Monday, 7 July 2025
POLITICS NEWS

“โฆษกรัฐบาล” โว โพลชี้ปชช.หนุน ”บิ๊กตู่” บริหารประเทศ  

ที่ทำเนียบนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม รับทราบผลสำรวจความเห็นของประชาชนที่มีต่อนายกรัฐมนตรี จากสำนักวิจัยซูเปอร์โพล ที่ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทุกสาขาอาชีพกระจายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ระหว่างวันที่ 10 - 15 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 82.0 ยังต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้ถือธงนำ เพราะกล้าเปลี่ยนแปลงการเมืองใหม่ การบริหารงานใหม่ ๆ กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง หลุดออกจากการบริหารประเทศแบบรัฐราชการ นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.3 ยังระบุว่า ให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี ที่กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง เลือกประชาชนมากกว่าผลประโยชน์ และการเกรงใจทางการเมือง รวมทั้งการเกี้ยเซียะผลประโยชน์กับข้าราชการ ซึ่งส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.9 ระบุด้วยว่า ในเวลานี้ยังไม่เห็นใครที่เหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ 

นายธนกร กล่าวว่า ที่สำคัญผลโพลยังชี้ให้เห็นด้วยว่า เสียงส่วนใหญ่หรือร้อยละ 71.3 นั้น ทราบถึงการบริหารประเทศตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของ พล.อ.ประยุทธ์ว่า นายกรัฐมนตรีกล้าที่จะออกมารับผิดชอบทุกเรื่องวิกฤตในนามของรัฐบาล แม้ว่าจะเป็นเพราะหน่วยงานในหน้าที่อาจจะปล่อยปละละเลยจนมีการสะสมปัญหา ซึ่งเป็นการพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่า ประชาชนยังให้การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจะยังคงทำงานหนักเพื่อประชาชน เดินหน้าช่วยเหลือประชาชนเพื่อฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกันโดยไม่สนเกมส์การเมือง จะขอเดินหน้าทำงานเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนเท่านั้น

'รัฐบาล' อวด ตัวเลข บริหารจัดการหนี้สาธารณะ โชว์ ผลงานเป็นที่น่าเชื่อถือระดับสากล

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงการคลังได้ทำการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ รุ่นส่งความสุข วงเงิน 30,000 ล้านบาท อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ยร้อยละ 1.90 ต่อปี เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน ซึ่งเริ่มจำหน่ายวันแรก เมื่อ17 ม.ค. เป็นการจำหน่ายให้กับประชาชนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป รายละไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก สามารถจำหน่ายได้หมดใน 2 วัน โดยวันแรกจำหน่าย 27,000 ล้านบาท และวันที่สอง 3,000 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นคนไทยให้ความสนใจในการเข้ามาลงทุนในพันธบัตรของรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็ทำให้รัฐบาลใช้ช่องทางในการระดมทุนหรือกู้เงินในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยดอกเบี้ยก็จะไหลกลับเข้าสู่ประชาชนคนไทยภายในประเทศ

น.ส.รัชดา กล่าวว่า กระทรวงการคลัง โดยสำนักบริหารหนี้สาธารณะ ได้รายงานด้วยว่า ในการจำหน่ายพันธบัตรครั้งนี้มีการลงทุนผ่าน Internet และ Mobile Banking เพิ่มขึ้น ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาดและวิถีการทำธุรกรรมทางการเงินที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง ณ ปัจจุบัน “ต่อข้อกังวลเรื่องระดับหนี้สาธารณะนั้น กระทรวงการคลังให้ความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลมีความสามารถในการบริหารจัดการหนี้สาธารณะ ซึ่งหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือน พ.ย. 2564 มีจำนวน 9.62 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 59.58% ต่อ GDP ซึ่งอยู่ในระดับที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาการคลังแต่อย่างใด เนื่องจากรัฐบาลยังคงมีความสามารถในการชำระหนี้ (Debt affordability) โดยติดตามสัดส่วนภาระดอกเบี้ยต่อประมาณการรายได้ประจำปีอย่างใกล้ชิด 

ครม.ไฟเขียว งบ 1,480 ล้านบาท ให้พาณิชย์ เดินหน้าโครงการลดราคาช่วยประชาชน ปี 2565

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ครม.อนุมัติงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 1,480 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการพาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน ปี 2565 ตามที่กระทรวงพาณิชย์ เสนอ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 เพิ่มช่องทางในการเลือกซื้อสินค้าที่ จำเป็นต่อการดำรงชีพในราคาประหยัดให้แก่ประชาชนได้ทั่วถึง และเกิดการ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและการบริโภค ก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น

นายธนกร กล่าวว่า สำหรับรูปแบบของโครงการฯ จะเป็นการจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพให้แก่ประชาชนในราคาประหยัด ระยะเวลาดำเนินการ 90 วัน มีรายละเอียด ดังนี้ 

1.กิจกรรมบริหารจัดการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางจำหน่าย โดยจัดหา สถานที่จำหน่ายและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเพื่อจำหน่ายสินค้าที่ จำเป็นต่อการครองชีพ ผ่านช่องทาง อาทิ การจำหน่ายผ่านบริเวณร้านสะดวกซื้อ ห้างท้องถิ่น หรือตลาด พื้นที่สาธารณะหรือลานอเนกประสงค์และสถานีบริการน้ำมัน รวมจำนวนไม่น้อยกว่า 3,000 จุด ตามแหล่งชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและภูมิภาค 76 จังหวัด และการจำหน่ายผ่านรถ Mobile จำนวนไม่น้อยกว่า 50 คัน ตามแหล่ง ชุมชนในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล 2.กิจกรรมการส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ เพื่อ จัดหาและจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพตามชนิด ปริมาณและราคาตามที่กรมฯ กำหนด เช่น สินค้าเกษตร เนื้อไก่ ไข่ไก่ สินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น จากสมาคม ผู้ค้าปลีก ค้าส่ง ในพื้นที่ เพื่อจำหน่ายในจุดจำหน่าย

ครม. ไฟเขียว เทงบ “โครงการทางพิเศษสายกะทู้ - ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต กว่า 14,670 ล้านบาท พัฒนาคมนาคม-ลดอุบัติเหตุ- เพิ่มเส้นทางอพยพภัยพิบัติ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม.อนุมัติโครงการทางพิเศษสายกะทู้ - ป่าตอง จ.ภูเก็ต ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ซึ่งจะดำเนินการภายใต้รูปแบบคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) เงินลงทุนเริ่มต้น 14,670.57 ล้านบาท ระยะทางรวม 3.98 กิโลเมตร โดยเป็นค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและค่าชดเชยสิ่งปลูกสร้าง วงเงิน 5,792.24 ล้านบาท โดยคาดว่า กทพ. จะประกาศเชิญชวนเอกชน ในเดือนพ.ค.-มิ.ย.นี้ จะเริ่มก่อสร้างในปี 2566 และคาดว่าจะเปิดให้บริการในเดือนก.ค 2570 

สำหรับโครงการทางพิเศษสายกะทู้ - ป่าตอง จ.ภูเก็ต มีวัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มเส้นทางการเดินทางระหว่างตัวเมืองฝั่งตะวันออกของภูเก็ต ไปหาดป่าตอง ให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่และนักท่องเที่ยว  ลดอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้น เนื่องจากสภาพเส้นทางที่ลาดชันและคดเคี้ยว และใช้เป็นเส้นทางอพยพ กรณีเกิดภัยพิบัติ (เช่น กรณีเกิดสึนามิ) มีลักษณะ รูปแบบ เป็นโครงการก่อสร้างทางยกระดับ มีอุโมงค์อยู่ในช่วงกลาง ของแนวเส้นทาง ระยะทางรวม 3.98 กม. เป็นทางพิเศษ ขนาด 4 ช่องจราจรต่อทิศทาง

มีจุดเริ่มต้นโครงการเชื่อมกับ ถ.พระเมตตา ในพื้นที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้จนถึงจุดสิ้นสุดโครงการฯ ในพื้นที่ ต.กะทู้ อ.กะทู้ มีทางขึ้น -ลง 2 แห่ง และมีด่านเก็บค่าผ่านทางตั้งอยู่บริเวณ ต.กะทู้ 1 ด่าน สำหรับรูปแบบการลงทุน เป็นลักษณะการร่วมลงทุน ระหว่าง รัฐและเอกชน (PPP) ในรูปแบบ PPP Net Cost โดยภาครัฐรับผิดชอบการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน  และภาคเอกชนรับผิดชอบงานส่วนที่เหลือทั้งหมด ได้แก่ การออกแบบ รายละเอียดและการก่อสร้าง และการดำเนินงานและบำรุงรักษา โดยเอกชนจะโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ลงทุนทั้งหมดให้แก่ภาครัฐก่อนเริ่ม ดำเนินงานพร้อมทั้งให้เอกชนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รายได้ค่าผ่านทาง ระยะเวลาสัมปทาน 35 ปี 

ครม. เห็นชอบ แผนงานกมธ.อาเซียนคุ้มครองสตรีและเด็กฯ ตั้งเป้า จัดพื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ หาแนวทางแก้ปัญหาในภูมิภาค 

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบร่างแผนงานคณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก พ.ศ. 2564 - 2568 ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ซึ่งแผนงานฉบับนี้ มีวิสัยทัศน์ คือ การเป็นผู้นำการดำเนินการที่สำคัญระดับภูมิภาค ขับเคลื่อนวาระและการสื่อสารปฏิสัมพันธ์ ตลอดจนกระตุ้นให้เกิดการดำเนินนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแนวทางในการส่งเสริมการคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็กในอาเซียน โดยมีเป้าหมายที่สำคัญ คือ วิเคราะห์ ศึกษา และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก การจัดพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้ การเสวนา และการเรียนรู้ระหว่างประเทศอาเซียน และการมีส่วนร่วมในกลไกระดับภูมิภาคในการดึงดูดการมีส่วนร่วมของเสาหลักของประชาคมอาเซียน เพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาเกี่ยวกับสตรีและเด็กในภูมิภาค 

น.ส.รัชดา กล่าวว่า สำหรับแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญ อาทิ เชื่อมโยงกับเป้าหมายของอาเซียนที่ชัดเจนและการมีส่วนร่วมต่อแผนงานประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน พ.ศ. 2568  สอดคล้องกับข้อตกลงสากลเช่นอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กและปฏิญญาว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อสตรีปฏิญญาเวียดนาม โดยจะขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติผ่าน 4 รูปแบบ คือ 1. การมีส่วนร่วมและความร่วมมือกับอาเซียน 2.การเสริมสร้างหุ้นส่วนความร่วมมือและการระดมทรัพยากร 3. โครงสร้างเชิงสถาบันและบทบาท และ 4.การประเมินโครงการ  ซึ่งการติดตามประเมินผลนั้น จะยึดกรอบผลลัพธ์และดัชนีชี้วัดความสำเร็จ เช่น จำนวนหน่วยงานและหุ้นส่วนที่จัดตั้งขึ้น  2. จำนวนข้อคิดริเริ่มและโครงการที่เพิ่มขึ้น 3.จำนวนกิจกรรมการเข้าถึงสื่อออฟไลน์ ออนไลน์ และโซเชียลมีเดียของอาเซียนด้านสิทธิสตรีและสิทธิเด็กเพิ่มขึ้น

ครม.เคาะงบกลาง 1,480 ล้านบาท ให้พาณิชย์แก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพง

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. อนุมัติเงินงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 1,480 ล้านบาท ให้กระทรวงพาณิชย์ใช้แก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพง ผ่านโครงการพาณิชย์ ลดราคา ช่วยประชาชน ปี 65 มีระยะเวลาดำเนินการ 90 วัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและเพิ่มช่องทางในการเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพในราคาประหยัด 

สำหรับรูปแบบของโครงการฯ จะเป็นการจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพให้แก่ประชาชนในราคาประหยัด คือ 1.จำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางจำหน่าย ทั้งบริเวณร้านสะดวกซื้อ ห้างท้องถิ่น หรือตลาด พื้นที่สาธารณะหรือลานอเนกประสงค์และสถานีบริการน้ำมัน รวมจำนวนไม่น้อยกว่า 3,000 จุด ตามแหล่งชุมชนในพื้นที่กรุงเทพฯ และภูมิภาค รวมถึงการจำหน่ายผ่านรถโมบายไม่น้อยกว่า 50 คัน ตามแหล่ง ชุมชนในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งเปิดจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ เช่น สินค้าเกษตร เนื้อไก่ ไข่ไก่ สินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น จากสมาคม/ผู้ค้าปลีก/ค้าส่ง/ซัพพลายเออร์ในพื้นที่ เพื่อจำหน่ายในจุดจำหน่าย

'แอมเนสตี้' หนาว!! 'แรมโบ้' ล่าครบ 1 ล้านชื่อ เตรียมชง 'กรมการปกครอง' เพิกถอนใบอนุญาต

18 ม.ค. 65 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นด้วยกับ "นิด้าโพล” ที่สำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง การควบคุม NGO โดยประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 52.36 เห็นด้วยที่หากออกกฎหมายกำหนดให้ต้องเปิดเผยแหล่งที่มาของเงินทุน และร้อยละ 58.14 เห็นว่าที่รับเงินจากต่างประเทศต้องเปิดเผยจำนวนเงินและวัตถุประสงค์การใช้เงิน ขณะเดียวกันประชาชนร้อยละ 34.70 ยังอยากให้การออกกฎหมาย NGO ห้ามทำกิจกรรมที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ และก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม

นายเสกสกล กล่าวว่า แสดงให้เห็นถึงประชาชนส่วนใหญ่มองว่ายังมี NGO บางองค์กรอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง เชื่อมโยง หรือสนับสนุนการเคลื่อนไหวของม็อบกลุ่มต่างๆ อยู่ ประชาชนจึงอยากให้ออกกฎหมายเพื่อควบคุมกลุ่ม NGO เหล่านี้ เพราะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนและประเทศชาติ

นายเสกสกล ยังมองว่า NGO ที่ช่วยเหลือประเทศชาติ และประชาชนที่แท้จริงก็ยังมีอยู่ และ NGO ที่มาจากต่างประเทศเข้ามาสนับสนุนการเคลื่อนไหวต่างๆ เพื่อสร้างความเดือดร้อนในประเทศก็มี ส่วนตัวจึงมองว่าการออกกฎหมายควบคุมถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ซึ่งหาก NGO ไม่ได้ทำผิดอะไรก็ไม่ต้องกลัวกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น

‘สงคราม’ อัด ‘บิ๊กตู่’ ทุบให้จนแล้วแจก ชี้ รัฐอุ้มแต่นายทุน ทำของแพงทั้งแผ่นดิน

วันที่ 18 มกราคม 2565 นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์การเมืองในปี 2565 เชื่อว่าคงร้อนแรงกว่าปี 2564 ปัจจัยมาจากปัญหาที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้ ทั้งนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปล่อยให้เจ้าสัวปรับขึ้นราคาสินค้าไร้มาตรการควบคุม ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนอย่างแสนสาหัส

นอกจากนี้ที่น่าละอายใจ คือการจงใจที่จะปกปิดข้อมูล การระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ทำให้หมูเสียชีวิตจำนวนมาก คาดกันว่าอาจมากถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนหมูในประเทศเลย กรมปศุสัตว์ออกมายอมรับว่าราคาหมูจะแพงไป 1 ปี สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมาก ทั้งๆ ที่รัฐบาลรับทราบมาตั้งแต่ปี 2562 ว่าตรวจพบเจอโรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู แต่รัฐบาลกลับไม่ยอมรับ ที่ผ่านมา พรรคฝ่ายค้าน แสดงความห่วงใยมาตลอด ถึงแนวทางแก้ปัญหา เรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ แสดงรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อพี่น้องเกษตรกรและประชาชน รวมทั้งสร้างภาระค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชนอีกมาก

“บิ๊กตู่” ถกครม.ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เงียบเหงา ด้าน รมต.ประชาธิปัตย์ ร่วมประชุมออนไลน์จากบ้านพักด้วยพิษโอมิครอน เผย "บิ๊กป้อม” ไม่สบายใจ ลูกพรรคแสดงความเห็นส่วนตัว ทำเสียชื่อพรรค พร้ออม จับตาแก้ปัญหาราคาสินค้าพุ่ง

ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ อีกครั้ง หลังโควิด-19 โดยเฉพาะเชื้อโอมิครอนแพร่ระบาดหนักทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย โดยมีรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากกระทรวงที่รับผิดชอบ ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามมาตรการ Work from home ยกเว้นในส่วนของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ และนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ที่วิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากบ้านพัก เนื่องจากอยู่ระหว่างการกักตัว ภายหลังเป็นกลุ่มเสี่ยงสัมผัสใกล้ชิดกับ นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 รวมถึงนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่เข้ารับการกักตัวเช่นเดียวกัน

ในส่วนของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ( พปชร.)ประชุมผ่านระบบวิดีโอคอลเฟอเรนซ์จากมูลนิธิป่ารอยต่อ โดยมีรายงานข่าวจากคนใกล้ชิด เปิดเผยว่า  พล.อ.ประวิตร แสดงความรู้สึกไม่สบายใจ กรณีลูกพรรค พปชร.แสดงความเห็นส่วนตัว โดยการโพสต์ในโซเชียลไม่เหมาะสม หรือการแสดงความคิดเห็นอื่นๆทำให้พรรคเสียหายชื่อเสียง ทั้งนี้ ได้ตักเตือนลูกพรรคคนดังกล่าวและสั่งให้ลบโพสต์ออกไปแล้ว อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร ระบุว่าหากเจอกับนายจุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฏ์  รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็พร้อมจะแสดงความยินดี ที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั้งสองเขต ที่ จ.สงขลา และ จ.ชุมพร เพราะถือว่า การแข่งขันในสนามได้ตั้งจบไปแล้ว จากนี้ไปก็พร้อมร่วมมือเดินหน้าทำงาน ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลไทย

'ศรีสุวรรณ' จี้ มส. จัดการพระนอกรีต ลงยันต์-นะหน้าทอง ชี้ ขัดพรบ.สงฆ์

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้มีพระชั้นผู้ใหญ่ระดับพระครู หรือเจ้าอาวาสวัดหลายวัด ได้กระทำการเผยแผ่พระศาสนาที่อาจขัดต่อพระธรรมะวินัยเป็นจำนวนมาก โดยอาศัยความโง่เขลา เบาปัญญาของพุทธบริษัท เป็นเครื่องมือในการแสวงหาลาภปัจจัย ซึ่งมหาเถรสมาคมควรที่จะต้องออกมากำหลาบหรือจัดการพระนอกรีตเหล่านี้เสีย เพื่อมิให้ศาสนาแปดเปื้อนและถูกเข้าใจผิดว่า การกระทำดังกล่าวเป็นกิจของสงฆ์

พฤติการณ์ดังกล่าว อาทิ การเขียนยันต์ต่าง ๆ โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการเตือนสติผู้คนให้ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท ดำเนินชีวิตด้วยสติสัมปชัญญะ ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมและรักษาศีล 5 รวมทั้งที่กำลังเป็นกระแสฮิตกันมากคือ การเจิมหน้าผากด้วยแผ่นทองคำเปลว การเขียนยันต์หัวใจมหาเศรษฐีลงบนฝ่ามือ และการลงนะหน้าทองแบบเต็มใบหน้า โดยอ้างว่าจะช่วยเสริมสร้างสิริมงคล หนุนดวง เสริมดวงชะตาในด้านเมตตา มหาเสน่ห์ เสริมบารมี และเพิ่มโชคลาภ ลงแล้วจะเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวย ซึ่งถ้าทำแล้วทำให้ร่ำรวยจริง คงไม่มีคนยากคนจนเต็มแผ่นดินอยู่ในขณะนี้

การกระทำดังกล่าวไม่ใช่กิจของสงฆ์ ไม่เคยปรากฏอยู่ในพระไตรปิฏก และหรือไม่อยู่ในคำสอนของสัมมาสัมพุทธเจ้า หากแต่เป็น “โลกวัชชะ” เป็นอวิชชา หรือเดรัจฉานวิชา ที่พวกหมอผี หรือผู้ที่นิยมทางไสยศาสตร์เขาทำกัน ซึ่งขัดต่อความเป็นพระภิกษุในบวรพุทธศาสนา ที่มุ่งสอนให้พุทธบริษัทหลุดพ้นจากวัฏฏะสงสาร มุ่งสู่ศีล สมาธิ และปัญญา มากกว่าการเผยแพร่พระศาสนาโดยใช้อวิชชาทางไสยศาสตร์เป็นธงนำ และการกระทำดังกล่าวอาจจะผิดศีลอาบัติขั้นสังฆาทิเสสได้ เนื่องจากเสี่ยงที่จะแตะเนื้อต้องตัวผู้หญิงหรืออุบาสิกาได้ หรือถึงขั้นอาบัติปาราชิกได้ เพราะอาจถือได้ว่าเป็นการอวดอุตตริมนุสสธรรม หรือการอวดอ้างคุณวิเศษที่ไม่มีในตน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top