Monday, 7 July 2025
NEWS

พัทยา พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร จ.นนทบุรี และ จ.สมุทรปราการ ช่วงวันหยุดพิเศษ การประชุม APEC 2022

จากที่ ครม. อนุมัติให้วันที่ 16-18 พ.ย. 2565 เป็น 'วันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ' เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จ.นนทบุรี และ จ.สมุทรปราการ ในการประชุม APEC 2022 ซึ่งเมืองพัทยา รวมถึงสถานท่องเที่ยวเมืองพัทยาหลายแห่งได้มีความเตรียมพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวทั้ง 3 จังหวัด กทม. นนทบุรี สมุทรปราการ ในช่วงวันหยุดพิเศษ

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น เกาะล้าน มีการจองห้องพักในช่วงวันหยุด รวมถึงโรงแรมต่างๆในพัทยาก็มีการจองห้องพักจากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวเช่น สวนนงนุชพัทยา มีการร่วมเฉลิมฉลองกับการประชุม APEC โดยนำต้นเฟื้องฟ้ามาประดับตกแต่งให้มีสีสันสวยงาม เพื่อตอนรับนักท่องเที่ยว ซึ่งในสวนนงนุชพัทยามีสายพันธุ์ต้นเฟื่องฟ้าที่มากที่สุดในโลก

หมอหนุ่มวัย 28 ปี เปิดเพจเล่าเรื่องเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ทั้งที่ดูแลสุขภาพอย่างดี ด้านชาวเน็ตแห่ให้กำลังใจ

(11 พ.ย. 65) นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล อาจารย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อายุ 28 ปี เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ได้เปิด เพจ ชื่อ 'สู้ดิวะ' เล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเอง ดังนี้...

สวัสดีครับ
วันนี้จะขอแนะนำตัวเองนิดนึงครับ
ผมชื่อ กฤตไท ธนสมบัติกุล ครับ ปัจจุบันอายุ 28 ปีครับ
ผมจะพยายามเล่าให้กระชับที่สุดละกันนะครับ

ผมเกิดในครอบครัวใหญ่ครับ นึกภาพครอบครัวที่มีอากงอาม่า กับหลาน ๆ หลายสิบชีวิตครับ

ผมมีชีวิตวัยเด็กที่มีความสุขมาก ๆ ครับ กินเก่ง เล่นเก่ง พูดเยอะ เป็นเด็กน้อยตาตี่อ้วนกลมที่อารมณ์ดีมาก ๆ ครับ

แต่ชีวิตผมก็มีจุดเปลี่ยนตรงช่วงมัธยมต้น ครอบครัวผมมีปัญหานิดหน่อย พ่อแม่ผมท่านได้ตัดสินใจอยู่ห่างกัน ซึ่งดีต่อท่านทั้งสองจริง ๆ แต่ในมุมของผม มันทำให้ผมต้องเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะต้องอยู่กับแม่และน้องสาว ผมต้องเป็นผู้ใหญ่ทันที

ซึ่งมองย้อนกลับไป ผมขอบคุณเหตุการณ์ครั้งนั้นมาก ๆ ที่ทำให้ผมได้อ่านหนังสือ ได้พัฒนาความคิดและทัศนคติตัวเองขึ้นมา ถ้าไม่ได้เจอเรื่องนี้ ผมคงยังเป็นคุณชาย เป็นเด็กมัธยมธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

ผมเป็นคนที่มีเพื่อนฝูงมากมายตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยม คือต้องบอกว่าผมให้ความสำคัญกับเรื่องเพื่อนมากกว่าเรื่องเรียน

ผมได้มีช่วงชีวิต 6 ปีที่ทรงคุณค่าที่สุดในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ผม OSK 131 ครับ

แน่นอนครับ ขึ้นชื่อว่าสวนกุหลาบ ผมมีความเป็นสวนกุหลาบอย่างที่สุด และผมมีเพื่อนสวนกุหลาบที่เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม

ผมได้ถูกปลูกฝังให้เป็นสุภาพบุรุษสวนกุหลาบ รักเพื่อน เคารพพี่ นับถือครู กตัญญูพ่อแม่ ดูแลน้อง

หลังจากจบสวนกุหลาบ ผมได้สอบติด คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รุ่น 56 ครับ

ชีวิตได้ขึ้นเหนือในวัย 18 ปี เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตที่สำคัญเลยครับ จากเด็กกรุงเทพ ย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศเชียงใหม่

โอเค ผมเรียนหมอ 6 ปีครบตามเวลา ไม่ขาดไม่เกินครับ เนื่องจากว่าผมมาเชียงใหม่คนเดียว จึงได้มามีเพื่อนใหม่ที่นี่ทั้งหมด ผมโคตรรักพวกมันเลย เพื่อนชาวเหนือ พาผมไปกินอาหารแปลก ๆ เรียนรู้วัฒนธรรม คำเมือง การใช้ชีวิต ซึ่งทุกอย่างมันมาผ่านบาสเกตบอลครับ ผมเป็นนักบาสเกตบอลของคณะแพทย์เชียงใหม่ที่ยิ่งใหญ่ครับ เรื่องราวเยอะมาก ๆ

คราวนี้ผมเรียนจบหมอละ ก็เรียนต่อเฉพาะทางต่ออีก 3 ปีทันทีเลยครับ

ผมเลือกสาขา เวชศาสตร์ครอบครัว (Family Medicine) เป็นแพทย์ใช้ทุนร่วมกับเรียนต่อเฉพาะทางที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ครับ เรื่องแฟมเมดเองก็เล่าได้อีกหนึ่งตอนใหญ่ ๆ เหมือนกันครับ ทำไมคนแบบผม ที่หยิบคนมาสิบคนก็ไม่มีใครบอกว่าผมดูเป็นหมอแฟมเมด แต่ทำไมผมถึงเลือกเรียนสาขานี้ และ ที่สำคัญคือทำไม ผมถึงเลือกที่เมื่อเรียนจบแล้ว ผมกลับไม่ได้ปฏิบัติงานในฐานะหมอแฟมเมด แต่กลับย้ายมาทำงานสายระบาดวิทยาคลินิก น่าสนุกใช่ไหมครับ ไว้เรามาว่ากันครับ

ระหว่างที่เรียนเฉพาะทาง ผมก็ฟิตมากพอที่จะไปศึกษา สาขาเฉพาะทางอีกอันหนึ่งคือ ระบาดวิทยาคลินิก (Clinical Epidemiology and Clinical Statistic) สาขาที่เรียกได้ว่าหลายคนในประเทศไทยอาจจะยังไม่รู้จักด้วยซ้ำ แต่หลัก ๆ คือเป็นศาสตร์ของการตอบโจทย์ ตอบปัญหาของหมอในกระบวนการรักษาคนไข้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และสถิติ สร้างผลงานวิจัยเพื่อช่วยให้กระบวนการดูแลคนไข้นั้นดีขึ้นครับ

และ

ผมยังฟิตกว่านั้น ด้วยการเรียนปริญญาโท วิทยาการข้อมูล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (Data Science) อีกใบพร้อมกันไปเลย สนุกมากครับ ปัจจุบันก็เรียนจบด้วยดี กำลังจะรับปริญญาแล้วครับ ได้เรียนรู้เรื่องข้อมูล เรื่องแนวคิดทางธุรกิจ การแก้ปัญหาด้วยแนวคิดทาง DS และวิธีการจัดการกับข้อมูลต่าง ๆ เพื่อพร้อมรับมือกับโลกอนาคตครับ

เคลียร์ความจริง!! จาก 10 ข้อบิดเบือนเรื่อง ม.112 หากไม่อยากเฉียดคุก อย่าหลงเชื่อการปั่นแบบผิดๆ

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ‘ม.112’ ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดอยู่เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะในม็อบ ในสภา หรือแม้แต่ในโลกโซเชียลก็ตาม

ทว่า…สิ่งที่คนทั่วไปเข้าใจเกี่ยวกับเรื่อง ม.112 นั้น ดูจะผิดทางไปเยอะเลย เพราะบางคนเอาแต่คิดว่าเป็นกฎหมายไม่ยุติธรรม บางคนถึงขั้นสาปแช่ง ด่าทอเสีย ๆ หาย ๆ ทั้งที่ตัวเองยังไม่เข้าใจกฎหมายมาตรานี้อย่างถ่องแท้ด้วยซ้ำ

ย้อนไปเมื่อวันที่ 7 พ.ย. 65 ช่องยูทูบ ‘Lue History’ ได้โพสต์คลิปความยาว 4.52 นาที อธิบายเรื่อง ม.112 โดยใช้ชื่อคลิปว่า ‘เคลียร์ชัดๆ กับ 10 ข้อบิดเบือนเรื่อง ม.112’ ซึ่งเป็นการนำคลิปที่พูดถึงม.112 ในทางบิดเบือนและเผยแพร่ในโลกออนไลน์ มาเป็นตัวอย่างประกอบ โดยเนื้อหาในคลิปทั้งหมดระบุว่า…

1.) ใครจะแจ้งความก็ได้ เพราะมาตรา 112 อยู่ในหมวดความมั่นคง เป็นอาญาแผ่นดินไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เสียหายก็ฟ้องได้ จากสถิติครึ่งหนึ่งก็เป็นประชาชนนี่แหละ ที่ฟ้องกันเอง 
>> Lue History อธิบายว่า ถูกต้องแล้ว ใครก็แจ้งความได้ ใจคอจะให้ในหลวงมาแจ้งความด้วยตัวเองเลยหรือไง? แล้วที่มาบอกว่าอยากจะแจ้ง ก็เดินไปแจ้งที่สน. ได้เลยเนี่ย อันนี้ไม่ถูก เพราะการจะแจ้งความในมาตรานี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ เพราะต้องไปพร้อมเอกสารที่ชัดเจน ไม่เช่นนั้นตำรวจไม่รับแจ้งความ

2.) คดีออนไลน์จะแจ้งความจากที่ไหนก็ได้ เพราะอำนวยความสะดวกให้ผู้ฟ้อง 
>> Lue History อธิบายว่า คดีออนไลน์ ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ฟ้อง ไม่ใช่ผู้กระทำผิด ส่วนหากกังวลเรื่องการกลั่นแกล้งนั้น ก็เกี่ยวโยงกับข้อแรกเต็มๆ เพราะหากไม่ได้กระทำผิด แล้วไปฟ้องแจ้งความเพื่อกลั่นแกล้งกัน ก็จะโดนข้อหา แจ้งความเท็จ ติดคุก 5 ปี ฉะนั้นหากไม่ได้ทำผิด ไม่ต้องกลัว!!

3.) ตามกฎหมายแล้วตำรวจ อัยการ และผู้พิพากษาที่รับคดีมาจะไม่มีอำนาจตัดสินใจเอง เพราะต้องผ่านคณะกรรมการกลางที่มีตำรวจระดับสูง และผู้พิพากษาระดับสูงก่อน 
>> Lue History อธิบายว่า นี่คือเหตุผลว่า การฟ้องมาตรา 112 ไม่ได้ทำกันง่ายๆ ไม่ได้กลั่นแกล้งกันง่ายๆ เพราะว่ามีขั้นตอนการกลั่นกรองตรวจสอบ 

4.) คดี 112 เป็นคดีนโยบาย รัฐบาลจะสั่งให้หยุดใช้เมื่อใดก็ได้ และที่ผ่านมาก็มีการบังคับใช้เป็นระลอก ตามช่วงเวลาสำคัญทางการเมือง
>> Lue History อธิบายว่า ไม่มีหรอกคดีนโยบาย และรัฐบาลจะสั่งให้ใช้หรือไม่ให้ใช้ไม่ได้ เพราะ ม.112 เป็นมาตราหนึ่งในรัฐธรรมนูญ (กฎหมายสูงสุด) แม้แต่ในหลวงก็สั่งไม่ได้ เพราะในหลวงอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ และเช่นกันถ้ามีใครมาร้องเรียนแล้วมีหลักฐานเพียงพอ ถ้าภาครัฐไม่ปฏิบัติตาม ถือว่ามีความผิดมาตรา 157 

'อลงกรณ์' คิกออฟงาน 'ประเพณีแรกนาเกลือ' ครั้งแรกของประเทศส่งเสริมวัฒนธรรมซอฟท์เพาเวอร์ผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่ภายใต้แผนพัฒนาเกลือทะเลไทย

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาเกลือทะเลไทยของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงานอนุรักษ์และสืบสาน 'ประเพณีแรกนาเกลือ'เต็มรูปแบบภูมิปัญญาด้านเกลือทะเล ครั้งแรกของประเทศในวันนี้ที่ตำบลโคกขาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร

นายอลงกรณ์ กล่าวเปิดงานว่า การจัดงานอนุรักษ์และสืบสาน 'ประเพณีแรกนาเกลือ' ครั้งนี้ ถือเป็นการจัดงานครั้งแรกแบบเต็มรูปแบบภูมิปัญญาและวัฒนธรรมการทำนาเกลือทะเล ซึ่งจะเป็นต้นแบบให้กับจังหวัดอื่น ๆ ที่มีการประกอบอาชีพทำนาเกลือทะเล ได้แก่ เพชรบุรี สมุทรสงคราม ฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี และปัตตานี ได้นำไปประยุกต์ในการจัดงานในปีต่อ ๆ ไป ถือเป็นการรื้อฟื้นประเพณีโบราณของนาเกลือเพื่อความเป็นสิริมงคลฤกษ์งามยามดีสู่ผลผลิตที่สมบูรณ์ต่อยอดด้วยมาตรฐานและคุณภาพใหม่ (มาตรฐานสินค้าเกษตร (มกษ.) และการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์หลากหลายสร้าง Story สร้างแบรนด์ด้วยการตลาดยุคดิจิทัลและแนวทางซอฟท์เพาเวอร์(Soft power) ซึ่งก่อนหน้านี้ได้จัดงานสืบสานประเพณี 'ทำขวัญเกลือ' เป็นครั้งแรกที่อำเภอบ้านแหลมจังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันที่28 มกราคม 2565ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ภายในงานนี้ยังมีการจัดนิทรรศการของหน่วยงานภาคีเพื่อเป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเกลือทะเลเพื่อการเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ในด้านต่าง ๆ เช่น ทิศทางในการพัฒนาเกลือทะเลไทย ปี 2566 – 2570 จากสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาเกลือทะเลไทย กรมส่งเสริมการเกษตร การพัฒนาเกลือทะเลให้มีคุณภาพและมาตรฐาน (GAP เกลือทะเล) จากสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ การแสดงเทคโนโลยีการพัฒนาต้นแบบรถลำเลียงเกลือแบบตัวตักด้านหน้ากึ่งอัตโนมัติ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี และการเชื่อมโยงการทำนาเกลือกับกิจกรรมอื่น ๆ เช่น แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร การสร้างรายได้เสริมนอกฤดูกาลการทำนาเกลือ อาทิ การเลี้ยงสัตว์น้ำประมงชายฝั่ง การเพาะเลี้ยงและการแปรรูปสาหร่ายพวงองุ่น และการแปรรูปเกลือทะเลเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมทั้งการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเกลือทะเล เช่น อาหารทะเลแปรรูป แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร และร้านอาหารและที่พักที่อยู่ในการท่องเที่ยวเส้นทางเกลือ ภายใต้แนวคิด 'Salt Sand Seafood'

“เกลือทะเลนั้นมีประวัติศาสตร์ยาวนานคู่กับประวัติศาสตร์ไทย ส่วนประวัติศาสตร์เกลือโลกนั้นในยุโรปยุคกรีก-โรมันเรียกเกลือว่า สสารแห่งพระเจ้า เป็นยุทธปัจจัยและสารอาหารที่สำคัญมาก สำหรับประเทศไทยมีการทำนาเกลือมากว่า800ปีการฟื้นฟูให้ความสำคัญกับพิธีแรกนาเกลือและพิธีทำขวัญเกลือจึงเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเกลือทะเลไทยเพื่อสร้างขวัญกำลังใจและสร้างแบรนด์เกลือทะเลไทย” นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด

'ประเพณีแรกนาเกลือ' เป็นการประกอบพิธีกรรมการเริ่มทำนาเกลือในฤดูกาลใหม่ ที่จัดขึ้นก่อนเริ่มทำนาเกลือในแต่ละปี คือประมาณเดือนพฤศจิกายนหรือช่วงหลังออกพรรษา โดยถือฤกษ์ยามอันดีคือตรงกับวันพฤหัสบดีและวันธงชัย ในเวลาเช้าของวัน ตั้งแต่ 07.00 เป็นต้นไป ผู้ทำพิธีจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก โดยชาวนาเกลือมีความเชื่อว่าเป็นพิธีกรรมที่เกิดขึ้นจากความเชื่อในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลในการทำนาเกลือ ทำให้การทำนาเกลือมีความราบรื่น ไม่มีอุปสรรค และได้ผลผลิตเกลือเป็นจำนวนมาก เพื่อให้การทำนาเกลือได้ผลผลิตตามที่ต้องการ และประสบผลสำเร็จในการทำนาเกลือ จึงมีพิธีเซ่นไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยของมงคล อาทิ ขนมต้มแดงต้มขาว ขนมขี้หนู ไข่ต้ม หัวหมู เป็ดพะโล้ และผลไม้มงคล 9 อย่าง เป็นต้นการจัดงานเริ่มจากพิธีสงฆ์ โดยพระสงฆ์ จำนวน 9 รูป เจริญพระพุทธมนต์ รับประเคนภัตตาหารเช้า และให้พรเพื่อความเป็นสิริมงคล แล้วจึงเริ่มประกอบพิธีแรกนาเกลือ โดยพราหมณ์หรือเจ้าพิธีทำพิธีบวงสรวงเชิญเทพยดา ถวายเครื่องสักการะเป็นเครื่องบูชาในการประกอบพิธีแรกนาเกลือ ประธานในพิธีและแขกผู้มีเกียรติจุดธูปเทียนสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์นำกระทงบรรจุขนมมงคลไปวางอยู่บริเวณหูนา นำพลั่วขุดดินขานานำน้ำแก่เข้านาเพื่อเริ่มการทำนาเกลือทะเล โดยประธานประพรมน้ำพระพุทธมนต์ พร้อมลั่นฆ้องเพื่อเป็นสัญญาณการเริ่มต้นการแรกนาเกลือ บริเวณนาเกลือเพื่อเป็นสิริมงคล เป็นอันเสร็จพิธี

พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. เชิญหน่วยข่าวกรองด้านความมั่นคงทั้งตำรวจ ทหาร และพลเรือน เพื่อประชุมด้านการข่าวความมั่นคง

(10 พ.ย. 65) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. และพล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้เชิญหน่วยข่าวกรองด้านความมั่นคงทั้งตำรวจ ทหาร และพลเรือน เพื่อประชุมด้านการข่าวความมั่นคง ติดตามสถานการณ์ และร่วมกันประเมินภัยคุกคามด้านต่าง ๆ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้จัดตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ด้านการข่าวและการสืบสวน (CCOC) เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. 65 โดยมี 4 ภารกิจที่สำคัญ ได้แก่
​1. การตรวจสอบจุดสูงข่มในพื้นที่ กทม. สถานที่พัก หอประชุม เส้นทางต่าง ๆ
​2. การตรวจสอบและเก็บรวบรวมใบหน้าบุคคลและทะเบียนยานพาหนะ
​3. การเตรียมข้อมูลด้านการข่าว จำนวน 25 สถานที่ ตลอดจนการป้องกันเหตุร้ายต่าง ๆ
​4. การแสวงหาความร่วมมือภาคประชาชนและการจัดทำโครงการ Stop Walk & Talk

คนไทยในชิคาโก ปลื้ม!! ได้เจอ ‘ลิซ่า’ ตัวจริง!! แถมได้ทำเมนู ‘ลูกชิ้นยืนกิน-ส้มตำ’ ให้ทานอีกด้วย

เรียกว่าทำเอาชาวบลิ๊ง หรือแฟนคลับของวงแบล็กพิงก์ ฮือฮากันอีกครั้ง เมื่อ ลิซ่า ลลิษา มโนบาล แห่งวง Blackpink ที่กำลังทัวร์คอนเสิร์ตที่อเมริกาอยู่นั้น โดยช่วงเวลานี้ สาว ๆ กำลังทัวร์กันอยู่ที่ United Center ชิคาโก

ซึ่ง ลิซ่า ได้ออกมาโพสต์ภาพลงในสตอรี่อินสตาแกรม เป็นภาพอาหารไทย อย่างลูกชิ้นยืนกิน ขนมถ้วย ชาไทย และขนมเปี๊ยะลาวา จนหลายคนบอกว่า ต้องเป็นเมนูฮิตเมนูต่อไป หลังจากเธอได้ออกมากินโรตีสายไหม จนทำให้เป็นกระแสไปก่อนหน้านี้

ล่าสุด ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Nuttanon Inkaew ซึ่งอยู่ที่ร้านอาหารไทย Krung Thep Thai Cuisine ในชิคาโก ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เล่าความประทับใจว่า

“วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่สุดแสนประทับใจ ไม่คิดว่าจะมีโอกาสใกล้ชิด ได้ดูแล ใกล้ๆ ขนาดนี้ ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีโอกาส ได้ทำอาหารให้น้องกิน ตอนแรกที่เดินออกมา แล้วเห็นน้องแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ขนลุกซู่!!! ทำอะไรไม่ถูกเลย ดีใจมากๆๆๆ

ตอนไปคุยกับน้อง ๆ เฟรนลี่มาก เราถามน้องว่าอยากกินลูกชิ้นยืนกินมั้ย น้องตอบว่ามีด้วยหรอคะ เราก็บอกว่าเดี๋ยวพี่ทำให้ เป็นพิเศษสำหรับน้อง น้องยิ้มและดีใจ พร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ เราก็รีบเขาไปทำอาหารให้น้องทันที ในใจตอนนั้นคือถามตัวเองกูฝันไปรึป่าววะ ???

น้องสั่ง ตำป่าน้ำปู แอดกุ้งสด แอดขนมจีน เราจัดชุดใหญ่ให้น้องเลยเสิร์ฟใส่ถาดพร้อมเครื่องเคียง น้องสั่งก๋วยเตี๋ยวเรือ ยำกุ้งสดไข่เเดง ผักบุ้งหมูกรอบ ข้าวผัด ฯลฯ แล้วเราก็ทำลูกชิ้นยืนกินมาให้น้อง แล้วถามน้องว่าอาหารโอเคมั้ยคับ น้องยิ้มแล้วตอบมาว่าอร่อยมากค่ะ ไม่ได้กินแบบนี้มานานแล้ว ที่เกาหลีก็ไม่มี แล้วเราก็ปล่อยให้น้องกิน

เราแอบมองน้องกิน เห็นน้องกินส้มตำ อย่างเอร็ดอร่อย ตบท้ายด้วยของหวาน ขนมถ้วย น้องสั่งอาหารเยอะ กินไม่หมด น้องน่ารักมากขอห่อกลับไปกินที่โรงแรม เราก็เอาอาหารไปแพคให้น้องกลับบ้าน จากนั้นน้องก็บอกเช็กบิล

นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ตรวจเยี่ยมร้านปันรักษ์ทั้ง 4 สาขา เตรียมพัฒนาต่อยอด มุ่งสร้างรายได้ให้ครอบครัวตำรวจ อย่างยั่งยืน

วันนี้ 10 พฤศจิกายน 2565 ที่สมาคมแม่บ้านตำรวจ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา คุณสุมนา กิตติประภัสร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ พร้อมด้วย คุณนิภาพรรณ สุขวิมล อุปนายกสมาคมฯ พร้อมคณะได้ตรวจเยี่ยม ร้านปันรักษ์ คาเฟ่ สาขาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

โดยมี คุณวัชรี แก้วแสงเอก ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจนครบาล, คุณลภัทธิตา จินตกานนท์ รองประธานชมรมแม่บ้านตำรวจนครบาล และ คณะแม่บ้านตำรวจนครบาล ให้การต้อนรับ ก่อนจะเดินทางเยี่ยมร้านปันรักษ์ สาขาโรงพยาบาลตำรวจ

กลุ่ม ปตท. ผนึกกำลัง เดินหน้ารุกธุรกิจน้ำมันเครื่องบินเพื่อสิ่งแวดล้อม สร้างสังคมศก.คาร์บอนต่ำ รับเป้าหมาย Net Zero

กลุ่ม ปตท. ผนึกกำลัง รุกธุรกิจน้ำมันเครื่องบินเพื่อสิ่งแวดล้อม สร้างสังคมเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ขับเคลื่อนเป้าหมาย Net Zero ดันไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

(9 พ.ย. 65) นายนพดล ปิ่นสุภา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการศึกษา พัฒนาและลงทุนผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) ระหว่างบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดย นายจตุรงค์ วรวิทย์สุรวัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่แผนกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (Thai Oil) โดย นายรัฐกร กัมปนาทแสนยากร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านกลยุทธ์องค์กร  บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC) โดย นางวราวรรณ ทิพพาวนิช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์องค์กร บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) โดย นายสมเกียรติ เลิศฤทธิ์ภูวดล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลยุทธ์ แผนและพัฒนาธุรกิจองค์กร และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) โดย นายทรงพล เทพนำโสมนัสส์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจเอนเนอร์ยี่โซลูชัน ร่วมลงนาม 

การลงนามในครั้งนี้ผนวกรวมองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของกลุ่ม ปตท. ในการประกอบธุรกิจโรงกลั่น พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และการพัฒนากระบวนการกลั่นผลิตภัณฑ์น้ำมันที่มีประสิทธิภาพสูงจาก Thai Oil, GC และ IRPC ตลอดจนความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยานมาอย่างยาวนานทั้งในประเทศและต่างประเทศของ OR  มาต่อยอดการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพแบบยั่งยืน ซึ่งเป็นพลังงานแห่งอนาคตที่มีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพ มาตรฐานระดับโลก ได้แก่ เทคโนโลยีการผลิต Hydroprocessed Esters and Fatty Acids (HEFA) และ Alcohol to Jet (ATJ) มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก 

ชวนเที่ยวงาน โครงการหลวง 2565 'สุขภาพดี ชีวีสุขสันต์ กับผลิตภัณฑ์โครงการหลวง' 3-7 ธันวาคม 2565

มูลนิธิโครงการหลวง เตรียมจัดงาน 'โครงการหลวง 2565' ที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 3-7 ธันวาคม นี้ พบกับสินค้าคุณภาพกว่า 800 รายการ ภายใต้แนวคิด “สุขภาพดี ชีวีสุขสันต์ กับผลิตภัณฑ์โครงการหลวง”ณ  อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 ที่สวนแสดงพันธุ์พืช อุทยานหลวงราชพฤกษ์ นายจรัลธาดา กรรณสูต ประธานกรรมการมูลนิธิโครงการหลวง พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร มูลนิธิโครงการหลวง ประธานกรรมการฝ่ายอำนวยการงาน 'โครงการหลวง 2565' นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และ นายนิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) รองประธานกรรมการฝ่ายอำนวยการงาน 'โครงการหลวง 2565' ร่วมแถลงข่าวการจัดงานโครงการหลวง 2565 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-7 ธันวาคม 2565 ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้แนวคิด 'สุขภาพดี ชีวีสุขสันต์ กับผลิตภัณฑ์โครงการหลวง'

มูลนิธิโครงการหลวงได้กำหนดจัดงาน 'โครงการหลวง 2565'  ขึ้น ภายใต้แนวความคิด “สุขภาพดี ชีวี  สุขสันต์ กับผลิตภัณฑ์โครงการหลวง” ในระหว่างวันที่  3-7 ธันวาคม 2565 ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ การจัดงานประจำปีของโครงการหลวง เริ่มทดลองจัดงานครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.2523 ณ สวนอัมพร ในชื่องานเกษตรหลวง และปีต่อมาโครงการหลวงจึงเริ่มจัดตั้งหน่วยการตลาด เพื่อช่วยบริหารจัดการผลผลิตของเกษตรกร และผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการแปรรูป จำหน่ายแก่ประชาชนผู้บริโภค ภายใต้ตราสัญลักษณ์ 'ดอยคำ' และเปลี่ยนมาเป็นตราสัญลักษณ์ 'โครงการหลวง' ในปี พ.ศ. 2548 พืชอาหารโครงการหลวงผ่านการรับรองมาตรฐานอาหารปลอดภัย ตั้งแต่ระดับไร่นาจนถึงโรงงาน เน้นการใช้สารชีวภัณฑ์ ไม่ก่อเกิดอันตรายต่อทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม จึงได้รับความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคมาโดยตลอด นับตั้งแต่งานเกษตรหลวงครั้งแรกที่สวนอัมพร ในปี พ.ศ.2523 โครงการหลวงได้จัดงานประจำปีใหญ่ทั้งที่จังหวัดเชียงใหม่ และกรุงเทพฯ ในปี พ.ศ.2532 และจัดต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้                         

งาน 'โครงการหลวง 2565' ครั้งนี้จึงนับเป็น ครั้งที่ 34 ของการจัดงานที่จังหวัดเชียงใหม่ การจัดงาน 'โครงการหลวง 2565' ในครั้งนี้ ได้จัดนิทรรศการและกิจกรรมพิเศษมากกว่าปีอื่น ๆ อาทิ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ 'ถอดรหัส จากเขา สู่เรา' การแสดงผลงานที่ได้จากการวิจัย ผลผลิต ผลิตภัณฑ์ และ นวัตกรรมใหม่ ได้แก่ พันธุ์พืชใหม่ ๆ เช่น เบบี้คอสแดง และกาแฟพันธุ์ใหม่ สมาร์ทฟาร์ม การเลี้ยงปลาเรนโบว์เทร้าต์ ปลาสเตอร์เจียน การปลูกพืชในระบบวนเกษตรการจำลองบรรยากาศในแบบของสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ต้นพีช พืชต้นกำเนิดโครงการหลวง การสาธิตงานหัตถกกรรมพื้นที่สูงและการจำหน่ายสินค้าหัตถกรรม 

อีกทั้งจะได้สัมผัสกับทุ่งดอกเอเดลไวส์ ดอกไม้สายใยรัก ฟินไปกับไร่ชา ที่ไม่ต้องไปถึงบนดอย พบกับสาระน่ารู้ ความสนุกสนาน เพลิดเพลิน กับกิจกรรมต่าง ๆ  ได้แก่ การประกวด Tik Tok 'สุขภาพดี ชีวีสุขสันต์ กับผลิตภัณฑ์โครงการหลวง'  การแข่งขันเชฟกระทะเล็ก Family cooking ตกแต่งหน้าเค้ก การสาธิตอาหาร การเสวนาเด็กดอย 'บ้านสุขสันต์ ในฝันของฉัน' เดี่ยวไมค์กลุ่มผู้นำชุมชน การเสวนาหลากหลายเรื่องที่น่าสนใจ แบ่งปันความรู้คุณค่าอาหาร หัตถกรรมผ้าชนเผ่า และการแสดงดนตรี และการแสดงของชนเผ่าต่าง ๆ 

สำหรับผลิตผล และผลิตภัณฑ์โครงการหลวง โครงการส่วนพระองค์ ผลิตภัณฑ์ดอยคำ ที่จัดจำหน่ายในงานปีนี้ รวมกว่า 800 รายการ มาจัดจำหน่าย สินค้าใหม่แนะนำในปีนี้ คือ เมล่อนไต้หวัน 101 เป็นผลงานวิจัยใหม่ ซึ่งโครงการหลวงนำพันธุ์เข้ามาปลูกทดสอบที่ศูนย์ พัฒนาโครงการหลวงปังค่า จังหวัดพะเยา จนสามารถส่งเสริมเป็นอาชีพแก่เกษตรกร ชนเผ่าเมี่ยน หรือเย้า มี 2 สายพันธุ์ คือเนื้อสีขาวครีม และเนื้อสีเขียว มะเขือเทศเชอร์รี่เหลืองหวาน ชุดขวัญข้าว ชาหมักคอมบูชะ ผลิตภัณฑ์ใหม่ และสินค้าพิเศษจาก ดอยคำ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Ready to Cook ที่มีทั้ง น้ำแกงส้ม และน้ำต้มยำเข้มข้น, ซอสสปาเก็ตตีมะเขือเทศเข้มข้น, พิซซ่าสเปรด และอื่น ๆ อีกมากมาย

กระทรวงเกษตรฯ ร่วมไฮไลท์เอเปค 2022 ชู นโยบายเกษตรสร้างสรรค์ สู่ เกษตรมูลค่าสูง

กระทรวงเกษตรฯ ร่วมไฮไลท์เอเปค 2022 ชูนโยบายเกษตรสร้างสรรค์สู่เกษตรมูลค่าสูง เล็งตลาดสินค้าเกษตรคาแรคเตอร์11 ล้านล้านบาท ผนึกภาครัฐภาคเอกชนจัดงาน “ตลาดนัดสินค้าเกษตร X คาแรคเตอร์”18 - 20 พ.ย.นี้ ที่ตลาดน้ำ “อ.ต.ก.” หวังเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรและชุมชนอย่างยั่งยืน

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันนี้ภายหลังเป็นประธานการแถลงข่าวกิจกรรม“ตลาดนัดสินค้าเกษตร X คาแรคเตอร์” (Agriproducts X Character Market) เพื่อร่วมไฮไลท์งานการประชุมเอเปค 2022 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ร่วมกับ นายโฆษิต สุวินิจจิต ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนธุรกิจเกษตรฯ นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร นายปณิธาน มีไชยโย ผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.)

ดร. ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสานักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ นางดวงใจ คูห์ศรีวินิจ นายกสมาคม TCAP และผู้แทนผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ

โดยนายอลงกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ นโยบาย “ตลาดนำการผลิต”และนโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0” ของดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงมุ่งพัฒนาการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำเพื่อให้ประเทศไทยเป็นครัวของโลกและยกระดับสู่เกษตรมูลค่าสูงตามหมุดหมายใหม่ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่13โดยใช้แนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในรูปแบบคาแรคเตอร์มาเพิ่มมูลค่าของสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรของเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์และสถาบันเกษตรกรรวมทั้งการส่งเสริมสตาร์ทอัพเกษตรรุ่นใหม่

คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนธุรกิจเกษตร (Agribusiness) ของกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ โดยความร่วมมือของ กรมส่งเสริมการเกษตร องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ สมาคม TCAP จึงร่วมมือกันจัดงาน“ตลาดนัดสินค้าเกษตร X คาแรคเตอร์” ( Agriproducts X Character Market ) ระหว่าง วันที่ 18 – 20 พฤศจิกายน 2565 ณ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนาสินค้า เกษตรให้เป็นอัตลักษณ์ เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร เพิ่มโอกาสทางด้านการตลาดให้กับเกษตรกร และสินค้าเกษตร ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และเป็นการส่งเสริมและสร้างช่องทางในการนำคาแรคเตอร์ (character) ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในวงกว้าง ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม พัฒนาเกษตรกร/ผู้ประกอบการ ส่งเสริมให้เกิดการนำกระบวนการคิดเชิงสร้างสรรค์ไปใช้ในการพัฒนา ผลิตภัณฑ์และสร้างนวัตกรรม เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สนับสนุนเพื่อให้เกิดการใช้งานคาแรคเตอร์ (character) กับสินค้าเกษตรและสินค้าชุมชนทั่วประเทศ

นายอลงกรณ์กล่าวต่อไป ว่าจากข้อมูลของสมาคมลิขสิทธิ์นานาชาติหรือ LIMA ระบุว่า สำหรับปี 2021 จากภาพรวมของสินค้าและบริการที่นำเอาลิขสิทธิ์ของผลงานสร้างสรรค์ในรูปแบบต่าง ๆ มาใช้ในโลก ที่เพิ่งเผยแพร่เมื่อไม่นานมานี้ มีมูลค่า 315.5 พันล้าน เหรียญสหรัฐ โดยเพิ่มขึ้นมาจากปี 2019 ที่มีมูลค่า 292.8 พันล้านเหรียญ คือ ภายในสองปีเพิ่มขึ้นมาร้อยละ 7.75 แม้จะเป็นช่วงที่มีสถานการณ์ระบาดของโคโรนาไวรัสทั่วโลกก็ตาม

ข้อมูลดังกล่าวยังระบุอีกว่า มูลค่าของค่าลิขสิทธิ์ผลงานสร้างสรรค์ในช่วงเวลาเดียวกัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.6 โดยมีมูลค่าราว 17.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยจาก 10 ประเภท ของผลงานสร้างสรรค์ที่ถูกจำแนกไว้นั้น ประเภทที่มูลค่าสูงสุดถึง 129.9 พันล้านเหรียญ หรือคิดเป็นร้อยละ 41 ของทุกประเภท ก็คือ คาแรคเตอร์นี่เอง เพราะคาแรคเตอร์เป็นผลงานสร้างสรรค์ที่นำเอาไปใช้ได้ง่าย และเข้าถึงผู้บริโภคได้หลากหลายวิธีที่สุด ทั้งในรูปแบบการผลิตเป็นของเล่น เป็นภาพหรือลวดลายกราฟิกส์ที่เกี่ยวข้องบนเสื้อผ้าแฟชั่น หรืออยู่บนข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ทั่วไปรอบตัวเรา ที่น่าสนใจ คือ ในประเทศไทยมูลค่าการใช้คาแรคเตอร์สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลก ราวร้อยละ 20 (ร้อยละ 62 ของมูลค่ารวมโดยประมาณ) ติดต่อกันมาอย่างต่อ เนื่องหลายปีมาก ซึ่งจะสังเกตจากภาพการใช้คาแรคเตอร์มาส่งเสริมการขายและการตลาดของภาคธุรกิจในประเทศไทยได้ไม่ยากเลยในหลากหลายประเภทสินค้าที่ อยู่ในร้านสะดวกซื้อ ตามกิจกรรมการตลาดที่ประชาสัมพันธ์ออกมาตามสื่อต่าง ๆ หรือในการนำไปผลิตเป็นสินค้า ตลอดจนใช้ในการประชาสัมพันธ์การบริการต่าง ๆ ซึ่งเกือบทั้งหมดก็จะเป็นคาแรคเตอร์ชั้นนำ ที่ได้รับความนิยมจากต่างประเทศที่เรา รู้จักกันดีโดยแทบจะไม่มีคาแรคเตอร์ไทยไปแชร์ส่วนแบ่งตรงนี้ได้

โดยผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถาม เพื่อซื้อหรือขอใช้ลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ไปใช้ในการพัฒนาสินค้า โดยกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ จะขยายผลความร่วมมือนี้ให้กระจายไปสู่พี่น้องเกษตรกรและผู้ประกอบการ ทั่วประเทศต่อไป

นอกจากนี้ ยังมีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตทางด้านการเกษตร โดยการเชื่อมโยงสตาร์ทอัพด้านการเกษตรของประเทศไทย ที่มีนวัตกรรมด้านการเกษตร ที่สามารถส่งเสริมให้เกษตรกรโดยเฉพาะเกษตรกรรุ่นใหม่ Young Smart Farmer, Smart Farmer ที่มีศักยภาพสามารถประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และสร้างโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ รวมถึงสนับสนุนการขยายผลการใช้งานไปทั่วประเทศและภูมิภาคอาเซียน พร้อมทั้งวางบทบาทให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจที่ สำคัญสำหรับสตาร์ทอัพด้านการเกษตรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และขยายสู่ระดับโลกต่อไปโดยภายในงานมีสตาร์ทอัพ 3 ราย ที่จะนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์การสร้างรูปแบบตลาดใหม่ให้กับชีวิตคนเมือง พร้อมสร้างคุณค่าใหม่ให้กับสินค้าเกษตรได้อย่างยั่งยืน ได้แก่

“ส่งสด”เป็นการรวบรวมสินค้าเกษตรคุณภาพดีจากตลาดสด ให้ได้ของสด ของดี มีคุณภาพครบส่งตรงถึงครัวคุณ ร้านอาหาร และทุกธุรกิจที่ต้องการสินค้าเกษตร เป็นการเพิ่มช่องการขายสินค้าเกษตรให้ถึงมือผู้ใช้งาน

“วาริชธ์ “ที่มีบริการด้านการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรที่มีครบถ้วนทุกมาตรฐานการผลิต ในการสร้างช่องทางตลาดออนไลน์ จนถึงการส่งออกไปต่างประเทศ ดังนั้นสินค้าเกษตรที่จะล้นตลาด สามารถมาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าและมีตลาดให้เกิดขึ้นอย่างชัดเจน

ผู้บัญชาการทหารเรือ ตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญหน่วยเรือสวนสนามทางเรือนานาชาติ บน ร.ล.ภูมิพลอดุลยเดช ณ เมืองโยโกซุกะ ประเทศญี่ปุ่น

(9 พ.ย.65) พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมคณะ เดินทางมาตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญ หน่วยเรือสวนสนามทางเรือนานาชาติ เนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปี กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลประเทศญี่ปุ่น ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจสวนสนามทางเรือนานาชาติ (International Fleet Review 2022) โดยมี พล.ร.ต.โชคชัย เรืองแจ่ม ผบ.หน่วยเรือสวนสนามฯ ให้การต้อนรับ 

ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้กล่าวให้โอวาทโดยมีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า “การได้มาปฏิบัติราชการในต่างประเทศ นอกจากจะเป็นการแสดงออกถึงศักยภาพของกำลังรบทางเรือของประเทศแล้ว กำลังพลทุกนายยังได้นำพาเกียรติยศและศักดิ์ศรีของกองทัพเรือมาแสดงออกให้นานาอารยประเทศได้รับรู้ จึงขอให้กำลังพลทุกนายพึงระลึกรักษาเกียรติยศนี้ไว้” 

ผบ.ตร.พอใจการดูแลความปลอดภัยงานลอยกระทง

ผบ.ตร.พอใจการดูแลความปลอดภัยงานลอยกระทง ขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอย่างเข็มแข็ง สั่งดำเนินคดีคนจุดพลุ ผู้ว่าจ้าง เหตุพลุระเบิดนครพนม พร้อมถอดบทเรียน

(9 พ.ย.2565) เวลา 11.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.เปิดเผยถึง การดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงเทศกาลลอยกระทงเมื่อคืนที่ผ่านมา ว่า  “ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พอใจกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการ ดูแลความสงบเรียบร้อย อำนวยความสะดวกการจราจรในเทศกาลลอยประทง มีเหตุที่น่าสนใจ

เหตุพลุระเบิด บริเวณลานพนมนาคา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครพนม  มีผู้ได้รับบาดเจ็บ  15 คน  เบื้องต้นพบว่า หลังจากเปิดงาน  มีการจุดพลุจำนวน 3 ลูก โดยพลุลูกที่ 3 ระเบิดหลุดออกจากปล่องจุด ไม่พุ่งขึ้นไปบนฟ้า แตกกระจายไปบนพื้น โดนผู้คนที่มาเที่ยวงานได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้ผู้ได้รับบาดเจ็บได้รับการรักษา ทำแผลกลับบ้านหมดแล้ว ในทางคดี พบว่า การจุดพลุ ไม่ได้มีการขออนุญาตโดยถูกต้อง  พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดจำนวน 3 ราย ซึ่งเป็นคนที่จุดพลุ ผู้ว่าจ้าง และบุตรสาวของผู้ว่าจ้างทำหน้าที่ คอยส่งสัญญาณให้จุดพลุ ในข้อหา กระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ของผู้อื่น กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย และ ทำให้เกิดเสียงดังจนทำให้ประชาชนตกใจหรือเกิดความเดือดร้อน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 221, 390 และ 370 คดีนี้มีโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 7 ปี ส่วนการจัดทำพลุหรือจัดซื้อพลุ อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลว่า ได้ซื้อมาจากที่ใด และได้รับอนุญาตให้จำหน่ายหรือไม่ ซึ่งจะมีการดำเนินคดีต่อไป สำหรับการชดใช้หรือเยียวยาค่าเสียหาย เทศบาลนครพนม ได้แสดงความรับผิดโดยการจะชดใช้และเยียวยาให้กับผู้บาดเจ็บทุกราย ทั้งนี้ได้สั่งการให้หน่วยลงไปตรวจสอบโดยละเอียดถึงสาเหตุอีกครั้ง เพื่อนำมาถอดบทเรียนในการป้องกันเหตุต่อไป

ลอยกระทงวิถีใหม่ ชู soft power เผยแพร่ความงามสืบสานประเพณีไทย ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม สร้างมูลค่าเพิ่มฟื้นฟูเศรษฐกิจ

ลอยกระทงวิถีใหม่ ชู soft power เผยแพร่ความงามสืบสานประเพณีไทย ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม สร้างมูลค่าเพิ่มฟื้นฟูเศรษฐกิจ

กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมกับเครือข่ายทางวัฒนธรรม จัดงานประเพณีลอยกระทง พุทธศักราช ๒๕๖๕  #ลอยกระทงวิถีใหม่สืบสานประเพณีไทยสู่ความยั่งยืน เน้นคุณค่า สาระ ถ่ายทอดความงดงามของประเพณีในรูปแบบตลาดวัฒนธรรมงานวัดย้อนยุค สู่สายตานักท่องเที่ยว คุมเข้มมาตรการความปลอดภัยทางบก-ทางน้ำ ประชาชนพร้อมใจร่วมลดขยะ มาด้วยกันใช้กระทงร่วมกัน นักท่องเที่ยวคึกคักนุ่งผ้าไทย สร้างสีสัน เผยแพร่ soft power สู่สายตาชาวโลก  

​ในพิธีเปิดงานลอยกระทง ณ วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) ประธานกล่าวว่า

ปี ๒๕๖๕ นี้ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้จัดกิจกรรมลอยกระทงภายใต้แนวคิด “ลอยกระทงวิถีใหม่ สืบสาน ประเพณีไทย สู่ความยั่งยืน” เพื่อส่งเสริม เผยแพร่ค่านิยมและวัฒนธรรมความเป็นไทย ลอยกระทงเป็นประเพณีที่งดงาม มีคุณค่าสาระ สะท้อนภูมิปัญญาที่ให้คนตระหนักถึงความสำคัญและแสดงความกตัญญูต่อของแม่น้ำ ลำคลอง ที่ได้หล่อเลี้ยงชีวิต จึงเป็นประเพณีนิยมที่ควรอนุรักษ์ สืบสาน และต่อยอดให้เกิดความยั่งยืน สืบไป

ภายในพิธีเปิดงานได้รับเกียรติจากทูตานุทูตและผู้แทนสถานทูตประจำประเทศไทย ๑๒ ประเทศ ได้แก่ เกาหลีใต้ เวียดนาม กัมพูชา ญี่ปุ่น พม่า  สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ลาว  อินเดีย บรูไน และผู้แทนองค์กรต่างประเทศ คือ สหภาพยุโรป EU และศูนย์วัฒนธรรมเกาหลี โดยมี นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม พร้อมผู้บริหาร วธ. และเครือข่ายวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร ร่วมงาน

กิจกรรมภายในงาน ช่วงเช้าเริ่มด้วยการประกวดประดิษฐ์กระทงในประเภทสวยงามและประเภทสร้างสรรค์ ชิงโล่รางวัลพร้อมเกียรติบัตรและเงินรางวัลจากกระทรวงวัฒนธรรม และมีการจัดแสดงนิทรรศการเผยแพร่คุณค่าสาระความสำคัญของประเพณีลอยกระทง ให้ชาวไทยและนักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ และยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ได้แก่ สาธิตการทำกระทง สาธิตการทำเทียนหอม สาธิตการทำต้นไม้ฟอกอากาศจิ๋ว  สาธิตการทำอาหารไทย ผัดหมี่แดงสูตรโบราณ-ข้าวคลุกกะปิ สาธิตการทำขนมไทย บัวลอยและถั่วแปบ เป็นต้น ซึ่งผู้เข้าร่วมงานและนักท่องเที่ยวยังได้เดินชมงาน สัมผัสเสน่ห์ของประเพณีวัฒนธรรมในบรรยากาศแบบย้อนยุค

โดยในพิธีเปิดงาน เวลา ๑๘.๑๐ น. เริ่มด้วยการแสดงทางวัฒนธรรม จากนั้นนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ประธานกล่าวเปิดงาน และมอบโล่รางวัลพร้อมเกียรติบัตรเงินรางวัลรวม ๑๕๐,๐๐๐ บาท ในการประกวดกระทงในประเภทสวยงามและประเภทสร้างสรรค์ จำนวน ๑๒ รางวัล จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารวธ. คณะทูตานุทูต เครือข่ายหน่วยงานร่วมจัด ได้ร่วมกันลอยกระทง ณ บริเวณท่าน้ำวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร และได้เดินชมกิจกรรมสาธิตต่าง ๆ อาทิ การทำอาหาร-ขนมไทย มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ การทำผัดไทกุ้งสด การทำเมี่ยงคำสมุนไพรเสียบไม้ การทำขนมเบื้อง เป็นต้น และเที่ยวชมผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมในงานตลาดวัฒนธรรมงานวันย้อนยุค

นอกจากนี้ ยังได้ชื่นชมมหรสพความบันเทิงแบบไทย การแสดงพื้นบ้านของไทย ได้แก่ การแสดงนาฏศิลป์โดยเยาวชนจากสมาคมศิลปะเพื่อเยาวชน ประกอบด้วย การแสดงชุดสืบสานแห่งสายวารี การแสดงประทีปโคมสุโขทัย และการแสดงชุดลอยกระทงวิถีไทย เพลิดเพลินกับการแสดงดนตรีลูกทุ่งนำโดยศิลปินแห่งชาติ เพลิน พรหมแดน ปิดท้ายด้วยการขับร้องเพลงลูกทุ่ง โดยศิลปินลูกทุ่งรุ่นใหม่มาแรง ได้แก่  นัท มาลิสา, ปะแป้ง พลอยชมพู และ นัน ไมค์ทองคำ เป็นต้น และภายในวัดยังมีการจัดงาน “Bangkok River Festival 2022 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย ครั้งที่ ๘” โดยบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ซึ่งประชาชนสามารถเที่ยวชมร่วมกิจกรรมได้อย่างเต็มอิ่ม

ทั้งนี้ บรรยากาศภายในงานลอยกระทงวิถีใหม่ฯ คราคร่ำไปด้วยประชาชนและนักท่องเที่ยว ซึ่งมีจำนวนมากที่สวมใส่ผ้าไทย นุ่งผ้าท้องถิ่นมาร่วมงานลอยกระทงอย่างคึกคัก เป็นการสร้างสีสันความสวยงามให้กับงานลอยกระทงปีนี้ได้เป็นอย่างดี และยังได้เดินเที่ยวชมตลาดวัฒนธรรมงานวัดย้อนยุค เพลิดเพลินกับซุ้มสาธิตผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมมากมาย 

นราธิวาส-ผบ.ฉก.นราธิวาส เปิดการฝึกทบทวนหน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมป่าภูเขา เน้นย้ำกำลังพลเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์

(9 พ.ย.65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมป่าภูเขา ค่ายกัลยาณิวัฒนา ตำบลกะลุวอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารที่ 15/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เดินทางมาเป็นประธานพิธีเปิดการฝึกทบทวนหน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมป่าภูเขาโดยได้รับฟังการบรรยายสรุปการฝึกทบทวน หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมป่าภูเขา ในพื้นที่รับผิดชอบของของหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ซึ่งจัดจาก หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 , หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46, หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 รวมมีผู้เข้าการฝึกทั้งสิ้น 72 นาย โดยมีกำหนดการฝึกตั้งแต่วันที่ 8 - 17 พฤศจิกายน2565 แบ่งเป็น 2 ขั้น  ได้แก่  
ขั้นที่ 1 การฝึกภาคที่ตั้ง จะทำการฝึกตั้งแต่วันที่ 8 - 14 พฤศจิกายน 2565 ณ อาคารพละ กรมทหารราบที่151 และ ขั้นที่ 2  เป็นการฝึกในพื้นที่ปฏิบัติการจริง จะทำการฝึกตั้งแต่วันที่ 15 - 17  พฤศจิกายน 2565 โดยมี พันเอก สฐิรพงษ์  อาจหาญ ผู้บังคับกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้  พันเอก ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 /หัวหน้าชุดควบคุม หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมป่าภูเขา  และกำลังพลร่วมให้การต้อนรับ 

ทั้งนี้ พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว กล่าวว่า การฝึกทบทวนหน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมป่าภูเขา ในครั้งนี้มี วัตถุประสงค์ เพื่อฝึกทบทวนการปฏิบัติการทางด้านยุทธวิธี รวมถึงเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในมาตรการเชิงรุกและปฏิบัติทางยุทธวิธีต่างๆ ในพื้นที่ป่าภูเขาให้มีมากยิ่งขึ้น จนให้เกิดความชำนาญในการปฏิบัติงานเป็นบุคคล และเป็นชุดปฏิบัติการ เพิ่มความคุ้นเคยสร้างความมั่นใจในการใช้อาวุธประจำกาย เพื่อผลทางด้านขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติการรบในสถานการณ์จริง โดยเป็นไปอย่างอัตโนมัติ ตอบโต้ต่อเป้าหมายฝ่ายตรงข้ามได้ทันเวลา ทำให้ได้เปรียบในการต่อสู้ของเหตุการณ์ พร้อมทั้งเพื่อสามารถใช้อาวุธประจำกายได้อย่างฉับพลัน มีความชำนาญในการแก้ไขเหตุติดขัดได้อย่างทันท่วงที และสามารถตอบโต้ได้ทันทีเมื่อถูกโจมตีจาก ผกร. ตลอดจนเพื่อศึกษาและเรียนรู้บทเรียนที่ได้จากการปฏิบัติการในพื้นที่ป่าภูเขาในปีงบประมาณ 2565 อันจะนำไปสู่การแก้ไขและปรับปรุงการปฏิบัติทางยุทธวิธีให้มีความละเอียดรอบคอบและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  ชุดปฏิบัติการพิเศษร่วมป่าภูเขา จึงต้องมีความรอบรู้ รู้เท่าทันต่อสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นหน้างาน มีไหวพริบปฏิภาณ มีความอดทน อดกลั้น สามารถปฏิบัติงานจนสำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ ขอให้กำลังพลได้ ตั้งใจเก็บเกี่ยวความรู้เพื่อนำไปใช้ในการปฏิบัติหน้างานให้ได้มากที่สุด และพร้อมที่จะปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดกับพื้นที่ ในการนี้ พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ได้ขอบคุณกำลังพลทุกนาย ที่พวกเราทุกคน มีความตั้งใจในการฝึก และมีความเสียสละ ที่จะทำการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ป่าภูเขา ในการค้นหา ลาดตระเวนพิสูจน์ทราบ แหล่งพักพิง และการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อจำกัดเสรี ทำลายความพยายามการปฏิบัติ และติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรง จนสามารถนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ต่อไป

ขอนแก่น-เทศบาลนครขอนแก่นคว้ารางวัลพระปกเกล้าทองคำสันติสุขฯการันตีครบ 3 ด้าน

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดรายงานว่า ที่ อาคารอิมแพคชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี เทศบาลนครขอนแก่นโดยการนำของนายธีระศักดิ์ ทีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น เข้าร่วมรับมอบโล่ "รางวัลพระปกเกล้าทองคำประจำปี 2563 สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความเป็นเลิศ ด้านการเสริมสร้างสันติสุขและความสมานฉันท์" จากสถาบันพระปกเกล้า ภายใต้การจัดงานการประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 22 ประจำปี 2563 เรื่อง"จินตภาพใหม่การกระจายอำนาจเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ : บทเรียนจากโควิด - 19" Reimagining Decentralization to Reduce Inequality : Lessons Learned from the COVID -19 Crisis ระหว่างวันที่ 6 - 8 พฤศจิกายน 2563 และได้รับเกียรติจาก รศ.วุฒิสาร ต้นไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลดังกล่าว 

โดยมีคณะจากทางเทศบาลนครขอนแก่น ประกอบด้วย นายจุลนพ ทองโสภิต รองนายกเทศมนตรี นายบุญฤทธิ์ พาณิชย์รุ่งเรือง ประธานสภาเทศบาล, นายสมภพ วงศ์ก่อ เลขานุการนายกเทศมนตรี ,สมาชิกสภาเทศบาล (ดร.โกเมน กันตวธีระ, นายกฤษฏ์ สว่างไสว ,นายกนิษฐ์ อาวัชนาการ, นางวรินทร์พร ณิชาภัทรนารากุล, นางรัชดา ลีลาสวัสดิ์ชัย, นายวรินทร์ เอกบุรินทร์, ว่าที่ ร.ต.บัญชา สิงห์คำป้อง) ,นายวิทยา ภูโยสาร ปลัดเทศบาล ,นางกฤษณา แสนสอาด รองปลัดเทศบาล ,นายมานพ ช่องตะคุ ผอ.สำนักการศึกษา ,นางอินทิรา ฆารเจริญผอ.กองวิชาการและแผนงาน ,นางวทัญญุตา ธวัชโชติผอ.ส่วนสังคมสงเคราะห์ รักษาการ ผอ.สำนักสวัสดิการสังคม ,นางเบณณาภา พัชรพิบลชัย ผอ.ส่วนบริหารงานคลังและพนักงานเทศบาลนครขอนแก่น ตลอดจนตัวแทนเครือข่าย อาทิ นายชุตยาเวศ สินธุพันธุ์ ผอ.สำนักส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ขอนแก่น ( TCDC) ,นายประดิษฐ์จรัสอสุชีวะ แกนนำผู้ดูแลเยาวชนเด็กชายขอบ ,นายสมชาติ ชัยอยุทธ์ ประธานชุมชนสามเหลี่ยม 3 พร้อมด้วยคณะทำงานและกลุ่มเยาวชนเด็กชายขอบ ร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้ด้วย

สำหรับการประกวดรางวัลพระปกเกล้าทองคำ ประจำปี2563 ด้านการเสริมสร้างสันติสุขและความสมานฉันท์นั้นเทศบาลนครขอนแก่นได้นำเสนอโครงการ / กิจกรรม ที่แสดงให้เห็นถึง คำว่า "สันติสุขและสมานฉันท์" ภายใต้แนวคิด "เมืองแห่งความสุข เป็นมิตรกับคนทุกกลุ่มวัย"ประกอบด้วย 3 โครงการใหญ่ คือ 1.เมืองแห่งความเท่าเทียมและเป็นมิตรกับเยาวชน 2.ศรีจันทร์ ผ่านสร้างสรรค์ ความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจ 3.คนขอนแก่นไม่ทอดทิ้งกันอนึ่ง ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2544 จนถึง พ.ศ.2563 เทศบาลนครขอนแก่น ได้ส่งผลงานเข้าประกวดรางวัลพระปกเกล้า ทั้ง 3 ด้าน คือ 1.ด้านความโปร่งใสและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน 2.ด้านการเสริมสร้างเครือข่าย รัฐ เอกชน และประชาสังคม 3.ด้านการเสริมสร้างสันติสุขและความสมานฉันท์ ซึ่งเทศบาลได้รับรางวัลรางวัลพระปกเกล้า ทั้ง 3ด้าน มาโดยตลอด จำนวน 10 ครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้รับรางวัลพระปกเกล้าทองคำนั้น ทศบาลได้รับรางวัลไปแล้ว2 ครั้ง คือ ปี พ.ศ.2549 รางวัลพระปกเกล้าทองคำ สำหรับองค์กรปกครองส่วนห้องถิ่น ด้านการความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของประชาชน และ ปี พ.ศ.2559 รางวัลพระปกเกล้าทองคำ สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้าการเสริมสร้างเครือข่าย รัฐ เอกชน และประชาสังคม ดังนั้น การได้รับรางวัลพระปกเกล้าทองคำ ประจำปี 2563 ด้านการเสริมสร้างสันติสุขและความสมานฉันท์ในครั้งนี้ จึงทำให้เทศบาลนครขอนแก่นเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับรางวัลพระปกเกล้าทองคำ ครบทั้ง 3 ด้านเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ นายธีระศักดิ์ ทีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น ได้กล่าวขอบคุณหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ องค์กรเอกชน และพี่น้องชุมชนที่ได้ให้ความร่วมมือและเป็นผู้ลงมือปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งร่วมคิด ร่วมทำ และร่วมตรวจสอบ เพื่อให้การดำเนินกิจกรรมต่างๆ บรรลุวัตถุประสงค์และเกิดประโยชน์ต่อท้องถิ่นมากที่สุด ตลอดจนสามารถได้รับรางวัลเป็นเครื่องหมายการันตีถึงการพัฒนาบ้านเมืองไปในทิศทางที่ชัดเจนและถูกต้อง

โดยในการนี้ เทศบาลนครขอนแก่นได้จัดบูธนิทรรศการเกี่ยวกับแนวคิด รายละเอียดของ 3 โครงการ (ซึ่งเทศบาลได้นำเสนอเข้าประกวด) คือ 1.เมืองแห่งความเท่าเทียมและเป็นมิตรกับเยาวชน 2.ศรีจันทร์ ย่านสร้างสรรค์ ความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจ 3.คนขอนแก่นไม่ทอดทิ้งกัน) เพื่อให้หน่วยงานและประชาชนทั่วไป ซึ่งเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดีกรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เสด็จแทนพระองค์ เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 22 ประจำปี 2563 และ เสด็จเยี่ยมชมบูธนิทรรศการอีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top