Thursday, 16 May 2024
POLITICS NEWS

‘ก้าวไกล’ ประกาศต้านสอดไส้นิรโทษกรรมคนบริหารวัคซีน ชี้หากกฎหมายผ่าน ประชาชนจะฟ้องเรียกค่าเสียหายไม่ได้เลย

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. และโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีที่รัฐบาลได้มี มติ ครม. เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 64 เห็นชอบที่จะแก้ไข พ.ร.บ.โรคติดต่อ แทนการออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมเหมาเข่งล่วงหน้า ที่ถูกประชาชนต่อต้านเป็นจำนวนมาก โดยนายวิโรจนยืนยันว่าการกระทำเช่นนี้เป็นเพียงการเปลี่ยนยุทธวิธีนิรโทษกรรมเอาตัวเองให้พ้นผิดของรัฐบาล เพราะไม่สามารถรับมือพลังต่อต้านของประชาชนได้ แต่โดยยุทธศาสตร์ยังเป็นการหมกมุ่นหาทางเอาตัวรอดของรัฐบาลที่บริหารผิดพลาดจนทำคนเจ็บป่วยล้มตายทั่วประเทศ

“โดนประชาชนต่อต้านจนต้องล้มแผนออกพ.ร.ก.นิรโทษกรรมตัวเอง แต่ยังพยายามมาสอดไส้นิรโทษกรรมต่อในพ.ร.บ.โรคติดต่อ การทำแบบนี้สะท้อนว่ารัฐบาลนี้ รู้ดีว่าตนเองกำลังก่อกรรมทำเข็ญกับประชาชน แต่แทนที่จะมีสามัญสำนึก คิดที่จะรับผิดชอบ ที่จะออกกฎหมายในการชดเชยเยียวยาให้กับประชาชนที่สูญเสียและได้รับผลกระทบ กลับเอาเวลาไปคิดหมกมุ่นแต่เรื่องจะออกกฎหมายเพื่อปกป้องตนเองให้พ้นจากความรับผิดทั้งปวง

นี่เป็นความพยายาม ที่จะเอาความเหนื่อยยากของบุคลากรทางการแพทย์ด้านหน้า และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ปฏิบัติงานอยู่หน้างาน มาแอบอ้างเพื่อ "สอดไส้" ออกกฎหมายนิรโทษกรรมเหมาเข่งล่วงหน้าให้กับตนเอง และพวกพ้องที่เกี่ยวข้องกับนโยบายในการจัดหาวัคซีน การควบคุมการระบาด การรักษาพยาบาล และนโยบายในการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งหมด”

นายวิโรจน์ยังยืนยันว่า บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ด่านหน้า ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายที่มีอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ เพียงแต่กฎหมายทั้ง 3 ฉบับนี้ ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงฝ่ายนโยบายและศบค. เท่านั้น

“ถ้ารัฐบาลนี้ห่วงใยในตัวบุคลากรด่านหน้าจริง คงไม่มีข้อคิดเห็นข้อที่ 10 ที่ระบุว่า ถ้าให้บุคลากรทางการแพทย์ฉีดวัคซีน Pfizer เป็นเข็มที่ 3 จะเท่ากับยอมรับว่าวัคซีน Sinovac ไม่มีผลในการป้องกันและจะแก้ตัวได้ลำบากมากขึ้น คงไม่มีหลักเกณฑ์ที่จะฉีด Pfizer ให้คนบุคลากรด่านหน้าที่ฉีด Sinovac มาแล้ว 2 เข็มเท่านั้น ออกมา คงไม่ปล่อยให้บุคลากรทำงานด่านหน้า ภายใต้ความจำกัดของชุด PAPR ชุด PPE และงานธุรการวุ่นวายในการเบิกจ่ายยาและเวชภัณฑ์ ที่ทำให้แพทย์ลำบากใจอย่างที่เป็นอยู่”

นายวิโรจน์ย้ำว่าพรรคก้าวไกลจะต่อต้านการสอดไส้นิรโทษกรรมตัวเองของรัฐบาลอย่างถึงที่สุด เพราะหากปล่อยให้รัฐบาลสอดไส้เนื้อหาการนิรโทษกรรมเหมาเข่งล่วงหน้า เข้าไปที่ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ได้สำเร็จ คนที่เสียประโยชน์สูงสุด คือ ประชาชน เพราะว่าเมื่อกฎหมายนี้บังคับใช้ ประชาชนที่เสียชีวิต ตลอดจนเด็กกำพร้า ที่ต้องมาสูญเสียชีวิตพ่อแม่จากการบริหาร การควบคุมการระบาดที่ผิดพลาด ของรัฐบาล, ประชาชนที่ถูกเลื่อนฉีดวัคซีนจนต้องมาติดโควิด และเสียชีวิต, ประชาชนที่ประสบกับผลข้างเคียงอย่างรุนแรงจากการฉีดวัคซีนแบบสลับชนิดระหว่าง Sinovac และ AstraZeneca ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีงานวิจัย ที่ตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการทางการแพทย์ในระดับนานาชาติยืนยันมาก่อน, ประชาชนที่ต้องปิดกิจการ ต้องสิ้นเนื้อประดาตัว ต้องแบกหนี้สินมหาศาล จากความล้มเหลวในการบริหารจัดการของรัฐบาล ทั้งหมดนี้ อาจฟ้องร้องการชดเชยเยียวยาใด ๆ จากรัฐบาลไม่ได้เลย


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ศบค. เด้งรับ สูตร "การป้องกันการติดเชื้อ โควิด-19 แบบครอบจักรวาล" ของสธ. แนะ ประชาชน ปรับสมดุลการดำรงค์ชีวิตวิถีใหม่ ให้อยู่กับโรคได้ ชี้ ต้องอยู่กันไปอีกระยะหนึ่ง

ที่ศบค.ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)แถลงข่าวประจำวันตอนหนึ่งว่า ที่ประชุมศปก.ศบค.หารือกันในวันนี้ถึงเรื่อง Universal Pervention for COVID-19 หรือ เรียกว่า การป้องกันการติดเชื่อโควิด-19แบบครอบจักรวาล โดยสิ่งสำคัญเราจะต้องเข้าใจว่าตอนนี้รายงานผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ในหลายกรณีเราไม่สามารถที่จะค้นหาว่าผู้ติดเชื้อได้รับเชื้อมาจากใคร จากไหน และพบว่าการแพร่กระจายเชื้อเป็นไปอย่างกว้างขวางทั้งในชุมชนและครอบครัว 

กระทรวงสาธารณสุขจึงเสนอแนวความคิด"การป้องกัน การติดเชื้อโควิด-19 แบบครอบจักรวาล" โดยประเด็นที่สำคัญเราจะต้องอยู่กับโรคโควิด-19 ให้ได้ เพราะโรคนี้จะอยู่กับประเทศไทยและโลกไปอีกระยะหนึ่ง เราจะต้องปรับสมดุลการดำรงค์ชีวิตวิถีใหม่ให้อยู่ได้ โดยนพ.อุดม คชินทร เสนอแนวคิดไว้ว่า ขอให้เราทุกคนคิดเสมอว่าทุกคนที่อยู่รอบตัวเรา ไม่ว่าจะสนิทแค่ไหนอาจเป็นผู้ติดเชื้อ โควิด-19 โดยเขาอาจจะเป็นคนที่นำเชื้อมาแพร่ หรืออาจจะเรานี่เองที่เป็นผู้ติดเชื้อแล้วไปแพร่ให้กับเขาได้ 

หลักการปฏิบัติคือพยายามออกจากบ้านเท่าที่จำเป็นเท่านั้น จนกว่าสถานการณ์ โควิด-19 จะลดความรุนแรงลง รักษาสุขอนามัยส่วนตัว การเว้นระยะห่างจากคนอื่น 1-2 เมตร ในทุกสถานที่ สวมหน้ากากอนามัยแล้วทับด้วยหน้ากากผ้าตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ ทำความสะอาดจุดสัมผัสจุดเสี่ยง และถ้าเป็นผู้มีอายุเกิน 60 ปี มีกลุ่มโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคก็จะต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสที่จะได้รับการสัมผัสเป็นผู้ติดเชื้อและมีความรุนแรง 

การอยู่ร่วมกันในสถานที่ทำงาน สถานประกอบการ ในครอบครัว ในหอพัก ขอให้มีการแยกของใช้ส่วนตัวทุกชนิด ไม่สามารถนั่งรวมกลุ่มรับประทานอาหารในที่ทำงานไปอีกระยะหนึ่ง ดูแลบุคลากรในสถานที่ทำงานก็ขอให้ทุกสถานประกอบการ ถือเป็นข้อปฏิบัติที่จะค้นหาผู้ติดเชื้อ คัดกรองผู้มีความเสี่ยง ให้ถือเป็นมาตรการประจำของสถานประกอบการ เมื่อค้นหาผู้ติดเชื้อโดยให้ได้รับการตรวจ ATK หากยืนยันเป็นผู้ติดเชื้อก็ต้องให้มีการแยกกัก และนำพาผู้ติดเชื้อเข้าสู่กระบวนการรักษาให้ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด จะทำให้ลดอัตราการแพร่เชื้อให้กับบุคคลอื่นในสถานประกอบการเดียวกันนั้นด้วย

เจ็บปวด ‘บิ๊กตู่’ โพสต์รับรู้ความเจ็บปวดของทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด เจ็บปวดและเศร้าใจทุกครั้งที่ได้ข่าวผู้เสียชีวิต ถือเป็นสิ่งเตือนใจว่าต้องทำให้ได้ดีกว่านี้

เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 18 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊คส่วนตัวว่า “ในขณะนี้ สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ของประเทศไทย หลังจากเริ่มมาตรการล็อกดาวน์มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม แม้ว่าจะมียอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันอยู่มากกว่า 20,000 คน แต่เริ่มจะเห็นสัญญาณของการชะลอตัว และมีสัญญาณของผู้ป่วยที่หายดีมากกว่าผู้ติดเชื้อรายวัน แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ ตัวเลขของผู้เสียชีวิต ที่แม้ว่าเราจะมีจำนวนผู้เสียชีวิตที่ต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของทั่วโลก แต่ก็ยังมีบางวันที่ยังขึ้นสูงอยู่ และเราทุกคนไม่อยากให้มีใครเสียชีวิตแม้แต่คนเดียว

ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขได้วิเคราะห์ว่า หากเราสามารถที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของการล็อกดาวน์ได้มากกว่านี้ ก็จะสามารถลดยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตได้มากขึ้น ที่ประชุม ศบค. จึงมีมติให้ขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการออกไปจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม ซึ่งหากเราสามารถควบคุมการล็อกดาวน์ได้ดีขึ้นกว่านี้ อาจจะสามารถผ่านจุดสูงสุดของยอดการติดเชื้อได้ภายในสิ้นเดือนนี้ และเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องได้ในต้นเดือนกันยายน ซึ่งจะทำให้เราสามารถปรับมาตรการการควบคุมและผ่อนคลายกิจการและกิจกรรมบางอย่างได้

อย่างไรก็ตาม การที่เราจะสามารถลดยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตได้นั้น ต้องมาจากความพยายามและร่วมมือของพวกเราทุกคน เนื่องจากการระบาดครั้งนี้มาจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วมาก ทำให้มีการประมาณการว่า อาจจะมีผู้ติดเชื้อที่ไม่รู้ตัวอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อ รวมไปถึงผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วด้วย และเกิดการติดเชื้อในบ้านต่อคนในครอบครัวเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้กลุ่มเสี่ยง คือผู้สูงอายุหรือผู้มีโรคประจำตัวในบ้านต้องเสียชีวิต ดังนั้นคณะแพทย์ที่ปรึกษา ศบค. จึงลงความเห็นว่าในช่วงเวลานี้ ประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ใด เป็นกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ ฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ ต้องยกระดับการป้องกันตัวเอง ด้วยหลักการที่เรียกว่า Universal Prevention หรือการป้องกันโรคขั้นสูงสุด ที่ครอบคลุมทุกคน ในการดำเนินชีวิตทุกเรื่องที่อาจเกิดความเสี่ยง ซึ่งมีแนวปฏิบัติตามข้อต่อไปนี้ให้ได้มากที่สุด

1.) ออกจากบ้านเมื่อจําเป็นเท่านั้น

2.) เว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร ในทุกสถานที่

3.) สวมหน้ากากอนามัยและทับด้วยหน้ากากผ้าตลอดเวลาทั้งเมื่ออยู่นอกบ้านและในบ้านที่มีคนมากกว่า 2 คน โดยเฉพาะเมื่ออยู่ใกล้ผู้สูงอายุหรือกลุ่มเสี่ยง

4.) ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง ก่อนรับประทานอาหาร หลังใช้ห้องน้ำ หรือหลังจากไอจาม หรือหลังสัมผัสวัตถุหรือสิ่งของที่ใช้ร่วมกัน ต้องคิดว่าทุกสิ่งอย่างมีคนอื่นที่ติดเชื้อสัมผัส หรืออาจสัมผัสมาแล้วทั้งนั้น

5.) หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัส หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าที่สวมใส่อยู่ รวมทั้งใบหน้า ตา ปาก จมูก โดยไม่จําเป็น

6.) ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงและผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 60 ปี และเป็นผู้มีโรคเรื้อรังให้เลี่ยงการออกนอกบ้าน หากจําเป็นจริง ๆ ให้ใช้ระยะเวลาสั้นที่สุด

7.) ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวที่ถูกสัมผัสบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้หรือสิ่งแวดล้อมด้านกายภาพ

8.) แยกของใช้ส่วนตัวทุกชนิด ไม่ควรใช้ของร่วมกับผู้อื่น

9.) เลือกทานอาหารที่ร้อนหรือปรุงสุกใหม่ ๆ ควรทานอาหารแยกชุด หรือหากทานอาหารร่วมกันให้ใช้ช้อนกลางส่วนตัวด้วย

10.) หากสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยงเช่น สัมผัสผู้ที่อาจมีการติดเชื้อ ไปในสถานที่ที่มีความเสี่ยง หรือมีอาการ ควรได้รับการตรวจด้วย Antigen Test Kit (ATK) เพื่อยืนยันว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ หรือให้ไปรับการตรวจรักษาที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราต้องคิดเสมือนว่า ทุกคนที่เราพบปะมีโอกาสเป็นผู้ติดเชื้อได้ทั้งสิ้น และทางการแพทย์ได้พิสูจน์แล้วว่าโควิดนั้นติดกันทางอากาศได้เมื่ออยู่ใกล้กัน การอยู่ใกล้ผู้อื่นโดยไม่มีสิ่งป้องกันจึงเป็นความเสี่ยงต่อการติดโรคได้ตลอดเวลา ผมจึงขอให้ทุกท่านได้ยึดหลักการ Universal Prevention อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยังมีความเสี่ยงสูงในขณะนี้

“ผมรับรู้ความเจ็บปวดของทุกท่านที่ได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ต้องปิดกิจการ หรือผู้ที่ต้องสูญเสียรายได้จากมาตรการต่าง ๆ ของรัฐ หรือแม้แต่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากโรคร้ายนี้ ผมเจ็บปวดและเศร้าใจทุกครั้งที่ได้อ่านข่าวผู้เสียชีวิตจากโควิด และเป็นสิ่งเตือนใจผมตลอดเวลาว่าจะต้องทำให้ได้ดีกว่านี้ ในการพยายามหาหนทางทุก ๆ ทางที่จะทำให้ผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลดลงให้มากที่สุด วิกฤตครั้งนี้หนักหนาสาหัสอย่างที่โลกไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน โดยเฉพาะในช่วงเวลาของการระบาดในระลอกนี้ ทำให้แผนการที่เราวางไว้บางอย่างอาจยังไม่บรรลุเป้าหมาย หรือต้องปรับเปลี่ยนแผน แต่ผมขอให้พวกเราทุกคนอดทน ช่วยกันประคองสถานการณ์ในระลอกนี้ให้ผ่านไปให้ได้ก่อน รักษาสุขภาพ ดูแลป้องกันตัวเอง และคนรอบข้างไม่ให้ติดเชื้อ เพื่อบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อประเทศชาติ และเพื่อท่านและครอบครัวของท่านเอง

ผมขอขอบคุณทุกท่านที่เข้าใจ และอดทนทำตามมาตรการของรัฐที่ออกมา ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า ที่ร.พ. สนาม ที่จุดคัดกรอง หรือที่ขนส่งผู้ป่วย ขอบคุณจิตอาสา ขอบคุณทุกคนที่เสียสละ เสี่ยงภัยอันตราย ผมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ คนทำงานทุกคน จะหาทุกหนทางในการช่วยเหลือและแก้สถานการณ์ให้เราผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้ เพื่อไปสู่การฟื้นฟูประเทศและเศรษฐกิจหลังโควิดโดยเร็วที่สุด ไม่ว่าอุปสรรคครั้งนี้จะยากเพียงใดก็ตาม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ศบค. แจงชัด เหตุจำเป็นต้องซื้อซิโนแวก 12 ล้านโดส

ที่ศบค.ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)ตอบข้อซักถามถึงกรณีที่มีการตั้งคำถามมากว่ารัฐบาลจัดซื้อวัคซีนซิโนแวกเพิ่มอีก 12 ล้านโดสทำไม ว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขรายงานต่อศบค. ซึ่งเห็นชอบและครม.อนุมัติแล้ว ศบค. ยึดจากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ การศึกษาและวิจัย ทั้งในพื้นที่และในโรงเรียนแพทย์อย่างหลากหลาย โดยเป็นการรายงานการศึกษาการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ที่พบว่ามีบุคลากรที่ฉีดซิโนแวกสองเข็ม แล้วมีการติดเชื้อหลัง 14 วันไปแล้วพบว่าประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันการติดเชื้อถึง 72% และป้องกันการตายป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรง 98% รวมถึงการศึกษาเทียบกับแอสตร้าเซเนก้า ที่พบบุคลากรติดเชื้อหลังจากได้รับหนึ่งเข็มพบว่ามีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อมากถึง 88% แต่เมื่อดูจากการศึกษาแล้วหากมีการฉีดผสมร่วมกันระหว่างซิโนแวกและแอสตร้าเซเนก้า จะทำให้ประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการเสียชีวิต ป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรง มีความสามารถป้องกันโรคได้สูงมากขึ้น 

ดังนั้นการยืนยันข้อมูลการศึกษา ต่างๆทำให้ศบค. ให้ความเห็นชอบและที่จะดำเนินการให้จัดสรรซิโนแวกเพิ่มเติม และอีกหนึ่งเหตุผลคือเดิมจากที่วางแผนให้มีการระดมฉีดวัคซีนทั่วประเทศไทยได้ 100 ล้านโดส แผนเดิมที่วางไว้ จะมีการเติมวัคซีนเข้ามาจากสองส่วนคือ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และแอสตร้าเซเนก้า คาดว่าจะให้รวมๆกัน ประมาณ 10 ล้านโดส แต่ทางกระทรวงสาธารณสุขรายงาน ก่อนหน้านี้ว่าจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ไม่สามารถจัดส่งวัคซีนให้ได้ในไตรมาส 4 ตามที่ตกลงกันไว้ดังนั้นทำให้แผนต้องปรับ และเช่นเดียวกันกับ แอสตร้าเซเนก้า โดยกำลังผลิต การจัดสรร ที่คาดการณ์ว่าจะได้ 10ล้านโดส อาจจะลดลงมาอยู่ที่ 5-6 ล้านโดสต่อเดือน ทำให้มีความสมเหตุสมผลที่จำเป็นต้องจัดหาวัคซีนซิโนแวก เข้ามาเสริมในส่วนที่ขาดหายไป

และจากการศึกษาของโรงเรียนแพทย์ทั้ง จุฬา รามา ศิริราช ที่มีการระดมฉีดไขว้ ซิโนแวก-แอสตร้าเซเนกาห่างกัน 3 สัปดาห์ แทนที่จะรอให้ฉีดแอสตร้าเซเนกา 2 เข็มห่างกัน 12 สัปดาห์ ก็พบว่ามีการช่วยให้ประสิทธิภาพของการป้องกันการติดเชื้อ ลดอัตราป่วยรุนแรง ลดอัตราเสียชีวิต ได้ รวมทั้งการระดมฉีดครอบคลุมประชากรจำนวนมากได้เป็นไปตามแผนของการกระจายวัคซีน

ศบค.มท.แจ้งทุก จว.และ กทม.เสนอ คกก.โรคติดต่อจังหวัด/กทม.ดำเนินการตามข้อสั่งการ ศปก.ศบค. เน้นสร้างการรับรู้ให้ ปชช.

ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เปิดเผยว่า ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) แจ้งผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 12/2564 ซึ่งมีประเด็นข้อเสนอแนะ/ข้อสั่งการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของจังหวัดและกรุงเทพฯ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามมติที่ประชุมดังกล่าว นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าฯ และผู้ว่าฯ กทม.ได้แจ้งไปยังผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดและปลัดกรุงเทพฯ พิจารณาดำเนินการตามมาตรการป้องกันและควบคุมในพื้นที่เฉพาะ (Bubble & Seal) และการดำเนินการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงาน (Factory Sandbox) เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานในสถานประกอบกิจการหรือโรงงานรวมถึงไม่ให้มีการแพร่ระบาดไปสู่ชุมชน ป้องกันการเสียชีวิตและลดผลกระทบทางเศรษฐกิจสังคมจากการหยุดดำเนินกิจการ 

ศบค.มท. ระบุอีกว่า และให้ทุกจังหวัดดำเนินการบริหารจัดการขยะติดเชื้อ ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค รวมทั้งเน้นย้ำให้ทุกจังหวัดดำเนินการสร้างการรับรู้ และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชน โดยนำรูปแบบการสื่อสารที่มีอยู่มาปรับใช้ในการดำเนินงาน เช่น หอกระจายข่าว หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ของจังหวัด นอกจากนี้ ได้แจ้งให้จังหวัดในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อในการออกคำสั่งหรือประกาศ เพื่อปรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการเร่งด่วนสำหรับสถานที่ กิจการหรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยง ให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกันในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด สามารถเปิดดำเนินการได้จนถึง 20.00 น. โดยให้ดำเนินการภายใต้เงื่อนไขเงื่อนเวลา การจัดระบบ ระเบียบและมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด

ศรีสุวรรณ ยื่น ป.ป.ช. สอบ ผู้ว่าการ รฟม. ปม เปิดประมูลรถไฟฟ้า สายสีม่วงใต้-สายสีส้มตต. ส่อขัด พรบ.จัดซื้อจัดจ้าง

ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.ขอให้ไต่สวนผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ผู้ว่าการ รฟม.) และวินิจฉัยกรณีการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กำลังจัดประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกและสายสีม่วงใต้ อันมีเงื่อนไขที่แตกต่างจากสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ทั้งๆที่ทั้งสองสายนี้มีเส้นทางลอดใต้เกาะรัตนโกสินทร์และใต้แม่น้ำเจ้าพระยาเหมือนกัน ซึ่งอาจเป็นการกำหนดเงื่อนไขและใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบ

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การเปิดประมูลสายสีส้มและสายสีม่วงใต้มีลักษณะกีดกันผู้ประมูลจากต่างชาติ แม้จะกำหนดว่าเป็นการเปิดประมูลนานาชาติ โดยมีการกำหนดหลักเกณฑ์ว่าผู้เข้าประมูลจะต้องมีผลงานก่อสร้างอุโมงค์หรือรถไฟฟ้าบนดินหรือลอยฟ้ากับ “รัฐบาลไทย” ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมามูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทเท่านั้น ผลงานในต่างประเทศห้ามนำมาใช้ ซึ่งเงื่อนไขเยี่ยงนี้ ท้ายที่สุดก็คงเหลือผู้รับเหมาไทยขนาดใหญ่เพียง 4-5 รายเท่านั้นที่สามารถผ่านด่านนี้ไปได้ และคงได้งานครบกันทุกราย เนื่องจาก รฟม.แบ่งงานประมูลงานโยธาออกเป็น 6 สัญญาไว้ให้แล้ว แบบนี้จะเรียกว่าล็อคสเป็กหรือไม่

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ที่สำคัญเงื่อนไขในทีโออาร์ที่ผ่านมาในโครงการของรัฐขนาดใหญ่และมีมูลค่าสูง จะมีการกำหนดการพิจารณาคัดเลือกโดยการเปิดซองด้านเทคนิคก่อน แล้วจึงมาเปิดซองด้านราคา ดังกรณีตัวอย่างโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย แต่โครงการนี้กลับใช้วิธีการเปิดซองเทคนิคและซองราคาไปพร้อมๆ กัน ทำให้สามารถใช้ดุลยพินิจลำเอียงให้ผู้ประมูลรายหนึ่งรายใดเป็นการเฉพาะได้ จึงอาจมีลักษณะอย่างไม่เป็นธรรม

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวของ รฟม. อาจขัดต่อ พรบ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 ม.8(2) ที่บัญญัติไว้ว่า “ต้องเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม มีการปฏิบัติต่อผู้ประกอบการทุกรายโดยเท่าเทียมกัน” และระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 ข้อ 45 ที่ระบุไว้ชัดเจนว่า “ต้องไม่มีการกำหนดเงื่อนไขที่เป็นการขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม” 

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การกำหนดทีโออาร์ที่อาจมีลักษณะย้อนแย้งตามความพิใจของผู้มีอำนาจแต่ละยุค แต่ละสมัยเยี่ยงนี้ อาจกลายเป็นปัญหาและนำไปสู่การร้องเรียนและฟ้องร้องเป็นคดีความกันมากมายไม่จบสิ้น ดังกรณีรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ที่มีการฟ้องร้องกันในศาลปกครองและศาลทุจริตฯในขณะนี้ กรณีดังกล่าว จึงเป็นข้อพิรุธที่ส่อไปในทางมิชอบ หรืออาจทุจริตต่อหน้าที่ได้ ที่ก่อสร้างไปด้วยดีและได้เปิดใช้งานแล้ว แต่เมื่อ รฟม.มาเปิดประมูลสายสีส้มและสายสีม่วงใต้ กลับเปลี่ยนการใช้เกณฑ์ประมูลที่แตกต่างจากเดิม จนนำไปสู่การร้องเรียนและฟ้องร้องเป็นคดีความกันอยู่ในขณะนี้

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ขณะนี้ รฟม.ได้เปิดการประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ (ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) ซึ่งต้องก่อสร้างอุโมงค์ใต้พื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ และอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาเช่นเดียวกับการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย แต่ทว่า รฟม.ยังคงมีการกำหนดเงื่อนไขหรือเกณฑ์ของการประมูลใหม่ที่แตกต่างจากการประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ที่เคยประสบผลสำเร็จในการก่อสร้างไปด้วยดีและเปิดใช้งาน จึงไม่น่าจะมีเหตุผลหรือข้ออ้างอื่นใดมาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการประมูลที่เคยสำเร็จมาแล้ว

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวมีการจับเป็นข้อพิรุธได้หลายประการ ที่ส่อไปในทางมิชอบ หรืออาจทุจริตต่อหน้าที่ได้ สมาคมฯ จึงนำความ พร้อมพยานหลักฐานมาร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ไต่สวนและวินิจฉัยการกำหนดเงื่อนไขทีโออาร์ของการประมูลรถไฟฟ้าดังกล่าวว่า เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่อย่างไร หากพบว่าเป็นการใช้อำนาจเอื้อประโยชน์หรือล็อคสเป็กให้เอกชนรายใดๆ เป็นการเฉพาะ และไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้เอาโทษขั้นสูงสุด

“ศักดิ์สยาม” มั่นใจไม่มีพฤติกรรมมั่วสุม ชี้ อย่าเอาเป็นประเด็นการเมือง ยัน พร้อมชี้แจงศึกซักฟอก ไล่ไปดูพจนานุกรมเสเพลแรงหรือไม่

ที่รัฐสภา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ถูกฝ่ายค้านตั้งญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยใช้ข้อกล่าวหาว่าเป็นรัฐมนตรีเสเพล ว่า เป็นการใช้คำที่รุนแรง จริงๆ ตนได้ชี้แจงผ่านสื่อมวลชนหลายครั้งแล้ว คิดว่าเป็นเรื่องที่สามารถชี้แจงได้ ส่วนเรื่องซูเปอร์สเปรดเดอร์ กระทรวงสาธารณสุขทราบดี เพราะอยู่ในกระบวนการตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่าชี้แจงได้ แต่ขอให้อภิปรายอยู่ในประเด็น อย่าใช้เรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมือง เพราะขณะนี้ประเทศเราอยู่ในช่วงต่อสู้กับการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งนายกรัฐมนตรีเหนื่อยกับเรื่องนี้มากและทุกคนก็กำลังช่วยกันแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ถ้ามีอะไรที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายประพฤติมิชอบและเกิดความเสียหายต่อราชการ หรือมีการทุจริตก็ว่ามาได้เลย 

เมื่อถามว่าการใช้คำว่ารัฐมนตรีเสเพลเป็นการใช้อารมณ์ทางการเมืองหรือไม่ นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ต้องไปถามคนตั้ง ส่วนตัวพร้อมชี้แจง 

เมื่อถามต่อว่าดูเหมือนเป็นการเอาเรื่องส่วนตัวมาเป็นประเด็นอภิปรายมากกว่าผลงานการทำงาน นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ต้องถามผู้ตั้ง เป็นสิทธิของผู้อภิปราย ตนมีหน้าที่ชี้แจง

เมื่อถามว่าแล้วคำว่าเสเพลจะชี้แจงอย่างไร นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ให้ไปดูพจนานุกรมและขอให้สื่อตัดสินว่าเป็นคำที่แรงหรือไม่ 

เมื่อถามว่ามีความกังวลในพรรคร่วมรัฐบาลที่จะลงมติในทิศทางที่ต่างกันหรือไม่ นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปคาดการณ์ล่วงหน้า รอดูการอภิปรายก่อนและคำชี้แจงที่ตนจะตอบ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะพิจารณาและไม่รู้สึกกดดันเพราะมองว่าเป็นนัยยะทางการเมือง และเป็นเรื่องของแต่ละพรรค จะนำไปประชุมหารือและมีการลงมติกัน 

เมื่อถามว่ามีการกล่าวหาว่าเข้าไปมั่วสุมในแหล่งอบายมุข จะชี้แจงอย่างไร นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ขอให้รอดูผู้อภิปรายจะมีหลักฐานอะไรมาแสดง ถามต่อว่ามั่นใจใช่หรือไม่ ว่าไม่มีพฤติกรรมตามข้อกล่าวหา นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า “ไม่มีครับ”

"จุรินทร์"  มั่นใจ "เฉลิมชัย" ตอบปมซักฟอกได้ได้ทุกคำถามลั่น  โว ก.เกษตรฯ ผลงานติดท็อป ปชช.พอใจ ไร้ทุจริต

ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคถูกฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจในประเด็นบริหารงานล้มเหลวเรื่องราคาพืชผลการเกษตร ว่า เราไม่ได้ตั้งวอร์รูมอะไร เพราะเชื่อว่า นายเฉลิมชัย สามารถชี้แจงและสามารถตอบได้ทุกคำถาม ไม่ได้มีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องโหวตก็ไม่มีปัญหาอะไร พูดคุยกับสมาชิกแล้ว

เมื่อถามว่ากรณีที่นายเฉลิมชัย ถูกตั้งคำถามว่าไม่ปกป้องทรัพย์สินทางราชการ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบได้ ต้องถามฝ่ายค้าน เพราะบางครั้งเมื่อติดตามญัตติกับคำอภิปรายอาจจะไม่ตรงกัน ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าเนื้อหาสาระเป็นอย่างไร แต่ถ้าตั้งข้อหาว่าบริหารทางการเกษตรล้มเหลว ตนคิดว่าไม่น่าใช่ เพราะว่ากระทรวงเกษตรฯ เป็นกระทรวงหนึ่งที่สามารถบริหารงานจนที่พอใจของประชาชนและเกษตรกรทั่วทั้งประเทศได้ดีที่สุดกระทรวงหนึ่ง และตนมั่นใจว่านายเฉลิมชัย สามารถตอบได้ทุกคำถาม ส่วนราคาพืชผลการเกษตรที่ผ่านมาก็แก้ไขปัญหาทางการเกษตรในเรื่องตลาดในประเทศและการส่งออก สามารถคลี่คลายได้ แม้ว่าจะต้องมาเผชิญวิกฤตปัญหาสถานการณ์ โควิด-19 ในบางช่วงเวลาก็ตาม 

เมื่อถามถึงกรณีการเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งที่ผ่านมาพรรคปฏิเสธเรื่องข้อหาการทุจริตมา นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบได้ ต้องไปถามฝ่ายค้าน ตั้งแต่เริ่มทำงานด้วยกันมา ทำให้เชื่อมั่นว่านายเฉลิมชัยสามารถชี้แจงได้ และไม่มีข้อสงสัยในส่วนของพรรคเรา 

“สุทิน” เชื่อ ทุกศึกซักฟอกได้ผล ไม่ใช่จำนวนมือยกโหวต แต่ได้ตีแผ่ความจริง ชี้ หากจบอภิปรายฯ ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความบกพร่องอยู่ที่รัฐบาล ไม่ใช่ฝ่ายค้าน-ปชช.

ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายงบประมาณประจำปี 2565 ว่า วันนี้จะเริ่มประชุมเวลา 9.30 น. โดยการประชุมมีข้อเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย จากเดิมที่เคยตกลงไว้ว่า ส.ส. จะต้องประชุมให้จบภายใน 3 วันและแบ่งเวลาอภิปรายกัน ซึ่งที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ส.ส. มีมติว่าในการประชุมงบประมาณฯ ขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ คือ เมื่อส.ส.ได้แปรญัตติและแสดงความจำนงที่จะอภิปรายก็ต้องได้อภิปราย ซึ่งคงไม่มีข้อจำกัดใดที่จะมาห้าม ส.ส. ไม่ให้อภิปราย ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้ข้อบังคับการประชุมสภาที่ประธานจะเป็นคนวินิจฉัยว่าอภิปรายออกนอกเกณฑ์หรือไม่ หมายความว่าการประชุมงบประมาณอาจจะจบภายใน 2-4 วันก็ได้ ซึ่งสมาชิกที่สงวนคำแปรญัตติไว้นั้นมีจำนวนมาก เฉพาะพรรคเพื่อไทยก็ประมาณ 70 คน ประธานต้องบริหารการประชุมให้ได้ แต่จะไปตัดสิทธิผู้อภิปรายไม่ได้ โดยการประชุมในวันนี้จะจบที่เวลา 19.30 น.

นอกจากนี้ นายสุทิน ยังได้กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งที่ผ่านมามีความเห็นว่าไม่ค่อยได้ผล ว่า ตนคิดว่าได้ผล คำว่าได้ผลนั้น หากประเมินจำนวนมือที่ยกโหวตนั้น แน่นอนว่าแพ้ แต่คำว่าได้ผลของเราคือเราสามารถตีแพร่ความจริงอันเป็นความไม่ชอบมาพากล อันเป็นความบกพร่องไม่สุจริต เป็นความเสียหายของประเทศและประชาชน เราคิดว่าเราได้นำเสนอและตีแผ่ให้สังคมได้เห็นได้พบสิ่งใหม่ๆ เพียงแต่ว่าระดับความลึกความรับผิดชอบของรัฐบาลเท่านั้นที่เป็นปัญหา ซึ่งหากถามว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะสำเร็จหรือไม่ แม้แต่เรายังไม่ได้อภิปราย วันนี้รัฐบาลก็ควรที่จะอยู่ไม่ได้แล้ว ควรจะแสดงความรับผิดชอบแล้ว ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องให้เราอภิปรายซำ้ คนอภิปรายมากพอที่รัฐบาลจะต้องพิจารณาตัวเอง ตนเชื่อว่าการอภิปรายครั้งนี้รัฐบาลจะต้องตระหนักให้มาก หากเราอภิปรายจบแล้วยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตนคิดว่าความบกพร่องไม่ได้อยู่ที่ฝ่ายค้านหรือประชาชนแล้ว แต่อยู่ที่รัฐบาลเต็มๆ 

"บิ๊กตู่”ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมเชียงราย “สั่ง” มท.กำชับ 76 จังหวัดติดตามและ วางแผนจัดการน้ำตลอดฤดูฝนนี้

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งล่าสุดนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้รายงานว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่เชียงรายทั้ง 8 อำเภอ กลับสู่ภาวะปกติ รวมทั้งไม่กระทบต่อการดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 และการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กับประชาชนในพื้นที่ยังทำได้ต่อเนื่อง เนื่องจากไม่ได้เป็นพื้นที่คลัสเตอร์  ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังได้มอบหมายกระทรวงมหาดไทยกำชับทั้ง 76 จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำเพื่อวางแผนจัดการน้ำตลอดฤดูฝนนี้

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงรายที่ได้รับผลกระทบ ได้กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว โดยในพื้นที่อำเภอเชียงของ องค์การบริหารส่วนจังหวัดได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำสำหรับระบายน้ำ อำเภอแม่สาย ระดับน้ำ ณ สะพานมิตรภาพกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว รวมทั้งที่อำเภอแม่ฟ้าหลวง ได้ดำเนินการแก้ไขดินโคลนสไลด์และเสาไฟที่ล้มปิดถนนเรียบร้อยแล้วเช่นกัน  ในส่วนอำเภอแม่จัน  ผู้ว่าราชการ และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น มูลนิธิ สมาคมในพื้นที่ ได้ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นทำให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงราย มาจากเหตุฝนตามฤดูกาล 

แต่เนื่องจากมีปริมาณน้ำฝนจำนวนมากตกบริเวณดอยที่สูง และไหลลงพื้นที่ลุ่ม ซึ่งหัวหน้าส่วนราชการในระดับท้องถิ่นได้แจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้า รวมทั้งเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เกิดเหตุทันที ขณะเดียวกันจังหวัดได้เปิดกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน “เราทำดี ด้วยหัวใจ” ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้วด้วย ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดยังยืนยันว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ไม่กระทบต่อการดำเนินการป้องกันและการควบคุมการแพร่ระบาดของจังหวัด เนื่องจากพื้นที่น้ำท่วมไม่มีคลัสเตอร์เสี่ยง หลังจากนี้จังหวัดจะยังคงติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่องและจะได้รายงานให้ผู้บริหารทราบต่อไป

นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีย้ำให้ทุกหน่วยงานในพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและคาดการณ์ฝนอย่างใกล้ชิด โดยใช้ข้อมูลทรัพยากรน้ำให้เป็นประโยชน์ เพื่อวางแผนทำงานเชิงป้องกันก่อนเกิดผลกระทบโดยเฉพาะการแจ้งเตือน รวมถึงสื่อสารสร้างการรับรู้ให้ประชาชนในพื้นที่ได้ทราบสถานการณ์น้ำล่วงหน้าด้วย 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top