Saturday, 4 May 2024
SPECIAL

ตำรวจ ปส. สกัดผู้ต้องหา คาด่านชั่งน้ำหนักย่านพระราม 2 หลังลอบขนยาบ้า 3 ล้านเม็ด ก่อนยาหลุดลงภาคใต้

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม)/ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2  ให้ ตำรวจ ปส. เร่งเดินหน้ากวาดล้าง จับกุม และขยายผลเครือข่ายค้ายาเสพติด รวมทั้งการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ชั้นในและในชุมชน และการทำลายเครือข่ายค้ายาเสพติดให้ครอบคลุมโดยเฉพาะอย่างยิ่งเน้นย้ำ ในการสืบสวนหาข่าวเครือข่ายหน้าใหม่ รวมทั้งกลุ่มเครือข่ายเก่า 

ตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ล่าสุด ช่วงสายของวันที่ 27 ม.ค.2566 เจ้าหน้าที่หน่วยปราบปรามยาเสพติดพัทยา กก.1 ร่วมกับ ศูนย์วิเคราะห์ข่าว บก.ปส.2, ตำรวจทางหลวง และ ป.ป.ส.ภ.7 เข้าจับกุม นายยมนา หรือหมี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี ได้ที่บริเวณหน่วยบริการตำรวจทางหลวงสมุทรสงคราม ถ.พระราม 2 ในจุดสถานีตรวจสอบน้ำหนัก (ขาออก) อ.เมืองสมุทรสาคร จว.สมุทรสาคร ก่อนจับกุมได้รับแจ้งว่ากลุ่มเครือข่ายยาเสพติดจะลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จว.สระบุรี ลงไปยังพื้นที่ภาคใต้ โดยจะใช้รถบรรทุก 12 ล้อ เป็นพาหนะที่ใช้ลำเลียงยาเสพติด 

‘บิ๊กป้อม’ อ้าแขนรับ ‘2 กุมาร-บิ๊กน้อย’ กลับพรรค ชี้ ช่วยเศรษฐกิจ-การเมือง

(30 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 14.38 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินทางเข้าที่ทำการพรรค พปชร. ถ.รัชดาภิเษก จากนั้น พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน รวมถึงนายอุตตม สาวนายน และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ที่เดินทางตามหลังขบวนรถพล.อ.ประวิตร มาติดกัน มีนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค และนายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีม กทม.ได้ให้การต้อนรับ พร้อมขึ้นไปยังห้องทำงานพล.อ. ประวิตรทันที เพื่อยื่นใบสมัคร โดยพล.อ.ประวิตร ลงนามใบสมัครด้วยตัวเอง ก่อนที่จะสวมเสื้อพรรคให้นายอุตตม และนายสนธิรัตน์ ก่อนที่ทั้งหมดจะลงมาแถลงข่าวร่วมกัน

ต่อมาเวลา 15.10 น. พล.อ.ประวิตร พร้อมนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และเลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ร่วมกันแถลงเปิดตัว พล.อ.วิชญ์ นายอุตตม และนายสนธิรัตน์ 

โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นที่น่าดีใจที่เราได้ต้อนรับทั้ง 3 คน คนแรก พล.อ.วิชญ์ คนที่สอง คือ นายอุตตม และคนที่สามคือ นายสนธิรัตน์ ถือเป็นเกียรติกับ พปชร.เป็นอย่างยิ่ง ตนพูดไม่เก่ง แต่ฟังเก่ง แล้วฟังรู้เรื่องด้วย อยากจะฝากบอกกับทุกคนว่าพรรคของเราเป็นพรรคที่เรารวมกัน ก้าวข้ามความขัดแย้งทั้งหมด ฉะนั้น ทั้งสามคนจะมาช่วย พปชร.ในการดำเนินการกิจกรรมการเมืองและเศรษฐกิจ เพื่อที่จะให้พรรคมีความเข้มแข็ง เราต้องขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจกันทั้งสามคน เราได้สองหัวหน้าพรรค กับหนึ่งเลขาธิการพรรคนับว่าเป็นเกียรติกับ พปชร.เป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้นายอุตตมจะมาช่วยดูแลเรื่องเศรษฐกิจ นายสนธิรัตน์จะช่วยดูเศรษฐกิจและการเมืองด้วย ส่วนพล.อ.วิชญ์ ช่วยทั้งพรรค

ผู้สื่อข่าวถามว่า การกลับมาของทั้งสามคน จะทำให้ได้เป็นนายกฯ คนที่ 30 หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องประชาชนเลือก คุณถามอย่างนี้ผิดนะ จะให้ตนเป็นนายกฯ คนที่ 30ได้อย่างไร ประชาชนต้องเป็นคนเลือก ถ้าไม่ได้เลือกจะเป็นได้อย่างไร 

เมื่อถามว่า ตอนนี้แคนดิเดตนายกฯ ในพรรค มีแค่คนเดียว ไม่มีคนอื่นแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ถ้าตอบว่าตนไม่รู้ จะหาว่าตนไม่รู้อีก 

เมื่อถามย้ำว่า แล้วที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ระบุจะเข้ามาและเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่า ใครบอก ถ้านายมิ่งขวัญบอกเองก็ต้องไปถามนายมิ่งขวัญ แต่ยืนยันว่านายมิ่งขวัญยังอยู่กับพรรค และช่วยด้านเศรษฐกิจ เพราะในพรรคมีงานให้ทำเยอะแยะ ไม่ต้องห่วง 

เมื่อถามอีกว่า แล้วจะให้ใครเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นทั้งหมดเลยครับ ไม่เป็นไร หัวหน้ามีได้หลายคน

เมื่อถามว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย จะตามมาร่วมงานหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ต้องถามนายสมคิด จะถามตนได้อย่างไร เพราะไม่ได้คุยกันเลย 

เมื่อถามว่า จะป้องกันปัญหาเรื่องความขัดแย้งอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ที่นายอุตตม และนายสนธิรัตน์ออกไปจากพรรค เพราะมีเรื่องความขัดแย้ง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีความขัดแย้ง ออกไปก็ไม่ได้ขัดแย้ง 

ด้านนายอุตตม กล่าวเปิดใจถึงสาเหตุที่กลับมา พปชร. ว่า เรื่องสำคัญสุดคือ การสร้างปรองดอง ต้องขอบคุณหัวหน้าพรรคที่ได้เชิญชวนพวกตนมาทำงานร่วมกันในเวลาที่ประเทศชาติต้องการเดินหน้า พล.อ.ประวิตรแสดงอุดมการณ์มุ่งมั่นชัดเจนที่จะรวบรวมผู้คนจากหลาย ๆ ฝ่ายมาทำงานด้วยกัน อีกเหตุผลหนึ่งคือ พวกตนเคยเป็นสมาชิกในบ้าน สมาชิกเก่าในบ้านหลังนี้ มีส่วนร่วมริเริ่มสร้าง พปชร.มา มีส่วนในการคิดและผลักดันนโยบายส่วนหนึ่งขึ้น เช่น บัตรประชารัฐ ที่พวกเราช่วยกันทำมา หัวหน้าพรรค พปชร.ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะนำพรรคขับเคลื่อนนโยบายสำคัญเหล่านี้ เรายินดีที่จะทำงานร่วมกับทุกคนที่มีอุดมการณ์ร่วมกัน ก้าวข้ามขัดแย้งได้แล้ว

‘จิรวัฒน์’ ปลุก ปชช. เข้าคูหากา ‘เพื่อไทย’ สกัดอำนาจ ส.ว. เลือก ‘ประยุทธ์’ นั่งนายกฯ

(30 ม.ค. 66) นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตทวีวัฒนา พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการล้มวาระแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ที่เสนอให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 159 และมาตรา 272 ที่เสนอโดยพรรคเพื่อไทยว่า การเสนอแก้รัฐธรรมนูญ 2 มาตรานี้เป็นความพยายามแก้ไขเพื่อให้นายกฯ ต้องเป็น ส.ส. และตัดอำนาจ ส.ว.ไม่ให้มีอำนาจโหวตเลือกนายกฯ การล้มมติดังกล่าวเป็นการขับเคี่ยวกันทางการเมือง ซึ่งฝ่ายประชาธิปไตยได้ยื่นแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนี้มา 7 ครั้งแล้ว แต่ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมประมาณ 25 ฉบับกลับถูกตีตก ผ่านเพียงฉบับเดียวคือกฎหมายเลือกตั้งซึ่งเปลี่ยนระบบแก้ไขเรื่องของบัญชีรายชื่อแล้วก็เขตเลือกตั้งเท่านั้น เหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงเจตนาของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ที่จะยังคงต้องการสืบทอดอำนาจ คสช.ต่อไปอย่างชัดเจน

นายจิรวัฒน์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีความพยายามโดย ส.ว.บางคน ที่หยิบยกประเด็นดังกล่าวโยนหินถามทางในเวทีการเมือง เพื่อจะใช้กลไกและเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญอุ้มนายกฯ ที่ชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่ออายุของพล.อ.ประยุทธ์ ไปให้มากกว่าแปดปี ทั้งนี้ ประชาชนสามารถหยุดยั้งกระบวนการต่าง ๆ เหล่านี้ได้โดยการเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ เพื่อไม่ให้พล.อ.ประยุทธ์มีโอกาสเป็นนายกฯ ต่อ เชื่อว่าหากพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อ จะมีการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อปลดล็อกกรอบเวลา 8 ปีอย่างแน่นอน และอาจจะมีการแก้ให้รัฐธรรมนูญให้ ส.ว.คงอำนาจในการโหวตเลือกนายกฯ พร้อมต่ออายุของส.ว.จากห้าปีต่อไปอีกก็เป็นไปได้

'บิ๊กน้อย' ยก 'บิ๊กป้อม' เหมาะนั่งนายกฯ คนที่ 30 เป็นคนเสียสละ ตั้งใจให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้

(30 ม.ค. 66) ที่ทําการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตหัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์ถึงการกลับเข้ามาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า สำหรับตน ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ทำงานในหน้าที่ให้ดีที่สุด ตรงไหนที่เป็นส่วนรวมที่เราทำประโยชน์ให้กับประเทศและประชาชนได้ก็จะทํา ไม่สำคัญว่าอยู่ที่ไหนตนจะต้องอยู่ที่ไหน หรือตำแหน่งอะไร อยู่ที่การกระทำของเรา วันนี้มาเพื่อช่วยทำงานให้บ้านเมืองและประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่า กลับมาแล้วจะสามารถทำงานร่วมกันได้ ใช่หรือไม่ พล.อ.วิชญ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ไม่มีความขัดแย้ง เพราะไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร ทุกคนมีผิดพลาดได้ ไม่มีใครดี 100 เปอร์เซ็นต์ ฉะนั้นถ้ามาขอโทษเรียบร้อยแล้วทุกอย่างก็จบ ไม่ติดใจอะไร ถ้าติดใจก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะมาแตกแยกกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะช่วยดูพื้นที่ใดบ้าง พล.อ.วิชญ์ กล่าวว่า ทุกพื้นที่ที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ลงพื้นที่

รทสช. เนื้อหอม บิ๊กเนม จ่อซบเพียบ หลังกระแสนิยมพุ่งสวนทาง พปชร.

(30 ม.ค. 66) รายงานข่าวจาก พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แจ้งว่า หลังจากที่ พรรคสร้างอนาคตไทย ที่มี นายอุตตม สาวนายน เป็นหัวหน้าพรรค และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นเลขาธิการพรรค ตอบรับการกลับไปร่วมงานกับ พรรคพลังประชารัฐ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค ส่งผลให้กลุ่มการเมือง และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่เคยร่วมงานกับพรรคสร้างอนาคตไทย กำลังพิจารณาในการหาสังกัดเพื่อร่วมงานทางการเมืองใหม่ เพราะมองว่ากระแสความนิยมของพรรคพลังประชารัฐขณะนี้ไม่ดีนัก ตรงข้ามกับพรรครวมไทยสร้างชาติที่มีกระแสความนิยมดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะหลังจากการเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นสมาชิกพรรค ตลอดจนกระแสตอบรับหลังการปราศรัยใหญ่ที่ จ.ชุมพร

โดยเฉพาะในส่วนของ นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายก อบจ.นราธิวาส ที่มีแนวโน้มมาร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังจากมาร่วมสังเกตการณ์เวทีปราศรัยใหญ่ของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา โดยในส่วนกลุ่มของ นายกูเซ็ง ยังอยู่ระหว่างการเจรจาตกลงในรายละเอียดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

‘ลุงหนู’ ลั่น ‘บุญจง’ พร้อมชิงพื้นที่โคราช มั่นใจ!! นโยบายพรรคเรียกความเชื่อมั่น ปชช. ได้

(30 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 10.20 น. ที่ทําเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ กลับมาร่วมงานกับพรรค ภท. ว่า นายบุญจง จะลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.นครราชสีมา แทนนายอภิชา เลิศพชรกมล ที่ลาออกไป โดยนายบุญจง ถือเป็นผู้ที่ร่วมก่อตั้งพรรค ภท. มาตั้งแต่ 10 กว่าปีที่แล้ว เคยเป็นรมช.มหาดไทย สมัยนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคคนเก่า เป็นรมว.มหาดไทย และในพื้นที่นครราชสีมา ตนเป็นหัวหน้าทีมเองร่วมกับ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภท. จะช่วยกันดูแล เนื่องจากนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล หัวหน้าทีมคนเดิมแจ้งว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพ และลาออกจากการเป็นรัฐมนตรี ในโควตาของพรรคภท.

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรค ภท. พร้อมรับมือกับคู่แข่งในพื้นที่ดังกล่าว หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อย่าไปมองว่าใครเขาจะส่งหรือไม่ส่งลงสมัคร เพราะในทางการเมืองยังไม่เคยเจอเขตพื้นที่เลือกตั้งไหนที่ไม่มีคู่แข่ง หากคนนี้ไม่ลงแข่งก็ต้องลงแข่งกับคนนั้น เป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่สำคัญคือทำอย่างไรให้คนของเราแข็งแรงมากที่สุด และลงไปใกล้ชิดทำความเข้าใจกับชาวบ้าน แม้แต่ตนยังเดินทางตลอดเวลา หมดเวลาราชการวันศุกร์ วันเสาร์ อาทิตย์ ก็ต้องอยู่ต่างจังหวัด เพราะการเลือกตั้งใกล้เข้ามาเต็มทน

เมื่อถามว่ากฎหมายลูกสองฉบับประกาศมีผลบังคับใช้แล้ว พรรค ภท.จะมีการปรับแผนอะไรในการหาเสียง หรือทำงานการเมืองอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า การหาเสียงเลือกตั้งมีแผน มีกำหนดการ มีวิธีการนําเสนอนโยบาย มีการประชุมวางกลยุทธ์ทุกอย่างตลอดเวลา และช่วงนี้พรรคได้นำเสนอทีมงานใน กทม.ที่จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับชาวกทม. สมัยก่อนเราเอาผู้ที่ประสงค์จะลงสมัครมาสมัคร ส.ส. แต่ในครั้งนี้ทีมงานที่พรรคนําเสนอ เป็นอดีต ส.ส. อดีตรัฐมนตรี ที่ทำงานได้ต่อเนื่อง เป็นบุคคลที่ลาออกแล้วย้ายมาอยู่กับพรรคภท.แสดงว่าเขามีความมั่นใจในพรรคและนโยบาย จึงลาออกจากส.ส.มาอยู่กับเรา เป็นมาตรการวัดให้เห็นว่านโยบายของพรรค ที่ทำให้คนระดับส.ส.เชื่อมั่นและตัดสินใจมาร่วมงานด้วย

'พปชร.' ฟุ้ง!! คนแห่ร่วมงานระดมทุนพรรคล้น เหตุกระแส 'พรรค' ดี ชี้!! มีแต่คนคุณภาพไหลร่วม

(30 ม.ค. 66) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการจัดงานระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะจัดขึ้นที่ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ในวันที่ 30 ม.ค. 2566 ว่า เรื่องการระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐได้ดําเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งพรรคพลังประชารัฐได้รับการสนับสนุนจากองค์กรต่าง ๆ ที่มีผู้แสดงความจํานง ซื้อโต๊ะร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ประมาณ 170 โต๊ะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  

นายสันติ กล่าวต่อว่า อีกนัยยะหนึ่ง การสนับสนุนในครั้งนี้ หมายความว่า อย่างน้อยที่สุดก็จะมีพี่น้องประชาชน และนักลงทุนหลายส่วนให้การสนับสนุนถึง 1,700 คนขึ้นไป ก็ต้องถือว่าพรรคเป็นที่ชื่นชม และเป็นความมั่นใจของนักเศรษฐกิจ นักลงทุน นักวิชาการ ตลอดจนพี่น้องประชาชน ที่พร้อมให้การสนับสนุนในการทำงานของพรรค

'ชูวิทย์' ยัน!! ตำรวจรีดเงินดาราสาวไต้หวันจริง แถมแต่งเรื่อง-ทำลายหลักฐาน-ไม่ยอมรับความจริง

(30 ม.ค. 66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสตฺข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...

หลังจากเมื่อเย็นวันก่อน ผบช.น. ให้โฆษกฯ แถลงข่าวยืนยันว่า ตรวจสอบแล้ว ไม่มีตำรวจห้วยขวางเรียกรับผลประโยชน์ 

แต่ปรากฏว่า มีผู้หญิงคนไทย แฟนเป็นคนสิงคโปร์ ที่ไปร่วมวงสังสรรค์กินเหล้ากับดาราสาวไต้หวัน

ให้การยืนยันว่า ได้เป็นผู้จ่ายเงินจำนวน 27,000 บาท ให้กับตำรวจที่ตั้งด่านด้วยตัวเอง! และมีคลิปยืนยันด้วย

เพราะเห็นว่าการแถลงข่าวเมื่อเย็นของนครบาลยังปากแข็ง ไม่ยอมรับ

ทำให้ตำรวจห้วยขวางชุดที่ตั้งด่าน เพิ่งรับสารภาพสด ๆ ร้อน ๆ ว่ารีดเงิน 27,000 บาท จริง!

ก่อนหน้านี้ ผบช.น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง

ใช้ให้ลูกน้อง พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการ น.1 และ พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผู้กำกับ สน.ห้วยขวาง ไปวางแผนทำขายขี้หน้า หลายเรื่อง...

1. ลบคลิปที่ด่านหน้าสถานทูตจีน

2. ลบคลิปกล้องบนหมวกของตำรวจที่ด่าน

3. กล่อมให้คนขับแกร๊บยืนยันว่าดาราสาวไต้หวันเมามาก พูดไม่รู้เรื่อง อยู่ที่ด่านแค่ 40 นาที แล้วอ้างว่ากล้องหน้ารถบันทึกได้แค่ 20 วัน จึงไม่มีภาพ

4. ปล่อยคลิปสารพัดเพื่อดิสเครดิตดาราสาวไต้หวัน

5. ตอบโต้ แก้ตัวแทนลูกน้องตัวเอง โยนไปว่าสาวไต้หวันแต่งเรื่อง 

ผบ.ตร. เห็นท่าไม่ดี สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้การฯ ศูนย์สืบสวนนครบาล รีบบินด่วนเพื่อไปสอบปากคำจากดาราสาวไต้หวัน

พร้อมกันกับที่สาวไทยที่ไปเที่ยวด้วยกัน มาให้ข้อมูลว่าเป็นคนจ่ายเงิน 27,000 บาทด้วยตัวเอง

ทีม บชน. จึงชิงกลับลำ ให้ตำรวจห้วยขวางสารภาพเสียดีกว่า

ระเบิดจึงลงที่นครบาลอีกครั้ง พังไม่เป็นท่า วันจันทร์คงแบกหน้าสารภาพผิด

เรื่องสำนวน 'ตู้ห่าว' ยังมีกลิ่นตุๆ ไม่หาย

ยังมาทำเรื่อง 'สาวไต้หวัน' ให้กลิ่นเหม็นเน่าเข้าไปอีก

'ลุงหนู' ขอคนกรุงเชื่อมั่น!! 'พรรค ภท.' เลือกแต่คนมีของ ขอโอกาสได้ลองทำงานตามสไตล์พรรครับใช้กรุงเทพฯ

'อนุทิน' เสนอตัวทำงานให้คนกรุงเทพฯ ครั้งแรก ดึงส.ส.กรุงเทพฯ หวังแก้ปัญหาให้ สั่น พร้อมเป็นนายกฯ หาก ภท.ชนะเลือกตั้ง ไม่หวั่นเสียงส.ว. ระบุ ทำงานได้กับทุกคน แจง ปมย้าย 'หมอสุภัทร' ไม่ใช่หน้าที่รมต. พร้อมไม่เคยมองใครในกระทรวงเป็นเสี้ยนหนาม

(29 ม.ค.66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ขณะลงพื้นที่บริเวณชุมชนวัดมะกอก เขตสามเสนใน กรุงเทพฯว่า การลงพื้นที่นี้ก็ถือเป็นการมาศึกษาปัญหาของพี่น้องที่อยู่ในชุมชนที่ตนเองเกี่ยวข้อง และแก้ปัญหาให้ถูกต้อง ซึ่งพรรคภูมิใจไทยเราก็เป็นครั้งแรกที่มาเสนอตัวเป็นตัวเลือกให้กับพี่น้องประชาชนคนกรุงเทพฯ โดยตนเชื่อว่าถ้าคนกรุงเทพฯ รู้จักพรรคภูมิใจไทยแล้วก็น่าจะชอบในสไตล์พรรคที่กล้าตัดสินใจ

โดยคนกรุงเทพฯ ก็คงได้เห็นสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยทำไว้ทั่วประเทศที่ได้ให้สัญญาไว้เมื่อครั้งเลือกตั้งปี 2562 ในหลาย ๆ เรื่องเราก็ได้ส่วนงานที่เราเกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาให้กรุงเทพฯ ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีส.ส.ในกรุงเทพฯ เลยก็ตาม วันนี้เราได้นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และส.ส.หลายมา เชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยจะผลักดันนโยบายและเจตนารมณ์ได้ด้วยสไตล์การทำงานของพรรคภูมิใจไทย พูดง่าย ๆ ว่าตอนนี้เรามีของ มีน้ำมีเนื้อ ไม่ใช่ว่าเอาใครก็ไม่รู้ที่เราไม่รู้จักกันมาเสนอให้คนกรุงเทพฯ แต่นี่เราเอาส.ส.กรุงเทพฯ มาเสนอจะได้ทำงานต่อเนื่องไป

เมื่อถามพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งที่ผ่านมาไม่ติด 1 ใน 4 ของกรุงเทพฯ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็สาเหตุนี้เราจึงต้องเชิญนายพุทธพงษ์ และส.ส.กรุงเทพฯ มาทำงาน เราเลือกส.ส.ที่เข้าใจ ปัญหาต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ และใกล้ชิดกับประชาชน 

'อุ๊งอิ๊ง' ลุยบ้านโป่ง แย้ม!! 'ทักษิณ' บอกเคยมาบ่อยๆ อ้อน!! เลือก 'เพื่อไทย' ให้แลนด์สไลด์ทั้งราชบุรี

'เพื่อไทย' เผย ภาพบรรยากาศ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ และทีมเพื่อไทย เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ชุมชนสระโกสินารายณ์ ราชบุรี ผลงานสมัยรัฐบาล ดร.ทักษิณ ฟาก ‘อุ๊งอิ๊ง’ อ้อนคนบ้านโป่ง เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ กวาด ส.ส.ยกจังหวัด

(29 ม.ค.66) พรรคเพื่อไทย นำโดย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และ หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วย ส.ส. และสมาชิกพรรค ลงพื้นที่เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ชุมชนสระโกสินารายณ์ จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้และห้องสมุด ภายใต้แนวคิด 'ศึกษาอดีต พัฒนาปัจจุบัน สร้างสรรค์อนาคต เพื่อลูกหลานชาวตำบลท่าผา' ผลงานในรัฐบาล ดร.ทักษิณ ชินวัตร

โดยทางคณะได้ร่วมสักการะ ถวายพวงมาลัยดาวเรือง องค์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี และชมนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์ด้วย

จากนั้นทางคณะพรรคเพื่อไทย ได้พบปะประชาชนในอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี โดยมีประชาชนจำนวนมากให้การต้อนรับ พร้อมทั้งมอบดอกไม้ พวงมาลัยให้กำลังใจกันอย่างเนืองแน่น

แพทองธาร ชินวัตร กล่าวทักทายประชาชนที่มารอต้อนรับว่า "วันนี้มีเวลาสั้นๆ ได้มีโอกาสมาทักทายพี่น้องชาวราชบุรี พรรคเพื่อไทยมากันอย่างเต็มที่ เมื่อสักครู่คุณพ่อ ดร.ทักษิณ ชินวัตร โทรมา บอกว่าเคยมาเขตนี้บ่อยๆ เรื่องงบประมาณที่สร้างพิพิธภัณฑ์ก็มาตั้งแต่สมัยไทยรักไทย"

'ศักดิ์สยาม' ลุย!! 'อุบลราชธานี-อำนาจเจริญ-ยโสธร' เปิดตัว 10 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ตอกเสาเข็ม 'ภท.' ในอีสาน

เมื่อวันที่ 28-29 ม.ค.2566 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เดินทางลงพื้นที่ในกิจกรรมประชุมชี้แจงนโยบายพรรคภูมิใจไทย พร้อมขึ้นเวทีปราศรัยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคจำนวน 10 เขต ในพื้นที่ 3 จังหวัดคือ อุบลราชธานี, อำนาจเจริญ และยโสธร ท่ามกลางประชาชนที่มารอต้อนอย่างคึกคักในแต่ละจุดจำนวนหลายพันคน

โดยนายศักดิ์สยาม ยืนยันว่า ว่าที่ผู้สมัครฯ ของพรรคภูมิใจไทยทุกคน ล้วนมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ ที่ตนเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อการันตีความเป็นภูมิใจไทยว่า พูดแล้วทํา และมาตอกเสาเข็มทุกต้นให้ทุกพื้นที่เจริญก้าวหน้าต่อไป ส่วนว่าที่ผู้สมัครฯ บางคน แม้จะยังไม่มีตำแหน่ง ส.ส. แต่ที่ผ่านมาก็เป็นที่ประจักษ์ว่า ได้ลงพื้นที่คอยอยู่เคียงข้างประชาชนเสมอ เลือกตั้งรอบนี้จึงอยากให้พี่น้องประชาชนให้โอกาสเข้าไปทำหน้าที่ในสภาฯ

‘ก้าวไกล’ โหมโรงเลือกตั้ง ติดป้ายหาเสียงทั่วกรุงฯ ‘ปิดสวิตช์ 3ป.’ เด่นหน้าสภาฯ ‘หยุดส่วยฯ’ โผล่หลาย สน. 

(29 ม.ค.66) พรรคก้าวไกลโหมโรงศึกเลือกตั้ง ติดป้ายนโยบายทั่วกรุงเทพฯ รับการประกาศใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พร้อมข่าวลือสะพัดว่าจะมีการยุบสภาเร็ว ๆ นี้

ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ประชาชนผู้สัญจรไปมาในเขตกรุงเทพมหานคร ต่างโพสต์และแชร์รูปจอ LED ขนาดยักษ์กลางวงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งปรากฏภาพสัญลักษณ์พรรคก้าวไกล พร้อมข้อความ ‘กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม’ ซึ่งเป็นสโลแกนหาเสียงที่เพิ่งเปิดตัวในการประชุมใหญ่ของพรรคเมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา 

ตม.ประจวบฯ ตะครุบ 21 เมียนมาหนีเข้าเมือง มุ่งไปมาเลเซีย

(29 ม.ค.66) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ พุทธิพงษ์ ผกก.ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์, พ.ต.ท ณัฐพงษ์ จันทร์แจ่มหล้า รอง ผกก.ตม.จว.น่าน ปฏิบัติราชการ ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ สั่งการให้ชุดสืบสวน ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ นำโดย พ.ต.ต.ปวริศ ปานะจินาพร สว.ตม.ประจวบคีรีขันธ์ บูรณาการร่วมกับชุดฉก.จงอางศึก และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและ สภ.ห้วยยาง โดยวันที่ 27 มกราคม 2566 สนธิกำลังร่วมกันจับกุม น.ส.วิลัยพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี หมู่ 5 ต.วังเย็น อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม พร้อมบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา 21 คน และรถยนต์กระบะแบบหลังคาทึบ ยี่ห้อโตโยต้า กทม. จับกุมได้ที่บริเวณจุดตรวจ สภ.ห้วยยางสืบเนื่องจากขณะตั้งจุดตรวจบริเวณหน้า สภ.ห้วยยาง มีรถกระบะยี่ห้อโตโยต้าแบบมีหลังคาทึบ ซึ่งมี น.ส.วิลัยพร เป็นคนขับ ท่าทางน่าสงสัย จึงขอตรวจค้นพบแรงงานหลบหนีเข้าเมือง เป็นชาวเมียนมา 21 คน ซึ่งได้เดินเท้าข้ามแดนมาทางช่องทางธรรมชาติ ไม่มีเอกสารใดให้ตรวจสอบ 

‘กรณ์’ ชู ‘ศก.สายมู’ สร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เชื่อ!! ดูด นทท.ทั่วโลก สร้างรายได้ 5 ล้านล้านบาท

‘กรณ์’ เดินหน้า ‘เศรษฐกิจสายมู’ หนึ่งในยุทธศาสตร์ Spectrum Economy หารายได้ 5 ล้านล้านบาท ดันส่งเสริมจังหวัดละพันล้าน สร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ดึงนักท่องเที่ยวทั่วโลก

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า เศรษฐกิจสายมู หรือเศรษฐกิจสีขาว เป็นหนี่งในนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าที่เราได้มีการพูดถึงและนำเสนอมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ยังไม่แถลงนโยบาย เนื่องจากเห็นว่า ท่องเที่ยวสายมูไม่ใช่ความงมงาย ‘มูเตลู’ คือความเชื่อและความศรัทธา เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์มาช้านาน โดยเฉพาะคนไทยเรา หลอมรวมกลายเป็นประเพณี วัฒนธรรม และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล แม้แต่ในช่วงโควิด ที่ทุกจังหวัดเหลือเที่ยวบินเพียงวันละเที่ยวสองเที่ยว แต่ที่นครศรีธรรมราชกลับมีเที่ยวบิน 50 กว่าเที่ยว เพราะมีวัดเจดีย์ไอ้ไข่ เงินสะพัดสู่ชุมชน ทำให้ชาวบ้านที่ค้าขายอยู่รอบ ๆ รวมทั้งโรงแรมที่พัก ยังคงมีนักท่องเที่ยวไปอุดหนุนกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง 

“เศรษฐกิจสายมูกำลังเป็นเทรนด์ของทั่วโลก สามารถใช้ศรัทธาและแรงบันดาลใจแปรเปลี่ยนเป็นรายได้อย่างมหาศาล พรรคชาติพัฒนากล้า จึงได้นำมาบรรจุในนโยบายเศรษฐกิจ 7 สี หรือ Spectrum Economy ที่จะหารายได้เข้าประเทศ 5 ล้านล้านบาท” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว   

นายกรณ์ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยเรามีแหล่งท่องเที่ยวเชิงศรัทธามากมาย ถ้าเราฟื้นฟูหรือสร้างสตอรี่เรื่องเล่า คิดดูว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยี่ยมเยือนแค่ไหน นโยบายของเราคือ 1 จังหวัด 1 พันล้าน โดยการสร้างแหล่งท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ จังหวัดไหนไม่มีสถานที่ที่ดึงความน่าสนใจได้เพียงพอ ก็สร้างขึ้นใหม่ได้ ยกตัวอย่าง หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่อยุธยา ที่นายกอุ๊ วัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ ผู้เป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการสร้างขึ้นมา มีการวางแผนเป็นอย่างดี มีตลาดที่ชาวบ้านสามารถนำสินค้ามาค้าขายโดยรอบ กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน สร้างรายได้ให้คนอยุธยาอย่างประเมินค่าไม่ได้ หรือแม้แต่พระพิฆเนศองค์ยืนที่องค์ยืนที่ฉะเชิงเทรา ที่เกิดขึ้นมาได้ก็มีนายกอุ๊เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ทำให้เกิดเส้นทางท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ขึ้นหลากหลาย

นอกจากนี้นายกอุ๊ ยังเป็นกำลังหลักในการสร้างหลวงปู่โต วัดโบสถ์ อ.สามโคก จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของ จ.ปทุมธานีด้วย 

“นายกอุ๊ ก็คือที่ปรึกษาด้านนโยบายของชาติพัฒนากล้าด้วย พวกเราเห็นความสำคัญของเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะเศรษฐกิจสีขาว หรือสายมู ที่ถ้าเราลงทุนหลักพันล้านต่อ 1 แหล่งท่องเที่ยว เราจะได้เงินกลับคืนมาอย่างมหาศาล ดูแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกอย่างเจ้าแม่กวนอิมที่ฮ่องกง วัดอาซากุสะที่ญี่ปุ่น โบสถ์ที่งดงามในยุโรป หรือแม้แต่พระพรหมเอราวัณที่บ้านเรา ต่างก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนทั่วโลกอยากมาชมด้วยตาตัวเอง” นายกรณ์ กล่าว 

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวด้วยว่า สิ่งสำคัญของการส่งเสริมการท่องเที่ยวคือต้องมี 3 มิติควบคู่ ได้แก่ 

1. เพิ่มนักท่องเที่ยว ที่เราต้องลงทุนในระบบสาธารณูปโภค ลงทุนในการอนุรักษ์ดูแลธรรมชาติ 

2. เพิ่มเวลาที่นักท่องเที่ยวอยู่กับเรา จาก 10 วันเป็น 12 วัน ต้องเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวให้หลากหลายและดึงดูด 

และ 3. เพิ่มเงินที่นักท่องเที่ยวใช้ตอนอยู่กับเรา เพิ่มการใช้จ่ายจับจ่าย ต้องเพิ่มมูลค่าสินค้าเราให้มีราคามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นของฝาก อาหาร ที่พัก ฯลฯ ซึ่งยุทธศาสตร์สายมูตอบโจทย์ทั้ง 3 มิติ

‘นิด้าโพล’ เผยผลสำรวจ ‘พปชร.’ VS ‘รทสช.’ ปชช. มอง ‘ป้อม-ตู่’ ไม่แตกกัน พร้อมจับมือตั้งรัฐบาล

‘นิด้าโพล’ เผยผลสำรวจ การแข่งขันระหว่าง ‘พี่ป้อม’ พลังประชารัฐ ปะทะ ‘น้องตู่’ รวมไทยสร้างชาติ พบส่วนใหญ่เชื่อ ‘บิ๊กตู่ - บิ๊กป้อม’ ไม่ได้แตกกัน มอง ทั้ง 2 พรรคได้ ส.ส. เท่า ๆ กัน และพร้อมจับมือตั้งรัฐบาล

(29 ม.ค.66) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง ‘พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปะทะ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)’ ทำการสำรวจระหว่าง วันที่ 23-25 มกราคม 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการแข่งขัน ทางการเมืองระหว่าง รองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กับ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)

จากการสำรวจเมื่อถามถึงความรู้สึกของประชาชนต่อการแข่งขันทางการเมืองระหว่าง รองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐ กับนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จากพรรครวมไทยสร้างชาติ พบว่า 

- กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 46.56 ระบุว่า พลเอกประวิตร กับ พลเอกประยุทธ์ ไม่ได้แตกกัน เป็นเพียงแค่การแข่งขันทางการเมือง 
- รองลงมา ร้อยละ 28.93 ระบุว่า การเมืองไม่มีมิตรแท้และศรัตรูที่ถาวร 
- ร้อยละ 20.53 ระบุว่า เป็นสีสันทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย 
- ร้อยละ 12.52 ระบุว่า พลเอกประยุทธ์ เป็นอิสระมากขึ้นในการตัดสินใจทางการเมืองและการบริหารประเทศ 
- ร้อยละ 10.76 ระบุว่า การแข่งขันกันจะทำให้ทั้งสองพรรคได้ ส.ส. รวมกันแล้วน้อยกว่าจำนวน ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งปี 2562 
- ร้อยละ 9.01 ระบุว่า พลเอกประวิตร กับ พลเอกประยุทธ์ แตกกันอย่างแน่นอน 
- ร้อยละ 8.78 ระบุว่า พลเอกประวิตร และ พรรคพลังประชารัฐ เป็นอิสระมากขึ้น สามารถร่วมรัฐบาลกับฝั่งไหนก็ได้หลังการเลือกตั้ง
- ร้อยละ 6.56 ระบุว่า การแข่งขันกันจะทำให้ทั้งสองพรรคได้ ส.ส. รวมกันแล้วมากกว่าจำนวน ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งปี 2562 
- ร้อยละ 6.34 ระบุว่า ผู้ที่เคยสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ แต่ไม่ชอบ พรรคพลังประชารัฐ จะกลับมาสนับสนุน พลเอกประยุทธ์มากขึ้น 
- และร้อยละ 3.05 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top