Monday, 7 July 2025
POLITICS NEWS

“สงคราม” ชี้ ฝ่ายค้านจัดหนักอภิปรายนโยบาย “บิ๊กตู่” ทุบให้จนแล้วแจก อัดรัฐบาลอุ้มนายทุนทำของแพงทั้งแผ่นดินคนไทยทั้งประเทศเดือดร้อนหนัก


นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์การเมืองในปี 2565 เชื่อว่าคงร้อนแรงกว่าปี 2564 ปัจจัยมาจากปัญหาที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้ ทั้งนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ปล่อยให้เจ้าสัวปรับขึ้นราคาสินค้าไร้มาตรการควบคุม ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนอย่างแสนสาหัส

นอกจากนี้ที่น่าละอายใจ คือการจงใจที่จะปกปิดข้อมูล การระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ทำให้หมูเสียชีวิตจำนวนมาก คาดกันว่าอาจมากถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนหมูในประเทศเลย กรมปศุสัตว์ออกมายอมรับว่าราคาหมูจะแพงไป 1 ปี สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมาก ทั้ง ๆที่รัฐบาลรับทราบมาตั้งแต่ปี 2562 ว่าตรวจพบเจอโรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู แต่รัฐบาลกลับไม่ยอมรับ ที่ผ่านมา พรรคฝ่ายค้าน แสดงความห่วงใยมาตลอด ถึงแนวทางแก้ปัญหา เรียกร้องให้ พลเอกประยุทธ์ แสดงรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อพี่น้องเกษตรกรและประชาชน รวมทั้งสร้างภาระค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชนอีกมาก

เริ่มแล้ว! มาตรการลดค่าจดทะเบียนโอน-จำนองอสังหาฯ เหลือ 0.01% มีผลบังคับใช้วันนี้ คลังประเมินช่วยกระตุ้นการซื้อขายที่อยู่อาศัยกว่า 2.91 แสนล้านบาท เพิ่มจีดีพี 0.58%    

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ ประกาศกระทรวงมหาดไทย รวม 4 ฉบับ  ซึ่งกำหนดให้มีการลดค่าการจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2% และค่าจดทะเบียนจำนองจาก 1% เหลือ 0.01%  ซึ่งจะช่วยกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจปี 2565 รักษาระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ตลอดจนสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ช่วยเหลือให้ลูกหนี้มีสภาพคล่องและผู้ประกอบการกลับมาประกอบธุรกิจได้เร็วขึ้น

สำหรับการปรับลดค่าจดทะเบียนโอนและจดทะเบียนจำนองอสังหาริมทรัพย์นี้ เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งผ่านการอนุมัติของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2564 ที่ผ่านมา โดยแบ่งการดำเนินการเป็น 2 กรณี  

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า  กรณีแรก เพื่อลดภาระให้กับประชาชนที่มีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยออกประกาศ 2 ฉบับ มีผลเป็นการลดค่าจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนจำนองอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายที่ดินกรณีอาคารที่อยู่อาศัย (บ้านเดี่ยว บ้านแฝดและบ้านแถว) หรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าว และห้องชุดในอาคารชุดซึ่งจดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด โดยราคาซื้อขายและประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 3 ล้านบาท วงเงินจำนองไม่เกิน 3 ล้านบาท และมีการโอนและจดจำนองในคราวเดียวกันโดยในส่วนนี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค. – 31 ธ.ค. 2565 

“มาตรการในส่วนนี้จะช่วยบรรเทาภาระให้ผู้ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในระดับราคาที่ไม่สูงมาก รวมถึงช่วยรักษาระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาฯ ในสถานการณ์โควิด-19 โดยกระทรวงการคลังได้ประเมินว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อขายอสังหาฯ มูลค่าประมาณ 2.91 แสนล้านบาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มการบริโภคในประเทศได้ 7.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มการลงทุนประมาณ 1.35 แสนล้านบาท และส่งผลให้จีดีพีเพิ่มขึ้น 0.58%” น.ส.ไตรศุลี กล่าว  

“รองโฆษกรัฐบาล” ชวนแรงงานอิสระ สมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 -ออมเงินกับกองทุนการออมแห่งชาติ ชี้ ได้บำนาญ คุ้มครองอุบัติเหตุ

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเชิญชวนผู้ประกอบอาชีพอิสระ และผู้ประกันตนตามมาตรา 40(1)สมัครออมเงินควบคู่ไปกับกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)เพื่อเติมเต็มเงินออมและสร้างความมั่นคงทางการเงิน สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มุ่งมั่นลดความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างหลักประกันที่มั่นคงในชีวิตของประชากร ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580)

โดยกอช. ร่วมกับสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน จัดคู่หูสวัสดิการเพื่อประชาชน เชิญชวนผู้ที่มีสิทธิสมัคร อายุ 15 – 60 ปี และเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40(1) วางแผนเงินออมหลังอายุ 60 ปี ควบคู่กับ กอช. เพียงออมเงินขั้นต่ำ 50 บาท สูงสุด 13,200 บาทต่อปี ทั้งนี้ สมาชิกจะได้สวัสดิการจาก 2 หน่วยงานรวมกัน โดยจะได้รับเงินสมทบจากรัฐบาลเพิ่มตามช่วงอายุสมาชิก สูงสุด 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่เกิน 1,200 บาทต่อปี นอกจากนี้ยังมีผลตอบแทนเพิ่มเติมจากการลงทุน ซึ่งได้รับความค้ำประกันผลตอบแทน รวมถึงสามารถลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปีได้เต็มจำนวนเงินออมสะสม และในระหว่างการทำงาน สมาชิกจะได้เงินทดแทนรายได้กรณีประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย เงินทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพ ค่าทำศพจากสำนักงานประกันสังคม และเมื่ออายุเกิน60 ปี จะได้บำนาญรายเดือนจาก กอช. และได้เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตามเกณฑ์อีกด้วย โดยผู้ที่สนใจสามารถสมัครสมาชิก กอช. มีอายุตั้งแต่ 15 – 60 ปี ได้แก่ นักเรียน นิสิตและนักศึกษา พ่อค้าแม่ค้า เกษตรกร ผู้ที่ขับรถรับจ้างทั่วไป ผู้ประกอบอาชีพอิสระ เป็นต้น ซึ่งสามารถตรวจสอบสิทธิได้ที่แอปพลิเคชัน “กอช.” หรือ เว็บไซต์ กอช. www.nsf.or.th หรือสอบถาม สายด่วนเงินออม โทร.02-049-9000

'จุรินทร์' ลั่นทุกเสียง ปชป. ไม่มีโกง เตือนแล้วพรรคร่วมแข่งกันเอง ได้ไม่คุ้มเสีย

17 ม.ค. 65 ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวภายหลังพรรคประชาธิปัตย์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งซ่อมส.ส. ทั้งที่เขต 1 จ.ชุมพร และเขต 6 จ.สงขลา ว่า ขอขอบคุณประชาชนทั้งสองจังหวัด รวมถึงผู้สนับสนุนจากหลายพื้นที่ทั่วประเทศที่เป็นกำลังใจให้พรรคประชาธิปัตย์ ส่วนปัจจัยที่ทำให้พรรคประสบความสำเร็จในครั้งนี้ ก็เพราะเสียงสวรรค์ของประชาชน เห็นชัดเจนเป็นรูปธรรมที่สุด ตนและพรรคขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ จากนี้จะต้องทำงานหนักขึ้นต่อไป

เมื่อถามว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ระบุอาจมีการเลือกตั้งซ่อมอีกรอบ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่ขอวิจารณ์ แต่ขอเรียนเลยว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่โกง มั่นใจทุกคะแนนได้มาอย่างบริสุทธิ์ และมาจากเสียงสวรรค์ที่แท้จริง

‘สุพล - สันติ’ ยอมสิ้นสภาพ ส.ส. ควงคู่ ยื่นลาออกจากสมาชิก พปชร. 

พปชร. ส่อแววแตก หลัง 2 ส.ส.บัญชีรายชื่อ สุพล ฟองงาม และสันติ กีระนันทน์ ยื่นลาออกจากสมาชิกพรรค ยอมสิ้นสภาพส.ส. 

เมื่อวันที่ 17 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุพล ฟองงาม และนายสันติ กีระนันทน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เป็นผลให้สิ้นสภาพส.ส. ทันที

ทั้งนี้ ยังมีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งสองจะเข้าไปสังกัดพรรคสร้างอนาคตไทย ของ “กลุ่มสี่กุมาร” ภายใต้การนำของนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ และนายอุตตม สาวนายน ที่เตรียมเปิดตัวในวันที่ 19 ม.ค. นี้


ที่มา : https://www.matichon.co.th/politics/news_3136115

รัฐบาลรับทราบแผนขยายสนามบินสุวรรณภูมิ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่า ที่ประชุมได้รับทราบการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก ซึ่งมีความพร้อม และเร่งทบทวนแผนแม่บทท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยให้สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) และองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมแนวทางการพัฒนา 

ทั้งนี้ที่ประชุมฯ ได้พิจารณาความก้าวหน้าการดำเนินงานของ บมจ.ทอท. 3 เรื่อง ประกอบด้วย 1. ความก้าวหน้าการดำเนินงานจ้าง ICAO เพื่อศึกษาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ล่าสุด ทอท. อยู่ระหว่างการประสานกับสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาร่างข้อตกลง เพื่อให้ ICAO ศึกษาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนม.ค. 2565 และแล้วเสร็จในเดือนต.ค.2565  

2. ผลการศึกษาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดย IATA ซึ่งที่ประชุมรับทราบผลการศึกษาที่แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 18 ส.ค.2564 สรุปว่า การคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะฟื้นกลับมาในระดับเดียวกันกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด 19 ซึ่งมีผู้โดยสารปีละประมาณ 65 ล้านคน ในช่วงปี 2567 – 2568 โดยเสนอให้พัฒนาส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ เพื่อให้บริการผู้โดยสารภายในประเทศและผู้โดยสารระหว่างประเทศ 

‘อุตตม’ ได้ฤกษ์เปิดตัวพรรคใหม่ 19 ม.ค.นี้ ชี้ ตอนนี้มีปัญหามากมาย ต้องร่วมกันแก้

วันที่ 17 ม.ค. 65 นายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงการแถลงเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่วันที่ 19 ม.ค. พร้อมติดแฮชแท็ก #ความหวังสร้างได้ #สร้างอนาคตไทย โดยระบุว่า

ผ่านพ้นครึ่งเดือนแรกของปี 2565 ไปแล้ว หวังว่าทุกท่านจะได้เริ่มต้นชีวิตและการทำงานที่ดี มีพลังในการเดินตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ในปีนี้ ก่อนหน้านี้ได้สัมผัสถึงความรู้สึกของพวกเราชาวไทย ที่มีความกังวลต่ออนาคตของประเทศ มองไม่เห็นว่าจะเดินไปต่อกันอย่างไร เพราะเรามีปัญหามากมาย หลายปัญหาฝังรากลึกทำร้ายประเทศมานานเกินควรแล้ว และหากเราปล่อยให้ความรู้สึกดังกล่าวเกาะกินใจทุกคนต่อไปเรื่อยๆ วันหนึ่งทุกคนก็จะรู้สึกหมดหวัง เมื่อถึงเวลานั้นประเทศคงไม่สามารถอยู่บนเส้นทางที่เจริญก้าวหน้าต่อไปได้

‘บิ๊กตู่’ ตั้งข้อสังเกต หมูตายแค่ 20% แต่ทำไมขาดตลาด เชื่อมีขบวนการทำหมูแพง

‘บิ๊กตู่’ ตั้งข้อสังเกตทำไมหมูขาด ทั้งที่ตายไม่ถึง 20% ระบาดเป็นบางจุด เชื่อมีขบวนการทำให้หมูแพง ลั่นอย่าเห็นแก่ตัวขึ้นราคาสินค้าอ้างน้ำมันแพง

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ม.ค. ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาราคาสินค้าที่พุ่งสูง โดยเฉพาะเนื้อสุกรจะมีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไร ว่า ขณะนี้ได้มีการสำรวจแล้วตั้งแต่ต้นทางว่าปัญหามันอยู่ที่ไหน อย่างไร วันนี้ปัญหาคือมีปริมาณเพียงพอหรือไม่ เมื่อไม่เพียงพอจะจัดหาเพิ่มเติมได้จากที่ไหน เช่น หมูถ้าจำเป็นก็ต้องนำเข้าและระงับการส่งออก ขณะเดียวกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องไปผลิตลูกหมูออกมา ส่งเสริมผู้ค้าหมูรายย่อย วันนี้ก็ต้องไปสำรวจอีกกว่ามีหมูที่เก็บไว้ในสต็อกมีการแช่แข็งไว้เท่าไหร่ที่รอการส่งออกก็ต้องระงับการส่งออกทั้งหมด เพื่อให้ปริมาณหมูมีเพียงพอต่อการใช้ในประเทศ ต้องแก้ปัญหากันแบบนี้

"หมูตายก็สร้างหมูใหม่ขึ้นมา เพาะพันธุ์ใหม่ขึ้นมาให้เพียงพอปัญหาสำคัญที่สุด การแพร่ระบาดในครั้งนี้ มีการแพร่ระบาดในบางพื้นที่และเป็นจุดๆ ไป ไม่ได้แพร่ระบาดทั่วประเทศ ขอให้เข้าใจตรงนี้ด้วย และการตายมีประมาณไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ทำไมหมูถึงขาด แสดงว่ามันเกิดอะไรขึ้นในกระบวนการ มีคนไปทำอะไรหรือเปล่า อีกทั้งหลายๆ อย่างก็พยายามขึ้นราคาตาม ขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผลที่สมควร ผมจึงได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบ และถ้าไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็ให้ร้องเรียนมายังสคบ." พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ สั่ง หน่วยงาน ติดตามเฝ้าระวัง ตรวจตราอุปกรณ์ พัฒนาระบบป้องกัน เตือนภัยสึนามิ ของไทย เชื่อมโยงภูมิภาค

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีที่ภูเขาไฟใต้ทะเล บริเวณมหาสมุทรแปซิกฟิกตอนใต้ ทางด้านตะวันออกของประเทศตองกา เกิดปะทุอย่างรุนแรงทำให้เกิดคลื่นสึนามิเข้าพัดชายฝั่งในเมืองนูกูอาโลฟา ประเทศตองกา และหลายประเทศรอบแนวมหาสมุทรแปซิฟิก และได้มีคำเตือนภัยสึนามิ จนทำให้เกิดความห่วงกังวลถึงระบบการติดตามและเฝ้าระวังการเกิดสึนามิของไทย นั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามเฝ้าระวังผลกระทบ รวมทั้งตรวจสอบระบบป้องกัน และเตือนภัยของไทยให้พร้อมใช้งานอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบ ความเสียหาย ที่อาจเกิดขึ้นหากมีสถานการณ์ไม่พึงประสงค์

นายธนกร กล่าวว่า ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โดยศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ศภช.) ได้รายงานว่า มีการติดตามข้อมูลจากเครื่องมือเฝ้าระวังของหน่วยงานภาคีเครือข่ายทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่อประกอบการวิเคราะห์ แจ้งเตือนการเกิดสึนามิ อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอตลอด 24 ชั่วโมง โดยการเฝ้าระวังการเกิดสึนามิฝั่งอันดามัน จะมีข้อมูลจากทุ่นตรวจวัดคลื่นสึนามิของประเทศไทย จำนวน 2 ตัว ตัวแรกติดตั้งในมหาสมุทรอินเดีย (สถานี 23401) กรณีเกิดสึนามิสามารถยืนยันคลื่นสึนามิที่จะกระทบชายฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทย ล่วงหน้า 1 ชั่วโมง 45 นาที ใช้งานได้ปกติ และตัวที่ 2 ติดตั้งในทะเลอันดามัน (สถานี 23461) กรณีเกิดสึนามิสามารถยืนยันคลื่นสึนามิที่จะกระทบชายฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทย ล่วงหน้า 45 นาที ปัจจุบันทุ่นตัวนี้หลุดจากจุดที่ตั้งซึ่งกำลังประสาน และทุ่นตรวจวัดสึนามิทดแทนกำลังอยู่ระหว่างเร่งกระบวนการผลิต ทั้งนี้ ปภ. จะใช้ข้อมูลจากต่างประเทศมาประกอบการวิเคราะห์ซึ่งจะทำให้ทราบสถานการณ์ได้ ส่วนการเฝ้าระวังการเกิดสึนามิฝั่งอ่าวไทย จะใช้ข้อมูลจากทุ่นตรวจวัดคลื่นสึนามิของประเทศในฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก 

ศบค. ชี้ วัคซีนเข็ม 3 ทั่วประเทศฉีดน้อยมาก วอน ผู้สูงอายุ-ผู้มีโรคประจำตัว เร่งเข้ารับการฉีดวัคซีน ป้อง ป่วยหนัก เสียชีวิต ย้ำ ในที่ทำงาน เว้นระยะห่าง -ไม่กินข้าวร่วมกัน

ที่ ศบค.ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)แถลงข่าวถึงสถานการณ์การรับการวัคซีนของประเทศไทยขณะนี้ ว่า ในช่วงนี้กระทรวงสาธารณสุขเน้นย้ำให้ฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มสาม โดยเมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมามีการฉีดวัคซีนทั้งประเทศ 172,437 โดส ซึ่งเข็มสาม โดยรวมทั้งประเทศตัวเลขอยู่ที่ 14.1% เท่านั้น ถือว่ายังน้อยมาก และเป็นผู้สูงอายุเกิน 60 ปี เพียง 13.8% เท่านั้นซึ่งถือว่าน้อย รวมทั้งผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค เข็มสาม อยู่ที่ 16.1% 

ดังนั้นนโยบายการบริหารวัคซีนเข็มกระตุ้นของกระทรวงสาธารณสุขในช่วงเดือนมกราคม 2565 นี้เป็นต้นไป ขอให้ทุกคนที่ได้รับวัคซีนครบสองเข็มแล้วให้มารับเข็มกระตุ้นเป็นเข็มที่สาม หรือผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวบางคนที่ยังไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนเลยแม้แต่เข็มหนึ่ง ก็ขอให้ทุกคนเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยด่วน เพราะอย่างที่เห็นแล้วว่าหลายคนชะล่าใจว่าโอมิครอนไม่รุนแรงแต่เมื่อไปติดเชื้อในกลุ่มผู้ป่วยเปราะบางก็อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

กรมควบคุมโรคระบุว่า กรณีสูตรฉีดวัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศมานั้นถือได้ว่ามีงานวิจัยรองรับอย่างแน่นอน ถือว่ามีความปลอดภัย กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ถึง 90-100% ในการป้องกันการป่วยหนักและการเสียชีวิตแต่หากใครต้องการฉีดวัคซีนด้วยสูตรอื่นที่นอกเหนือจากนี้ ขอให้ดูตามความพร้อมของวัคซีนในพื้นที่ ถ้ามีตามต้องการก็ให้ขอเข้ารับการฉีดได้ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top