Tuesday, 22 April 2025
NEWS

‘ถุงพระราชทาน’

‘ถุงพระราชทาน’ ไม่ได้มาจากงบประมาณภาษีที่รัฐบาลจัดสรรให้กับในหลวง ไม่ใช่เงินงบประมาณจากภาษีประชาชนเอามาแจกประชาชนตามที่มีผู้พยายามบิดเบือน

แต่มาจากการทำงานและทุนดำเนินการซึ่งเป็นดอกผลของ ‘มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์’ ที่ก่อตั้งขึ้นโดยในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อช่วยเหลือประชาชนในภาคใต้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์วาตภัยครั้งใหญ่ในอดีต

ชื่อของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ หมายความว่า ‘พระราชา’ และ ‘ประชาชน’ อนุเคราะห์ซึ่งกันและกัน เป็นการแสดงน้ำพระทัยว่า เวลาทำงานควรจะให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมด้วย ซึ่งเงินทุนที่ใช้ขับเคลื่อนการดำเนินงานนั้น นอกจากดอกผลของมูลนิธิฯ แล้ว ยังมาจากเงินที่ผู้มีจิตศรัทธาทั่วประเทศร่วมกันบริจาค รวมถึงเงินที่ในหลวงทรงพระราชทานเป็นทุนดำเนินงานด้วย

โซเชียลฯ แห่ชื่นชม 'เจ้าของพัดลมฮาตาริ' บริจาคเงิน 900 ล้านบาทให้มูลนิธิรามาฯ

โลกโซเชียลฯ แห่ชื่นชม 'จุน วนวิทย์' เจ้าของพัดลมฮาตาริ บริจาคเงิน 900 ล้านบาทแก่มูลนิธิรามาธิบดี หลังผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งโพสต์ภาพเช็คสั่งจ่ายมูลนิธิฯ

วานนี้ (27 ก.ค.) ในโลกโซเชียลฯ มีการแชร์ข้อความจากทวิตเตอร์ @pichai_online โพสต์ภาพเช็คธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) สาขาถนนประชาอุทิศ ชื่อบัญชี นายจุน วนวิทย์ ซึ่งเป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฮาตาริ อิเลคทริค จำกัด สั่งจ่ายมูลนิธิรามาธิบดี จำนวนเงิน 900 ล้านบาท ลงวันที่ 29 ก.ค. 2565 ระบุว่า "การบริจาคที่ยิ่งใหญ่ คุณจุน วนวิทย์ เจ้าของ พัดลม Hatari คนนี้ใจบุญจริงขออนุโมทนาครับ" โดยมีชาวเน็ตแห่แชร์และชื่นชมจำนวนมาก

ด้านเฟซบุ๊ก 'Ramathibodi School of Nursing, Faculty of Medicine Ramathibodi Hospital' ของโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความระบุว่า "บริษัท ฮาตาริ อิเลคทริค จำกัด โดย คุณจุน-คุณสุนทรี วนวิทย์ และครอบครัว บริจาคเงิน 900,000,000 บาท แก่มูลนิธิรามาธิบดีฯ โดยมี ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.พูลสุข เจนพานิชย์ วิสุทธิพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี และผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ ภาวิทย์ เพียรวิจิตร รองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กร เป็นตัวแทนร่วมรับมอบ

'สมเด็จพระสังฆราช' มีพระดำรัสถวายพระพรแด่ในหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา

(28 ก.ค. 65) เพจเฟซบุ๊ก สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เผยแพร่พระดำรัสเจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2565 ความว่า

“อภิลักขิตสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา ของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่ง อาตมภาพในนามคณะสงฆ์ ขอตั้งกัลยาณจิตร่วมกับปวงชนชาวไทย สำแดงมุทิตาปราโมทย์ และถวายพระพรชัยมงคลให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ราชอาณาจักรไทยจักสถาพรดำรงมั่น ก็เพราะนานาสถาบัน ซึ่งประกอบกันขึ้นจากปัจเจกบุคคล สามารถดำเนินสรรพกิจ สอดประสานร่วมมือกันได้อย่างราบรื่น บนพื้นฐานของความสามัคคี โดยมีจิตสำนึกร่วมกัน ในอันที่จะละอายชั่ว และเกรงกลัวต่อการกระทำผิดกฎหมาย รวมถึงการไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของเพื่อนร่วมสังคม พร้อมทั้งเป็นผู้นิยมยินดีในธรรม บำเพ็ญกรณียกิจอย่างเฉลียวฉลาดรอบคอบ ประกอบด้วยความมุ่งดีมุ่งเจริญต่อกันอย่างจริงใจ อันจะยังผลให้บังเกิดสันติสุขในแต่ละภาคส่วน จนขยายวงไปสู่ประชาชาติไทยในภาพรวมได้ในที่สุด ปรารภเหตุฉะนี้ สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ 
จึงทรงรักษาพระราชธรรมทุกหมวดหมู่ ให้เป็นคุณเครื่องอยู่ประจำพระราชหฤทัย เป็นวิถีทางดำเนินไปแห่งพระราชปฏิบัติ พร้อมกันนั้น ก็ทรงพระราชอุตสาหะจัดแจงให้ราษฎร สมัครสโมสรอยู่ในธรรม มีสติปัญญา และมีเมตตากรุณาต่อกัน ด้วยการดำเนินพระบรมราโชบายด้านการศึกษา การอุปถัมภ์บำรุงพระศาสนา และการจรรโลงศิลปะ วัฒนธรรมประเพณี ตลอดจนค่านิยมอันดีงามของชาติไทย ให้รุ่งเรืองไพบูลย์สืบมา

สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงตั้งพระบรมราชปณิธาน และทรงประกอบพระราชกรณียกิจ ในการสืบสาน รักษา และต่อยอดแนวพระราชดำริทั้งนั้น ของสมเด็จพระบรมราชบุพการี เพื่อให้บ้านเมืองไทยประสบความเกษมโสตถิ์ อำนวยผลให้ทรงสำเร็จประโยชน์ ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขของอาณาราษฎรใต้ร่มพระบารมี ซึ่งจัดเป็นหน้าที่ ตามพระราชสถานะธรรมิกราชา สมด้วยโพธิสัตวภาษิต อันมีมาใน “มหาโพธิชาดก” ว่าด้วยปฏิปทาของผู้นำ ความว่า

สาธุ ธมฺมรุจี ราชา สาธุ ปญฺญาณวา นโร

สาธุ มิตฺตานมทฺทุพฺโภ ปาปสฺสากรณํ สุขํ.

แปลความว่า “พระราชาทรงชอบใจในธรรมจึงจะดีงาม นรชนมีความรู้รอบจึงจะดีงาม ความไม่ประทุษร้ายต่อมิตรเป็นความดี การไม่กระทำบาป เป็นสุข” ด้วยประการฉะนี้

ทรงอยู่ข้างคนไทย ไม่ว่าภัยโควิดจะใกล้เพียงใดก็ตาม

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานทรัพย์รวมกว่า 2,852,144,487.59 บาท สมทบทุน-จัดอุปกรณ์การแพทย์ รับมือวิกฤตโควิด-19

เมื่อวันที่ (23 กรกฎาคม 2564) ที่เฟซบุ๊ก โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัย เผยแพร่ข้อความ ว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีความห่วงใยประชาชนและบุคลากรการแพทย์ในภาวะวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เป็นอย่างยิ่ง  

โดยพระราชทานทรัพย์เพื่อสมทบทุนและจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาลและสถานที่ต่าง ๆ เพื่อใช้ในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดังนี้...

‘ศาสน์-กษัตริย์’ เสาหลักค้ำจุนกันและกัน

คำยืนยันจากหลวงปู่มั่น!! ‘ศาสน์-กษัตริย์’ เปรียบเสมือนเสาหลักค้ำจุนกันและกัน...เมื่อใดขาดธรรมราชา เมื่อนั้นอาจถึงคราวสาบสูญของพระอริยะ!!

เรื่องของพระอริยบุคคลนี้ พระอาจารย์มั่นปรารภไว้หลายสถานที่ หลายวาระต่าง ๆ กัน แล้วแต่เหตุ
ท่านกล่าวว่า ชาวพุทธมีหลายประเทศ แต่จะขอกล่าวเฉพาะที่ใกล้เคียง คือ เขมร ลาว เวียดนาม และพม่า นอกนี้ไม่กล่าว

พระอาจารย์มั่นบอกว่า…

“เราไม่ได้ว่าเขาเหล่านั้น...แต่ได้พิจารณาแล้ว ไม่มีก็ว่าไม่มี มีก็ว่ามี”
ท่านหมายถึงว่า พระอริยบุคคลในประเทศเหล่านี้มีที่ประเทศพม่าเพียงคนเดียว อยู่ในหมู่บ้านที่ท่านไปจำพรรษา เป็นผ้าขาว (อุบาสกผู้ถือศีล) ซึ่งเล่ากันว่า บุตรสาว บุตรเขย และบุตรชายของผ้าขาวคนนั้นล่ะ ที่มาจัดเสนาสนะของบิดาเพื่อถวายพระอาจารย์มั่นและท่านเจ้าคุณบุญมั่นครั้งจำพรรษาที่ประเทศพม่า

ท่านว่า...

“ยกเว้นสยามประเทศแล้ว...นอกนั้นไม่มี!
สำหรับสยามประเทศตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึงปัจจุบัน...มีติดต่อมาโดยไม่ขาดสาย ทั้งคฤหัสถ์ชายหญิงและบรรพชิต แต่มรรคขั้นต้นคฤหัสถ์มากกว่าทั้งปริมาณ และมีสิกขาน้อยกว่า”

‘กลุ่มเด็กรักษ์โลก’ งัดแคมเปญ ‘ยึดโรงเรียน’ เรียกร้องให้ยุติการใช้พลังงานฟอสซิล

กลุ่มเยาวชนนักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อม ได้ออกแถลงการณ์แคมเปญล่าสุดผ่านเว็บไซต์ www.endfossil.com ประกาศยึดโรงเรียน และ มหาวิทยาลัยทั่วโลก เพื่อเรียกร้องให้ยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลโดยเด็ดขาด ที่มีผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน 

สาเหตุที่พวกเขาออกมาเคลื่อนไหวด้วยการยึดสถาบันการศึกษา ตามแถลงการณ์นั้นได้ระบุว่า เหล่าบรรดาเยาวชนนักเคลื่อนไหว ได้พยายามทำทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเดินขบวนใหญ่ ยื่นคำร้องถึงองค์กรต่าง ๆ ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงผู้นำโลก และเข้าร่วมการประชุมระดับนานาชาติ พวกเขาตะโกนจนสุดเสียง แต่ก็ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ยิ่งเกิดการแพร่ระบาดของ Covid-19 ข้อเรียกร้องต่าง ๆ ของพวกเขายิ่งเริ่มจางหายไป สุดท้ายปัญหาเรื่องโลกร้อนก็จะไม่จางหายไปไหน 

ฉะนั้นกลุ่มนักเคลื่อนไหวเยาวชน จึงขอประกาศตัวเป็นศัตรูกับ ‘อุตสาหกรรมพลังงานฟอสซิล’ ทุกรูปแบบ ที่นับวันจะเป็นธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีนักการเมือง และบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่หนุนหลัง ส่งผลให้เป้าหมายในการร่วมมือกัน เพื่อลดปัญหาโลกร้อนที่ประกาศไว้ในการประชุมสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ COP26 ที่ผ่านมาเป็นเรื่องตลก 

ในแถลงการณ์ยังระบุอีกว่า พวกเขาซึ่งได้เกิดมาในยุคที่เข้าสู่หายนะด้านสิ่งแวดล้อมที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ไม่อาจนั่งเรียนหนังสืออย่างสบายใจ โดยไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับโลกบ้าง พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะลุกฮือขึ้นสู้เพื่อหยุดยั้งสิ่งเหล่านี้ ด้วยพลังเยาวชนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ การใช้นวัตกรรม และความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ได้

‘บิ๊กตู่’ ปูทาง!! สร้างเด็กไทย ก้าวทันทิศทางโลก ผุดแหล่งบ่มเพาะวิทยาการแห่งอนาคตใน EEC

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha’ เช้าวันนี้ (27 ก.ค. 65) ผมได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับคณะผู้บริหารและนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญ ซึ่งเป็นตัวแทนประเทศไทย เข้าร่วมการประกวดแข่งขันประดิษฐ์ดาวเทียมจำลองขนาดจิ๋ว (CanSat Competition 2022) ที่เป็นรายการระดับโลก ได้รับรางวัล 2 ทีม คือ ทีม Descendere คว้ารางวัลชนะเลิศ อันดับที่ 1 และทีม Gravity ได้อันดับที่ 7 จากผู้เข้าร่วมการแข่งขัน 49 ทีม ทั่วโลก ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นับว่าสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในระดับโลก และเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคน

ผมเชื่อว่าความสำเร็จในครั้งนี้ นอกจากความสามารถในการตกผลึกความรู้จากตำรา ในห้องเรียน หรือห้องปฏิบัติการ มาประยุกต์ ดัดแปลง สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ให้เกิดขึ้นในโลกแล้ว การทำงานเป็นทีม ที่สมาชิกมาจากหลากหลายทักษะความเชี่ยวชาญก็มีส่วนสำคัญอย่างมาก เพื่อให้บรรลุภารกิจและเป้าหมายเดียวกันได้ โดยการประดิษฐ์ดาวเทียมจำลองขนาดจิ๋วนี้ ทราบว่าจะต้องอาศัยหลักการทำงานทาง Mechanic, Electronic และ Programming ที่ใช้หลัก Coding ชั้นสูงมาประยุกต์ใช้ด้วย ในขณะเดียวกัน ผมก็ขอยกเครดิตให้ครูผู้สอน ครูที่ปรึกษา ที่ช่วยผลักดันความสำเร็จดังกล่าว เพราะศิษย์จะดีได้ ก็ต้องมีครูดีด้วย ตลอดจนครอบครัวที่คอยส่งเสริม ให้กำลังใจอยู่เบื้องหลัง

สปน. เร่งจัดส่งเข็มที่ระลึกวันแม่ 90 พรรษา หลังประชาชนสั่งจองกว่าแล้วกว่า 6 หมื่นเข็ม

สปน.เร่งจัดส่งเข็มที่ระลึกเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 หลังมียอดสั่งจองกว่า 6 หมื่นเข็ม

เมื่อวันที่ (27 ก.ค 65) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้เห็นชอบให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการจัดทำเข็มที่ ระลึกตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 เพื่อจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไป สำหรับใช้ประดับในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา และในโอกาสสำคัญ โดยเปิดให้สั่งจองผ่านระบบร้านค้าออนไลน์ของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (thailandpostmart.com) ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา ปัจจุบันประชาชนมีความต้องการและสั่งจองทางไปรษณีย์เป็นจำนวนมาก ข้อมูล ณ วันที่ 18 กรกฎาคม 2565 มีจำนวนมากกว่า 6.2 หมื่นเข็ม จึงทำให้การจัดส่งล่าช้าเกินกำหนด

ทหารผ่านศึกฝ่าฝนบุกสภาฯ ขอเงินผดุงเกียรติ น้อยใจ!! รักษาพยาบาลต่ำกว่าบัตรทอง

รบเพื่อชาติ ชีวิตอนาถา! ทหารผ่านศึกนับร้อย ฝ่าฝนบุก สภาฯ ขอเงินผดุงเกียรติ น้อยใจ รักษาพยาบาลต่ำกว่าบัตรทอง ด้าน ‘เต้’ รับลูกนำเข้า กมธ.ทหารทันที

(27 ก.ค. 65) ที่รัฐสภา กลุ่มทหารผ่านศึกนับ 100 คนเดินทางมาที่อาคารรัฐสภา นำโดยนายอิศรพงค์ ณ เชียงใหม่ ประธานกลุ่มพี่น้อง เพื่อน ทหารผ่านศึกทุกหมู่เหล่า เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอความอนุเคราะห์เงินผดุงเกียรติทหารผ่านศึก โดยมีนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนนท์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ในฐานะโฆษก กมธ.ฯ รับเรื่อง ซึ่งตัวแทนกลุ่มฯ เดินเรียงแถวเข้ามายังศาลาแก้ว บริเวณรับหนังสือ กันอย่างพร้อมเพียง ท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ จนร่างกายเปียกชุ่ม แต่สามารถเข้ามายื่นหนังสือได้เพียง 25 คน 

โดยนายอิศรพงค์ กล่าวว่า “บุคคลเหล่านี้ปัจจุบันกลายเป็นคนยากไร้และอนาถา เราไม่อยากเห็นทหารผ่านศึกนอนข้างถนน คุ้ยขยะ หรือป่วยไร้คนเหลียวแล สังคมปัจจุบันคนที่มีเกียรติ คือ คนที่มีกิน แต่ในการมีกินของเราไม่จำเป็นต้องรวยก็ได้ ขอแค่มีเงินใช้จ่ายในแต่ละเดือน เรามาวันนี้เพื่อ ขอความอนุเคราะห์ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ให้ช่วยเหลือทหารผ่านศึก เพราะทุกวันนี้ ทหารผ่านศึกได้รับค่ารักษาพยาบาล 3,500 บาทต่อปี ต่อคนต่อครอบครัว หากคนในครอบครัวหนึ่งคนเจ็บป่วยคนอื่นก็ไม่มีเงินรักษาแล้ว และมีเงินช่วยฉุกเฉินเพียง 1,000 บาท ซึ่งสวัสดิการเหล่านี้บัตรทอง ยังดีเสียกว่า

'ดร.ปริญญา' จี้!! รบ.ไทยกดดันพม่ายุติประหาร หากไม่ทำ เท่ากับหนุนหลังการกระทำเช่นนี้

'ดร.ปริญญา' ซัดรัฐบาลเมียนมาป่าเถื่อนประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยจำนวน 4 คน เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ จี้รัฐบาลประยุทธ์หยุดคบหาให้กดดันคืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็วหาไม่แล้วอาจถือได้ว่าหนุนหลังการกระทำเช่นนี้

(27 ก.ค. 65) ดร. ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า…

การประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยจำนวน 4 คนคือ Kyaw Min Yu, Phyo Zeya Thaw, Hla Myo Aung และ Aung Thura Zaw นับเป็นความป่าเถื่อนเลวร้ายที่สุดอีกครั้งที่รัฐบาลทหารเมียนมาได้กระทำต่อประชาชนของตนเอง

'บิ๊กแก้ว' ประธานจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2565​ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2565 ที่กองบัญชาการกองทัพไทย​ (บก.ทท.) พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธานจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2565​ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ตลอดจนเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสมพระเกียรติ ซึ่งตลอดระยะเวลา ที่ผ่านมาพระองค์ทรงอุทิศพระวรกายในการประกอบพระราชกรณียกิจต่าง ๆ นานัปการ ทั้งในด้านการศึกษา ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านการต่างประเทศ ด้านเกษตรกรรม ด้านการศาสนา ด้านการกีฬา ด้านการทหาร และด้านการบิน

ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 

'ศิษย์เก่าราชภัฏ' เวทนา!! สังคมไทยยังชอบมองคนไม่เสมอกัน ยัน!! 'มูลค่าความเป็นคน' ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถาบันการศึกษา

"เรียนจบราชภัฏ...แล้วทำไมหรือ?"

และในโลกแห่งความเป็นจริง “คนเราไม่เท่ากัน” แต่ถ้าเราจะเป็นสังคมที่คนเท่ากัน ต้องหัด “มอง” คนที่แตกต่าง ไม่ว่าจะการศึกษา จุดยืนการเมือง และเพศวิถี “ให้เท่ากัน” 

ถ้อยคำกล่าวที่เป็นทั้งคำถาม และคำตอบสุดแสนน่าชวนคิดในตัวนี้ มาจาก 'ตอง' ทศพล ชัยสัมฤทธิ์ผล นักข่าวมากประสบการณ์ ผู้อยู่ในแวดวงสื่อมานานร่วม 10 ปี เคยร่วมงานมาแล้วกับสื่อทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นสื่อกระแสหลัก, สื่อทีวีดิจิทัล และสื่อออนไลน์ จบราชภัฏสวนดุสิต จบปริญญาโท International Journalism (เกียรตินิยมอันดับ 1), Cardiff University, แคว้นเวลส์ สหราชอาณาจักร โดยเขาได้โพสต์เป็นข้อคิดถึงกระแสดรามาราชภัฏในขณะนี้ลงเฟซบุ๊กไว้อย่างน่าสนใจ ว่า...

อ่านประเด็นที่กลายเป็นข้อถกเถียงในโซเชียลมีเดียมา 2 วันแล้ว เรื่องการ “มองต่ำ” นักศึกษาราชภัฏ ถ้าเป็นสมัยก่อน มันคงทริกเกอร์ความรู้สึกบางอย่างในใจผมนะ

แต่เวลานี้ สิ่งที่ผมรู้สึกคือ “เวทนา” สังคม และปัจเจกบางกลุ่ม ที่ยังยึดติดกับอันดับชั้น และสถาบันอย่างหน้ามืดตามัวแบบที่คนชอบเรียก “สลิ่ม” ได้ไหม กรณีนี้ สลิ่มสถาบันศึกษา?

คุณค่าเหนือสถาบัน…จะมีจริงได้ไหมในไทย?
(รูปสมัยเรียนจบใหม่ ๆ ปี 2554)

—-เรื่องราวของผม—-

ผม “เลือก” เรียนราชภัฏสวนดุสิตครับ (ปัจจุบันเหลือแค่สวนดุสิต) ด้วยเหตุผลว่า สอบติด มศว. แต่กำลังทรัพย์ทางบ้านไม่อำนวย ทั้งค่าหอ และอื่น ๆ แม้จะเรียน รชภ.ดุสิต ผมก็ติดหนี้ กยศ. นะ

พูดถึงหลักสูตร โอเค มันอาจไม่สูงส่งเน้นวิชาการเหมือนมหาวิทยาลัยต้น ๆ ของไทย แต่ไม่ใช่ “เรียนเหมือนไม่มาเรียน” ทุกหลักสูตรมันมีคุณค่าของมันครับ

ผมก็รู้ว่า องค์ความรู้ที่ได้มันขาด ๆ แต่ความรู้มันไม่ได้อยู่แค่ในห้องเรียนนะครับ ผมจึงเรียกตัวเองเหมือน “บัณฑิตของโลกและประสบการณ์” เพราะอาจารย์ของผมไม่ใช่แค่คนจุฬาฯ หรือ ธรรมศาสตร์ หรือ ราชภัฏ แต่คือมนุษย์ทุกคนที่ผมได้พบเจอ หนังสือแต่ละเล่มที่ผมลุ่มหลง และประสบการณ์ตรึงใจที่ผมได้สัมผัส

คอร์สนอกแคมปัสของผมคือ:
1. สอนพิเศษ Kumon ได้แบบเรียนอังกฤษมาเยอะเลย
2. ร้านอาหารที่ตรอกข้าวสาร ได้เอาวิชาไปใช้จริง
3. พนักงานโรงแรม ได้เรียนการบริการ โดยไม่ต้องเข้าหลักสูตรการโรงแรม
4. พนักงาน KFC เป็นรายได้หลักช่วงเรียน

ทำให้ตอนเรียนผมหาเงินได้แล้วเดือนละ 13,000 บาท (เกือบค่าแรงขั้นต่ำเลยนะ) ตอนจบออกมา ผมมีเงินเก็บกว่า 200,000 บาท เพื่อตั้งต้นชีวิตการทำงาน แต่ก่อนหน้านั้น ผมลงทุนเกือบแสนไปหาประสบการณ์ Work and Travel ที่ลาสเวกัสมาก่อนด้วย 3 เดือนกว่า จนสั่งสมความมั่นใจและประสบการณ์พอควร

—-ความเห็นต่อเรื่องนี้—-

เห็นคนพูดกันถึง “โอกาส” “ความเท่าเทียม” “คนไม่เท่ากัน” ต่าง ๆ ใช่ครับ Objectively ถ้าสังคมไทยและเชิงนโยบายมันมีได้ จะเป็นเรื่องดี

แต่ในชีวิตจริง “คนเราไม่เท่ากันหรอกครับ” แต่ถ้าเราจะเป็นสังคมที่คนเท่ากัน มันเริ่มจากพวกเราที่ “มอง” คนที่แตกต่าง ไม่ว่าจะการศึกษา จุดยืนการเมือง และเพศวิถี “ให้เท่ากัน” 

มานอนรอเปลี่ยนนายกฯ หรือรมว. การศึกษา มันก็แปลว่า พวกคุณดีแต่พูด และนอนรอความเปลี่ยนแปลงมาถึงตัว ทั้งที่ในห้วงสามัญสำนึก “คุณก็ยังเหยียดคนอื่น” อยู่ดี

ส่วนเด็กราชภัฏ ถ้าเราเอาคำพูดทับถมจากคนแปลกหน้า มาตีตราตัวเองว่า “เรามันมาตรฐานต่ำ” คุณจะยอมหรือ? สำหรับผม คุณค่าสถาบัน มันไม่เท่า “มูลค่าความเป็นคนหรอก” อยู่ที่ว่าเรามอบสิ่งดี ๆ ให้สังคม และคนที่รักได้แค่ไหน เราภูมิใจกับความเป็นตัวเอง ณ ปัจจุบันแค่ไหน…เชิดชูทุกความสำเร็จ ปราบปลื้มทุกก้าวย่าง แต่ไม่ต้องเปรียบเทียบกับใครหรอก

คุณตาขายกระเพาะปลา ขาดทุนเกือบปิดร้าน โชคดีได้พลังโซเชียลช่วยพลิกชีวิตคนแห่อุดหนุน

หนุ่มโพสต์โซเชียล คุณตาขายกระเพาะปลาเกือบปิดร้านเพราะขาดทุนไม่มีลูกค้า ได้พลังโซเชียลช่วยพลิกชีวิตคนแห่อุดหนุน

เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Warakron Sangsupon ได้โพสต์เรื่องราวของคุณตาท่านหนึ่งที่ขายกระเพาะปลาอยู่ที่ ตลาดน้ำโท้ง ใน อ.หางดง จังหวัดเชียงใหม่ แต่ไม่มีลูกค้าเลย จึงตัดสินใจโพสต์ลงบนเฟซบุ๊ก จนกระทั่งเกิดกระแสพลังโซเชียลช่วยร้านของคุณตาให้พลิกฟื้นอีกครั้ง โดยเรื่องราวทั้งหมดมีดังต่อไปนี้ 

เรื่องมีอยู่ว่าวันนี้ไปกินข้าวที่กาดน้ำโท้ง หางดง พอกินเสร็จก็เดินขึ้นรถไปรอแฟน สักแปปนึงแฟนเดินมา พร้อมถือกระเพาะปลามา 1 ถุง ละบอกว่า เดินผ่านหน้าร้าน เห็นตากับยาย 2 คนนั่งขาย แต่ไม่มีลูกค้าเลย เลยซื้อมาถุงนึง พอแฟนผมพูดจบ เราก็มองหน้ากัน แล้วว่าไปอุดหนุนคุณตามั้ย อย่างน้อยก็ซื้อไปฝากพนักงานที่ร้านเรา ผมก็รีบลงจากรถไป พอไปถึงหน้าร้าน ก็ตามที่แฟนผมเล่า 

ภาพที่เห็นคือ มีตากับยาย 2 คนนั่งรอลูกค้า ในขณะที่ร้านอื่น ยังพอได้ขายกันบ้าง จากนั้นผมก็บอกคุณตาครับ ผมเอากระเพาะปลา 10 ถุงครับ คุณตารีบลุก แล้วเหมือนรน ๆ นิดนึง อาจจะไม่ค่อยเจอใครมาสั่งเยอะขนาดนี้ ก็เลยบอกคุณตาไม่ต้องรีบนะ ผมรอได้ครับ ค่อย ๆ ทำ แต่ผมขอโอนหรือ Scan จ่ายได้มั้ยครับ

คุณตาบอกได้ครับ แล้วก็หยิบมือถือออกมา เข้า App ธนาคาร ตอนแรกเราก็ไม่ได้สนใจอะไร ก็นึกว่าทำเป็น สักพักยื่นมือถือมา บอกช่วยดูเลขบัญชีให้หน่อยได้มั้ย ตาทำไม่เป็น ผมก็บอกได้ครับผมดูให้ #จุดพีคมันอยู่ตรงนี้ พอจะเข้าดูเลข บช. เพื่อโอนเงินให้ตา ผมกลับไปเห็น อันนี้ไม่ได้ตั้งใจนะ แต่มันโชว์ขึ้นมา ขอโทษตาด้วยนะครับ เงินใน บัญชีตามีอยู่ 3x บาท 

ใจผมเต้นทันที ความคิดทุกอย่างเปลี่ยน จากตอนแรก ผมคิดจะซื้อแค่ 10 ถุง ตอนนี้ผมเลยคืนมือถือให้ตาไป บอกตาผมไม่โอนละครับ เปิดกระเป๋าเงินตัวเองดู ว่ามีเงินสดสักเท่าไหร่ ก็ได้มาจำนวนนึง เลยบอกตาว่า งั้นเอางี้ละกัน ผมเหมาตานะวันนี้ แต่ผมเอาแค่ 10 ถุง ที่เหลือตาแจกให้ใครก็ได้นะครับ ถือว่าผมอุดหนุนตา และเราได้ทำบุญร่วมกัน

ตามือสั่น ดีใจ ตื่นเต้น ผมเองก็ตื่นเต้น ใจพองโตมาก หลังจากนั่งรอตาใส่กระเพาะปลา ก็ได้พูดคุยสอบถามกันนิดหน่อย คุณตาอายุ 83 ปีแล้ว มีวิชาติดตัวมาจากเยาวราช คือกระเพราะปลา ขายมาได้ 9 เดือน แต่เดือนนี้จะขายเป็นเดือนสุดท้ายแล้ว เพราะขาดทุน 

ตาบอกว่าอาหารแบบนี้ ไม่ค่อยเป็นที่นิยม ต้องคนที่ชื่นชอบจริงๆ ถึงจะมาซื้อกิน ผมฟังละผมยังจุกอก เพราะอะไรอ่ะเหรอ ก็เพราะผมก็คือพ่อค้าไง ผมก็เคยผ่านมา ทุกวันนี้บางทีก็เป็น นั่งรอลูกค้า ดูคนอื่นเค้าขายได้ ลูกค้าน้อย บางทีขายไม่ได้ก็มี แต่เอาเหอะครับ ผมยังมีแรง ยังอายุน้อยกว่าคุณตาเยอะ ผมยังพอหาเงินได้ ที่ผมช่วยคุณตาวันนี้ อาจจะไม่ได้มากมาย แต่ถือว่าเป็นกำลังใจให้กัน สำหรับคนอาชีพเดียวกัน สุดท้ายนี้ วันนี้ผมมีความสุขมาก ใครสนใจกระเพราะปลา ลองไปอุดหนุนคุณตาได้นะครับ ขายที่ตลาดน้ำโท้ง หางดง หรือจะสั่งสำหรับจัดเลี้ยงก็ได้นะครับ ถือว่าช่วยอุดหนุนคุณตาครับ ขอบคุณคุณตานะครับที่เป็นกำลังใจดี ๆ ให้ผมเช่นกัน ในบางอารมณ์ผมคิดว่าผมแย่แล้ว ยังมีคนที่ลำบากกว่าผมอีกเยอะ สู้ ๆ ครับตา อากงกระเพาะปลาเยาวราช 

'โซเชียล' ยกย่อง!! หนุ่มจากเจ้อเจียง ฮีโร่ที่ไม่มีพลังวิเศษ ถลาตัวเข้ารับตัวหนูน้อยจอมซนพลัดตกตึก 6 ชั้น

ชายหนุ่มจากมณฑลเจ้อเจียง กลายเป็นขวัญใจชาวเน็ตในชั่วข้ามคืนหลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เขาวิ่งเข้าไปรอรับตัวหนูน้อยที่พลัดตกจากตึกสูงได้ทันบนโซเชียลมีเดีย

เมื่อวันที่ (22 ก.ค. 2565) เจ้าลี่เจียง โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน ได้โพสต์คลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดสาธารณะบนทวิตเตอร์ พร้อมกับคำบรรยายว่า “ฮีโร่ในหมู่ของพวกเรา” โดยเป็นคลิปจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ (19 ก.ค. 2565) ซึ่งกลายเป็นไวรัลและเรียกเสียงชื่นชมจากชาวโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมาก

คลิปดังกล่าวแสดงให้เห็นภาพของชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังพูดโทรศัพท์อยู่บนทางเท้า แล้วจู่ ๆ เขาผวาเข้าไปยืนอยู่หน้าอาคารสูงแห่งหนึ่งโดยแหงนหน้าขึ้นมองไปยังด้านบนตลอดเวลา ระหว่างนั้นก็มีหญิงสาวอีกคนหนึ่งตามเข้ามาสมทบ

ทั้งคู่แหงนหน้ามองขึ้นไปบนตึกสูง ฝ่ายหญิงทำท่าชูแขนขึ้นราวกับกำลังรอรับอะไรบางอย่าง ทันใดนั้น ก็มีร่างของเด็กน้อยคนหนึ่งตกลงมายังเบื้องล่างอย่างรวดเร็วและชายหนุ่มในคลิปก็ยื่นมือออกไปรับร่างของหนูน้อยไว้ได้ทันท่วงที

จากนั้น คลิปก็ตัดไปยังภาพจากกล้องอีกตัวหนึ่งที่แสดงให้เห็นภาพของเด็กหญิงอายุราว 3 ขวบ กำลังปีนป่ายและพลัดตกลงมาอย่างรวดเร็วจากหน้าต่างของตึกที่ระบุไว้ว่ามีความสูงถึง 6 ชั้น

คลิปดังกล่าวมีผู้เข้าชมมากกว่า 167,000 ครั้ง มีผู้กดถูกใจมากกว่า 9,400 ราย และมีผู้แชร์ออกไปเกือบ 1,600 ครั้ง

สำหรับหนูน้อยจอมซนได้รับการส่งตัวไปให้แพทย์ดูแลรักษาที่โรงพยาบาลรัฐถงเซียง และสามารถกลับบ้านได้ในเวลาไม่นานนัก

'ผู้พันเบิร์ด' เผย ข่าวให้ร้ายสถาบันฯ มาจากผู้เสียผลประโยชน์ ยืนยัน!! 'ในหลวง' ไม่เคยแบ่งแยก มองทุกคนเป็นคนไทย

'ผู้พันเบิร์ด' บรรยายพิเศษ เนื่องในวันเฉลิมพระชนม 70 พรรษา ย้ำ ข่าวลือให้ร้ายสถาบัน เกิดจากกลุ่มเสียผลประโยชน์ ยัน 'ในหลวง' ไม่เคยแบ่งแยก มองทุกคนเป็นคนไทย มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี

เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 65 พ.อ. วันชนะ สวัสดี หรือ ผู้พันเบิร์ด รองโฆษกกระทรวงกลาโหม และจิตอาสา 904 บรรยายพิเศษในงานกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ วันเฉลิมพระชนมพรรษา 70 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้กับหัวหน้าส่วนราชการ จ.นครนายก และนักเรียนเสธนาธิการทหารบกหลักสูตรหลักประจำชุดที่ 100 ในตอนหนึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องข่าวลือให้ร้ายสถาบันว่า เกิดจากพวกเสียประโยชน์ประกอบกับ พวกแสวงประโยชน์ผสมโรงให้ร้าย บิดเบือน ในหลวงไม่เคยมองใครเป็นคนอื่น ทุกคนคือ เรา พวกเรา คือคนไทย มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และทรงตอบคำถามแบบเป็นกันเอง ว่า

"ไม่มีใครคิดว่าหนูเป็นอื่น และหนูก็ไม่ได้เป็นอื่น เป็นคนไทย"

ผู้พันเบิร์ด ยังระบุอีกว่า ในต้นรัชกาลที่ 9 ก็เจออุปสรรคมากมาย แต่พระองค์ก็ใช้ความเพียร จนเอาชนะมาได้ จนมาวันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็อยู่ช่วงต้นรัชกาลเช่นกัน ข่าวลือในทางลบก็เกิดมาก แต่พระองค์ก็มีราชธรรมและบารมี ที่รวมใจคนไทยไว้ได้ โดยทั้งสองพระองค์ไม่เคยคิด แบ่งเขาแบ่งเรา ทุกคนที่ได้อาศัยผืนดินแห่งนี้ คือ พวกเราทุกคน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด ชนชาติใด ไม่มีคำว่าคนอื่น เป็นครอบครัว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top