Sunday, 6 July 2025
POLITICS NEWS

โฆษก ศรชล.แจง พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด บนเรือต่างชาติ ศรชล. สงขลา เข้มสั่งทอดสมอที่จุดกักกันโรค ด้าน สธ.สงขลา ส่งเรือ BOA DEEP C เป็น รพ.สนาม

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 พล.ร.ต.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ชี้แจงกรณีพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 บนเรือ BOA DEEP C ศรชล.ได้รับรายงานจาก ศรชล.ภาค 2 ว่าจากการประสานนายสันติ รักษ์ทรัพย์ เจ้าพนักงานด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าเรือน้ำลึก จว.สงขลา ทราบว่า เรือ BOA DEEP C สัญชาติ Norway พร้อมลูกเรือจำนวน 29 คน ได้ออกเดินทางจากประเทศอินเดีย ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. โดยผ่านทางประเทศสิงคโปร์ และเดินทางมาถึงท่าเรือน้ำลึกเจ้าพระยาสากลจำกัด จ.สงขลา เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 64 เวลาประมาณ 08.00 น. โดยทาง จนท.ด่านท่าเทียบเรือได้ตรวจสอบเอกสารประจำเรือต่าง ๆ และเอกสาร การตรวจโรคโควิด-19 (TEST COVID-19) ของคนประจำเรือ และทำการ SWAB เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 

พล.ร.ต.ปรกครอง กล่าวว่า และในเวลา 17.00 น. เรือได้ออกจากท่าเทียบเรือเพื่อเดินทางไป อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จนกระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. เรือ BOA DEEP C ได้รับแจ้ง ผลการตรวจ SWAB ปรากฏว่าพบลูกเรือติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 6 ราย ประกอบด้วย ชาวยูเครน 2 คน โปแลนด์ 2 คน อินเดีย 1 คน และ รัสเซีย 1 คน ซึ่ง สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสงขลา ได้แจ้งให้เรือเดินทางกลับมาที่จ.สงขลา และไปจอดทอดสมอบริเวณจุดจอดกักกันโรค ตามที่ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสงขลา กำหนด ตั้งแต่ 12 พ.ค.64 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงและห้ามเรือเดินทางไปส่งลูกเรือบนแท่นผลิต  หรือท่าเรือภายในประเทศ 

ทั้งนี้หากเรือประสงค์เดินทางกลับประเทศต้นทางสามารถแจ้งความประสงค์ให้ทราบและสามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้สาธารณสุขจังหวัดสงขลาได้กำหนดให้เรือ BOA DEEP C เป็นโรงพยาบาลสนาม เนื่องจากคนประจำเรือเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด และกลุ่มคนที่ติดเชื้อยังไม่มีอาการรุนแรง ซึ่งจะแยกผู้ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อออกจากกัน และเฝ้าสังเกตอาการทุกวัน 

“ศรชล. ได้สั่งการให้หน่วยงานในศรชล. ภาค 2 ในพื้นที่ จ.สงขลา จัดเรือออกตรวจสอบเพื่อเฝ้าระวังมิให้มีการขนถ่ายคนและสิ่งของจากเรืออื่นไปยังเรือดังกล่าวหรือการขนถ่ายคนและสิ่งของจากเรือดังกล่าวไปสู่เรืออื่น รวมทั้งสนับสนุนการปฏิบัติงานของ จนท.ควบคุมโรค ตามที่ได้รับการประสาน รวมถึงสั่งการให้ ศรชล.จังหวัด และ ศคท.จังหวัดทั้ง 5 จังหวัดปฏิบัติตามข้อกำหนด ที่ออกตามพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างเคร่งครัด ในการขอเข้าราชอาณาจักรผ่านด่านทางน้ำที่ไม่เข้าเงื่อนไขตามคำสั่ง ศบค. ต้องขออนุญาตจาก ศปก.ศบค. เท่านั้น” โฆษกศรชล. กล่าว

เคลียร์ดราม่า!! 'ติดโควิดจากเหงื่อ-ไม่ระวังตัว' ปมร้าว 'หมอทวีศิลป์-ทีมนักตบหญิงไทย' หลังสื่อดังสื่อสารผิด

จากกรณีทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ติดเชื้อโควิด ถึง 22 จาก 37 คน ระหว่างเตรียมแข่งขันวอลเลย์บอลรายการใหญ่ของโลก “เนชั่นส์ลีก” ที่อิตาลี ต่อมาโลกออนไลน์พากันแชร์ข้อความของ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.ที่แถลงข่าวประจำวันที่ 13 พ.ค. 64 ตอนหนึ่งว่า “นักกีฬาในชุดนี้เป็นบทเรียนของเราอย่างดีถึงแม้ฉีดไปแล้ว แต่ถ้าไม่ระมัดระวังตัวในการที่ใส่หน้ากากผ้าหน้ากากอนามัย การอยู่ในพื้นที่แออัดระยะใกล้ชิด การเล่นกีฬาแล้วมีสารคัดหลั่งก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อได้”

ต่อมา อรอุมา สิทธิรักษ์ นักวอลเลย์บอลทีมชาติไทย ออกมาโพสต์เชิงตอบโต้ พร้อมตั้งคำถามว่า “ทุกคนทำดีที่สุดแล้วนะ ระวังตัวกันแล้วแต่มันก็ยังเกิดขึ้น แต่คุณหมอมาพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ จะให้ฝึกซ้อมยังไงไม่ให้เหงื่อออกละช่วยบอกหน่อยคะ นักกีฬาทุกคนก็ทำหน้าที่เพื่อชาติรักชาติเช่นกันนะคะ” ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น ('อรอุมา' ถามกลับ 'หมอทวีศิลป์' ซ้อมยังไงไม่ให้เหงื่อออก-ทุกคนระวังตัวที่สุดแล้ว)

ล่าสุด ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนาคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA โพสต์เฟซบุ๊ก "Warat Karuchit" ระบุว่า หมอทวีศิลป์ โทษนักวอลเลย์บอล ว่าติดโควิดเพราะไม่ระวังตัว และติดโควิดกันทางเหงื่อจริงหรือ?

เรียน คุณอรอุมา สิทธิรักษ์ Onuma Sittirak ในฐานะทีมงานสื่อสารของคุณหมอทวีศิลป์ ผมขออนุญาตชี้แจงแทนคุณหมอดังนี้นะครับ คุณหมอทวีศิลป์ ไม่ได้มีเจตนาที่จะตำหนิทีมวอลเลย์บอลหญิงใด ๆ เลยครับ เป็นเพียงการอธิบายว่ากรณีนี้ เป็นตัวอย่างเพื่อให้คนอื่น ๆ ที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว ได้เรียนรู้ว่า แม้ฉีดวัคซีนแล้วก็ยังติดเชื้อได้ ถ้าไม่ระมัดระวังตัว ซึ่งคุณหมอไม่ได้เจาะจงต่อว่าใครเป็นพิเศษว่าไม่ระมัดระวังตัว เพราะคำว่า ไม่ระมัดระวังตัวที่คุณหมอขยายความต่อก็คือ การไม่ใส่แมสก์ อยู่ในที่แออัด ใกล้ชิด ซึ่งสถานการณ์ทั้งหมดนี้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นการเล่นกีฬา แต่การเก็บตัวในแคมป์ การอยู่ใกล้กัน ทานอาหารร่วมกัน ก็สามารถติดเชื้อได้ แม้จะฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม แต่ที่ทำให้คุณอรอุมาเข้าใจผิด อาจจะเป็นเพราะโพสต์ข่าวของเพจ Ch3ThailandNews ของช่อง 3 (ที่คุณอรอุมาแชร์มา) ได้ถอดคำพูดของคุณหมอออกมา "ผิด" (misquote) ถึง 2 จุดสำคัญคือ

1.) ประเด็นเรื่อง "ไม่ระวังตัว" เพจข่าวช่อง 3 ถอดคำพูดคุณหมอว่า "นักกีฬาในชุดนี้จะเป็นบทเรียนอย่างดี ฉีดไปแล้วไม่ระวังตัว" แต่แท้จริงแล้วคุณหมอพูดว่า "เพราะฉะนั้นนักกีฬาชุดนี้ก็จะเป็นบทเรียนของเราอย่างดีว่า ถึงแม้ฉีดไปแล้ว แต่ถ้าไม่ระมัดระวังตัว..." (นาทีที่ 25.47) ซึ่งความหมายต่างกันเลยนะครับ ประโยคของข่าวช่อง 3 อ่านแล้วรู้สึกเหมือนคุณหมอพูดเจาะจงว่า นักกีฬาวอลเลย์บอลนั้น ไม่ระมัดระวังตัว แต่ประโยคที่คุณหมอพูดหมายถึง เป็นตัวอย่างว่า ใครก็ตาม แม้ว่าว่าฉีดไปแล้ว แต่ไม่ระมัดระวังตัว ก็จะติดเชื้อได้

2.) ประเด็นเรื่อง "เหงื่อ" ประโยคสำคัญที่คุณหมอพูด ผมจะขอถอดออกมาทีละคำนะครับ กรุณาฟังในนาทีที่ 26.04 ในลิงก์การแถลงข่าวด้านล่างนะครับ คุณหมอพูดว่า "การเล่นกีฬาแล้วมี... สารคัดหลั่งอะไรทั้งหลายออกมาเนี่ย ก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อได้" ซึ่งในคำพูดของคุณหมอ ไม่มีคำว่า "เหงื่อ" เลยแม้แต่น้อย คุณหมอจึงไม่ได้หมายความว่า ในการเล่นกีฬาแล้วมีเหงื่อ จะทำให้ติดเชื้อโควิด แต่อาจจะมีสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก ติดตามพื้น อุปกรณ์ จากการพูดตะโกนกันในสนาม หรืออื่น

แต่เพจข่าวช่อง 3 กลับถอดคำพูดของคุณหมอออกมาเป็นคุณหมอพูดว่า "เหงื่อสารคัดหลั่ง" ซึ่งทั้งถอดเทปผิด และผิดหลักการทางวิชาการแพทย์ด้วย เนื่องจากโควิดนั้น ติดจาก "สารคัดหลั่ง" ตามที่คุณหมอพูดเท่านั้น และ "เหงื่อ" ไม่ใช่ "สารคัดหลั่ง" ที่มีเชื้อโควิด (ดูภาพจาก รพ.จุฬา ครับ)

ดังนั้นคุณหมอจึงไม่มีทางที่จะหมายถึงว่า ติดโควิดกันทางเหงื่อแน่นอน เพราะคุณหมอทราบข้อมูลทางการแพทย์นี้ดี จึงขอเรียนชี้แจงคุณอรอุมามาตามข้อมูลนี้ และขออภัยหากมีคำพูดใดในการแถลงวันนี้ ที่ทำให้คุณอรอุมาและทีมวอลเลย์บอลหญิงต้องเกิดความไม่สบายใจ ซึ่งคุณหมอก็เสียใจที่เกิดการเข้าใจผิดนี้ขึ้นครับ และผมขอให้เพจ Ch3ThailandNews แก้ไขข้อความของคุณหมอทวีศิลป์ให้ถูกต้องด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ และทั้งผมและคุณหมอทวีศิลป์ ขอเป็นกำลังใจให้ทีมวอลเล่ย์บอลหญิงทีมชาติไทยทุกคนที่มอบความสุขให้กับคนไทยมาตลอดครับ จากแฟนคลับคนหนึ่งเช่นกันครับ

จากนั้น ผศ.ดร.วรัชญ์ โพสต์อีกว่า "เห็นบางคอมเมนต์บอกว่า คุณหมอทวีศิลป์ไม่ควรยกตัวอย่างเฉพาะเจาะจงไปที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง คือ ต้องขอความกรุณากลับไปดูเทปนะครับ คุณหมอไม่ได้เป็นผู้ยกตัวอย่างทีมวอลเลย์บอลหญิงครับ แต่เป็นการ "ตอบคำถาม" ที่มีสื่อถามเรื่องของการติดเชื้อในกรณี "ทีมวอลเลย์บอลหญิง" ขอบคุณครับ

ทั้งนี้ ผศ.ดร.วรัชญ์ โพสต์เพิ่มเติมว่า ล่าสุด คุณอรอุมา ลบโพสต์แล้ว ก็น่าจะแสดงว่าได้รับทราบคำชี้แจงแล้ว ขอบคุณมากครับ ส่วนโพสต์ข่าวของช่อง 3 ก็ลบออกแล้วเช่นกัน และยังบอกว่า

คุณอรอุมา ได้ส่งข้อความมาทาง Inbox และได้คุยกันสั้น ๆ เป็นอันว่าทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันแล้วครับ คุณหมอก็ได้รับทราบและสบายใจขึ้นแล้ว ต้องขอบคุณคุณอรอุมา และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนในทีมหายป่วยโดยเร็วนะครับ พวกเราทุกคนเป็นทีมเดียวกันครับ


ที่มา: https://www.naewna.com/local/572922

“สนธิญา” ยื่นหนังสือถึง “สิทธิโชติ” อธ.ศาลอาญา ตรวจสอบ “เพนกวิน” โพสต์เฟซพาดพิงสถาบันผิดเงื่อนไขประกันตัวหรือไม่

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายสนธิญา สวัสดี ที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน (สภาผู้แทนราษฎร) และอดีตผู้สมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือเรื่องร้องเรียนถึงนาย สิทธิโชติ อินทร วิเศษ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาเพื่อให้ พิจารณากรณีที่ นาย พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฏร 1 ในจำเลยคดีปักหมุดสนามที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวโดยกำหนดเงื่อนไข ได้โพสต์เฟซบุ๊ก "สาส์นแรกแห่งอิสรภาพ" เพื่อให้อธิบดีศาลอาญา วินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ขัดต่อเงื่อนไขที่ระบุไว้ในคำขอประกันตัวหรือไม่ 

นายสนธิญา เปิดเผยว่า ตนเองเดินทางมาวันนี้ ในฐานะที่ตนเองเป็นประชาชนชาวไทยคนหนึ่ง หลังได้อ่านข้อความที่นายพริษฐ์ โพสต์เฟสบุ๊คแล้ว รู้สึกไม่สบายใจ และอาจเข้าข่าย ผิดเงื่อนไขการขอปล่อยตัวชั่วคราว เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพราะข้อความที่ปรากฎ มีลักษณะพาดพิงสถาบัน ทั้งนี้ตนเองจึงได้ทำหนังสือยื่นถึงอธิบดีศาลอาญา เพื่อให้พิจารณาใน 2 ประเด็น ประเด็นแรก คือ การตรวจสอบว่าเฟซบุ๊คที่มีการเผยแพร่ข้อความลักษณะดังกล่าวเป็นของนายพริษฐ์หรือไม่ และ เนื้อหาข้อความเข้าข่ายผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวขอศาลหรือไม่ เพื่อให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาใช้ดุลยพินิจเพื่อดำเนินการต่อไป
 

ศรีสุวรรณ จี้ กสทช. สอบ ไทยพีบีเอส อ้างนำเสนอ 4 ข่าวปลอม

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 ที่สำนักงาน กสทช. พหลโยธิน ซ.8 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อสำนักงาน กสทช. เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบและเอาผิด กรณีที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสนำเสนอข่าวและรายการที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เป็นเท็จ คลาดเคลื่อนอย่างซ้ำซาก ทั้ง ๆ ที่เป็นหน่วยงานของรัฐ ควรจะเป็นสื่อต้นแบบที่สังคมไว้วางใจและคุ้มค่ากับเงินภาษีที่รัฐจ่ายให้ปีละกว่า 2,000 ล้าน

การเสนอข่าวและรายการที่กลายเป็นเฟกนิวส์มี 4 เรื่อง คือ

1.) การนำเสนอสกู๊ปข่าวรายงานตัวเลขที่ผิดพลาดหลายจุดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีต่อเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้

2.) การแปลข่าวชาวอินเดียเช่าเครื่องบินเหมาลำมายังประเทศไทยอย่างผิด ๆ

3.) การปล่อยให้ผู้ดำเนินรายการ “คุยให้คิด” กล่าวหา รมว.สาธารณสุขว่าขัดขวางไม่ให้เอกชนนำเข้าวัคซีนโควิด-19 และ

4.) ล่าสุดผู้ช่วยบรรณาธิการข่าวได้เผยแพร่ข่าวหญิงสาวที่เข้ารับวัคซีนซิโนแวคที่ จ.อุดรธานี แอบอ้างภาพของผู้ป่วยรายหนึ่งที่โรงพยาบาลหนองม่วง จ.ลพบุรี ที่มีอาการแพ้ยา มีผื่นแดงเต็มตัว มาเผยแพร่ควบคู่กันจนเกิดความเข้าใจผิด ซึ่งชี้ให้เห็นว่าไทยพีบีเอสนำเสนอข่าวคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงหลายต่อหลายครั้ง ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันของสังคมอย่างมาก

การเสนอข่าวที่ผิดพลาดในลักษณะดังกล่าวบ่อยครั้ง ชี้ให้เห็นถึงคุณภาพในการทำงานของสื่อไทยพีบีเอสที่อาจขาดความเที่ยงตรงและความรับผิดชอบต่อสาธารณชนโดยชัดแจ้ง อันเข้าข่ายการฝ่าฝืน ม.43 (1) ประกอบ ม.42 (1) (2) แห่งพรบ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย 2551 และข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมของวิชาชีพเกี่ยวกับการผลิตและเผยแพร่รายการ 2563 ข้อ 5 (5.1, 5.2) ข้อ 7 (7.2) และข้อ 13 13.2) และข้ออื่น ๆ 

ยังเป็นการกระทำที่อาจขัดต่อกฎหมายและหรือขัดต่อจริยธรรมแห่งวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ซึ่งสำนักงาน กสทช. มีอำนาจดำเนินการตาม พรบ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ 2551 ม.40 ประกอบ ม.39 รวมทั้งเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยว่าด้วย จริยธรรมแห่งวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ 2553 ประกอบธรรมนูญสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ 2563 อีกด้วย

สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความมาร้องเรียนต่อสำนักงาน กสทช. เพื่อให้ใช้อำนาจตามกฎหมาย เพื่อลงโทษผู้บริหารหรือกองบรรณาธิการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ตามครรลองของกฎหมายต่อไป นอกจากนั้น สมาคมฯ ยังได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยัง รมว.กระทรวงการคลัง เพื่อขอให้ตรวจสอบคณะกรรมการนโยบายว่าเอื้อประโยชน์ให้กับผู้บริหารและกองบรรณาธิการข่าวในการประเมินผลงานประจำปี ตาม ม.50 หรือไม่ และขอให้พิจารณาปรับลดเงินภาษีที่ต้องจ่ายให้ไทยพีบีเอสให้ลดลง เพื่อนำไปปรับเป็นรายได้ของแผ่นดินเพิ่มมากขึ้น 

“ประยุทธ์” เปิด รพ.บุษราคัม รับสะเทือนใจเห็นภาพจนท.หลับฟุ้บคาโต๊ะ ขอชื่นชมจากใจ บอกวันนี้อาจทำได้ไม่ดีที่สุดแต่ไม่ได้เลวร้ายที่สุด เชื่อโควิดลามคุกคลี่คลายเร็ว ๆ นี้ ย้ำฉีดวัคซีนตามแผน โยน สธ. แจงหาวัคซีนให้เด็กต่ำกว่า 18 ก่อนเปิดเทอม

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดโรงพยาบาลบุษราคัม ที่อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ชัยขาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช. สาธารณสุข พร้อมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขให้การต้อนรับ

โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มาเปิดโรงพยาบาลบุษราคัมในวันนี้ ซึ่งทราบดีอยู่แล้วว่าการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 หลายประเทศก็ยังมีความรุนแรงและมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ขณะที่ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่และต้องการรักษาพยาบาลเป็นจำนวนมาก ที่ผ่านมาได้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามหลายแห่งเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทั่วถึง โดยวันนี้ได้มีการจัดตั้งโรงบาลบุษราคัมเพิ่มขึ้นอีก เกิดจากความร่วมจากทุกส่วนภายใต้การดูแลของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเรื่องนี้ตนได้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามวันนี้มีปัญหาอยู่บ้างตามสถานการณ์ แต่เราต้องประเมินตามสถานการณ์ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน โดยสถานการณ์จะเป็นตัวชี้วัดว่าจะต้องทำอะไรเพิ่มเติม เช่น การเพิ่มสถานที่คัดกรองการฉีดวัคซีน โดยต้องใช้บุคลากรปฏิบัติงานอีกหลาย 10,000 คน จึงต้องมีการประสานงานที่ดี แต่เรายังรับได้อยู่เมื่อเทียบกับหลายประเทศในโลกนี้ ดังนั้นขออย่าท้อแท้อย่าสิ้นหวังและอย่ามัวขัดแย้งกัน โดยเฉพาะเรื่องสังคมต่าง ๆ ไม่เช่นนั้นจะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย แม้ว่าเราอาจจะทำได้ไม่ดีที่สุด แต่ไม่ได้เลวร้ายที่สุดและทำงานตามสิ่งที่เราต้องทำ ซึ่งได้มีการพิจารณาสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกคน และยังมีอีกหลายหมื่นคนทำงานในท้องถนนในพื้นที่และในชุมชนต่าง ๆ ขอให้นึกถึงและให้กำลังใจคนเหล่านี้ด้วยที่เสียสละเป็นด่านหน้า พร้อมจะติดเชื้อได้ตลอดเวลา และสิ่งที่ตนสะท้อนใจและไม่สบายใจที่เห็นภาพเจ้าหน้าที่ด่านหน้า นั่งและนอนหลับใต้โต๊ะ กลับบ้านไม่ได้ ต้องเสียสละ จึงขอยกย่องคนเหล่านี้ด้วยใจจิง ดังอะไรที่จะเป็นกำลังใจให้กับคนเหล่านี้ก็ขอให้สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ด้วย ซึ่งนี่คือคนไทย นี่คือประเทศของเราและระบบสาธารณสุขของเรา ดังนั้นขอชื่นชมและคนเหล่านี้สร้างผลงานมาหลายสมัยแล้วโดยเฉพาะการรับมือโรคระบาด ทุกคนเสี่ยงอันตรายและเหน็ดเหนื่อย แต่ยังคงมุ่งมั่นทุ่มเท ขอยกย่องทุกคนอย่างใจจริง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันมีผู้นำหลายประเทศ ผู้แทนท่านทูตหลายประเทศด้วยกันมีการพูดถึงประเทศไทย ชื่นชมในการจัดการของประเทศไทยในการแก้ปัญหาโควิด ซึ่งหลายประเทศยังควบคุมไม่ได้มากนัก และเราพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางที่ไทยเคยปฏิบัติ มีอะไรช่วยเหลือแนะนำได้ ซึ่งเราเป็นประเทศหนึ่งในโลกใบนี้ และเป็นมนุษย์ที่อยู่ในโลกเดียวกันเราต้องช่วยกัน นอกจากนี้ขอบคุณฝ่ายความมั่นคงดูแลชายแดนวันนี้ถือว่าควบคุมสถานการณ์ได้อย่างดี เชื่อว่าหากร่วมมือกันประเทศไทยของเราจะต้องเอาชนะโรคร้ายครั้งนี้ไปให้ได้อย่างแน่นอน 

จากนั้นนายกรัฐมนตรี รับเงินและสิ่งของสนับสนุนจากภาคเอกชน ก่อนเดินเยี่ยมชมศูนย์สั่งการ รวมถึงห้องพักผู้ป่วยในพื้นที่ดูแลผู้ติดเชื้อเฟส 1 โซนสวนหย่อม โซนผู้ติดเชื้อปกติ โซนผู้ติดเชื้อที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ จุดรับส่งผู้ติดเชื้อ และห้องน้ำ โดยนายกฯ ได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่พร้อมสอบถามถึงการทำงาน

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้มาให้กำลังใจและตรวจเยี่ยม และมอบหมายกระทรวงสาธารณสุขจัดโรงพยาบาลลักษณะเช่นนี้ไว้รองรับคนไข้หลายระดับตามอาการ เพื่อให้เกิดความพร้อมและรองรับสถานการณ์ และช่วยแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลหลัก วันนี้ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำให้โรงพยาบาลบุษราคัมนี้เกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในวันนี้ เราวางใจยังไม่ได้และอยากให้ใช้มาตรการทางสังคมช่วยดูแลด้วย ผ่านชุมชนและผู้นำชุมชนต่าง ๆ ทั้งนี้ตนเข้าใจว่าคนหาเช้ากินค่ำมีความจำเป็นและมีความเสี่ยงสูง จึงต้องมีมาตรการตัวเองด้วย ซึ่งเข้าใจว่าช่วงนี้อาจลำบากมาก รัฐ บาลไม่นิ่งนอนใจ จึงต้องดูในด้านเศรษฐกิจด้วยว่าจะดูแลกันอย่างไรแต่ทุกอย่างทำด้วยงบประมาณรัฐ ดังนั้นอาจทำได้ไม่เร็วมากนัก เพราะมีระเบียบ กติกาและกฎหมาย ดังนั้นจะทำให้ทุกคนพอใจเลยทั้งหมดคงไม่ได้ 

นายกฯ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามขอให้ร่วมมือและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่เพื่อไม่ให้หมดกำลังใจ ส่วนการฉีดวัคซีนนั้น ยืนยันว่าต้องฉีดโค้กให้ได้ในเวลาที่วางไว้ถ้าไม่มีปัญหาใด ๆ ฉีดวัคซีนที่อนุมัติมาแล้ววันนี้ยังไม่มีที่ไหนแจ้งว่ามีปัญหา จึงยังคงเป็นไปตามแผน ขณะเดียวกันขอให้ทุกคนเข้าระบบหมดพร้อมให้เร็วที่สุด ซึ่งเดิมกำหนดให้แพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ด่านหน้า แต่วันนี้เพิ่มกลุ่มย่อยจำนวนมากและจัดให้เหมาะสม กลับวัคซีนที่มาจากต่างประเทศ โดยย้ำว่าเดือนมิ.ย. จะมีวัคซีนเข้ามาอีกและวัคซีนจะเข้ามาเพิ่มเติมขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นฝากให้ทุกคนช่วยกันไปฉีดวัคซีนไม่ต้องให้ใครมาเรียกหรือมาจ้างสิ่งเหล่านี้เพื่อตัวเราเองยืนยันว่ารัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการติดเชื้อจำนวนมากในกรมราชทัณฑ์พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอยู่ วันนี้อยู่ในพื้นที่ควบคุมและจำกัด โดยได้ซีลพื้นที่แล้ว หาที่กระทรวงสาธารณสุขก็ได้มีมาตรการลงไป ซึ่งคิดว่าเกิดขึ้นได้ เพราะเป็นพื้นที่แออัด แต่เชื่อว่าเดี๋ยวก็จะคลี่คลายได้ ซึ่งเมื่อป่วยก็มีเตียงรักษา อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับต่างประเทศถือว่าเรายังน้อยกว่ามาก แต่แม้จะน้อยตนก็ไม่มีความสุข เพราะไม่อยากให้ไม่มีเลย 

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ในการฉีดวัคซีนให้คนอายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากใกล้ที่โรงเรรยนจะเปิดเทอมแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องถามจากกระทรวงสาธารณสุข เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับวัคซีน ซึ่งต้องฟังทางการแพทย์ที่มีข้อกำหนดอยู่แล้วไม่ฟังหมอแล้วจะฟังใคร 

เมื่อถามถึงการตรวจหาเชื้อเชิงรุก จะมีอุปกรณ์ที่เพียงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พออยู่แล้ว และจะหาเพิ่มเรื่อย ๆ เพื่อเสริมให้อีก แต่สิ่งสำคัญคือขอให้มาตรวจและมาฉีดตามคำแนะนำของแพทย์และสาธารณสุข ไม่นั้นรัฐทำทางเดียวไม่สำเร็จ

สำหรับโรงพยาบาลบุษราคัม จะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ประมาณ 1,200 คน และสามารถเพิ่มเติมได้ 3,000-5,000 เตียง รองรับผู้ป่วยสีเหลืองที่เล็กน้อยจนถึงปานกลาง ทั้งจากโรงพยาบาลสนาม และสายด่วนในกทม.และปริมณฑล หากเกิดผู้ป่วยอาการหนักจะส่งไปยังโรงพยาบาลที่มีความพร้อม ทั้งนี้ยังมีเจ้าหน้าที่หมุนเวียนปฏิบัติงานรวม 780 คน

‘โฆษกพปชร.’ วอน กทม. เร่งฉีดวัคซีนให้ ปธ-กก.ชุมชน ชี้ เป็นบุคลากรด่านหน้า พบ ปชช. มากเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19

เมื่อวันที่14 พฤษภาคม 2564 น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่าในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในเขตรับผิดชอบ โดยทำงานร่วมกับประธานชุมชน คณะกรรมการชุมชน ได้เห็นถึงความเสียสละที่ทุกคนเหน็ดเหนื่อย และทำงานใกล้ชิดกับผู้ป่วย เสียสละทำงานและรับภาระอย่างหนักช่วยเหลือดูแลประชาชนในชุมชนทุกเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้ง 50 เขต ซึ่งบุคคลเหล่านี้นับว่าเป็นบุคลากรด่านหน้า ที่เข้าไปดูแลประชาชน ตั้งแต่ช่วยสอดส่อง ค้นหากลุ่มเสี่ยงเชิงรุก ไปถึงประสานงานพาไปคัดกรองตรวจหาเชื้อ และดูแลผู้ที่กักตัวภายในชุมชน จึงมีความใกล้ชิดกับผู้ป่วยอย่างมาก จึงอยากให้กรุงเทพฯ เห็นความสำคัญของคนกลุ่มนี้ โดยเร่งพิจารณาฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มบุคคลกลุ่มดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงเช่นเดียวกัน

อนุทิน ย้ำ วอล์คอินฉีดวัคซีนป้องกัน โควิด-19 ดีเดย์ 1 มิถุนายนนี้ ยืนยันจังหวัดบุรีรัมย์ไม่มีสิทธิพิเศษรับวัคซีนก่อนจังหวัดอื่น เผยโรงพยาบาลบุษราคัม เมืองทองธานีมีหมอพยาบาลดูแลผู้ป่วยเต็มที่

เมื่อเวลา 08.45 น.วันที่ 14 พ.ค.ที่อิมแพค เมืองทองธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ ก่อนพิธีเปิดโรงพยาบาลบุษราคัม ที่เมืองทองธานีว่า โรงพยาบาลบุษราคัมไม่ใช่โรงพยาบาลสนาม แต่รองรับผู้ป่วยโควิดสีเหลืองที่มีอาการค่อนข้างหนักขึ้น โดยมีจำนวนทั้งหมด 1,092 เตียง พร้อมเปิดรับผู้ป่วยในวันนี้ (14 พ.ค.) หลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดอย่างเป็นทางการซึ่งจะเปิดรับผู้ป่วยได้ทันที โดยโรงพยาบาลบุษราคัม มีโรงพยาบาลเจ้าภาพคือโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จังหวัดนนทบุรี รวมถึงการใช้เครือข่ายโรงพยาบาลสนับสนุน ซึ่งจะรับผู้ป่วยจากโรงพยาบาลหลาย ๆ แห่งทั้งโรงพยาบาลสนาม, Hospitel ที่จะทำการส่งตัวมารักษา ยืนยันว่าโรงพยาบาลบุษราคัมมีอุปกรณ์ และบุคลากรทางการแพทย์ มีเพียงพอรองรับการรักษาผู้ป่วย ซึ่งบูรณาการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ

นายอนุทิน กล่าวว่า เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับประชาชนที่ถูกต้องตรงกัน ขอให้ประชาชนรับฟังข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลัก โดยกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข จะประชาสัมพันธ์เน้นย้ำเรื่องการ walk in ของประชาชนเข้ามาติดต่อเพื่อรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดด้วยตัวเอง ว่าจะเป็นการเริ่มดีเดย์ 1 มิถุนายน เป็นต้นไป โดยต้องบริหารจัดการวัคซีน จัดให้กับกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ บริหารจัดการในพื้นที่เอง โดยให้บริหารจัดการให้มีเผื่อการ walk in ของประชาชนไว้ด้วย

“สำหรับที่จังหวัดบุรีรัมย์มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าได้รับวัคซีนเป็นสิทธิพิเศษนั้น ไม่เกี่ยวว่าเป็นจังหวัดใด จะบุรีรัมย์หรือลำปาง เชียงใหม่ พัทลุง ให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ละจังหวัดทำเรื่องร้องขอตามจำนวนที่ต้องการ เพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขจัดจำนวนให้ จัดไปตามกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มต่าง ๆ ถ้าบริหาร แค่กระทรวงสาธารณสุขโดยลำพังไม่มีปัญญาที่จะทำได้ครบทั้งหมดทั่วประเทศ แต่สาธารณสุขมีหน้าที่กระจายวัคซีนให้เพียงพอและทั่วถึงในแต่ละจังหวัด” นายอนุทิน กล่าวยืนยัน

‘เสกสกล’ แช่ง ‘ฝ่ายค้าน’ ไม่นึกถึงความเดือดร้อนปชช. ให้เป็นฝ่ายค้านตลอดชีพ เหน็บ อยากเป็นรัฐบาลจนลืมตัว

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงพรรคฝ่ายค้านยื่นหนังสือต่อประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช. ) ไต่สวนนายกรัฐมนตรี กรณีแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ล้มเหลว ว่า ฝ่ายค้านเล่นการเมือง ในช่วงที่กำลังแก้ปัญหาสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดที่ต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และไม่เข้าใจเหตุผลของพรรคฝ่ายค้านหรือหากต้องการเข้ามาบริหารประเทศ ขอให้เข้ามาตามกระบวนการ อย่าใช้ทางลัดกระหายอำนาจจนลืมตัว ลืมนึกถึงประชาชน ให้เล่นการเมืองแบบสร้างสรรค์เน้นการทำประโยชน์เพื่อบ้านเมือง ประชาชนจะได้ไว้วางใจเลือกกลับเข้ามาเป็น ส.ส. อีก หรือถ้าทำตัวดีอาจได้เข้ามาเป็นรัฐบาล

นายเสกสกล กล่าวว่า ขณะนี้ไม่มีใครเข้ามาแก้ไขปัญหาโควิดได้ดีเท่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ประชาชนให้ความไว้วางใจ บุคลากรการแพทย์ ดังนั้นอย่าทำอะไรให้เกิดความเข้าใจผิด และความสับสน หรือหวังล้มรัฐบาลอยากกลับมามีอำนาจเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวจนกล้ากระทำทุกอย่างแบบไม่ลืมหูลืมตา ไม่รับรู้วิกฤตความเดือดของประชาชน พฤติกรรมเช่นนี้ถ้ามาเป็นรัฐบาลช่วยอะไรประเทศชาติและประชาชนไม่ได้แน่นอน จึงขอสาปแช่งให้เป็นฝ่ายค้านตลอดชีพจะเหมาะสมที่สุด

รมว.ยุติธรรม แจงผู้ต้องขังติดเชื้อเยอะเหตุจากคนเข้าใหม่ ยันนายกฯ กำชับตลอดให้ดูแลให้ดี "ราชทัณฑ์" ยันไม่มีการปกปิดข้อมูล มีติดเชื้อระดับสีแดง 4 ราย เชื่อรับมือได้

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กรมราชทัณฑ์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ประชุมร่วมกัน พร้อมแถลงข่าวกรณีมีผู้ต้องขังในเรือนจำติดโควิด-19 จำนวนมาก

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การป้องกันโควิดในเรือนจำ และผู้ต้องขังทั่วประเทศ แนวทางของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับตลอดให้หมั่นดูแลเอาใจใส่ เพราะหากติดเชื้อจะเกิดการลุกลามได้ง่าย ตอนที่รัฐบาลตั้งใหม่ ๆ ตนมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตอนนั้นมีผู้ต้องขัง 390,000 คนทั่วประเทศ ตนจึงใช้นโยบายลดความแออัด จนขณะนี้ เหลือไม่ถึง 310,000 คน เราเตรียมการแก้ปัญหาลดความแออัด จากก่อนผู้ต้องขัง 1 คนมีพื้นที่ไม่ถึง 1 ตร.ม. หากโควิดเข้าไปจะยุ่งยาก ซึ่งตอนนี้เราปรับจนได้ 1.2 ตร.ม. ตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้กรมราชทัณฑ์ได้ขอพระราชทานอภัยโทษให้กับผู้ต้องขังประพฤติดี ข้อหาไม่ร้ายแรงอีกหลายหมื่นคน และใช้การพักโทษพิเศษ สวมกำไล EM 50,000 คน ซึ่งตอนนี้ติดกำไลแล้ว 20,000 คน รวมทั้งยังมีประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่อยู่ระหว่างพิจารณารัฐสภา ซึ่งจะปรับอัตราโทษผู้ต้องขังยาเสพติดให้เหมาะสม จะลดผู้ต้องขังได้เกือบ 50,000 คน นี่คือความพยายามแก้ปัญหาลดความแออัดในเรือนจำ

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการตรวจหาเชื้อในเรือนจำ เราทำได้อย่างรวดเร็ว เพราะได้รถพระราชทานตรวจโควิด ทำให้ตรวจได้เร็ว ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น และเรามีการส่งข่าวให้ญาติทั้งหมดทราบ แต่มีจำนวนมากทำไม่ได้เร็ว ซึ่งตามมาตรฐานสากล ผู้คุม 1 คนจะดูแลผู้ต้องขัง 6 คน แต่สำหรับประเทศไทย อัตราส่วนคือ 1 ต่อ 33 เพราะเรามีบุคลากรน้อย แต่เราทำงานเต็มที่ ซึ่งปัจจุบันทุกคนเริ่มเข้าใจการทำงานของข้าราชการว่าเราทำงานเต็มที่ ซึ่งทุกเรือนจำข้างในเข้มงวดมาก แต่ 2 เรือนจำที่ติดเชื้อ เป็นเรือนจำที่รับผู้ต้องขังใหม่อยู่ตลอด ต่างจากเรือนจำอื่น ๆ ส่วนการออกไปศาล เราได้ประสานกับศาลแต่ละจังหวัดแล้ว ขอให้งดไปในระยะนี้ก่อน เชื่อว่าศาลท่านจะเข้าใจ และสถานการณ์จะคลี่คลายได้

"ผมขอยืนยัน รัฐบาล โดยท่านนายกฯ สั่งกำชับ ประสานงานมาตลอด ให้ดูแลผู้ต้องขังทุกคนอย่างดี หากยาที่ได้จากสาธารณสุขไม่พอ ทางกรมราชทัณฑ์จะจัดซื้อเองเพื่อรักษาทุกคน ขอให้ญาติผู้ต้องขังทุกคนสบายใจได้ นอกจากนี้ยังมีการประสานจากแพทย์แผนไทย เรื่องการใช้ฟ้าทะลายโจรมาใช้ด้วย ยืนยันเราเตรียมพร้อมป้องกันเบื้องต้นมาตลอด" นายสมศักดิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการปิดข่าวว่ามีผู้ต้องขังติดเชื้อมาก่อนหน้านี้หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เราไม่มีการปิดข่าว เปิดเผยข้อมูลทุกอย่างมาตลอด

ด้าน นพ.วีระกิตติ์ กล่าวว่า ไม่เคยมีการปิดบังข้อมูล รพ.ราชทัณฑ์มีการตรวจตลอด ซึ่งต้องกรอกเลขบัตรประชาชนสามารถตรวจสอบได้ โดยในเดือน เม.ย. ตรวจพบเพียงหลักร้อยเท่านั้น โดย รพ. สามารถรองรับการตรวจเชื้อได้ทั้ง 2 เรือนจำ แต่อาจจะตรวจได้ช้า แต่เมื่อเราได้รถพระราชทาน จึงตรวจได้เร็วขึ้น และดำเนินการตามหลักการตรวจเชิงรุก 100% เพื่อแยกคนติดเชื้อออก

เมื่อถามว่า จังหวัดอื่น ๆ มีรายงานติดเชื้อหรือไม่

นพ.วีระกิตติ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส แต่ตอนนี้ควบคุมได้แล้ว ส่วนที่อื่น ๆ ดำเนินการตามสาธารณสุขยังไม่พบ ซึ่งเราได้มีการปรับเพิ่มการกักตัวใหม่เป็น 21 วัน และตรวจเชื้อ 2 ช่วง คือ ตอนเข้าและหลังกักตัว และใช้ราปิดเทส จะได้รวดเร็วในการคัดกรองมากขึ้น ส่วนการหาวัคซีนให้ผู้ต้องขัง ขณะนี้ ท่านอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้ลงนามอนุมัติจัดหาวัคซีนฉีดให้ผู้ต้องขังทั่วประเทศแล้ว คาดว่าจะได้ภายในเดือนมิ.ย. จะเริ่มกลุ่มเสี่ยงสูง ผู้ที่มีโรคประจำตัวก่อน โดยตอนนี้ฉีดให้ข้าราชการที่ต้องทำงานในกลุ่มเสี่ยงไปบ้างแล้ว เรื่องเหล่านี้เราได้เตรียมความพร้อมไปแล้ว

เมื่อถามว่า ต้นตอจากการติดเชื้อมาจากไหน มีการสืบสวนโรคได้อย่างไรบ้าง นายอายุตม์ กล่าวว่า ในส่วนของทัณฑสถานหญิงกลาง มาจากผู้ต้องขังเข้าใหม่ ส่วนเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มาจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งทุกคนที่ตรวจพบเชื้อได้ส่งรักษาแล้ว มีการจำแนกผู้ต้องขังที่ติดเชื้อทั้งหมดมีสีแดง 4 ราย มี 1 ราย ใช้เครื่องช่วยหายใจ เนื่องจากโรคประจำตัว ซึ่งเรายังใช้แนวทางบับเบิ้ล แอนด์ ซีล และมีห้องกักโรคแยกชัดเจน ส่วนเรื่องของวัคซีน ได้ประสานอธิบดีกรมควบคุมโรคในการจัดหาแล้ว ซึ่งกรมราชทัณฑ์ ได้ร่วมกับสาธารณสุข ทำงานได้ทันเหตุการณ์ และได้แจ้งไปยังเรือนจำทั่วประเทศให้ควบคุมให้ดี

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรามีการสืบสวนโรคอยู่แล้ว หากผลออกมาเป็นอย่างไรจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ส่วนกรณีที่มีภาพหน้ากากที่บางมากในเฟซบุ๊ก ตนได้ให้สอบข้อเท็จจริงแล้ว หากอะไรที่เปิดเผยออกมาได้เผยปัญหาจะจบ ในส่วนของญาติผู้ต้องขังที่ไม่สบายใจ เรายืนยันดูแลอย่างดี และจะส่งข่าวกับญาติผู้ต้องขังให้รับรู้ และมีช่องทางให้ญาติติดต่อได้กับกรมราชทัณฑ์

‘แรมโบ้’ ยัน! จูงมือทนายแจ้งความ ฮาร์ท ทำในนามส่วนตัว ‘บิ๊กตู่’ ไม่ได้สั่ง ลั่น ข้อความ นายกฯ ที่ไหนฟ้องปชช. เป็นการดูหมิ่นนายกฯ

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล นักร้องชื่อดังโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า มีที่ไหนนายกฯ ฟ้องประชาชน ภายหลังตนเองและนายอภิวัฒน์ ขันทอง ผู้ช่วยรมต.ประจำสำนักนายกฯ ได้เข้าแจ้งความกล่าวโทษที่ สน.นางเลิ้ง ว่า "การเข้าแจ้งความครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับนายกฯ และนายกฯไม่ได้สั่งการใด ๆ แต่ทำในนามส่วนตัวและในฐานะประชาชน ซึ่งใครจะเข้าแจ้งความตามมาตรา 112 ย่อมได้ การแจ้งความกล่าวโทษนายสุทธิพงศ์ ที่ สน.นางเลิ้ง เป็นการกล่าวโทษเพื่อให้เจ้าพนักงานสอบสวนดำเนินการตรวจสอบว่ามีความผิดตามมาตรา 112 หรือไม่ เพราะเป็นความผิดอาญาต่อแผ่นดิน ประชาชนทั่วไป ใครจะไปร้องทุกข์กล่าวโทษก็ได้หากเห็นว่านายสุทธิพงศ์ ได้โพสต์ข้อความเข้าข่ายการหมิ่นสถาบัน ตามมาตรา 112 สามารถร้องได้ทุกจังหวัดทุกที่ในประเทศไทย"

นายเสกสกล กล่าวว่า ดังนั้นการที่จะมาบอกว่านายกฯ เป็นคนสั่งการนั้นไม่เป็นความจริง นายกฯ ไม่ได้สั่งการให้ไปดำเนินคดี เพียงแต่ตนเองและนายอภิวัฒน์ เห็นว่าการโพสต์ของนายสุทธิพงศ์นั้น ประชาชนทราบดีว่ามีเจตนาที่จะกล่าวถึงสถาบันอย่างไร จึงเห็นว่าจะปล่อยให้นายสุทธิพงศ์ ได้โพสต์เช่นนี้ย่อมจะทำให้เสียหายต่อสถาบัน จึงได้ไปแจ้งความที่สน.นางเลิ้ง เพื่อมิให้บุคคลอื่นนำไปเป็นเยี่ยงอย่างในการกล่าวพาดพิงสร้างความเสื่อมเสียอีก และการที่ออกมาโพสต์กล่าวหานายกฯ ก็เป็นการกล่าวหา ดูหมิ่นนายกฯ ซึ่งถือว่าเป็นความผิดอีก เป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ และผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วย ไม่สมควรจะทำอย่างยิ่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top