Friday, 4 July 2025
NEWS

'นายกฯ' ปลื้ม 'อาชีวะป้องสถาบัน' ช่วยเหลือคนในชาติ เปลี่ยนทัศนคติ ทำดีให้เด็กรุ่นใหม่ดู

(23 ส.ค. 65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมกลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบัน ที่ประกาศทำดีให้เด็กรุ่นใหม่ได้ดูและได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ทำความดี ช่วยเหลือสังคม และช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนในทุกมิติ 

โดยสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ร่วมกับกองทัพเรือ ตั้งจุดซ่อมแซมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน บริเวณลานจอดรถอาคารนันทอุทยานสโมสร ถ.อิสรภาพ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม.บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์พายุฝนและน้ำท่วม รวมทั้งซ่อมแซมห้องน้ำ ซ่อมแซมอาคาร โรงเรียนบ้านไร่ใหม่พัฒนา จ.เพชรบุรี

'ก.พลังงาน' เปิดแนวทางช่วยเหลือ 2 กลุ่มผู้ใช้ไฟ ลดสูงสุด 92.04 สต./หน่วย นาน 4 เดือน

กระทรวงพลังงาน เปิดแนวทางช่วยเหลือ 2 กลุ่มผู้ใช้ไฟ ลดสูงสุด 92.04 สต./หน่วย นาน 4 เดือน คาดใช้งบประมาณ 8,000 ล้านบาท

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานว่า ที่ประชุม ได้มีการพิจารณา การขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาผลกระทบด้านราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ตามที่รัฐบาลได้มีมาตรการบรรเทาผลกระทบด้านราคา LPG 

โดยมีโครงการยกระดับความช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (โครงการฯ) จาก 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน เพิ่มขึ้นอีก 55 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน เป็น 100 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน ซึ่งเดิมมีกำหนดสิ้นสุดโครงการฯ วันที่ 30 กันยายน 2565 นั้น ในที่ประชุม กบง. ได้มีการติดตามความคืบหน้าของโครงการฯ พบว่า...

ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – 14 สิงหาคม 2565 มีผู้ใช้สิทธิ์จำนวน 3,741,994 ราย อย่างไรก็ดีเนื่องจากราคา LPG ยังคงอยู่ในระดับที่สูง ที่ประชุม กบง. จึงมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาโครงการยกระดับความช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อีกประมาณ 3 เดือนโดยจะเริ่มประมาณกลางเดือนตุลาคม ถึง ธันวาคม 2565 

จากนั้นได้มอบหมายให้ กรมธุรกิจพลังงานนำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับการขยายระยะเวลาโครงการฯ และจัดทำคำขอรับงบประมาณเพื่อใช้สำหรับดำเนินโครงการฯ เสนอสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป

ทั้งนี้จากสถานการณ์ราคาพลังงานโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยได้รับผลกระทบ กระทรวงพลังงานเล็งเห็นถึงความสำคัญที่จะต้องช่วยเหลือค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนอย่างเร่งด่วน ควบคู่ไปกับการจูงใจให้ภาคประชาชนมีการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด 

ดังนั้น ที่ประชุม กบง. จึงได้มีการพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน และมีมติเห็นชอบแนวทางช่วยเหลือ ดังนี้...

(1) กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของราคาไฟฟ้าที่เป็นสาธารณูปโภคพื้นฐาน 

โดยให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าจำนวน 92.04 สตางค์ต่อหน่วย เป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่เดือนกันยายน 2565
- ธันวาคม 2565 (ประกอบด้วยส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นของค่า Ft เดือนพฤษภาคม 2565 – สิงหาคม 2565 จำนวน 23.38 สตางค์ต่อหน่วย และส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นของค่า Ft เดือนกันยายน 2565 – ธันวาคม 2565 จำนวน 68.66 สตางค์ต่อหน่วย) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยลดภาระค่าครองชีพของผู้ใช้ไฟฟ้า ซึ่งเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากนโยบายของรัฐ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2565 วันที่ 19 เมษายน 2565 และวันที่ 10 พฤษภาคม 2565

(2) กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 301-500 หน่วยต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของราคาไฟฟ้าซึ่งเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานเช่นกัน โดยการให้ส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นของค่า Ft เดือนกันยายน 2565 – ธันวาคม 2565 แบบขั้นบันไดในอัตรา 15 -75 %

ทั้งนี้ การดำเนินมาตรการตามแนวทางช่วยเหลือกลุ่ม (1) และ (2) ซึ่งเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ของ กฟน. และ กฟภ. จะครอบคลุมผู้ใช้ไฟฟ้าประมาณ 80% ของผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ หรือคิดเป็น  89% ของผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย 

สำหรับการดำเนินการให้ครอบคลุมบ้านที่อยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของ กฟผ. และผู้ใช้ไฟฟ้าของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณรวม 2,000 ล้านบาทต่อเดือน หรือประมาณ 8,000  ล้านบาท สำหรับ 4 เดือน โดยพร้อมมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอรับสนับสนุนแหล่งงบประมาณในการดำเนินมาตรการดังกล่าวตามความเหมาะสมต่อไป

นอกจากนี้ ที่ประชุม กบง. ยังได้มีการพิจารณาปรับปรุงกรอบหลักเกณฑ์การคัดเลือกโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) (กลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงและขยะอุตสาหกรรม) สำหรับปี 2565 – 2573

'นิวยอร์ก' ยกระดับคุมเข้ม!! หวั่นเหตุร้ายเกิดซ้ำซาก เตือน!! คนเอเชียต้องระวัง หลังกระแสเกลียดชังยังแรง

จากกรณีความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ บ่อยครั้งในช่วงระยะหลัง ส่งผลต่อความปลอดภัยทั้งกับคนอเมริกันและคนเอเชียในสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Martin Chaiarkorm' ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการเริ่มยกระดับการป้องกันเหตุความรุนแรงในสหรัฐฯ ไว้บ้างแล้ว ว่า...

ตำรวจคุมเข้มหลาย ๆ พื้นที่ทั่วนิวยอร์ก โดยขึ้นมาในขบวนรถไฟต่าง ๆ​ และเวลารถไฟจอดแต่ละสถานีจะโผล่ออกไปดูทุกสถานี​ และในแต่ละสถานีจะมีตำรวจยืนประจำการแทบจะทั้งหมด​รวมถึง​ในพื้นที่​ทั่ว ๆ ไปด้วย​ ยิ่งเป็นจุด​ Landmark​ ยิ่งต้องเข้ม 

เพราะสถานการณ์​ที่สหรัฐ​ฯ หลาย ๆ ครั้งมีการกราดยิง​ รวมถึงเหตุร้ายอื่น ๆ ที่อาจ​เกิดขึ้น​ด้วย

รู้จัก 'นพ.วรวิทย์ ตันติวัฒนทรัพย์' หมอใหญ่แห่งอุ้มผาง ผู้คว้าแพทย์ดีเด่นของแพทยสภาประจำปี 2565

จากเฟซบุ๊กเพจ 'เรื่องเล่าหมอชายแดน' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

ทางแพทยสภาได้ประกาศว่า พี่ตุ่ย...นายแพทย์ วรวิทย์ ตันติวัฒนทรัพย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุ้มผาง จังหวัดตาก ได้รับรางวัลแพทย์ดีเด่นของแพทยสภาประจำปี 2565 ไม่ว่าจะเป็นคนไข้ ชาวบ้าน หรือหมอด้วยกันทุกคนจะต้องบอกว่าเหมาะสมมาก ๆ 

จริง ๆ พี่ตุ่ยก็เหมาะสมกับรางวัลคนดี คนเสียสละทุกรางวัลบนโลกนี้นะแหละ ตอนฉันเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลอุ้มผางมีหน่วยงานหนึ่งจะมอบรางวัลแพทย์ดีเด่นให้แกซ้ำอีกในปีถัดกัน (คือปีก่อนหน้าได้มา 1 รางวัล) แกบอกว่าขอไม่รับเพราะยังมีหมอท่านอื่นที่ทุ่มเทที่เขาควรได้เหมือนกัน เท่าที่รู้จักแกมาแกไม่เคยยึดติดกับรางวัลอะไรเลยนะ

ความดี ความเสียสละของพี่ตุ่ยมันเป็นสิ่งที่ทุกคนสัมผัสได้ เพราะพี่ตุ่ยทำมันจนผนวกเป็นนิสัย ไม่ต้องพยายาม แกก็พยายามสั่งสอนน้อง ๆ ทุกคนด้วยการทำให้ดูและสอนเชิงธรรมะ ให้เรามีทัศนคติในการปฏิบัติหน้าที่เป็นหมอได้อย่างดี ให้เรารักคนไข้โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ชนชั้นหรือข้อจำกัดใด ๆ ให้นึกถึงแต่ประโยชน์ของคนไข้เท่านั้น 

ยังมีความดีปลีกย่อยที่ฉันสังเกตได้ รับรู้ได้แต่อาจจะยังไม่มีการเผยแพร่ เช่น...

>> พี่ตุ่ยใช้เงินเดือนของตัวเองส่งเด็กเรียน ทั้งบุตรหลานเจ้าหน้าที่ เด็กชาวเขาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ พอจบออกมาก็มาเป็นพยาบาล เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อช่วยชาวบ้าน 

บางปีพี่แกส่งเรียนเกือบ 30 คน ส่วนการใช้ชีวิตส่วนตัวแกประหยัดมากซื้อเสื้อผ้าของใช้ฟุ่มเฟือยน้อยมากจริง ๆ

>> พี่ตุ่ยเสียภาษีทุกบาททุกสตางค์โดยไม่ลดหย่อน ฉันเคยจะสอนแกซื้อกองทุนมาลดหย่อน แกบอกว่าช่างมันเหอะเบียร์เอ็งไม่ต้องสอนพี่ ภาษีมันก็ไปช่วยบริหารประเทศ (โวะ พูดแล้วโมโห 55)

>> พี่ตุ่ยให้โรงครัวทำอาหารเลี้ยงคนไข้และญาติทุกคนเติมได้ไม่อั้น ผ้าห่มก็หามาให้ใช้อย่างเพียงพอ คนไข้จะเอากลับไปก็ไม่ว่า แกบอกว่าที่บ้านคงจะหนาวและไม่มีสักผืน บางปีผ้าห่มหายเป็นพัน ๆ 

>> พี่ตุ่ยทำเรื่องสร้าง สสช คล้าย ๆ รพ.สต แต่เล็กกว่าตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลมาก ๆ ไว้ดูแลคนไข้ก่อนส่งมาโรงพยาบาล 

ส่ง ตชด ไปเรียนรู้เกี่ยวกับงานสาธารณสุขเพื่อมาประจำที่นั่น

พรรคกล้าส่งขุนพลเศรษฐกิจ ลุยโครงการ “กล้าเพื่อปากท้อง” จัดสัมมนาสัญจร สอนชาวบ้านขายออนไลน์ เตรียมขยายผลทั่วประเทศ 'วรวุฒิ' ลั่น ปัญหาคนไทยคือปากท้อง ต้องแก้ด้วยการเพิ่มรายได้  ขายของออนไลน์ทำได้ทุกคน ฝากชาวสงขลาเลือกตั้งครั้งหน้าคิดให้ดี

วานนี้ (22 สิงหาคม 2565) ขุนพลทีมเศรษฐกิจพรรคกล้า นำโดย นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ ประธานโอท็อปเทรดเดอร์ประเทศไทย ผศ.ดร.ประสิทธิ รัตนพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด คณะทำงานยุทธศาสตร์ภาคใต้ นายจูรี นุ่มแก้ว ดาว tik tok ชื่อดังของภาคใต้ และทีมงานพรรคกล้า ร่วมกันจัดสัมมนาสัญจร โครงการกล้าเพื่อปากท้องในหัวข้อ “สร้างพลังขาย เพิ่มรายได้ สร้างตัวตนบนโลกออนไลน์” ณ โรงแรมบุรีศรีภู คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โดยผู้ลงทะเบียนเข้าฟังกว่า 500 คน โดยมีกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองและ กกต.สงขลา สนับสนุนงบประมาณ และร่วมสังเกตการณ์การสัมมนาในครั้งนี้ด้วย

นายวรวุฒิ กล่าวว่า ในช่วงเช้าได้มีโอกาสไปเดินตลาดกิมหยง พบว่าเริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจับจ่ายซื้อของกันมากขึ้นทั้งชาวไทยและมาเลเซีย ต่างจากเมื่อ 2 ปีที่แล้วที่ตลาดซบเซาจากวิกฤตโควิด 19 อนาคตอันใกล้ เศรษฐกิจไทยจะโตช้ากว่าเวียดนาม จากเมื่อ 30 ปีก่อนเราเคยเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย แต่ในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา ปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง เป็นตัวฉุดรั้งประเทศ ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจเป็นลักษณะรวยกระจุกจนกระจาย เอื้อทุนใหญ่ผูกขาดประเทศ ไม่ได้กระจายสู่เศรษฐกิจฐานราก เกิดความเหลื่อมล้ำสูงติดอันดับโลก ดังนั้นปัญหาการเมืองจึงต้องหาทางออกด้วยการเลือกนักการเมืองที่มีคุณภาพเข้าไปแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจประเทศ ดึงจุดเด่นประเทศไทยสร้างรายได้เข้าประเทศ โดยเฉพาะการสนับสนุนการท่องเที่ยว ที่สามารถพัฒนาได้อีกหลายส่วน ทั้งการกระจายรายได้ให้ประชาชน ด้วยการจัดทำยุทธศาสตร์เศรษฐกิจจังหวัด ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็น

“เรื่องสำคัญของประเทศไทยเวลานี้คือ ปากท้อง จึงต้องแก้ด้วยการเพิ่มรายได้ เพราะโลกเปลี่ยนเร็ว ไม่แน่นอน ซับซ้อน และคลุมเครือ ประเทศไทยจึงต้องการรัฐบาลที่มีศักยภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ เศรษฐกิจไทยเรามีปัญหามาตั้งแต่ก่อนโควิด ถ้ารัฐให้ความสำคัญ มีนโยบายพัฒนาการขายออนไลน์ ทำให้สินค้าท้องถิ่น ไม่ได้ขายแค่เฉพาะท้องถิ่น แต่ต้องขายได้ทั่วประเทศ ทุกคนสามารถทำได้ แต่เราต้องการรัฐบาลที่เข้าใจเรื่องพวกนี้ ประเทศไทยยังผลักดันเรื่องนี้น้อยเกินไป ถ้าทำให้เศรษฐกิจดีได้ คนก็จะมีรายได้เสียภาษี และเราจะมีรัฐสวัสดิการ ฝากประชาชนว่า เลือกตั้งครั้งหน้าคิดให้ดี” นายวรวุฒิ กล่าว

นายวรวุฒิ ยังกล่าวถึงปัญหาราคาน้ำมันแพง ค่าการกลั่น ค่าการตลาดแพงเป็นประวัติการณ์ แล้วรัฐบาลยังไปค้ำประกันเงินกู้กองทุนน้ำมัน เอาภาษีประชาชนไปจ่าย แต่โรงกลั่นได้กำไรสูงรวย กองทุนน้ำมันติดลบกว่าแสนล้าน มีท่าทีขาดทุนต่อเนื่องไปอีก ราคาน้ำมันไม่มีทางถูก ราคาสินค้าก็จะขึ้นไปอีก คนตัวเล็กต้องดิ้นรนตัวเอง ขยายโอกาสหารายได้ ช่องทางการขายผ่านออนไลน์ จะเป็นช่องทางหนึ่งที่ช่วยได้ คนเป็นรัฐบาล ต้องขยายโอกาสทางการค้าให้คนตัวเล็ก

ภายในงาน ยังมีการให้ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการตลาดเพื่อพัฒนาท้องถิ่น โดยนายกอุ๊ กรุงสยาม ได้หยิบยกประสบการณ์ตรงจากการเป็นนายกอบต.บ้านใหม่ จ.พระนครศรีอยุธยา  ที่สามารถผลักดันให้ อบต.เล็ก ๆ ที่มีการคอรัปชั่นสูงที่สุดในประเทศ ไม่มีเงินพอที่จะจ่ายเงินเดือนเจ้าหน้าที่ ให้กลับมาเป็น อบต.ที่ดีที่สุดในระดับต้นของประเทศได้ โดยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนผ่านช่องทางออนไลน์ ในช่วงวิกฤตโควิด 19 ทั่วประเทศได้รับผลกระทบประชาชนขาดรายได้ ขณะที่ ต.บ้านใหม่ ไม่ได้รับผลกระทบ เพียงแค่ทุกคนมีมือถือและอินเตอร์เน็ต ก็สามารถเพิ่มช่องทางการตลาดได้ ใช้ไลน์กลุ่มเป็นพื้นที่การค้าขาย สร้างโอกาสให้ชุมชน จากกลุ่มเล็กขยายเป็นกลุ่มใหญ่ เกิดเป็นเครือข่ายระหว่างตำบล ทำให้ธุรกิจต่างๆ ในกลุ่มได้รับผลกระทบจากโควิดน้อยลง สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับครัวเรือน และยังสามารถสร้างมูลค่าของละมุดที่กำลังใกล้สูญพันธุ์ให้เป็นละมุด GI และพัฒนาเป็นไอศกรีมละมุด 100 ปีคว้าแชมป์ KBO ผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับประเทศ ปี 2565 นอกจากนี้ยังสามารถพัฒนาพื้นที่ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใครก็ต้องแวะมาจับจ่ายซื้อของ ไหว้พระ

อัปเดตราคา 'หมู-เนื้อ-ไก่'

อัปเดตราคาอาหารสดวันนี้ มาดูกันว่าตามท้องตลาด ราคาอาหารสด ประจำวันที่ 23 สิงหาคม 2565 จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็น ราคาหมู ราคาไก่ ราคาไข่ไก่ รวมไปถึงราคาผักสด เช็กกันเลย..

'ชนม์สวัสดิ์' จารึกประวัติศาสตร์!! สานต่ออุดมการณ์พ่อวัฒนา เปิดหอชมเมือง แหล่งท่องเที่ยวแห่งประวัติศาสตร์ เผย กว่าจะถึงวันนี้มันไม่ง่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ภายในอุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้มีพิธีเปิดอุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ โดยมีพิธีเปิดอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมทั้ง มีการแสดงนิทรรศการย้อนเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และนับว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ประวัติศาสตร์ต้องจาลึกชื่อนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ ผู้ริเริ่มจัดทำโครงการเพื่อก่อสร้างเป็นอุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของจังหวัดสมุทรปราการและเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งใหม่ของประเทศไทย

อีกทั้ง นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ยังเป็นผู้สานต่ออุดมการณ์ของบิดาคือ นายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงมหาดไทย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ อดีตหัวหน้าพรรคราษฎร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ 11 สมัย จนได้รับฉายา “เจ้าพ่อเมืองปากน้ำ”

โดย พิธีเปิดในวันนี้ มีนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายก อบจ.สมุทรปราการ นางสาวชนม์ทิดา อัศวเหม เลขานุการนายก อบจ.สมุทรปราการ นายต่อศักดิ์ อัศวเหม สส.สมุทรปราการ นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ สส.สมุทรปราการ นายสุนทร ปานแสงทอง รองนายก อบจ.สมุทรปราการ นายพิริยะ โตสกุลวงศ์ รองนายก อบจ.สมุทรปราการ นายสมลักษณ์ ควรสงวน รองนายก อบจ.สมุทรปราการ พร้อมด้วย คณะสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการตำรวจ ทหาร ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากร่วมในพิธีเปิดครั้งนี้

โซเชียลชื่นชม! แม่ถามลูก "ภูมิใจมั้ยที่เกิดเป็นคนไทย" ถ้าใช่!! ยืนขึ้นเมื่อ 'เพลงชาติ-เพลงสรรเสริญฯ' บรรเลง

ไม่นานมานี้ โลกโซเชียลได้มีการแชร์เรื่องราวของผู้ใช้เฟซบุ๊กในชื่อ 'Bee Tritaporn' ที่ได้โพสต์ข้อความบรรยายบทสนทนา หลังจากผู้เป็นแม่ได้พาลูกชายไปดูบุพเพสันนิวาส 2 ในโรงภาพยนตร์ มีใจความว่า...

มือใหม่หัดดูหนังโรงครั้งแรก
เพลงสรรเสริญฯ ดังขึ้น…

แม่ : “ยืนขึ้นลูก”
พี่ฟ้า : เงยหน้ามองแม่ มองไปรอบๆ อย่างลังเล ไม่แน่ใจว่าต้องทำยังไง 
ภูผา : แม่!!! แต่ไม่มีใครยืนเลยนะ
แม่ : ตัดสินใจ ลุกขึ้นนำลูก ใจแป้วเล็กน้อยเพราะลุกยืนขึ้นคนเดียวในโรง แต่คิดว่าจะปล่อยผ่านไม่ได้ คิดแล้วต้องทำ หันไปหาลูกและพูดคำเดิม “ยืนขึ้นลูก”
ภูผา กับพี่ฟ้า : ลุกขึ้น ทำตามแม่บอก

แพทย์ทหารเรือ ร่วมฝึกการแพทย์ทางทะเล ในการฝึก Sarex 2022

โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์​ ฐานทัพเรือสัตหีบ​ ได้จัดกำลังพลเข้าร่วมการฝึก Sarex 2022 

ในการนี้ ศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการด้านการแพทย์ ทางทะเล โดย รพ.อาภากรเกียรติวงศ์​ฯ ได้เข้าร่วมการฝึก ณ เต๊นท์กองอำนวยการท่าเรือจุกเสม็ด อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ในการอำนวยการ ประสานงาน ด้านการแพทย์ทางทะเล ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และส่งต่อผู้เจ็บป่วยทางทะเล ให้กับศูนย์สั่งการชลบุรี เมื่อ 18-19 ส.ค.65 ที่ผ่านมา

โดยกรมแพทย์ทหารเรือ มอบหมายให้ น.อ.ณัฐศักดิ์ วรเจริญศรี รอง ผอ.กองนาวิกเวชกิจ และทำหน้าที่ หน.ศูนย์รับแจ้งเหตุฯ ควบคุมการปฏิบัติด้านการแพทย์ ในการฝึกดังกล่าว ซึ่งการปฏิบัติด้านการแพทย์ในทะเลและการส่งกลับสายการแพทย์ เพื่อมารักษาตัวต่อบนฝั่งนั้น นับเป็นการปฏิบัติที่สำคัญมากเช่นกัน


นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

‘ทิพานัน’ โว ปชช.ตอบรับสลากดิจิทัล ลั่น ‘บิ๊กตู่’ ทำได้จริง แก้หวยแพงตรงจุด

‘ทิพานัน’ โว ปชช.ตอบรับสลากดิจิทัล ชี้ ‘บิ๊กตู่’ แก้หวยแพงตรงจุด เล็ง พัฒนาระบบตอบโจทย์ผู้ซื้อ - ผู้ค้ามากขึ้น

เมื่อวันที่ 22 ส.ค. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนด กล่าวว่า หลังจากที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้เปิดจำหน่ายสลากดิจิทัล งวดวันที่ 1 ก.ย. 2565 ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยเพิ่มจำนวนเป็น 10.32 ล้านใบ สามารถขายได้หมดใน 5 วันเท่านั้น สะท้อนถึงผลตอบรับที่ดีของประชาชน ต่อสลากดิจิทัล สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับสังคม ที่ปฏิเสธการถูกเอารัดเอาเปรียบจากการขายสลากเกินราคาจำหน่าย 80 บาท ที่สำคัญผู้ที่ซื้อสลากดิจิทัลยังมีสิทธิถูกรางวัลที่ 1 จากสลากชุด 9 ใบ ที่ได้รับรางวัลสูงถึง 54 ล้านบาท จึงตอกย้ำความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาในการแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด โปร่งใสเป็นธรรม ตรวจสอบได้ 

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง บูรณาการการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จัดทีมบรรเทาสาธารณภัย – สังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่บรรเทาทุกข์ในพื้นที่วิกฤต พร้อมฟื้นฟูผู้ประสบภัยในพื้นที่น้ำลด อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์

ตามที่ได้เกิดร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านประเทศเมียนมา และภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน และอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังปานกลาง ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักมากหลายพื้นที่ และฝนตกสะสมซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พื้นที่อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งในขณะนี้ได้เกิดอุทกภัยซ้ำ มีประชาชนได้รับความผลกระทบเป็นจำนวนมาก โดยเมื่อช่วงดึกของวานนี้ (วันที่  21 สิงหาคม 65)  มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดยนายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ได้ มอบหมายให้ทีมบรรเทาสาธารณภัย นำโดย คุณสมบูลย์ ขวัญอ่วม หัวหน้าแผนกบรรเทาสาธารณภัย นำทีมกู้ภัย กู้ชีพ อาสาสมัคร พร้อมอุปกรณ์ เรือท้องแบน โรงครัวเคลื่อนที่ เครื่องอุปโภคบริโภค อาหารสุนัขและแมว ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่พื้นที่เร่งให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยทันที  โดย จัดตั้งกองอำนวยการและโรงครัวเพื่อประกอบอาหารปรุงสุก ณ สมาคมกกไทร พ่งไล้ยี่จับเซียวเกาะ จังหวัดเพชรบูรณ์อีกครั้งในทันที

เช้าวันนี้ (วันที่ 22 สิงหาคม 65) ทีมบรรเทาสาธารณภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ประกอบอาหารปรุงสุกบรรจุกล่อง พร้อมน้ำดื่ม จำนวนกว่า 1,000 ชุด รวมทั้ง อาหารสุนัขและแมว บรรทุกเรือท้องแบน ลงพื้นที่ออกแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอหล่มสัก อาทิ เทศบาลหล่มสัก บ้านสักหลง หมู่ 4 - 6 บ้านหนองหิน ชุมชนสักงอย ชุมชนศรีบุญเรือง และตำบลวัดป่า หมู่ 1  เป็นต้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการลงพื้นที่ออกแจกจ่าย 

พร้อมกันนี้ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ รักษาการหัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีมลงพื้นที่อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคร่วมกับทีมบรรเทาสาธารณภัยในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำลด แก่ผู้ประสบภัยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่น้ำลด ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำปลา น้ำมันพืช รวมจำนวน 500 ชุด รวมมูลค่าเป็นเงินทั้งสิ้น 175,000 บาท (หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นห้าพันบาทถ้วน)  โดยมี นายชาครินทร์ อินอิ่มวรปราชญ์ นายอำเภอหล่มสัก เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย คณะกรรมการ สมาคมกกไทร พ่งไล้ยี่จับเซียวเกาะ จังหวัดเพชรบูรณ์ ร่วมในพิธี

ดาราศาสตร์และฟิสิกส์ฯระหว่างประเทศ ครั้งที่ 15 ไทยคว้า 2 เงิน 2 ทองแดง และ 1 เกียรติคุณประกาศ

ผลการแข่งขันดาราศาสตร์และฟิสิกส์ดาราศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ครั้งที่ 15 (IOAA2022) ผู้แทนประเทศไทยได้รับ 2 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง และ 1 เกียรติคุณประกาศ ดังนี้...

1. นายกฤติน นวลจริง ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย รางวัลเหรียญเงิน
2. นายกุลพัชร ชนานำ ร.ร.มหิดลวิทยานุสรณ์ รางวัลเหรียญเงิน
3. นายวิชญ์ มูลสาร ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย รางวัลเหรียญทองแดง
4. นายภานุพัฒน์ ศรีสุขวสุ ร.ร.มหิดลวิทยานุสรณ์ รางวัลเหรียญทองแดง
5. นายณภัทร พิชิตพรรณ ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย รางวัลเกียรติคุณประกาศ

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ นำกำลังเข้าตรวจค้นยึดทรัพย์เครือข่ายผู้ต้องหา คดีร่วมกันทุจริตเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ ในพื้นที่ 9 จังหวัด 74 จุด เกือบ 700 ล้านบาท

จากกรณีเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 65 ที่ผ่านมา กลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นสมาชิกสหกรณ์จังหวัดพัทลุง ได้รวมตัวกันยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ช่วยติดตามคดีการทุจริตภายในสหกรณ์ออมทรัพย์จังหวัดพัทลุง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัวที่เป็นสมาชิกได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก และคดีนี้ยังมีความสลับซับซ้อน แม้มีเจ้าหน้าที่หลายคนถูกพบว่ากระทำผิด แต่ยังสามารถทำงานในสหกรณ์ได้ ซึ่งอาจทำให้พยานหลักฐานต่าง ๆ สูญหายหรือถูกแก้ไขไปอีก ความเสียหายโดยรวมมีมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท นั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.เร่งสืบสวนและสอบสวนคดีที่เกิดขึ้น  และได้ออกคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 293/2565 ลงวันที่ 22 มิ.ย.65  แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งดังกล่าว มีอำนาจในการสืบสวนคดีร่วมกันทุจริตเงินสหกรณ์ออมทรัพย์พัทลุง จำกัด เพื่อเร่งคลี่คลายคดีและติดตามทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้ายกลับคืนให้กลุ่มผู้เสียหาย

จากการสืบสวนพบว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2563 หลังจากที่ทางสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด ได้มีการเปลี่ยนตัวผู้จัดการสหกรณ์และคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ รวมทั้งได้มีการตรวจสอบการดำเนินการทางบัญชีของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง ผลปรากฏว่า มีการพบความผิดปกติทางบัญชี ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทุจริตของคณะกรรมการดำเนินการ ฝ่ายจัดการเจ้าหน้าที่และบุคคลภายนอกรวมหลายราย จึงได้มีการร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย  และจากการสอบสวนพยานบุคคล และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏพบกลุ่มผู้ต้องหา ประกอบไปด้วยคณะกรรมการดำเนินการ ผู้จัดการ เจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด และบุคคลภายนอก จำนวน 25 คน มีพฤติการณ์ในการร่วมกันวางแผน แบ่งหน้าที่กันทำ และลงมือกระทำความผิดหลายกรรมหลายวาระต่างกัน เป็นเวลาต่อเนื่องกันมาเป็นเวลายาวนาน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 จนถึงปี พ.ศ.2563  โดยมีรูปแบบการกระทำความผิดมากกว่า 10 วิธี เช่น การตกแต่งบัญชีของสมาชิกและไม่ได้เป็นสมาชิก การตกแต่งบัญชีลูกหนี้และลูกหนี้ที่ไม่มีตัวตน หรือตกแต่งบัญชีเกินความเป็นจริง การปลอมใบเสร็จรับเงิน เป็นต้น รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ  1,577,836,978.14 บาท
ต่อมา ในห้วงระหว่างวันที่ 6-8 มิ.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 25 คน ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทลุง  ประกอบด้วย
1. นางสาวสุภา อายุ 68 ปี ผู้ต้องหาที่ 1
 2. นางสุพร อายุ 62 ปี  ผู้ต้องหาที่ 2
 3. นางสุชาดา อายุ 61 ปี ผู้ต้องหาที่ 3
 4. นางสาวจุฑารัตน์ อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาที่ 4
 5. นางสาวนันทิยา อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาที่ 5
 6. นางอัมพร อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาที่ 6
 7. นางพัชราภรณ์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาที่ 7
 8. นางสาวสุกัญญา อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาที่ 8
 9. นางสาวปาณิศา อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาที่ 9
 10. นางสาวสุวนันท์ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาที่ 10
 11. นางสาวกชกร อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาที่ 11
 12. นายไกรศิริ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาที่ 12
 13. พ.ต.ท.วิเชียร อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาที่ 13
 14. ร.ต.ต.พันธ์ชัย อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาที่ 14
 15. ด.ต.ชุณฐกฤตม์ อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาที่ 15
 16. พ.ต.อ.ชำนาญ อายุ 60 ปี ผู้ต้องหาที่ 16
 17. ร.ต.ท.อรุชา  อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาที่ 17
 18. ร.ต.อ.ธนเวทย์ อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาที่ 18
 19. ด.ต.วิชา อายุ 75 ปี ผู้ต้องหาที่ 19
 20. นางสารภี อายุ 68 ปี ผู้ต้องหาที่ 20
 21. นายศิรัฐโรจ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่ 21
 22. นางมณฑา อายุ 75 ปี ผู้ต้องหาที่ 22
 23. นายวิเชียร อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาที่ 23
 24. นางพรศรี อายุ 74 ปี ผู้ต้องหาที่ 24
 25. นางสาวพัชรา อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาที่ 25

โดยกล่าวหาว่า ลักทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ร่วมกันลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างหรืออยู่ในความครอบครองของนายจ้าง, ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม, ร่วมกันปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม

จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเจ้าหน้าที่ พบว่ามีการโอนเงินออกจากบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์ไปยังเครือญาติใกล้ชิดของกลุ่มเครือข่ายผู้ต้องหา ในเขตพื้นที่ 9 จังหวัด จึงได้ทำการอายัดบัญชีธนาคารและในวันนี้ (22 ส.ค.65) ได้ขออนุมัติหมายค้นศาลอาญา เพื่อเข้าตรวจค้น 74 เป้าหมายในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง, ภูเก็ต, นครศรีธรรมราช, ตรัง, กระบี่, ประจวบคีรีขันธ์, จันทบุรี, ระยอง และกรุงเทพมหานคร โดยผลการตรวจค้น สรุปการดำเนินการ ดังนี้

ตำรวจท่องเที่ยวร่วมกงสุล 18 ประเทศรับนักท่องเที่ยว high season

วันนี้ (22 ส.ค. 2565) พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต. อภิชาติ สุริบุญญา โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวแจ้งต่อสื่อมวลชนว่า ในวันอังคารที่ 23 ส.ค.2565 ที่จะถึงนี้ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และผู้แทนสถานทูต 18 ประเทศ อันประกอบด้วย ออสเตรเลีย เบลเยี่ยม สหราชอาณาจักร สาธารณรัฐเชค เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี ฮังการี ไอร์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบอร์กโมร็อกโก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ สโลวาเกีย และสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศจากกลุ่มทวีปยุโรปถึง 15 ประเทศรวมทั้งสิ้นมากกว่า 40 คน จะหารือร่วมกันในลักษณะการประชุมเชิงปฏิบัติการถึงมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพในช่วง high season (ต.ค. 65 - ก.พ. 66) ที่จะถึงนี้ที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว โดยผู้แทนหน่วยงานตำรวจทั้งสองหน่วยจะนำเสนอมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยวและการป้องกันไม่ให้อาชญากรรมข้ามชาติที่จะแฝงมาในรูปแบบของนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศได้อย่างเด็ดขาด และแม้หากหลุดรอดเข้ามาได้ ก็จะมีมาตรการความร่วมมือระหว่างประเทศในการสืบสวน ติดตาม ผลักดันจับกุมส่งดำเนินคดีอย่างรวดเร็ว โดยหลังจากการหารือ จะมีการพาผู้แทนสถานทูตดังกล่าวสำรวจความพร้อมของการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้วย 

พล.ต.ต.อภิชาติฯ กล่าวถึงการประชุมเชิงปฏิบัติการที่จะถึงนี้ว่า เป็นแนวคิดร่วมกันระหว่างกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวและผู้แทนสถานทูตทั้งหมดโดยได้รับความร่วมมือสนับสนุนอย่างดีจากสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อเตรียมการรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเที่ยวประเทศไทยในช่วง high season ที่จะถึง โดยแนวความคิดนี้เป็นไปตามเจตนารมย์ของรัฐบาล ของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องการเห็นการท่องเที่ยวของไทยเป็นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพและมีความยั่งยืนสอดคล้องต่อนโยบายขององค์การการท่องเที่ยวโลกหรือ UNWTO ในเรื่องของ Sustainable Tourism และสอดคล้องต่อมาตรการสากลว่าด้วยการคุ้มครองนักท่องเที่ยวหรือ International Code for the Protection of Tourists ที่ได้รับการรับรองแล้วจากสหประชาชาติแล้วเมื่อปลายปีที่แล้ว

โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวยังกล่าวอีกว่า กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวกับกับการท่องเที่ยวจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ แต่จะมีมาตรการและความร่วมมือออกมาอย่างต่อเนื่องต่อไปเพื่อให้นานาชาติเห็นว่า ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะปรับตัวและปรับมาตรการทั้งหมดให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลเพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยมีคุณภาพ ปลอดภัยและมั่นคง ซึ่งผลการหารือจากการประชุมเชิงปฏิบัติการเป็นอย่างไร จะนำเรียนสื่อมวลชนให้ทราบต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรียนชี้แจงกรณีเกิดเหตุระเบิดในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ขอเรียนชี้แจงถึงความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุระเบิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ดังนี้ 

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันนี้ (22 ส.ค. 65) เวลาประมาณ 08.30 น. โดยทาง สภ.จะแนะ จว.นราธิวาส ได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายไม่ทราบชื่อและจำนวนได้ก่อเหตุปาระเบิดและใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงใส่เจ้าหน้าที่ทหารพาน ขณะปฎิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจจุดสกัดบริเวณหน้าฐานปฏิบัติการ บ้านมะนังกาแยง อ.จะแนะ จว.นราธิวาส เป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่อาสาทหารพราน(อส.ทพ.)บาดเจ็บจำนวน 1 ราย และ เสียชีวิตจำนวน 1 ราย  ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลในพื้นที่และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง  จากนั้นพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ EOD และเจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องจะได้ร่วมกันทำการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ทำการพิสูจน์ทราบหาตัวคนร้ายเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้มีนโยบายในการรักษาความสงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยอาศัยความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ภาครัฐและประชาชน ในการสอดส่องดูแลพื้นที่ชุมชนและสร้างเกราะป้องกันให้กับชุมชน รวมถึงหาข้อมูลในเชิงรุกเพื่อเป็นการป้องกันเหตุไปพร้อมกัน หากเกิดสถานการณ์ขึ้นก็ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี และเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top