Saturday, 5 July 2025
NEWS

'พระครูแจ้' เจ้าอาวาสวัดดังบางพลี จัดพิธีน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต

ที่วัดบางพลีใหญ่กลางตำบลบางพี่ใหญ่อำเภอบางพลีจังหวัดสมุทรปราการ ได้จัดพิธีน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต 13 ตุลาคม

ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง โดย ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้จัดพิธีทางพระพุทธศาสนาเพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง พร้อมด้วย คณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง จำนวน 33 รูป ร่วมประกอบพิธี คณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลางสดับปกรณ์

โดยมี นายสกล สุขพรหม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางพลี พร้อมด้วย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตำบลบางพลีใหญ่ ข้าราชการตำรวจ สภ.บางพลี เจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลโรงพยาบาลบางพลี เจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลโรงพยาบาลสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ศูนย์แพทย์ชุมชนวัดบางพลีใหญ่กลาง คณะครูโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง ตลอดจนคณะไวยาวัจกร ร่วมในพิธี

อีกทั้ง ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้จัดเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ประชาชนทั่วไปเพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสวรรคต ซึ่งตรงกับวันที่ 13 ตุลาคม ของทุกปี ทางหน่วยงานราชการ รวมทั้ง พสกนิกรทุกหมู่เหล่าจึงได้ร่วมกันประกอบกิจกรรมและพิธีทางศาสนา อาทิ กิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ทำความสะอาดเก็บขยะ กำจัดวัชพืช เก็บผักตบชวา เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 9

ผบ.ตร. สั่งตรวจสอบ 'ช่างแอร์ในตำนาน' โชว์คลังแสงปืนลงโซเชียล

วันนี้ (13 ต.ค.65) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้เปิดเผยกรณี ช่างซ่อมแอร์เจ้าของสนามบีบีกันโพสภาพอาวุธปืนลงในโลกออนไลน์หวั่นสร้างความหวาดกลัวต่อประชาชน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากโลกออนไลน์ได้ปรากฎภาพของ "ช่างเปิ้ล" หรือ นายอภิสิทธิ์ มั่งมี อายุ 42 ปี อดีตเคยเปิดสนามยิงปืนบีบีกัน ชื่อว่า “สนามบีบีกัน ช่างแอร์ในตำนาน” ปัจจุบันมีพฤติกรรมโพสภาพอาวุธปืนสงครามในโลกออกไลน์ หวั่นสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชน ตนจึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วสันต์​ เตชะอัครเกษม ​รอง ผบช.ภ.8 , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.ชป.5 ศปอส.ตร. (PCT5) , พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 , พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.8 , PCT ชุดที่ 5  เข้าค้นสถานที่ต้องสงสัย 3 แห่ง ดังนี้

1. บ้านเลขที่ 196/18 ม.5 ถ.อำเภอ ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ตามหมายค้นศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ ค.249/2565 ลงวันที่ 12 ต.ค. 65

2. “สนามบีบีกัน ช่างแอร์ในตำนาน” เลขที่ 174/7 ม.5 ถ.โรงเรียนสุราษฎร์ธานี ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ตามหมายค้นศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ ค.251/2565 ลงวันที่ 12 ต.ค. 65

​3. บ้านเลขที่ 122/25 ซ.โฉลกรัฐ 26 ม.1 ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ตามหมายค้นศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ ค.250/2565 ลงวันที่ 12 ต.ค. 65

ผลการตรวจค้นพบ

​1.บีบีกัน จำนวน 46 กระบอก 
​2.อาวุธปืนยาวขนาด .22 จำนวน 2 กระบอก (ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก)
​3.เครื่องกระสุนขนาด .22 จำนวน 30 นัด

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต" จากนั้น พฐ. ได้เดินทางมาทำการตรวจพิสูจน์ปืนบีบีกันทั้งหมด โดยมี นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้าร่วมการตรวจสอบด้วย โดยหลังเสร็จสิ้นการตรวจสอบจะนำตัวพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

งานวิจัยเมืองผู้ดีแนะคุมบุหรี่ไฟฟ้าสกัดนักสูบเยาวชน

เดอะ การ์เดี้ยน สื่อใหญ่ของอังกฤษรายงานข่าวผลการศึกษาซึ่งทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคิงส์ คอลเลจ ลอนดอน (King’s College London) ได้ทบทวนงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 400 ฉบับที่เคยได้รับการตีพิมพ์ ระบุว่าผู้สูบบุหรี่ที่เปลี่ยนไปใช้บุหรี่ไฟฟ้าแทนจะลดการได้รับสารพิษก่อมะเร็ง โรคปอด และโรคหลอดเลือดหัวใจลดลงอย่างมาก แต่ยังคงระบุว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงเสี้ยวเดียวเมื่อเทียบกับการสูบบุหรี่ จึงไม่แนะนำให้ผู้ที่ไม่เคยไม่สูบบุหรี่เริ่มใช้ทั้งบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมเน้นให้สร้างสมดุลระหว่างการสกัดนักสูบเยาวชนกับการให้ทางเลือกผู้สูบบุหรี่

การศึกษาฉบับนี้ เป็นงานวิจัยอิสระที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักพัฒนาสุขภาพและความเหลื่อมล้ำแห่งกรมอนามัยและสังคมสงเคราะห์ นับเป็นการทบทวนความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่ครอบคลุมที่สุดในปัจจุบัน ผู้วิจัยอ้างอิงถึงผลการศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์กว่า 400 ฉบับจากทั่วโลก ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับสัญญาณอันตรายหรือระดับสารพิษในร่างกายภายหลังการสูบการบุหรี่และใช้บุหรี่ไฟฟ้าในระยะสั้นหรือระยะกลางของการสูบบุหรี่หรือการใช้บุหรี่ไฟฟ้า เช่น การเพิ่มขึ้นของระดับนิโคติน สารจำเพาะที่บ่งชี้การเกิดมะเร็ง รายงานพบว่าระดับสารพิษ เช่น ไนโตรซามีน (Nitrosamines) คาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide) และสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่ายอื่นๆ ในร่างกายของผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้านั้นใกล้เคียงหรือต่ำกว่าผู้สูบบุหรี่ ในขณะที่ในร่างกายของผู้ที่ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์นิโคตินใดๆ มีระดับของสารเหล่านี้ต่ำที่สุด

ทีมวิจัยเห็นว่าจำเป็นต้องทำการศึกษาต่อถึงผลกระทบด้านสุขภาพในระยะยาวหลังการใช้ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องไปอีกหลายปี

ปัจจุบัน ผู้สูบบุหรี่ในอังกฤษมีจำนวนที่ลดลงในขณะที่จำนวนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้านั้นเพิ่มขึ้น แต่แนวโน้มในกลุ่มเยาวชนนั้นไม่ได้เป็นแบบนั้น จากผลรายงาน การสูบบุหรี่ในกลุ่มคนอายุ 11-18 ปีอยู่ที่ 6.3% ในปี 2019 และ 6% ในปี 2022 ขณะที่การใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 4.8% เป็น 8.6% ในปีก่อน อัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในกลุ่มคนอายุ 16-18 ปี แต่การใช้บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง (Disposable Vapes) นั้นเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 7.8%

ทีมนักวิจัยจึงได้เรียกร้องให้มีกฎหมายควบคุมที่ดีขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานขายจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่เด็ก และให้มีระเบียบข้อบังคับที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเพื่อจัดการการใช้บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งที่เพิ่มขึ้นสูงในเยาวชน โดยกล่าวว่า “การโฆษณา บรรจุภัณฑ์ และการทำการตลาดผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งกับกลุ่มเยาวชน ควรถูกสอบสวน และต้องมีมาตรการที่เหมาะสมกว่านี้เพื่อลดการดึงดูดเยาวชน

“เราควรทำให้มั่นใจว่าผู้สูบบุหรี่ที่เป็นผู้ใหญ่จะได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสม ซึ่งรวมไปถึงการให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการลดความเสี่ยงของบุหรี่ไฟฟ้าและวิธีที่จะใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเลิกบุหรี่ และขณะเดียวกันก็ควรให้ความรู้แก่เยาวชนที่จะไม่สูบบุหรี่และป้องกันไม่ให้พวกเขาเริ่มสูบบุหรี่ และยังต้องบังคับใช้กฎควบคุมอายุในการซื้อขายรวมถึงการโฆษณาอีกด้วย” เขากล่าว “หากเราสามารถหาความสมดุลในเรื่องนี้ได้ บุหรี่ไฟฟ้าจะเป็นกลไกสำคัญในการเปลี่ยนประวัติศาสตร์การสูบบุหรี่ของประเทศอังกฤษเลยทีเดียว”

ชายคนนั้นคือใคร ?? เด็กช่วยเข็นรถยนต์พระที่นั่ง ที่ติดหล่ม…

เมื่อ พ.ศ. 2501 ขณะที่เด็กชายคนหนึ่งกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานกลางทุ่งนากับเพื่อนอีก 2 คน ซึ่งไม่ห่างจากถนนชนบททุรกันดารมากนัก จู่ ๆ ก็มีรถยนต์คันหนึ่งวิ่งมาติดหล่มเลน อยู่ไม่ไกลจากพวกเขา และติดอยู่อย่างนั้น

ภายในรถมีชายสวมหมวกแบบธรรมดาคนหนึ่ง ขับมาคนเดียวและพยายามจะขับรถขึ้นจากหล่มอยู่นาน แต่ก็ไม่สามารถขึ้นได้ เขาและเพื่อนจึงวิ่งเข้าไปช่วยเข็น ท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยง ใช้ความพยายามอยู่นานมาก ราวร่วมชั่วโมง แถมยิ่งออกแรงเร่งเครื่องมากเท่าไหร่ ล้อรถก็ยิ่งจมเลนลึกลงไปทุกที

จนชายสวมหมวก ลงจากรถมาช่วยเข็นด้วย เข็นอยู่นาน และในที่สุด ทุกคนก็หมดแรง ต่างหยุดพักกันครู่ใหญ่ อยู่ตรงนั้น

“หนูเคยเห็นคนนี้ไหม”

เสียงของชายเจ้าของรถเอ่ยถาม ขณะนั่งพัก พร้อมทั้งยื่นธนบัตรใบละหนึ่งบาท (สมัยนั้น) ให้พวกเด็ก ๆ ดู เด็ก ๆ ต่างตอบกลับชายคนนั้นไปว่า...

“เคยเห็นแต่รูปที่เงินแบงก์ แต่ไม่เคยเห็นตัวจริง”

ชายคนนั้นถอดหมวกที่สวมอยู่ออก แล้วถามกลับมาอีกว่า...

“เหมือนเราไหม”

ในวินาทีนั้น เด็กชายทั้ง 3 คนตกตะลึงอยู่สักครู่ พอตั้งสติได้จึงรู้ว่า ผู้ชายที่เห็นแต่งกายธรรมดา ผู้ที่พวกเขากำลังสนทนาอยู่ตรงหน้านั้นเป็นใคร ต่างก็นิ่งอึ้ง และเข่าอ่อน ทรุดนั่งลงกลางเลน กราบลงแทบพระบาท พระองค์...

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัสอย่างช้า ๆ ว่า...

"ลุกขึ้น ลุกขึ้น ลุกเถอะ อย่านั่งเลย มันเลอะ เห็นไหม"

หลังจากนั้น พระองค์ท่านก็ทรงมีพระอักษรใส่เศษกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ให้เด็กชาย ทรงแจ้งให้ช่วยนำไปส่งให้ครูที่โรงเรียนเทศบาลเขาเต่า

ผบ.ตร.สั่งหน่วยเตรียมรับมือ ออกช่วยเหลือประชาชน ช่วงฝนตกหนัก 14-15 ต.ค.หวั่นซ้ำเติมประชาชนที่เดือดร้อนน้ำท่วม

ตามประกาศ กรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่ 1 (279/2565) ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2565 แจ้งว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ทวีกำลังแรงขึ้นและเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามตอนกลางช่วงวันที่ 13 - 14 ตุลาคม 2565 ส่งผลทำให้ในช่วงวันที่ 14 - 15 ตุลาคม 2565 บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง  

ประกอบกับกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติได้ติดตามการคาดหมายลักษณะอากาศร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่าช่วงครึ่งหลังของเดือนตุลาคม 2565 ร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านบริเวณภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่นและอาจมีส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ใน 14 จังหวัดภาคใต้

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยพร้อมช่วยเหลือประชาชนจากเหตุอุทุกภัย ฝนตกหนักในพื้นที่  ที่จะกลายเป็นความเดือดร้อนซ้ำเติมประชาชนที่ถูกน้ำท่วมมาต่อเนื่องหลายวัน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางบางส่วน กำชับผู้บังบัญชานำกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ยานพาหนะ (รถยนต์/เรือ) อุปกรณ์อื่นๆ ออกช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยในพื้นที่ และให้ ดูแลเอาใจใส่บำรุงขวัญ และช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบัญชาที่ได้รับผลกระทบ

ทั้งเพิ่มความเข้มงวดในการปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย อำนวยความสะดวกด้านการจราจร เพิ่มกำลังสายตรวจทั้งทางบกและทางน้ำ วางมาตรการในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เพื่อป้องกันมิให้ถูกคนร้ายฉวยโอกาสช้ำเติมผู้ประสบภัย

พระราชอารมณ์ขัน

เรื่องเล่า ‘พระราชอารมณ์ขัน’ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 แล้วคุณจะรักในหลวงมากขึ้น

>> เรื่องที่ หนึ่ง 
เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับในหลวงดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้งแผ่นดิน และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายรายงาน

ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนมีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูลรายงานว่า "ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลยเดชขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตกราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ"

เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูลชื่อ ในหลวงทรงแย้มพระสรวล อย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสาว่า

"เออ ดี เราชื่อเดียวกัน..."

ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้าต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัย เพราะผู้รายงานตื่นเต้นจนจำชื่อตนเองไม่ได้

>> เรื่องที่ สอง 
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ทรงเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตรให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในระหว่างที่ทรงเปลี่ยนครุย ทรงโปรดสูบมวนพระโอสถแต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ได้ ทางอธิการบดีซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุดไฟให้พร้อมทูลว่า

"ถวายพระเพลิงพระเจ้าข้า"

ในหลวงทรงชะงัก ก่อนจะแย้มสรวลน้อย ๆ กับอธิการบดีว่า

"เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้หรอก"

>> เรื่องที่ สาม 
อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสานเมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่ง ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจในการกราบบังคมทูลที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน

เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้ จึงมีคำกราบทูลว่า

"ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่า บัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวนพระพุทธเจ้าข้า.."

มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว
พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า 

"มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไปทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลยและทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว"

เรื่องนี้ ดร.สุเมธ เล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง

>> เรื่องที่ สี่ 
เคยมีเรื่องเล่าให้ฟังว่า ในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร มีอยู่ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้ว แต่ราษฎรผู้หนึ่งกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า

"ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์"

ในหลวงทรงตรัสว่า "ขอเดชะ พระหมดแล้ว" 

>> เรื่องที่ ห้า 
วันหนึ่งพระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านตามปกติที่ต่างจังหวัด ก็มีชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมากมาย พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตามลาดพระบาท ที่แถวหน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ก้มลงกราบแทบพระบาท

แล้วก็เอามือของแกมาจับ พระหัตถ์ของในหลวง
แล้วก็พูดว่ายายดีใจเหลือเกินที่ได้เจอในหลวง
แล้วก็พูดว่ายายอย่างโน้น ยายอย่างนี้อีกตั้งมากมาย แต่ในหลวงก็ทรงเฉย ๆ มิได้ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร

แต่พวกข้าราชบริพารก็มองหน้ากันใหญ่ กลัวว่าพระองค์จะทรงพอพระราชหฤทัย หรือไม่ 

แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่งตอบว่ากับหญิงชราคนนั้น ทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหวเพราะพระองค์ทรงตรัสว่า

"เรียกว่ายายได้อย่างไร อายุอ่อนกว่าแม่ฉันตั้งเยอะต้องเรียกน้าซิถึงจะถูก"

หน้าที่ของนักดนตรี

“การดนตรีเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่สามารถก่อให้เกิดความปิติ ความสุข ความยินดี ความพอใจได้มาก หน้าที่ของนักดนตรีนั้นคือ ทำให้ผู้ฟังเกิดความพอใจ ความสุข ความครึกครื้น ความอดทน ความขยัน มีความเข้มแข็ง และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน คือนอกจากจะสร้างความบันเทิงแล้ว ควรแสดงในสิ่งที่จะเป็นทางสร้างสรรค์ เช่น ชักนำให้คนเป็นคนดีด้วย”

#พระบรมราโชวาท
#พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ทรงพระราชทานแก่คณะกรรมการสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน

สถิตในดวงใจตราบนิจนิรันดร์ น้อมศิระกรานต์ กราบแทบพระยุคลบาท ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้


ที่มา : ประวัติศาสตร์ของกษัตริย์

เติมสัมพันธ์ 2 ชาติ 'กรณ์' หารือรัฐมนตรีการค้าคนใหม่อังกฤษ ถกยุทธศาสตร์อุตฯ อาหาร-มอบเสื้อเหลืองตราสัญลักษณ์

เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2565 นายกรณ์ จาติกวณิช กรรมการบริหารพรรคชาติพัฒนากล้า ระบุว่า ได้รับเชิญรับประทานอาหารเช้ากับ นายมาร์คัส ฟิช (Marcus Fysh MP) รัฐมนตรีการค้าของอังกฤษ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีป้ายแดงในรัฐบาลใหม่ของนายกรัฐมนตรีนางลิซ ทรัสส์  (Liz Truss)  

นายกรณ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่รัฐมนตรีการค้าอังกฤษ เลือกเดินทางมาไทยเป็นประเทศแรก โดยทางอังกฤษหาช่องทางการค้าขายเพิ่มเติมตามยุทธศาสตร์การลดการพึ่งพาสหภาพยุโรป เราได้คุยกันถึงโอกาสด้านการลงทุนในไทยโดยอุตสาหกรรมอาหารของอังกฤษเพื่อแปรรูปสินค้าเกษตรของไทย และการขยายความสัมพันธ์เพิ่มเติมระหว่างสองราชอาณาจักร

“ท่านรัฐมนตรีมีความรู้เกี่ยวกับประเทศเราดีมาก ท่านเคยทำงานสายการลงทุนในภูมิภาคนี้ในตำแหน่งงานเดียวกันกับผมที่ SG Warburg (ท่านเข้ามาในแผนกที่ผมได้ร่วมก่อตั้งไว้ก่อนที่ผมจะกลับมาไทยเพื่อเปิดบริษัทหลักทรัพย์ของตัวเองเมื่อ 30 ปีที่แล้ว) แถมท่านยังเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมเดียวกับผมที่อังกฤษ และเรียนต่อมหาวิทยาลัยเดียวกันด้วย เราเลยมีเรื่องคุยกันเยอะจนเจ้าหน้าที่สถานทูตต้องมายุติการสนทนาเพื่อไม่ให้ท่านพลาดนัดหมายต่อไป” นายกรณ์ กล่าว 

ไทยต้องปลูกข้าว

“ข้าวต้องปลูก เพราะอีก ๒๐ ปีประชากรอาจจะ ๘๐ ล้านคน ข้าวจะไม่พอ ถ้าลดการปลูกข้าวไปเรื่อยๆ ข้าวจะไม่พอ เราจะต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศ เรื่องอะไร ประชาชนคนไทยไม่ยอม คนไทยนี้ต้องมีข้าว แม้ข้าวที่ปลูกในเมืองไทยจะสู้ข้าวที่ปลูกในต่างประเทศไม่ได้ เราก็ต้องปลูก”

ความบางตอนของพระบรมราโชวาท
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรโครงการพระราชดำริ
ที่บ้านโคกกูแว จ.นราธิวาส วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๓๖


ที่มา : เฟซบุ๊กเพจ ภาพพ่อ

'ผู้พันเบิร์ด' เผยที่มาก่อนการปรับปรุงสนามม้านางเลิ้ง สู่ 'อุทยานเฉลิมพระเกียรติ ร.9' จากแนวพระราชดำริในหลวง

เผยพระราชดำริ 'ในหลวง' ก่อนปรับปรุงสนามม้านางเลิ้งเป็นสวนสาธารณะ-หวังลดปัญหาจากการพนันม้า 'ผู้พันเบิร์ด' มองผู้ใช้เดิมไม่ต่อสัญญา สุ่มเสี่ยงถูกฮุบพื้นที่ ชี้ที่ดินทรัพย์สินฯ อดีต-ปัจจุบัน นำไปเช่าช่วงต่อทำกำไรพร้อม ระบุภายภาคหน้าจะยังได้เห็นหลายสิ่งที่พัฒนาสถาพรต่อไป

(13 ต.ค.65) พันเอกวันชนะ สวัสดี หรือ ผู้พันเบิร์ด จิตอาสา 904 เปิดเผยถึงความเป็นมาในการใช้ที่ดินสนามม้านางเลิ้ง และแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการปรับปรุงพื้นที่เป็นอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ สวนสาธารณะขนาดใหญ่ ปอดแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ และเป็นพื้นที่จอดรถของโรงพยาบาลรามาธิบดี

โดยระบุว่า สนามม้านางเลิ้งถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัย ร.6 ตอนนั้นบริบทสังคมกับการแข่งม้าถือเป็นเรื่องใหม่ มีพันธุ์ม้าต่างประเทศเข้ามามาก ร.6 สร้างสนามม้านี้เพื่อเป็นการพัฒนาพันธุ์ม้าในประเทศไทยในภาพรวม อันหมายถึง การแข่งขันที่เป็นกีฬา การค้าขายอาหารเพื่อส่งเสริมธุรกิจชุมชน การพักผ่อน และธุรกิจกีฬา เมื่อวันเวลาผ่านไป บริบทสังคมเปลี่ยนวัตถุประสงค์เหล่านี้ก็เปลี่ยนและลดลง มีการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง มีผู้มีอิทธิพลในการแข่งขัน สามารถกำหนดผลแพ้ชนะได้

ที่สำคัญในการปรับปรุงครั้งนี้คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเห็นว่า การพนันมีผลเสียเกิดขึ้นมากในวงกว้าง และตามมาซึ่งปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด สุดท้ายก็กระทบกับครอบครัว ครอบครัวแตกแยก จึงเป็นที่มาและเหตุผลที่ปรับปรุงครั้งนี้

“ผมมาคิดต่อว่า การขอที่ดินคืนครั้งนี้ก็ขอคืนในขณะที่หมดสัญญาเช่าไปก่อนหน้านี้นานแล้ว ค่าเช่าก็ไม่แพง เพียงเดือนละ 10,000 บาท แต่กลับเอาไปหากินกับการพนันมีเงินหมุนเวียนสัปดาห์ละหลายร้อยล้านบาท ขอสังเกตคือ การที่สัญญาหมดไปนานแล้ว แต่ไม่มีการต่อสัญญา แสดงให้เห็นถึงความไม่ชัดเจนของสิทธิครอบครองที่ดิน ก็มีความเป็นไปได้ในเรื่องการฮุบเอาที่ดินทรัพย์สินไปเป็นของกลุ่มคนได้ในอนาคต เรื่องนี้เคยเกิดมาแล้วในช่วง 2475 และปัจจุบัน ก็ยังมีอีกหลายพื้นที่ ที่ไม่ชัดเจน มีกลุ่มคนเข้าใช้ประโยชน์ที่ดินทรัพย์สินหาประโยชน์เข้าตัวเองอยู่ แค่ปล่อยเช่าช่วงต่อก็ได้กำไรหลายแล้ว ส่วนการทำความชัดเจนนี้ก็เพื่อให้มีเจ้าของที่ดินถูกต้องและเสียภาษีถูกต้องไม่คลุมเครือ”

และแน่นอนว่า เมื่อพระองค์ปรับปรุงสนามม้าครั้งนี้ ก็จะมีข่าวบิดเบือนออกมาทันทีว่า พระองค์จะเอาไปสร้างวัง จนมาถึงวันนี้ความจริงปรากฏแล้วว่าไม่จริงพวกที่บิดเบือนก็ไม่ได้ออกมายอมรับ ที่สำคัญคือ บิดเบือนปล่อยข่าวปลอมเป็นประจำจากคนเดิมๆ แต่ก็ยังมีคนเชื่อ และมีคนเอาไปขยายผลต่อ สร้างความเข้าใจที่ผิดต่อสถาบัน แต่ก็ยังมีคนเชื่อและเชียร์อยู่ คนบิดเบือนเหล่านี้หวังผลทางการเมืองและอำนาจเงินทองเข้ามาสู่ตนเองทั้งนั้น

‘ท่าน’ คือ ซูเปอร์ฮีโร่ของผม

“ผมมีความภาคภูมิใจนะที่เวลาไปต่างประเทศ ผมได้ ยกมือไหว้ แล้วพูดว่า สวัสดีครับ ผมมาจากประเทศไทย พูดภาษาไทย กินอาหารไทย ไปตามร้านอาหารเจอคนไทยเขาทัก จาพนม เขารู้จักเราคือมันไม่ได้ไกลจากเรานะ แต่เราไปอยู่ ณ จุดนั้นเราโชคดี ต้องขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่าง ขอบคุณแผ่นดินเกิดที่ทำให้เราได้เกิดมาและได้มีความฝัน ขอบคุณโลกของหนังที่เราชอบ โลกมาร์เชียลอาร์ต (ศิลปะการต่อสู้) ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลาย ๆ คน 

“ขอบคุณพระเจ้าอยู่หัว คิงภูมิพล...ท่านคือซูเปอร์ฮีโร่ของผมที่ทำให้ผมภูมิใจและทำให้ผมไม่ย่อท้อ สู้จนมีทุกวันนี้” 

ถ้อยคำจาก ‘จาพนม ยีรัมย์’ หรือ ‘โทนี่จา’ นักแสดงนำฮอลลีวู้ดจากเรื่อง ‘มอนสเตอร์ฮันเตอร์’ เจ้าของวลีเด็ด “ช้างกูอยู่ไหน”


 ที่มา : https://mgronline.com/entertainment/detail/9630000130079

ปรัชญาที่คนไทยควรรู้

จากผู้ใช้เฟซบุ๊ก Apisit Busayarasamee โดย พลตรี อภิสิทธิ์ บุศยารัศมี ได้โพสต์เรื่องราวที่เคยเขียนไว้เมื่อ 6 ปีก่อนเกี่ยวกับความทรงจำต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ความว่า...

เรื่องราวเมื่อ 6 ปีก่อน ที่ผมเขียนไว้

เมื่อ 2 ปีก่อน วันที่ 5 ธันวาคม 2557

ลูกสาวผมถามว่า “พ่อเคยเห็นในหลวงไหม?”

“เคย” ผมตอบลูกสาว

“เป็นโชคดีของพ่อ พ่อเคยเห็นในหลวงจริงๆ 4 ครั้ง ครั้งแรก ตอนพ่อเป็นนักเรียนนายร้อยปี 1 ปีนั้นเป็นปีครบรอบ 101 ปีโรงเรียนนายร้อย จปร. นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเพราะ ในปีที่โรงเรียนนายร้อย จปร.ครบ 100 ปีพระองค์ก็เสด็จมาแล้ว”

“ครั้งที่สองตอนสวนสนามราชวัลลภ ที่พ่อเป็นนักเรียนนายร้อยปี 2 ที่ลานพระรูปทรงม้า”

“ครั้งที่สามนี่เป็นครั้งสำคัญในชีวิตพ่อ คือพ่อได้รับพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตรจากพระองค์ เมื่อปี2536 ครั้งนั้นคุณย่าก็ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าด้วย”

“ทำไมพ่อต้องรับกระบี่ด้วย” ลูกสาวผมถาม “แล้วกระบี่นี่แทงคนได้ไหม?”

“กระบี่เป็นเครื่องประกอบเครื่องแต่งกายของนายทหารสัญญาบัตร ไม่ใช่เอาไว้ต่อสู้จริง” ผมเล่าต่อ “การรับพระราชทานกระบี่หมายถึงการที่พระเจ้าแผ่นดินมอบความไว้วางพระราชหฤทัยให้ถืออาวุธเพื่อปกป้องบ้านเมือง”

“ครั้งที่ 4 ก็เมื่อปี 2545 ตอนนั้นหนูยังอยู่ในท้องแม่เลย พระองค์เสด็จมาพระราชทานเข็มเครื่องหมายเสนาธิปัตย์ ที่เป็นเครื่องหมายสำคัญของนายทหาร ว่าจะรับใช้ราชวงศ์ด้วยความซื่อสัตย์จงรักภักดี”

ผมเล่าจบก็นึกถึงเรื่องของทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง

ผมได้ฟังอาจารย์ท่านหนึ่งเล่าว่า “เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้หมายถึงการเกษตร ปลูกข้าว เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู หรือมีชีวิตอยู่แบบยากจน แบบที่พวกเราเห็นกัน”

“แต่เศรษฐกิจพอเพียง นำไปใช้ได้ในทุกวงการ ในปี 2540 ที่พระองค์พระราชทานแนวพระราชดำรินั้นเป็นปีที่ประเทศประสบปัญหาวิกฤติ”

“แนวนั้นคือการไม่ทำตามกระแสทุนนิยมหลัก คือเงินซื้อได้ทุกสิ่ง

แต่เป็นการพอประมาณ คือไม่มากไม่น้อยไป เช่น การแต่งตัวของเราให้เหมาะกับกาลเทศะ สมฐานะ ไม่ใช่ตระหนี่

ให้มีเหตุผล มีความเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เห็นกล้วยออกเครือยาวๆ ก็ไปผูกผ้าสามสี และกราบไหว้ ขอหวย

และมีภูมิคุ้มกันคือไม่ประมาท เผื่ออนาคต เช่นการมีเพื่อน มีหัวหน้า เป็นต้น

ทุกอย่างอยู่ภายใต้การมีความรู้ ความรู้คือการเรียนแล้วนำไปประยุกต์ใช้ ไม่ใช่ปริญญาที่บ่งบอกการมีความรู้

และมีคุณธรรมคือเชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”

ทั้งหมดนี้คือปรัชญาที่คนไทยทุกคนควรรู้และนำไปใช้....นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อพสกนิกร....

‘ทั่วถิ่นทุรกันดาร’

พ่อเดินนำหน้า 
ลูกชายเดินตามหลังพ่อ 
ลูกสาวเดินตามพี่ชายและพ่อ 

ทั้ง 3 พระองค์ทรงไปในถิ่นทุรกันดารที่ไม่เคยมีนักการเมืองคนไหนเดินไปถึง 

ขอน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้


ที่มา: เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค

'คปภ. ปลุกพลังนักบิด' จัดโครงการเชิงรุก!! นำร่องส่งเสริมการทำประกันภัย พรบ.

วันที่ 12 ตุลาคม 2565 เวลา 10.00 น. ที่บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาขน) นิคมอุตสาหกรรมบางปู โรงงาน 5 ต.แพกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ โดย คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) จับมือ คนสมุทรปราการ เพื่อรณรงค์ปลุกพลังนักบิดเพื่อทำประกันภัย พ.ร.บ. โดย ตั้งเป้านำร่องให้นิคมอุตสาหกรรมบางปู และ นักบิดในจังหวัดสมุทรปราการ เข้าสู่การทำประกันภัย พ.ร.บ. 100% 

โดยมี นายชัยยุทธ มังศรี รองเลขาธิการด้านกฎหมาย คดี และคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงาน คปภ. ได้รับมอบหมายจาก ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานในพิธี พร้อมทั้งกล่าวเปิดงานในครั้งนี้  มีนายภูธนะ ชมภูมิ่ง หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวถึงนโยบายในการดำเนินงานเพื่อสอดรับการดำเนินงานโครงการ และมี นางสาวสิริพักตร์ สุวรรณทัต ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายสำนักนายทะเบียนคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ กล่าวรายงาน และวัตถุประสงค์ของการจัดงาน 

โดยมี นายวิชัย ศักดิ์สุริยา รองประธานฝ่ายบริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาขน) กล่าวให้การต้อนรับ พร้อมด้วย นายสัญญา จันทร์โท ผู้ช่วยผู้อำนวยการ นิคมอุตสาหกรรมบางปู นายพชร ศศิชาชยามร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรปราการ พ.ต.ท. เกียรติวิรุฬห์ จันทร์ดี รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.บางปู นายเกษม สังข์ภิรมย์ ผู้อำนวยการฝ่ายรับประกันภัยและการตลาด บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด นายเกียรติศักดิ์ สุวรรณพิมล ผู้จัดการภาคกลาง (พระนครศรีอยุธยา) บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถจำกัด ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติ ตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาสาสมัครประกันภัย และพนักงาน บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาขน) เข้าร่วมในโครงการครั้งนี้

เนื่องด้วย ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย รวมถึงคุ้มครองและส่งเสริมให้ประชาชนได้รับสิทธิประโยชน์ครบถ้วนจากการประกันภัย โดยฝ่ายสำนักนายทะเบียนคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของสำนักงาน คปภ. มีหน้าที่ในการขับเคลื่อนประกันภัย พ.ร.บ. ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งเป็นประกันภัยรถภาคบังคับที่จะช่วยเหลือให้ประชาชนทุกคนได้รับความคุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย อันเนื่องมากจากเหตุประสบภัยจากรถ และที่ให้ความคุ้มครองประชาชนที่ประสบอุบัติเหตุจากรถให้ได้รับการชดเชยค่าเสียหายในเบื้องต้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดจากเหตุประสบภัยจากรถ โดยกฎหมายได้กำหนดให้รถทุกคันต้องทำประกันภัยรถภาคบังคับ (ประกันภัย พ.ร.บ.) กับบริษัทประกันภัยเพื่อว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุจากรถ ผู้ประสบภัยจากรถทุกคนจะได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัยอย่างทันท่วงที 

แห่บุญกฐิน!! พุทธศาสนิกชนจำนวนมาก ร่วมทอดกฐินสามัคคี ถวายวัดบางพลีใหญ่กลาง 

ที่ศาลาการเปรียญ วัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ วัดบางพลีใหญ่กลาง ร่วมกับ ครอบครัวฟักศิริ ครอบครัวคล้ายนิยมและพุทธศาสนิกชน ร่วมจัดพิธีทอดผ้ากฐินสามัคคีประจำปี 2565 โดย ได้รับความเมตตาจากท่าน พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ 

โดยมี คุณพ่อสมาน คุณแม่นิล ฟักศิริ เป็นประธานฝ่ายอุปถัมภ์ พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ตลอดจนครอบครัวคล้ายนิยม คหบดี ผู้ใจบุญตัวแทนสถานประกอบการ บริษัท ห้างร้าน คณะกรรมการ ไวยาวัจกรวัดบางพลีใหญ่กลาง หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอำเภอบางพลี คณะครู นักเรียนโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง คณะศิษยานุศิษย์ และพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก รวมทั้ง พี่น้องประชาชนชาวอำเภอบางพลี ร่วมกันถวายผ้ากฐิน ประจำปี 2565


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top