Wednesday, 24 April 2024
POLITICS

“จุรินทร์” สั่งพาณิชย์จังหวัดติดตามราคาสินค้า ป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาช่วงล็อกดาวน์ เตรียมปล่อยขบวนรถ Mobile พาณิชย์ จำหน่ายสินค้าราคาถูก 300 คัน ลงพื่นที่ 10 จังหวัด

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังจากที่ ศบค.ประกาศมาตรการเตรียมล็อกดาวน์ถึงข้อกังวลในเรื่องราคาสินค้า ว่า ตนได้มีการสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ไปดำเนินการแล้ว โดยให้พาณิชย์จังหวัดแต่ละจังหวัดติดตามปริมาณและราคาสินค้า หากะบมีใครกระทำผิดกฎหมายก็จะต้องดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด เพราะถือเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์และประชาชนที่กำลังเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด19 แล้วยังจะต้องมาเจอการเอารัดเอาเปรียบจากการจำหน่ายสินค้าเกินราคาซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โดยประชาชนหากพบเจอก็สามารถร้องเรียนมาที่สายด่วน 1569 ได้ 

นายจุรินทร์ ยังเปิดเผยอีกว่า ภายหลังจากที่มีมติ ศบค.เตรียมล็อกดาวน์ 10 จังหวัด คือ กทม.และปริมณฑล และจังหวัดในชายแดนภาคใต้ ที่จะเริ่มในวันที่ 12 ก.ค.นั้น กระทรวงพาณิชย์จะปล่อยขบวนรถ Mobile พาณิชย์ จำหน่ายสินค้าราคาถูกเป็นกรณีพิเศษจำนวน 300 คัน เพื่อเข้าไปใน 10 จังหวัดทันทีที่เริ่มมาตรการล็อกดาวน์ และจะจำหน่ายต่อเนื่องไปจนจบมาตรการล็อกดาวน์ โดยสินค้าที่นำไปจำหน่ายนอกจากจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปแล้ว ยังจะมีสินค้าสำหรับใช้ในการป้องกันเชื้อโควิด19ด้วย เช่น หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ แอลกอฮอล์ และภายในวันนี้จะมีการหารือคำนวณราคาสินค้าอีกครั้งว่าจะทำอย่างไรให้มีราคาถูกที่สุด เพื่อสามารถลดค่าครองชีพให้ประชาชนได้มากที่สุดในช่วงล็อกดาวน์ รวมถึงในสัปดาห์หน้าก็เตรียมที่จะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบราคาสินค้าในสถานประกอบการต่างๆอีกด้วย

การเมืองน้ำเน่า​ 'ยุโรป'​ กีดกันคนฉีดวัคซีน​ 'จีน-รัสเซีย-อินเดีย'​ | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

หางโผล่!! วัคซีนการเมือง!! 

‘วัคซีน’ กับการเมืองเลือกข้างระหว่างประเทศเริ่มเด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ หลังชาติตะวันตกบางชาติยอมรับแค่วัคซีน​ 'แบบพวกเขาพวกเรา'​

...หรือจะให้พูดว่า​ ตอนนี้​ ใครไม่ฉีด Pfizer / Moderna / J&J และ AstraZeneca เวอร์ชั่นยุโรป ก็อย่าหวังได้เหยียบเข้า EU​ แบบง่าย ๆ

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง
.

.


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รัฐคลอดเกณฑ์จ่ายค่ารักษาพยาบาลกักตัวที่บ้าน 

นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางได้ออกหลักเกณฑ์ อัตรา วิธีการ และเงื่อนไข การเบิกเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล กรณีผู้มีสิทธิหรือบุคคลในครอบครัวเสี่ยงหรือติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (ฉบับที่ 3) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป โดยมีสาระสำคัญ คือ 

1. กรณีได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด 19 และอยู่ระหว่างรอเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน ซึ่งแพทย์มีความเห็นให้รักษาตัวที่บ้าน (Home Isolation) หรือสถานที่อื่น ๆ (Community Isolation) ผู้มีสิทธิสามารถเบิกเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลได้ ดังนี้ 
- ค่าบริการของสถานพยาบาลและการดูแลผู้ป่วยกรณีพักรอก่อนเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน ในอัตราเท่าที่จ่ายจริง วันละไม่เกิน 1,000 บาท และไม่เกิน 14 วัน
- ค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นต้องใช้ในการติดตามอาการ ในอัตราเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 1,100 บาท ต่อราย
- ค่ายา ค่าเอกซเรย์ ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ และค่ารักษาพยาบาลอื่น ๆ ในอัตราเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด
- ค่าพาหนะส่งต่อ ในอัตราเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 1,000 บาท และค่าทำความสะอาดฆ่าเชื้อบนรถพาหนะ ในอัตราเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 3,700 บาทต่อครั้ง ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายอุปกรณ์ป้องกันบุคคลของเจ้าหน้าที่แล้ว 

2. กรณีมีอาการผิดปกติภายหลังได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 และแพทย์สันนิษฐานว่าเกิดภาวะเกล็ดเลือดต่ำที่กระตุ้นการเกิดหลอดเลือดอุดตันจากภูมิคุ้มกันภายหลังได้รับวัคซีน หากเข้ารับการรักษาพยาบาลเป็นผู้ป่วยใน ให้มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ ดังนี้
- ค่าตรวจ Heparin-PF 4 antibody (lgG) ELISA assay และค่าตรวจ Heparin induced platelet activation test (HIPA) ตามอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด เรื่อง อัตราค่าบริการสาธารณสุขเพื่อใช้สำหรับการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลในสถานพยาบาลของทางราชการ ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2549 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
- ค่ายา IVIG (Human normal immunoglobulin, intravenous) ตามอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด

นายวิทเยนทร์ มุตตามระ โพสต์ข้อความเกี่ยวกับวัคซีน พร้อมแนะ 10 สิ่ง ที่รัฐบาลต้องสื่อสารอธิบายให้ประชาชนเข้าใจทั่วถึง

จากเฟซบุ๊ก Vittayen Muttamara โดยนายวิทเยนทร์ มุตตามระ ได้โพสต์เกี่ยวกับเรื่องวัคซีน ที่วันนี้รัฐบาลควรแจกแจงต่อประชาชนอีกครั้งให้ชัดเจน ไม่ควรปล่อยให้เกิดความเข้าใจผิดกันจนกลายเกิดการบิดเบือนไปในวงกว้างว่า...

เรื่องวัคซีน สิ่งที่รัฐบาลต้องสื่อสารอธิบายให้ประชาชนเข้าใจทั่วถึง

1.) ปัจจุบันเรามีวัคซีนบริการประชาชน 3 ยี่ห้อ คือ ซิโนแวค, แอสตร้าเซเนก้า, และวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์ม

2.) เหตุที่เรายังไม่มีตัวอื่น ๆ ไม่ใช่เพราะเราช้า แต่เพราะตอนนี้วัคซีนทุกตัวมีคนจองคิวรอมาก ในขณะที่กำลังการผลิตของทุกเจ้ายังไม่ทันยอดการจองทั่วโลก

3.) ทุกประเทศมีปัญหาคล้ายกันหมด เว้น ประเทศผู้ผลิตวัคซีนเอง

4.) วัคซีนทุกยี่ห้อวิจัยคิดค้นในช่วงที่ไวรัสกลายพันธุ์ยังไม่แพร่หลายขนาดนี้ ดังนั้น วัคซีนทุกตัวยังตามวิวัฒนาการของไวรัสไม่ทัน

5.) เราเชื่อว่าวัคซีนทุกตัวกันป่วยหนักและป้องกันการเสียชีวิตได้ เมื่อวันนี้ปรากฏประสบการณ์ว่ามีพยาบาลฉีดซิโนแวคครบสองเข็มแล้วเสียชีวิต เราจะเร่งหาสาเหตุ และปรับยุทธศาสตร์การฉีดวัคซีน รวมถึงการกระตุ้นวัคซีนเข็มสามในกลุ่มบุคคลากรด่านหน้า

6.) จำนวนวัคซีนที่เราได้รับจริงแล้วจากแอสต้าเซเนก้า เรารับมาแล้วเท่าไร แต่ละเดือนเราจะได้รับเท่าไร เอาข้อเท็จจริงทั้งหมดมาเปิดเผย ถ้าเราจะได้ไม่ถึง 10 ล้านต่อเดือน ก็ต้องพูดความจริงชัดๆ

7.) การที่เราไม่เข้าโครงการโคแว็ค ไม่ใช่ข้อผิดพลาด และทุกวันนี้โครงการโคแว็คเองก็ไม่ประสบผลสำเร็จ ไม่มีวัคซีนกระจายให้ประเทศที่เข้าร่วมโคแว็ค

8.) เราจะได้วัคซีนยี่ห้ออื่น ๆ ภายในสิ้นปีนี้ มียี่ห้ออะไรบ้าง ยี่ห้อไหนจะมาเท่าไร

9.) ปัญหาเรื่องเชื้อกลายพันธุ์ทุกประเทศ เผชิญการระบาดระบอกใหม่ทั้งโลก แม้ประเทศที่ฉีดวัคซีนไปมากแล้วก็เจอ พิสูจน์ได้ว่าไม่ว่าฉีดวัคซีนยี่ห้อไหนก็หนีปัญหานี้ไม่พ้น เช่น อเมริกา ฉีด mRNA ไปแล้วประมาณร้อยละ 60 ตอนนี้ก็เกิดระบาดระลอกใหม่

10.) ต้องทำให้ประขาชนรับรู้ว่ารัฐบาลจริงใจ ให้ข้อมูลครบถ้วน อะไรที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนก็แอ่นอกรับความจริง

เข้าใจว่าแทบทุกข้อรัฐบาลเคยประกาศไปแล้ว แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบ สาเหตุหลักเป็นเพราะระบบการสื่อสารของรัฐยังไม่เข้มแข็งพอ และยังไม่เป็นเอกภาพพอ

#สู้ๆ #เราจะฝ่าวิกฤตโควิดไปด้วยกัน

 

 

ที่มา : https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10158664667902955&id=675347954


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นายศาสตรา โตอ่อน เจ้าของช่องยูทูป​ 'อ.โต​ วิเคราะห์'​ โพสต์ข้อคิด Move On & Self Love

นายศาสตรา โตอ่อน เจ้าของช่องยูทูป​ 'อ.โต​ วิเคราะห์'​ และอดีตอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต นิติศาสตรมหาบัณฑิต​ (กฎหมายมหาชน)​ ม.ธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อคิดผ่านเฟซบุ๊ก 'Sattra Toaon'​ ว่า...

Move On & Self Love

ชีวิตคนเราจะดีที่สุดถ้ากลับมารักตัวเอง ดูแลตัวเอง บ้านเมืองจะดีที่สุดถ้าประชาชนกลับมาเห็นคุณค่าในบ้านเมืองตนเอง

การกลับมารักบ้านเมืองตัวเอง ไม่ได้หมายความว่ากลับมาคลั่งชาติแบบสุด ๆ แต่คือการเห็นคุณค่าในตัวเอง

ในทางกลับกันเราไม่ต้องเอา คนอื่น ชาติอื่น มาอยู่เหนือตัวเรา ที่ผ่านมาคนไทยเรายกย่องชาติอื่นโดยหารู้ไม่ว่ามันคือกระบวนการถูกทำให้เชื่อ

กรณีวัคซีนเป็นตัวอย่าง นานาชาติแข่งขันการสร้างความเชื่อว่าของข้าดีกว่าของเอ็ง ด่ากันไปมาอย่างน่าสยดสยอง

แต่สิ่งที่น่าศึกษา​ คือ​ ชาติเหล่านี้​ ก็ยังมีดีตรงที่เขาว่าชาติของเขาดีกว่าอีกชาติ เพราะถ้าสร้างความรู้สึกว่าข้าดีกว่าแกได้ มันได้เงินไงครับ มันได้ผลประโยชน์

ส่วนคนไทยเรานั่งดูเทนนิส หันซ้ายหันขวา นั่งเชียร์นาดาลบ้าง, เฟเดอเร่อบ้าง, โยโควิชบ้าง

จะเห็นได้เลย​ คนไทยมีเมนทอลผิดพลาดมาก คือ​ ยกชาติอื่นเหนือตนเอง

ต่างชาติมีขบวนการดิสเครดิทไทยเรามาช้านาน

ใครไปอัมเสตอดัมจะเห็นเรดสตรีทที่มีการขายตัวกันเอิกเกริก!!

กรุงปารีสโสเภณียืนอยู่ตามปั้มน้ำมัน!!

เยอรมนีก็มีซ่องโสเภณีไม่น้อย!!

แต่ทำไมสารคดีเรื่องพัทยา​ จึงมีการถ่ายทำมากมาย

ความจริง​ คือ​ เรากำลังถูกปกครองด้วยภาพพจน์ ทั้งที่จริง ๆ​ แล้วฝรั่งมันไม่มีอะไรดีเท่าเรา!!

กระบวนการป้ายสีประเทศว่า เราไม่ดีตรงนี้ตรงนั้น และสร้างภาพว่าฝรั่ง​ คือ​ ซูเปอร์ฮีโร่​ มันคือศิลปะในการปกครองโลก แบ่งชั้นวรรณะ นั่นทำให้เราหลงไปบูชาฝรั่ง

ที่สำคัญและร้ายกว่านั้น คือ หลงลืมตนเอง คนที่หลงลืมตนเอง​ คือ​ เหยื่อของคนที่ต้องการบงการ เขาจะสั่งซ้ายขวาอย่างไรก็ได้ เขาจะให้เรายกอะไรให้ก็ต้องยก

เพราะการถูกอำนาจสื่อ อำนาจทางความคิดครอบงำ เสียบ้านเสียเมืองมาตั้งเยอะแยะ เกิดการฆ่าฟันกัน ให้เขามาปล้นไปกินก็เยอะไป

ดังนั้น การกลับมาเห็นคุณค่าของประเทศไทยจึงสำคัญมาก ด้านหนึ่งคือการละทิ้ง เข้าใจขบวนการครอบงำให้เชื่อฝรั่ง ด้านหนึ่งคือการกลับมาหาขุมสมบัติที่บรรพชนหามาให้ไว้

การเข้าใจเช่นนี้​ จึงไม่ใช่ทั้ง​ 'การชังชาติ'​ และ 'คลั่งชาติ'​ แต่มันคือความรักในแผ่นดินเกิดอย่างที่สุด

เป็นความรักที่มีสติปัญญากำกับไม่ใช่การหลงงมงาย

จงรักตัวเอง จงรักประเทศ นั่นคือความแข็งแกร่งที่พวกศัตรูกลัว

และมีแต่ควายเท่านั้นที่หลงไปไถนาให้คนอื่น โดยไม่กลับไปล้างโคลนให้สะอาด และรอวันถูกเชือด

อะไร? ใคร? ประเทศใดที่หลงไปยกย่องแล้วไม่ใช่!! ก็ Move On & Self Love...

อย่าเหวอ อย่าเอ๋อ อย่ายืนงงในดงตีน จบแบบ ร็อค ๆ​ ตามสไตล์

 

 

ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=122359160057351&id=100068498020638


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ศรีสุวรรณ ยื่น หลักฐานใหม่ ให้ ป.ป.ช. แฉพิรุธ อปท. ทำเสาไฟโซล่าเซลล์ ขัดคำสั่งสำนักงบประมาณ

ที่สำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.เพิ่มเติม กรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ จัดซื้อจัดจ้างทำเสาไฟฟ้าประติมากรรมระบบโซล่าเซลล์ในราคาที่แพงกว่าความเป็นจริงมาก อันส่อเป็นการฮั้วกันระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)และบริษัทผู้รับเหมา ซึ่งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้นำความมาร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ไปแล้ว โดยมีนายสุทธิ  บุญมี ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ เป็นผู้รับหนังสือ

ล่าสุดสมาคมตรวจสอบพบว่า กรณีดังกล่าวเคยมีหนังสือสั่งการจากสำนักงบประมาณ ที่ นร 0706/17658 ลงวันที่ 30 มิ.ย.2558 แจ้งไปยังอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อขอให้ทบทวนความเหมาะสมของงบประมาณที่เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างระบบไฟฟ้าแสงสว่างโชล่าเซลล์เสียใหม่ โดยควรระงับรายการก่อสร้างระบบไฟฟ้าแสงสว่างโชล่าเซลล์ดังกล่าวเสีย และหากจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าส่องสว่าง ขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาใช้ไฟฟ้าจากระบบจำหน่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่มีอยู่ในท้องถิ่นจะเป็นการเหมาะสมและประหยัดกว่า


             
หนังสือดังกล่าวกรมการปกครองส่วนท้องถิ่นได้แจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศให้รับทราบแล้ว และผู้ว่าราชการจังหวัด ได้แจ้งไปยังนายอำเภอในท้องที่ของตนให้รับทราบ และนายอำเภอก็ได้แจ้งไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ในเขตปกครองของตนแล้วเช่นกัน ซึ่งหนังสือดังกล่าวเชื่อว่าทุก อปท. ทั่วประเทศจะได้รับทราบตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2558 เป็นต้นมา แต่ทว่าก็ยังปรากฎว่ามีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก อาทิ อบต.ราชาเทวะ อบต.หนองปรือ จ.สมุทรปราการ อบจ.อ่างทอง อบจ.เพชรบูรณ์ เป็นต้น ที่ยังดื้อแพ่งจัดทำโครงการก่อสร้างระบบไฟฟ้าแสงสว่างโชล่าเซลล์ โดยทำเสาไฟฟ้าประติมากรรมกันหลากหลายรูปแบบ เช่น รูปกินรี รูปเครื่องบิน รูปหงส์ รูปช้าง เป็นต้น ตั้งแต่ปี 2558 มาจนถึงปัจจุบัน

นอกจากจะเป็นการดื้อแพ่งขัดต่อคำสั่งของสำนักงบประมาณดังกล่าวแล้ว ยังส่อเป็นการฝ่าฝืน พรบ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 ประกอบ พรบ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ 2542 หรือกฎหมายฮั้วประมูล อีกด้วย อันอาจเข้าข่ายความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการฯ ตาม พรป.ป.ป.ช.2561 นั่นเอง
            
ดังนั้นสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำหลักฐานดังกล่าวมาร้องเรียนและมอบเพิ่มเติมให้กับ ป.ป.ช. เพื่อใช้ประกอบในการเอาผิด อปท. และบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งระบบในการดื้อแพ่งจัดทำโครงการก่อสร้างระบบไฟฟ้าแสงสว่างโชล่าเซลล์เสาไฟฟ้าประติมากรรมดังกล่าว  

ราเมศ ย้ำ ปชป. ไม่หยุดช่วย ปชช. แต่ปรับการทำงาน ภายใต้กรอบ ศบค.

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึง การทำงานของพรรคในช่วงสถานการณ์ ที่มีการประกาศมาตรการยกระดับคุมโควิดที่กำลังระบาดและล็อกดาวน์-เคอร์ฟิวในหลายพื้นที่ ว่า การทำงานของพรรค ทุกคนให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการปฏิบัติตามประกาศของ ศบค. ในส่วนของการทำงานของสำนักงานเลขาธิการพรรคได้ดำเนินการปฏิบัติงานในลักษณะ Work From Home สลับกันมาทำงานให้มากที่สุด โดยจะไม่กระทบต่อการให้บริการประชาชน เพราะมีประชาชนจำนวนมากที่ได้ขอความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆมายังพรรค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการไม่มีเตียงรักษาพยาบาลของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด 19 การให้คำปรึกษากฎหมายและเรื่องอื่นๆ รวมถึงเป็นศูนย์กลางในการเข้าช่วยเหลือชุมชุนที่มีผู้ติดเชื้อแล้วต้องทำการกักตัวกันหลายครัวเรือน ก็จะมีหน่วยเคลื่อนที่เร็วในแต่ละเขตเข้าให้ความช่วยเหลือในเรื่องอาหารการกินของพี่น้องประชาชน ทุกเขตพื้นที่เตรียมความพร้อมกันตลอดเวลา

ข้อกำหนดที่อาจจะมีอุปสรรคบ้างในการทำงาน เช่น การห้ามการรวมกลุ่มทำกิจกรรมทางสังคม ที่มีการรวมตัวกันของบุคคลตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ซึ่งทีมงานในแต่ละเขตก็ต้องวางแผนการทำงานใหม่ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในการข่วยเหลือประชาชน ก็จะลดจำนวนทีมงานที่จะเดินทางเข้าช่วยเหลือประชาชน เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน

นายราเมศ กล่าวต่อ ว่าสถานการณ์ในขณะนี้ มีประกาศข้อห้าม เชื่อว่าทุกคนเข้าใจและพร้อมให้ความร่วมมือ แต่จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของพรรค ที่เราไม่สามารถหยุดการทำงานในการต้องดูแลช่วยเหลือประชาชนได้ ซึ่งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ได้กำชับตลอดเวลา ให้ทุกคนทุ่มเททำงานให้เต็มที่ ไม่ว่าสถานการณ์ใดต้องปรับการทำงานโดยมุ่งให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนให้มากที่สุด เพราะทุกข์ของชาวบ้านคืองานของประชาธิปัตย์

“ชวน” เตรียมถกวิป 3 ฝ่ายหารือประชุมสภาต่อหรือไม่ หลังศบค.ประกาศล็อกดาวน์ 

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุมวิป 3 ฝ่ายในวันที่ 12 ก.ค. 2564 ถึงแนวทางการทำงานของสภาผู้แทนราษฎร หลังมีมาตรการของ ศบค.ทั้งล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวส์วนพื้นที่เสียงเพื่อป้องกันการระบาดของโควิด -19 ว่าจากการหารือกับ ศบค. ในแต่ละครั้ง ศบค. อนุมัติให้สภาฯสามารถดำเนินการประชุมจนสิ้นสุดสมัยการประชุมได้ อย่างไรก็ตามก็ต้องให้ความร่วมมือในช่วงที่รัฐบาลประกาศคุมเข้ม 2 สัปดาห์เรื่องการงดการเดินทาง ซึ่งการหารือในวันวันที่ 12 ก.ค. 2564 จะพูดคุยถึงแนวทางร่วมกันว่าหากจะต้องหยุดการประชุมสภาฯจะใช้เวลากี่วันถึงจะเหมาะสม 

นายชวน กล่าวย้ำว่ามาตรการความปลอดภัยในรัฐสภามีความเข้มงวดอยู่แล้ว โดยเฉพาะภายในห้องประชุมใหญ่ ซึ่งสมาชิกให้ความร่วมมือในการสวมใส่หน้ากากอนามัยเป็นอย่างดี และไดกำชับทุกฝ่ายมาโดยตลอดไม่ให้หละหลวมต่อมาตรการต่างๆที่วางไว้ ขณะที่ ส.ส. และบุคลากรที่มีความเสี่ยงหรือตรวจพบว่ามีการติดเชื้อ ก็ได้เข้ารักษาตัว และมีมาตรการทำงานที่บ้าน (WFH) อยู่แล้ว มาตรการต่างๆมีมาก่อนที่จะมีประกาศของ ศบค.ล่าสุด แต่หากต้องยกระดับสูงขึ้น ก็จะต้องดำเนินการหารือกับทุกฝ่ายให้เข้าใจตรงกัน 

“องอาจ” จี้นายกฯ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากล็อกดาวน์ 

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการล็อกดาวน์ที่ส่งผลกระทบกับประชาชนในขณะนี้ว่า จากการลงพื้นที่ของอดีต ส.ส. อดีต ส.ก. สาขาพรรค ตัวแทนพรรคใน 10 จังหวัดที่มีการล็อกดาวน์โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างมาก จนทำให้มีการล็อกดาวน์ ต่างได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านจำนวนมากเรียกร้องให้ ศบค. และภาครัฐเร่งเยียวยาอย่างรีบด่วน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ครั้งนี้

จากการประเมินผลกระทบในพื้นที่พบว่าการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ทำให้การเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลง ส่งผลให้มีคนว่างงานทันทีจำนวนมาก จนเกิดปัญหาคนยากจนเฉียบพลันเพิ่มขึ้น และมีโอกาสเป็นผู้ยากจนเรื้อรังในที่สุด

การล็อกดาวน์ครั้งนี้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อ 2 กลุ่มใหญ่ในสังคม ได้แก่ 
1. กลุ่มเปราะบางทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น กลุ่มแรงงานนอกระบบ กลุ่มคนไร้บ้าน 
2. กลุ่มผู้ประกอบการ SME อาชีพอิสระ ธุรกิจบริการ ธุรกิจร้านอาหารภัตตาคาร ธุรกิจบันเทิง และธุรกิจบริการหลากหลายประเภท

เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนกลุ่มต่างๆ ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรรีบดำเนินการช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที ดังนี้

1. ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็ว รอบด้านและเพียงพอต่อการดำรงชีพ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางทางเศรษฐกิจสังคม กลุ่มแรงงานนอกระบบ และกลุ่มคนทำงานทุกประเภท
2. ภาครัฐควรจัดให้มีการจ้างงานระยะสั้น โดยอาจดำเนินการโดยภาครัฐ หรือสนับสนุนให้เอกชนในสถานประกอบการขนาดใหญ่จ้างงานระยะสั้นเพิ่มมากขึ้น 
3. ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนทุกรูปแบบ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต 
4. ควรงดเว้นหรือลดการเก็บภาษี หรือค่าธรรมเนียมต่างๆ ของภาครัฐ จากผู้ประกอบการ SME
5. ช่วยเหลือเร่งรัดให้การพักชำระหนี้ การให้สินเชื่อกับผู้ประกอบการรายย่อยเกิดขึ้นได้จริง เพราะที่ผ่านมามีปัญหาติดขัดมาก ทั้งๆ ที่มีเม็ดเงินเพียงพอต่อการช่วยเหลือในส่วนนี้ได้อยู่แล้ว 

ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้รับผิดชอบสูงสุดของภาครัฐในการบริหารจัดการแก้ปัญหาโควิด-19 และผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดเร่งพิจารณาข้อเสนอนี้และข้อเรียกร้องจากภาคส่วนต่างๆ อย่างจริงจัง เพราะประชาชนเดือดร้อนมากจริงๆ การลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านของอดีต ส.ส. อดีต ส.ก. และตัวแทนพรรคต่างได้รับการร้องเรียนให้ภาครัฐเร่งเยียวยาโดยด่วน

ในความเป็นจริงแล้ว นายกฯ ควรช่วยเหลือเยียวยาทันทีที่มีการประกาศล็อกดาวน์ เพราะนายกฯ ย่อมทราบดีว่าเมื่อล็อกดาวน์แล้ว ใครจะเดือดร้อนบ้าง ไม่ควรปล่อยเวลาให้นานออกไปมากกว่านี้ เพราะยิ่งช่วยเหลือเยียวยาช้าเท่าไหร่ประชาชนก็เดือดร้อนมากขึ้นเท่านั้น

จึงขอฝากนายกฯ ให้ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนอย่างรวดเร็ว ทั่วถึงและเพียงพอเพื่อต่อลมหายใจประชาชนจำนวนมากให้ยืนหยัดอยู่ในสถานการณ์โควิดที่รุนแรงได้ต่อไป 

เสธ.ทหารตรวจเยี่ยมด่านตรวจมั่นคง พร้อม ย้ำ ดูแลความเรียบร้อย ตามมาตราการศบค. 

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) พล.ต.ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า พล.อ.เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ผบ.ทสส./หน.ศปม.) มอบหมายให้ พล.อ.สุพจน์  มาลานิยม เสนาธิการทหาร/เสนาธิการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานฉุกเฉินด้านความมั่นคง (เสธ.ทหาร/เสธ.ศปม.) เดินทางไปตรวจเยี่ยมจุดตรวจจุดสกัดการเคลื่อนย้ายแรงงาน และจุดตรวจป้องกันอาชญากรรม ห้วงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน บริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงในการกำกับดูแลการเดินทางข้ามพื้นที่อย่างเข้มงวด พร้อมทั้งให้กำลังใจและให้คำแนะนำแก่เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้มาตรการการควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างเคร่งครัด

โดยเมื่อเวลา 00.00 น.เสนาธิการทหาร/เสนาธิการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานฉุกเฉินด้านความมั่นคง ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมจุดตรวจจุดสกัดการเคลื่อนย้ายแรงงาน ณ จุดตรวจอมรพันธ์ ซึ่งรับผิดชอบโดย ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ซึ่งได้จัดกำลังจากศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล กองบัญชาการกองทัพไทย (ศตก.) จำนวน 8 นาย ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจตลิ่งชัน จำนวน 8 นาย แบ่งการปฏิบัติเป็น 2 ผลัด ผลัดละ 4 นาย รับผิดชอบในพื้นที่กรุงธนเหนือ เขตตลิ่งชัน 

หลังจากนั้นเวลา 00.35 น.ได้เดินทางต่อไปยังจุดตรวจป้องกันอาชญากรรมในห้วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ณ บริเวณแยกเคหะร่มเกล้า ถนนร่มเกล้า ซึ่งรับผิดชอบโดยสถานีตำรวจนครบาลร่มเกล้า กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยได้จัดกำลังจากฝ่ายป้องกันปราบปราม ฝ่ายจราจร และฝ่ายสืบสวนของ สน.ร่มเกล้า รวมจำนวน 8 นาย รับผิดชอบในพื้นที่เขตลาดกระบัง ได้แก่ แขวงคลองสามประเวศ และแขวงคลองสองต้นนุ่น รวมทั้งพื้นที่เขตมีนบุรี ได้แก่ แขวงแสนแสบ ทั้งนี้ ยังได้ปฏิบัติการร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จำนวน 3 นาย 

จากนั้น เวลา 01.00 น.ได้เดินทางตรวจเยี่ยมจุดตรวจป้องกันอาชญากรรมในห้วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ณ จุดตรวจใต้ด่วนลาดพร้าว ซึ่งรับผิดชอบโดยศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง กองทัพบก (ศปม.ทบ.) โดย กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) ซึ่งจัดกำลังพล จำนวน 2 นาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจโชคชัย จำนวน 8 นาย 

ทั้งนี้หากมีความจำเป็นในการเสริมกำลังปฏิบัติหน้าที่ ทางสำนักงานเขตจะประสานชุดบูรณาการด้านความมั่นคงในการขอใช้กำลังทหารเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจ ในเขตที่ได้รับมอบหมายต่อไป

สำหรับในห้วงเวลาที่ผ่านมา ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ได้รับข้อมูลเบาะแสอันเป็นประโยชน์จากประชาชน นำไปสู่การจับกุมได้หลายครั้ง ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากประชาชนหากผู้พบเห็นการละเมิดกฎหมายสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน 1111 ทำเนียบรัฐบาล หรือ หมายเลข 191,1599 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสายด่วนศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง หมายเลข 1138 กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดย ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ขอขอบคุณประชาชนและทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และร่วมมือร่วมใจกันเพื่อร่วมก้าวผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน

ทอ. แจ้ง ทหารเกณฑ์ติดโควิด 290 นาย หลังออกปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือ ปชช. ยันทุกคนไม่แสดงอาการ  พร้อมรับการดูแลอย่างดี เข้ารับการรักษาตามขั้นตอนทางสธ. อย่างเคร่งครัด

พล.อ.ท.ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 กองทัพอากาศได้รับมอบหมายภารกิจในการสนับสนุนรัฐบาล และ ศบค.ในหลายมิติ ซึ่งผู้บังคับบัญชาระดับสูงมีความห่วงใยในความปลอดภัยของกำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงและด่านหน้า โดยเฉพาะน้อง ๆ ทหารกองประจำการ ณ ที่ตั้งดอนเมือง ซึ่งออกปฏิบัติหน้าที่ช่วงสถานการณ์ COVID-19 เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด อาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว รวมทั้งเมื่อเสร็จจากการปฏิบัติภารกิจน้อง ๆ ทหารกองประจำการเหล่านี้ต้องกลับมาพักอาศัยและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มก้อน 

ดังนั้นเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับกำลังพล ผู้บัญชาการทหารอากาศจึงสั่งการให้หน่วยเกี่ยวข้องดำเนินการตรวจคัดกรองเชิงรุกให้กับทหารกองประจำการ ระหว่างวันที่ 9 - 11 ก.ค.64 เพี่อสร้างความปลอดภัย  ผลการตรวจคัดกรองของทหารกองประจำการ จำนวน 718 คน พบว่า มีทหารกองประจำการติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 290 คน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรือมีอาการไม่รุนแรง (กลุ่มอาการสีเขียว) โดยทั้งหมดได้รับการดูแลอย่างดีและรับการรักษาตามขั้นตอนที่ทางสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด มีรายละเอียดการปฏิบัติที่สำคัญ ดังนี้

 1. กองทัพอากาศ จัดเตรียมอาคาร สถานที่ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก โดยใช้อาคารกองพันของหน่วย เพื่อจัดเป็น Community Isolation หรือ สถานที่แยกตัวชุมชนของหน่วย ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งประกอบด้วย 2 อาคาร ได้แก่ อาคารสำหรับผู้มีความเสี่ยงสูง และ อาคารสำหรับผู้ป่วยติดเชื้อ (ผู้ป่วยไม่มีอาการหรือมีอาการไม่รุนแรง) โดยอาคารทั้ง 2 แห่ง แยกจากกันเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

 2. ทหารกองประจำการที่ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด แยกเข้ารับการรักษาภายใต้การกำกับดูแลของบุคลากรทางการแพทย์ กรมแพทย์ทหารอากาศ ดังนี้
      2.1 Community Isolation (สถานที่แยกตัวชุมชนของหน่วย) หรือ อาคารกองพันของหน่วย 
จำนวน 199 คน
      2.2 โรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศ (ดอนเมือง) จำนวน 52 คน
      2.3 โรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศ (โรงเรียนการบิน) จำนวน 39 คน

 3. สำหรับการดูแลผู้มีความเสี่ยงสูงและผู้ป่วยติดเชื้อ ได้ดำเนินการตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด โดยมีบุคลากรทางการแพทย์ของกองทัพอากาศดูแลอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อจะได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิและวัดปริมาณออกซิเจน พร้อมลงบันทึกข้อมูลและแจ้งอาการป่วยกับเจ้าหน้าที่ทุกวัน รวมทั้งได้รับการบริการอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัย นอกจากนี้ยังได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่จำเป็นเพื่อรองรับการดูแลรักษาอย่างเพียงพอ

4. กรณีพบผู้ป่วยติดเชื้อที่มีอาการรุนแรง จะนำส่งเข้ารักษาต่อยังโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ

 5. สำหรับรายละเอียด Time Line ที่ผ่านมาของผู้ป่วยติดเชื้อนั้น น้อง ๆ ทหารกองประจำการ ไม่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยกลับบ้านและพักอาศัยอยู่ที่หน่วยตลอดเวลา 

สำหรับการติดเชื้อในหน่วยทหารของกองทัพอากาศ ถือเป็นสถานการณ์โรคระบาดที่มีความสำคัญ และกองทัพอากาศติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด เมื่อมีการติดเชื้อก็จะเข้าสู่กระบวนการป้องกันและรักษาตามมาตรฐานสาธารณสุข โดยใช้ศักยภาพของโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพอากาศในการรักษาพยาบาลกำลังพล และควบคุมไม่ให้กระจายไปสู่ภายนอก ซึ่งกำลังพลกองทัพอากาศมีโอกาสที่จะติดเชื้อได้เช่นเดียวกับประชาชนโดยทั่วไป

อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการทหารอากาศมีความห่วงใย และได้กำชับให้กำลังพลเพิ่มความระมัดระวังอย่างสูงสุด เนื่องจากที่ตั้งบางหน่วยเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งยังคงมีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค กองทัพอากาศขอยืนยันว่าเราจะดูแลน้อง ๆ ทหารกองประจำการ ซึ่งเป็นบุตรหลานของท่านอย่างดีที่สุดภายใต้มาตรฐานการรักษาพยาบาลและขีดความสามารถของหน่วยงานทางการแพทย์ของกองทัพอากาศที่มีอยู่อย่างเต็มกำลังความสามารถ

รมว.เฮ้ง นำทีมเช็คความพร้อมสนามไทย - ญี่ปุ่น ดินแดงตรวจโควิดเชิงรุกผู้ประกันตนและประชาชนทั่วไป เริ่ม 12 ก.ค.64

ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมของสถานที่เพื่อสำหรับเปิดบริการตรวจโควิด-19 เชิงรุก ตามโครงการแรงงาน...เราสู้ด้วยกัน สำหรับผู้ประกันตนและประชาชนทั่วไป ในวันจันทร์ที่ 12 ก.ค.64 โดยมี นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย 

นายสุชาติ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ครั้งนี้ ซึ่งมีผู้สัมผัสใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยงจำเป็นจะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อเป็นจำนวนมาก ทำให้ขณะนี้หลายโรงพยาบาลของรัฐและเอกชนเกิดความแออัด ต้องรอคิวนาน และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกันตนและประชาชนทั่วไป
ให้ได้รับการตรวจอย่างรวดเร็ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กระทรวงแรงงาน ภายใต้การกำกับดูแลโดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จึงได้สั่งการให้กระทรวงแรงงาน โดย สปส. บูรณาการร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย (มท.) โดยกรุงเทพมหานคร (กทม.) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ดำเนินการตรวจโควิด-19 เชิงรุก ให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 , 39 และมาตรา 40  และประชาชนทั่วไป ภายใต้ โครงการ“แรงงาน…เราสู้ด้วยกัน” ณ อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 

สำหรับขั้นตอนการลงทะเบียนออนไลน์เพื่อจองคิวตรวจของผู้ประกันตนและประชาชนทั่วไปสามารถเข้าเว็บไซต์กูเกิ้ล แล้วพิมพ์คำว่า “แรงงานเราสู้ด้วยกัน” หรือคลิกที่ลิงค์นี้  https://sso.icntracking.com/icntracking/self_register.php กรอกเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก หรือเลขพาสปอร์ต กรอกข้อมูลประเมินความเสี่ยงตามที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ซึ่งเป็นบุคคลที่มีกลุ่มเสี่ยงหรือมีอาการป่วย ผู้ประกันตนจะต้องพกบัตรประชาชน พร้อมสำเนา 1 ชุด เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการตรวจ หากรายใดลงทะเบียนแล้วไม่มาตรวจตามนัดจะต้องลงทะเบียนใหม่ เมื่อเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด -19 เรียบร้อยแล้วสามารถกลับบ้านได้ทันที ทางโรงพยาบาลจะแจ้งผลการตรวจคัดกรองโควิด 19 ผ่าน 3 ช่องทาง คือ QR Code ทาง SMS และทางโทรศัพท์ แต่ในกรณีที่ผู้ประกันตนที่ยังไม่ได้รับผลการตรวจคัดกรอง อาจเนื่องจากกรอกหมายเลขโทรศัพท์ไม่ถูกต้อง สามารถโทรสอบถาม 1506 กด 6 การลงทะเบียนออนไลน์เริ่มเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เมื่อวานนี้ (10 ก.ค.64) เป็นต้นไป โดยแต่ละวันสามารถตรวจได้วันละ 2,000 คน แบ่งเป็นช่วงเช้า 1,000 คน ช่วงบ่าย 1,000 คน ซึ่งหากตรวจแล้วพบเชื้อแต่ไม่มีอาการจะถูกส่งเข้ารักษาตัวใน Hospitel ส่วนผู้ที่มีอาการจะถูกส่งไปรักษายังโรงพยาบาลในเครือประกันสังคม ซึ่งจะมีทีมแพทย์และพยาบาลดูแล ส่วนค่ารักษาพยาบาลผู้ประกันตนจะเบิกกับสำนักงานประกันสังคม และประชาชนทั่วไปจะเบิกกับ สปสช. ทั้งนี้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนให้คำปรึกษาผู้ประกันตนและประชาชนทั่วไปตรวจโควิด-19 เชิงรุก โทร.1506 กด 6

“ชัยวุฒิ” เผย ตรวจโควิด-19 ซ้ำ ผลเป็นลบ เชื่อใส่แมสก์-ฉีดวัคซีนช่วยป้องโควิดได้

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า เมื่อได้รับแจ้งว่าเป็น
กลุ่มเสี่ยง เนื่องจากนั่งใกล้ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 บนเที่ยวบินที่เดินทางไป จ.ภูเก็ต เมื่อ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อผลออกมาเป็นลบ และเมื่อครบกำหนดกักตัวเพื่อเฝ้าดูอาการ ได้ตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้ง ผลปรากฎว่าเป็นลบ ไม่ติดเชื้อ แสดงให้เห็นว่าการป้องกันตามมาตรการสาธารณสุข ทั้งสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ มีความจำเป็นและสำคัญต่อการป้องกันติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะเวลานี้มีมาตรการเข้มข้นในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เพื่อจำกัดการระบาด และให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติในเร็ววัน 

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญในด้านเศรษฐกิจควบคู่มาตรการด้านสุขภาพ โดยโครงการภูเก็ตแซนบ็อก มีมาตรการดูแล เฝ้าระวังที่มีประสิทธิภาพ หากพบมีนักท่องเที่ยวติดเชื้อ หน่วยงานสาธารณสุข จะมีระบบดูแลติดตามที่สามารถจำกัดวงการแพร่ระบาดได้ ขณะที่ทางดีอีเอส มีระบบติดตามตัวนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายัง จ.ภูเก็ต ซึ่งตนเชื่อมั่นโครงการดังกล่าวจะสำเร็จ โดยดูจากยอดการจ้องที่พักและมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และหากโมเดลนี้เป็นไปตามเป้าหมาย จะขยายการรับนักท่องเที่ยวตามในพื้นที่อื่นต่อไป

“อิสระ” จี้ “ตรีนุช” ไขก๊อก รมว.ศึกษาฯ ถ้ายังอมพะนำ ไม่ใช้อำนาจสั่งลด-คืนค่าเทอม ช่วยผู้ปกครองช่วงโควิด

นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ออกมาแถลงให้โรงเรียนปรับแผนการสอน ลดการบ้าน ลดภาระนักเรียน ว่า เรื่องแบบนี้ไม่ต้องให้คนระดับรัฐมนตรีมาสั่งการ ครูเเทบทั้งประเทศเขาก็คิดเป็น จัดลำดับความสำคัญได้ ไม่มีใครอยากสร้างความเครียดให้เด็กเกินจำเป็น แต่ปัญหาวันนี้ที่ต้องแก้ไข คือ ผู้ปกครองเรียกร้องการสั่งลดหย่อนค่าเทอมในยุคโควิด-19 อย่างเป็นรูปธรรม แต่ถามว่ารมว.ศึกษาธิการ อยู่ที่ไหน จะทำหูทวนลมก้มหน้าก้มตาขอความร่วมมือโรงเรียนเอกชน โดยไม่ยอมสั่งชัดๆให้คืน หรือลดค่าเทอม ตามมาตรา 33 และมาตรา 34 ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรงเรียนเอกชน ตามอำนาจที่มี ท่านอมพะนำอะไรอยู่ถึงไม่สั่ง จะรอให้เด็กถูกเตะออกจากโรงเรียนเพราะค้างค่าเทอม ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมอีกเท่าไหร่ บางโรงเรียนกดดันผู้ปกครองไม่ออกผลการเรียนให้ แถมขู่ว่าถ้าไม่จ่ายค่าเทอมก็ไม่ออกเกรดให้ นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่โลกคู่ขนานที่ท่านอยู่ ไม่เอาอีกเเล้วสำหรับการมาชี้เเจงสภาฯแล้วตอบเเบบขอไปที ถึงเวลาจัดลำดับความสำคัญให้ถูกได้เเล้ว 
      
"เหมือนท่านยังดื้อดึง เห็นวันก่อนให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์ พิธีกรถามท่านถึง 3 ครั้งว่า ท่านไม่มีอำนาจหรือที่จะสั่ง ท่านอ้ำอึ้งบอกแต่ว่าทำได้แค่ขอความร่วมมือ สุดท้ายก็ตอบว่าไม่มีอำนาจ ถ้ามีอำนาจแล้วไม่อยากใช้ก็ลาออกเลย  ผู้ปกครองเขาไม่ได้อยากได้เงินเดือน 3 เดือนของรัฐมนตรี ที่จะสละในช่วงโควิด เขาอยากให้ใช้อำนาจที่มี สั่งคืนหรือลดค่าเทอมให้ชัดเจนโดยด่วน" นายอิสระ กล่าว 

“จุรินทร์” ย้ำ สั่งการพาณิชย์ดูแลประชาชนช่วงล็อกดาวน์ ควบคุมราคาสินค้าไม่ให้ขาดตลาด แจ้งสายด่วน 1569 ไม่เว้นวันหยุดราชการ ลั่นฝ่าฝืนเอาผิด โทษสูงสุดคุก 7 ปี พร้อมประสาน จัดเครื่องมือแพทย์ให้ รพ.สนามอุบลราชธานี 

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ย้ำถึงมาตรการของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงล็อกดาวน์ 14 วันว่า ได้ประสานงานกับผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน ทั้งในส่วนของห้างสรรพสินค้า จุดกระจายสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ซุปเปอร์มาร์เกต ให้เก็บสินค้า เพื่อพร้อมเข้าไปเติมเต็มในชั้นวาง โดยเฉพาะซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ หรือจุดที่ประชาชนสามารถเดินทางมาซื้อสินค้าได้สะดวก นอกจากรถโมบายพาณิชย์ ที่จะตระเวนไปขายสินค้าในชุมชน โดยล่าสุด ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้รายงานว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่พบปัญหาสินค้าหมดจากชั้นวาง แต่มีบางจุด ในระยะเวลาสั้นๆ ที่ขาดการเติมสินค้า ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ทั้งนี้ ได้สั่งการแล้วว่า หากประชาชนพบจุดใด ที่ขาดแคลนสินค้า อุปโภคบริโภคที่ ศบค. อนุญาตให้จำหน่ายได้ สามารถร้องเรียนได้ที่สาย 1569 โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำการทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการถึงเวลา 22:00 น. ถ้าหลังจาก 22:00 น. ไปแล้ว จะเป็นระบบบันทึกเสียง หรือแจ้งได้ที่พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ที่ตัดเจ้าหน้าที่ รับเรื่องร้องเรียนโดยไม่มีวันหยุดราชการเช่นกัน 

ทั้งนี้ หากตรวจพบจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กรณีไม่ติดป้ายแสดงราคาจะมีโทษ ปรับไม่เกิน 10,000 บาท กรณีที่มีการฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าแพงเกินสมควร กักตุนสินค้าหรือปฏิเสธการจำหน่าย ต้องโทษจำคุก 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ ที่มีความต้องการมากในขณะนี้ ยืนยันว่ายังไม่พบปัญหาและมีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการ โดยประชาชนมีทางเลือกมากขึ้นกว่าช่วงที่มีการระบาดโควิดละรอกแรกที่มีปัญหาเรื่องการผลิตหน้ากากอนามัย แต่ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ทำให้มีหน้ากากอนามัยเพียงพอ

ขณะเดียวกัน นายจรินทร์ กล่าวถึงการตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนามจังหวัดอุบลราชธานี ว่าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถรับ ผู้ป่วยได้ตลอดเวลา โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะเป็นผู้ป่วยที่เดินทางกลับมาจากกรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้มีผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลสนามแล้ว 129 ราย และสามารถรองรับได้ถึง 1200 เตียง โดยยังสามารถรับผู้ป่วยได้อีกจำนวนมาก แต่ยังมีปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งตนเองได้รับเรื่องจะไปประสานกับกระทรวงสาธารณสุข ตามที่โรงพยาบาลสนามร้องขอมา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top