดได้อย่างง่ายดาย หากมีใครขุดไปกระทบมันเข้า

ระเบิดที่พบในครั้งนี้ เป็นอาวุธที่ใช้ในสมัยสงครามกลางเมืองกัมพูชา ในช่วงระหว่างปี 1960s - 1975 ช่วงหนึ่งของยุคสงครามเย็น ที่กัมพูชาถูกใช้เป็นสงครามตัวแทนในการสู้รบระหว่างฝ่ายกองกำลังคอมมิวนิสต์ และ ฝ่ายรัฐบาลสาธารณรัฐ ที่สหรัฐอเมริกาให้การสนับสนุน 

และกลายเป็นความขัดแย้งที่รุนแรง และโหดร้ายนานนับสิบปี อีกทั้งกัมพูชายังเป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกกองทัพสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดมากที่สุดในโลก นอกเหนือจากลาวและเวียดนามในสมัยนั้น จึงทำให้ในกัมพูชายังมีลูกระเบิดตกค้างหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก 

ซึ่งพื้นที่ของโรงเรียนในเมืองกระแจะแห่งนี้ เคยเป็นค่ายทหารมาก่อน เมื่อมีการค้นพบลูกระเบิดจำนวนมากที่ถูกฝังดินไว้ จึงสันนิษฐานได้ว่า น่าจะพบลูกระเบิดตกค้างอีกจำนวนไม่น้อยในพื้นที่ใกล้เคียงด้วย

จากผลพวงของสงครามกลางเมืองในกัมพูชา ยังคงทิ้งมรดกเป็นกับระเบิด และ ทุ่นระเบิดหลงเหลือ และ กระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศมาจนถึงทุกวันนี้ ที่มักเป็นอันตรายกับประชาชนในท้องที่ ที่ไปค้นพบ และเคลื่อนย้ายโดยบังเอิญ 

รัฐบาลกัมพูชาเคยรายงานว่ามีชาวบ้านไม่น้อยกว่า 2 หมื่นคนที่ต้องเสียชีวิตจากระเบิดตกค้างหลังสงครามตลอด 40 ปีแม้สงครามจะสิ้นสุดไปแล้วก็ตาม แต่ทั้งนี้ รัฐบาลกัมพูชาสัญญาว่าจะพยายามกู้ระเบิดตกค้างให้หมดไปให้ได้ภายในปี 2025 นี้ 

ที่ต้องบอกว่าไม่ใช่งานที่ง่ายเลย จากข้อมูลของศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชาประเมินว่าอาจมีทุ่นระเบิด และ อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ยังไม่ระเบิดในกัมพูชาถึง 6 ล้านลูก แต่บางข้อมูลชี้ว่า ปริมาณลูกระเบิดอาจมีมากกว่านั้นถึง 10 ล้านลูกที่ยังคงรอการกู้ทิ้งทำลาย

เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top