Thursday, 3 July 2025
NEWS

‘อนุชา’ เผย ความคืบหน้าสิทธิเบิกจ่ายตรงผ่านแอปฯ ‘เป๋าตัง’ สำหรับเข้ารักษาพยาบาล อำนวยความสะดวก-ลดการรอคิวจ่ายเงิน

(27 มี.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง สำหรับการเข้ารับการรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาล (Onsite) ว่า สถานพยาบาลจำนวนหลายแห่ง ให้ความสนใจและประสานงานจากขอเข้าร่วมโครงการ โดยกรมบัญชีกลาง คาดว่า ภายในไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จะมีสถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการและพร้อมให้บริการเพิ่มอีกจำนวน 2 แห่ง

ตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. 2565 กรมบัญชีกลางได้อำนวยความสะดวกและเพิ่มการเข้าถึงการใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงให้แก่ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัว ผ่านการเพิ่มช่องทางการใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอก ผ่านกระเป๋าสุขภาพบนแอปพลิเคชันเป๋าตัง สำหรับการเข้ารับการรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาล ซึ่งได้นำร่องกับสถานพยาบาลของทางราชการแล้วจำนวน 7 แห่ง ได้แก่

สมาคมเครือข่ายสื่อฯ ภาคอีสาน มอบโล่ประกาศเกียรติคุณ 'คุณธรรม ศรีอีสาน' รองโฆษกรัฐบาล เผยเป็นแบบอย่างที่ดีในมิติด้านคุณธรรม ควรค่าแก่การยกย่อง

(26 มี.ค.66) ที่ห้องภูผาม่าน โรงแรมขอนแก่นโฮเต็ล อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมาย ผศ.ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพสื่อท้องถิ่น เสวนาเรื่อง 'ร่วมหาทางออกวิทยุชุมชน หลังปี 2567' ซึ่ง พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมเครือข่ายหนังสือพิมพ์ วิทยุ และสื่อออนไลน์ ภาคอีสาน และคณะกรรมการสมาคมได้ร่วมกันจัดงานนี้ขึ้น โดยได้มีพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ 'คุณธรรม ศรีอีสาน' จาก ศ.ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้แก่ผู้ที่มีความประพฤติดี มีคุณธรรม และจริยธรรม ตระหนักในความสำคัญของการสื่อสาร ส่งเสริมจริยธรรม มาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน และเป็นแบบอย่างในการเสียสละ ในการทำประโยชน์ให้กับสังคม 

โดยมี พระครูโกศลสิกขกิจ หรือหลวงพ่อพุฒ วายาโม ประธานมูลนิธิหลวงปู่สรวง และเจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ,นายสำรวย เกษกุล ผวจ.ศรีสะเกษ ,รศ.นพ.ภัทรพงษ์ มกรเวส ผู้อำนวยการศูนย์หัวใจสิริกิติ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ,นายจำรัส สวนจันทร์ ผอ.โครงการชลประทานศรีสะเกษ ,นางสาว พิมพ์กานต์ วงษ์ภูดร หัวหน้าวนอุทยานภูหัน-ภูระงำ และผู้มีเกียรติ รวมจำนวน 20 ราย ซึ่งผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการของสมาคม เข้ารับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณในครั้งนี้ด้วย จากนั้น ผศ.ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล ได้บรรยายพิเศษเรื่อง บทบาทวิทยุภาคประชาชนต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และมีการเสวนาเรื่อง ร่วมหาทางออกวิทยุชุมชนหลังปี 2567 โดยมี พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมเครือข่ายหนังสือพิมพ์ วิทยุและสื่อออนไลน์ ภาคอีสาน เป็นผู้กล่าวรายงาน คณะกรรมการสมาคม ผู้เข้ารับมอบโล่ และผู้เข้าร่วมเสวนา ร่วมพิธีและให้การต้อนรับ

พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมเครือข่ายหนังสือพิมพ์ วิทยุและสื่อออนไลน์ ภาคอีสาน กล่าวว่า วิทยุภาคประชาชน หรือวิทยุชุมชน ในประเทศไทย เริ่มก่อตัวขึ้นในช่วงที่มีกระบวนการปฏิรูปการเมืองระหว่างปี พ.ศ.2539-2540 ภายหลังจากที่ภาครัฐและภาคธุรกิจได้ครอบครองสื่ออย่างครบวงจร ข้อมูลข่าวสารจึงถูกปกปิด และสื่อถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ตลอดจนการสร้างกระแสทางสังคม โฆษณาชวนเชื่อ และโฆษณาขายสินค้า โดยไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามามีบทบาทในการทำงานวิทยุอย่างอิสระเท่ากับเป็นการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการรับรู้ข่าวสารและการแสดงความคิดเห็นของประชาชน เมื่อมีกระแสการปฏิรูปการเมืองภายหลังเหตุการณ์ทางการเมืองในปี พ.ศ.2535 จึงทำให้เกิดแนวคิดการปฏิรูปสื่ออย่างจริงจัง นำไปสู่การกำหนดหลักการด้านสิทธิเสรีภาพด้านการสื่อสาร ในรัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2540 มาตรา 40 ดังนี้ การกำหนดให้คลื่นความถี่เป็นทรัพยากรสื่อสารของชาติ เพื่อประโยชน์สาธารณะ การกำหนดให้มีองค์กรอิสระทำหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม โดยการดำเนินการต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชนในระดับชาติและระดับท้องถิ่น และจัดให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินการสื่อมวลชนสาธารณะ และการกำหนดหลักประกันสิทธิเสรีภาพการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่หลากหลายของประชาชน โดยให้มีมาตรการป้องกันการควบรวม การครองสิทธิข้ามสื่อหรือการครอบงำสื่อมวลชน

พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันคลื่นความถี่และการประกอบกิจการของสื่อ ยังตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของกลุ่มธุรกิจสื่อมวลชนทั้งสิ้น ซึ่งเป็นไปได้ยากที่จะมีการนำสื่อมาใช้ประโยชน์เพื่อประชาชนในทุกด้าน ดังนั้น สมาคมเครือข่ายหนังสือพิมพ์ วิทยุ และสื่อออนไลน์ ภาคอีสาน จึงได้จัดทำโครงการพัฒนาศักยภาพสื่อท้องถิ่น ในประเด็น 'ร่วมหาทางออกวิทยุชุมชน หลังปี2567' ขึ้น เพื่อเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ให้ผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง ได้ตระหนักรู้ ปรับเปลี่ยนทัศนคติ ปรับตัวและวางบทบาทการทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการป้องกันการแทรกแซงสื่อจากอำนาจรัฐ และกลุ่มทุน

‘ทนายตั้ม’ แถลงโต้หลัง ‘ชูวิทย์’ เปิดหลักฐานแฉ ชี้!! เก็บ 3 แสนคือค่าเสี่ยงภัย ไม่ใช่ค่าแถลงข่าว

(27 มี.ค. 66) ทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวนัดเปิดหลักฐานเด็ด มัดนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ รับมาจากสารวัตรซัว โดยทนายตั้มขอแบ่งการแถลงข่าวออกเป็น 2 ช่วง โดยจะเริ่มต้นแถลงชี้แจงเรื่องเรียกเก็บค่าแถลงข่าว 3 แสนบาท

ทนายตั้ม ระบุว่า ปีนี้ตนแถลงแค่ 2 ครั้ง เหตุผลที่เก็บค่าแถลงข่าว เพราะเรื่องดังกล่าวถูกฟ้องแน่นอน ไม่ใช่ค่าแถลงข่าวแต่เป็นค่าเสี่ยงภัย เพราะผมต้องมีต้นทุนในการดำเนินคดี ไม่เคยไถเพื่อจัดแถลงข่าว ปีนี้ที่เก็บเงินมีเคสรองนายกฯ กับเคสพี่ช่อ ซึ่งก็ถูกฟ้องและถูกดำเนินคดีมรรยาท 

“ผมยอมรับว่ามาปรึกษาคดีกับผม ผมคิดแพง ปีที่แล้วรับปรึกษาคดี 1,500 เคส ซึ่งผมรับคดีไม่ถึง 10% ค่าปรึกษาคดีผมคิดเงิน ถ้าคุยกับลูกน้องผม 20 นาที คิด 1,000 บาท คุยกับผม 20 นาทีเท่ากัน คิด 1,500 บาท ถ้ามาหาที่สำนักงาน มาเจอผมครึ่ง ชม. ผมคิด 3,000 บาท อันนี้เป็นวิชาชีพ ผมไม่ทำสีเทา ไม่ได้เปิดอาบอบนวด” ทนายตั้ม กล่าว

ศรชล./ศคท.จว.ตร. ร่วมบูรณาการตรวจจับการกระทำผิด ในการร่วมกันครอบครองและค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง (กัลปังหา, ปะการังแข็ง)

ศรชล./ศคท.จว.ตร. ร่วมบูรณาการกับ ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดตราด ลงพื้นที่ตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้งจากเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัดตราด ว่ามีการซื้อ-ขาย กัลปังหา ดอกไม้ทะเล ซากปะการัง ฯลฯ ผ่านทาง face book เพจ 'เครื่องราง..ทนสิทธิ์ แปลก! หายาก!'

โดยหลังจากทำการสืบหาข้อเท็จจริงแล้ว พบว่ามีการประกาศซื้อขายในเพจดังกล่าวจริง ซึ่งมีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 จึงได้ทำการขอหมายค้นบ้านเป้าหมาย ณ ต.ท่าโสม อ.เขาสมิง จ.ตราด และได้บูรณาการกำลังจาก สภ.เขาสมิง หน่วยงาน ทช. ในพื้นที่จังหวัดตราด ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันออก กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และฝ่ายความมั่นคง อ.เขาสมิง เข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมาย พบผู้ต้องหา จำนวน 2 คน ซากกัลปังหา จำนวน 89 ชิ้น ซากกัลปังหา (แปรรูปเป็นแหวน/กำไล) จำนวน 30 ชิ้น และซากปะการัง จำนวน 6 ชิ้น พร้อมด้วยบรรจุภัณฑ์จำนวนหนึ่ง และโทรศัพท์มือถือที่ใช้กระทำการซื้อขายออนไลน์และรับโอนเงิน

‘กรมควบคุมมลพิษ’ เผย ค่าฝุ่นเกินกว่ามาตรฐาน 21 จังหวัด หนักสุด!! ‘แม่สาย’ วัดได้ 590 มคก. ส่งผลต่อสุขภาพต่อเนื่อง

(27 มี.ค. 66) กรมควบคุมมลพิษรายงานภาพรวมค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กทั่วประเทศ เกินค่ามาตรฐาน 21 จังหวัด โดยภาคเหนือเผชิญค่า PM2.5 พุ่งสูงชนิดสาหัส 28 พื้นที่ หนักสุดที่ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย เชียงรายวัดได้ 590 มคก. รองลงมาเป็นภาคอีสานสูงสุดที่อ.บึงกาฬ จ.บึงกาฬ วัดได้ 277 มคก. เตือนภาคเหนือตอนบนเฝ้าระวังต่อเนื่องระหว่าง 27 มีค.-2 เมย. โดยเฉพาะจว.ติดประเทศเพื่อนบ้าน สธ.ห่วง PM2.5 เชียงรายสูงกว่ามาตรฐานอนามัยโลก 32 เท่า

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2566 ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศพื้นที่ทั่วประเทศประจำวันว่า คุณภาพอากาศอยู่ในระดับคุณภาพดีมากถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ตรวจวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอนหรือPM 2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง พบค่าฝุ่นระหว่าง 10-590 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ภาพรวมปริมาณ PM2.5 ในประเทศพบเกินค่ามาตรฐานใน 21จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.น่าน จ.แม่ฮ่องสอน จ.พะเยา จ.ลำพูน จ.ลำปาง จ.แพร่ จ.อุตรดิตถ์ จ.สุโขทัย จ.พิษณุโลก จ.ตาก จ.กำแพงเพชร จ.พิจิตร จ.เพชรบูรณ์ จ.บึงกาฬ จ.หนองคาย จ.เลย จ.นครพนม จ.มุกดาหารและจ.อุบลราชธานี

สำหรับภาคเหนือ พบเกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 50-590 มคก./ลบ.ม. เกินมาตรฐาน 28 พื้นที่ สูงสุดที่ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย 590 มคก./ลบ.ม.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกินค่ามาตรฐาน 6 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 33-277มคก./ลบ.ม.สูงสุดที่ ต.บึงกาฬ อ.บึงกาฬ จ.บึงกาฬ 277 มคก./ลบ.ม.ส่วนภาคกลางและตะวันตก ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ตรวจวัดได้ 18-59 มคก./ลบ.ม.ภาคตะวันออก ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ตรวจวัดได้ 10-30มคก./ลบ.ม.ภาคใต้ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ตรวจวัดได้ 13-21 มคก./ลบ.ม.

ขณะที่กรุงเทพฯและปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ.ร่วมกับกทม.ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ตรวจวัดได้ 16-76 มคก./ลบ.ม.อย่างไรก็ตาม ประชาชนทั่วไปควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตัวเองถ้าจำเป็น

นอกจากนี้ กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ รายงานผลการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่กทม.และปริมณฑล ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม-2 เมษายน ดังนี้ วันที่ 27 มีนาคมเป็นต้นไปสถานการณ์ในพื้นที่กทม.และปริมณฑลมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเป็นลำดับ เนื่องจากสภาพอากาศเปิดมากขึ้น เพดานการลอยตัวอากาศที่สูงขึ้น ประกอบกับลมทางใต้ที่กำลังแรงช่วยพัดฝุ่นออกจากพื้นที่ ส่วนพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีแนวโน้มควรเฝ้าระวังในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านระหว่างวันที่ 27 มีนาคม-2 เมษายน

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงาน สภาพอากาศทั่วไปในพื้นที่ จ.เชียงราย โดยเฉพาะตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา และด้าน อ.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่สาย อ.เชียงแสน อ.แม่จัน มีฝุ่นละอองหนามากเป็นประวัติการณ์ โดยมีลักษณะเหมือนหมอกในฤดูฝน แต่เป็นฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่งกรมควบคุมมลพิษรายงานผลการตรวจวัดค่าฝุ่นใน ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย ติดกับจ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา มีปริมาณ PM 2.5 สูงถึง 459 มคก./ลบ.ม. และค่า PM 10 และอื่นๆ พบดัชนีคุณภาพอากาศ (Air Quality Index) มีสูงถึง 569 AQI เช่นเดียวกับด้านอ.เชียงของ ติดกับแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว พบค่า PM 2.5 สูงถึง 219 มคก./ลบ.ม. และเขต อ.เมืองเชียงราย วัดค่าได้ 211 มคก./ลบ.ม.ถือว่ามีผลกระทบต่อสุขภาพติดต่อกันมาหลายวัน

อย่างไรก็ตาม การตรวจวัดคุณภาพอากาศจากเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าภาคสนามแต่ละพื้นที่พบค่า PM 2.5 ที่มากกว่านั้นอีกมาก โดยค่าเฉลี่ยของปริมาณฝุ่นตั้งแต่พื้นที่ชั้นในของศูนย์ไฟป่าเชียงราย-144 ไปถึงชาวแดน ทั้งที่ภูชี้ฟ้า อ.เทิง อ.เชียงของ ดอยแม่สลอง อ.แม่จัน อ.แม่ฟ้าหลวงอ.แม่สาย จนไปถึงป่าไม้ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา พบค่า PM 2.5 บางจุดสูงถึง 500-900 มคก./ลบ.ม. มีอัตราเฉลี่ยจากศูนย์ดับไฟป่าประมาณ 27 แห่งตลอดแนวชายแดนพบค่าเฉลี่ย PM 2.5 อยู่ระหว่าง 200-900 มคก./ลบ.ม.

ขณะที่การเผาป่าในประเทศเพื่อนบ้านยังมีต่อเนื่อง ทำให้เจ้าหน้าที่ของไทยต้องเฝ้าระวังตลอดแนวไม่ให้ลุกลามเข้ามาฝั่งไทย แต่ผลกระทบที่ไทยได้รับคือ เกิดฝุ่นปลิวไปทั่วบริเวณ ขณะที่พื้นที่ในประเทศมีไฟป่าลุกไหม้ขึ้นหลายจุด โดยเฉพาะบนดอยปุยและอุทยานแห่งชาติลำน้ำกก อ.เมืองเชียงราย โดยคืนวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา เกิดไฟไหม้อย่างหนักบนดอยหมู่บ้านแม่สาด ต.แม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย โดยลุกไหม้เต็มขุนเขาใกล้หมู่บ้าน ทำให้เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าและชาวบ้านเข้าสกัดไฟไม่ให้ลามเข้าที่อยู่อาศัยตลอดทั้งคืน

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ออกประกาศห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิดเป็นเวลา 90 วัน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 15 เมษายน โดยแจ้งให้หน่วยงานภาคส่วนได้เข้มงวดและหากพบการฝ่าฝืนต้องดำเนินคดี ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนกรณีลักลอบเผาในเขตพื้นที่ป่า โทษจำคุก 1 ปี-30 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000-3,000,000 บาท

เรื่องเล่าจากพ่อ ปาฏิหาริย์ที่ลูกชายสร้างหลังเสียชีวิต ประสงค์ ‘บริจาคอวัยวะ’ ครอบครัวตัดสินใจทำตาม ส่งต่อชีวิตใหม่ให้ผู้อื่น

เรื่องเล่าจากพ่อ…ลูกเผยความประสงค์ ‘บริจาคอวัยวะ’ จนไร้ปาฏิหาริย์ ครอบครัวตัดสินใจทำตาม

(27 มี.ค. 66) เรื่องราวของ บิดานายสุริยา ลาปราบ หรือ คิม ที่ถ่ายทอดในเพจเฟซบุ๊ก Thai Red Cross Society หรือสภากาชาดไทย ถึงความประสงค์บริจาคอวัยวะของนายสุริยาได้รับการกล่าวถึงอย่างมากมาย

สภากาชาดไทยเผยเรื่องราวดังกล่าวว่า “ป๊า ถ้าหนูตาย อะไรให้ใครได้ ป๊าให้เขาหมดเลยนะ

หลังจากประสบอุบัติเหตุ น้องเขา (คิม) ออกมาจากห้องฉุกเฉินตอนสองทุ่ม เขาคลุมผ้าไว้หมด เหลือแต่หน้า ใจมันสลายนะ ผมจับมือลูกไว้ ผมพูดกับลูกว่า ไหนปีใหม่จะกลับบ้านกับป๊าไง ลุกมาคุยกับป๊า กลับบ้านกับป๊านะ เดี๋ยวป๊าพาไปกินอาหารทะเลที่เราชอบไง

ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนนิ้วเขามาเขี่ยมือเรา แม่เขาบอกว่าเห็นน้ำตาลูกไหล

หมอแจ้งว่าลูกเลือดออกในสมองมาก มันไปกดทับเส้นประสาทต่างๆ ทำให้ไม่รู้สึกตัว ร่างกายไม่ตอบสนอง

‘หมิว พรปวีร์’ ประเดิมแชมป์แรก คว้าแชมป์แบดฯ ‘สวิส โอเพ่น 2023’ หลังปราบสาวเดนมาร์ก มืออันดับ 23 ของโลกไป 2 เกมรวด

เมื่อวันที่ (26 มี.ค.66) ที่ผ่านมา ‘หมิว’ พรปวีร์ ช่อชูวงศ์ นักแบดมินตันสาววัย 25 ปี มืออันดับ 11 ของโลก ทีมชาติไทยชาวระยอง สังกัดสโมสรแบดมินตันแกรนูลา คว้าแชมป์หญิงเดี่ยวในการแข่งขันแบดมินตันอาชีพ รายการของสหพันธ์แบดมินตันโลกดับเบิ้ลยูบีเอฟระดับ 300 โยเน็กซ์ สวิส โอเพ่น 2023 ชิงรางวัลรวม 210,000 เหรียญสหรัฐหรือ 7.2ล้านบาท

ในการแข่งขันที่สนามในร่มยาค๊อปฮอลล์นครบาเซิลสมาพันธ์รัฐสวิตเซอร์แลนด์ โดยหมิวชนะนักแบดมินตันสาวเดนมาร์ก มีอา บลิชเฟลด์ มืออันดับ 23 ของโลกไป 2-0 เกม 21-16 และ 21-18 ชัยชนะทำให้หมิวได้รางวัล 15,750 เหรียญสหรัฐหรือ 540,000 บาท 

‘แพทย์’ เปิดค่าฝุ่นสูงถึง 389 มคก. ในห้องแรกคลอด ไม่รู้จะปกป้องยังไง ห่วงเด็กแรกเกิดสูดฝุ่นพิษ 

สถานการณ์ฝุ่นควันถือว่าหนักหน่วง โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน วันนี้คุณภาพอากาศและการจัดอันดับเมืองที่มีมลพิษ พบว่า ‘เชียงใหม่-ประเทศไทย’ ขึ้นอันดับ 1 เมืองฝุ่นพิษสูงสุดในโลก

(26 มี.ค.66) โดยเพจ Doctor กล้วย ได้โพสต์ภาพเครื่องฟอกอากาศในห้องคลอด ว่า สถานการณ์หนักหนามากขนาดไหน ทั้งที่เป็นห้องที่ควรอากาศสะอาดเพราะทารกเพิ่งคลอดวันแรก แต่พบว่า ค่าฝุ่นในห้องนั้น สูงถึง 389

‘เพจหมอ’ เผยตัวกรองอากาศ 9 เครื่อง กดค่าฝุ่นได้หลักสิบ ตัดพ้อ!! พยายามช่วยเหลื่อตัวเองเต็มที่ แต่สู้คนเผาไม่ไหว

เพจหมอยกปัญหาฝุ่น pm 2.5 ควรเป็นวาระแห่งชาติ เผยปัญหาฝุ่นในพื้นที่ จ.เชียงราย บ้านตนเองต้องเปิดเครื่องกรองอากาศ 9 เครื่องถึงกดค่าฝุ่นในห้องกินข้าวให้เหลือหลักสิบ โอดพยายามแค่ไหนก็สู้คนเผาไม่ได้

เมื่อวันที่ (25 มี.ค.66) เพจ “เรียนหมอ” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 1 แสนคน ได้โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 ของ จ.เชียงราย โดยผู้โพสต์ได้เปิดเผยว่า ห้องกินข้าวของบ้านตนเองต้องใช้เครื่องกรองอากาศมากถึง 9 เครื่องจึงจะสามารถกดค่าฝุ่นในห้องให้เหลือหลักสิบได้ ทั้งนี้ ผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า

นิพนธ์ โชว์วิสัยทัศน์ภาคใต้ ชู นโยบาย 3 ส. สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ แก้ปัญหา

ยกระดับการพัฒนาที่ครอบคลุม พ่วง นโยบายสันติภาพสู่สันติสุข นำภาคใต้ชายแดน หลุดพ้นกับดักความยากจน

ที่สวนสาธารณะเมืองสงขลา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์ ในภาคใต้ รวมถึงตอบข้อซักถามของพี่น้องประชาชนที่มาร่วมรับฟังการแสดงวิสัยทัศน์ อนาคตประเทศไทย  บนหัวข้อ”เปิดเวทีภาคใต้ กับนโยบายที่กินได้” ซึ่งจัดโดยเครือเนชั่น 

นายนิพนธ์ กล่าวว่า พรรคปชป.มีนโยบายชัดเจน ตั้งแต่สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ นโยบายประชาธิปัตย์ภายใต้ 3 ยุทธศาสตร์นี้ ได้เรียนให้พี่น้องประชาชนทราบแล้ว สร้างเงินให้พี่น้องประชาชน เช่นธนาคารหมู่บ้านและชุมชน ซึ่งต่อไปนี้ทุกหมู่บ้านทุกชุมชน จะมีธนาคารหมู่บ้านเกิดขึ้น หมู่บ้านละ 2 ล้านบาท เพื่ออัดฉีดเงินเข้าไป เพื่อเป็นทุนหทุนเวียนใช้จ่ายในหมู่บ้านหรือในชุมชน  นอกจากนั้นก็ยังมีในการที่จะดูแล SME. โดยจะมี กองทุนSME สามแสนล้านบาท เพื่อดูแลเศรษฐกิจขนาดเล็ก นี่คือสิ่งที่ประชาธิปัตย์จะสร้างเงินให้กับคน พร้อมทั้งเดินหน้าประกันรายได้แก่เกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นยางพารา ข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพด  

ซึ่ง 4 ปีที่ผ่านมาทำให้เห็นแล้วว่าประชาธิปัตย์ได้ดูแลเกษตรกรถึงแปดล้านกว่าครัวเรือน ร่วม 39 ล้านคนใช้เงินถึงห้าแสนล้าน โดยไม่มีรั่วไหล เพราะเป็นการโอนจากธนาคารสู่เกษตรกรโดยตรง และปีนี้ก็จะโอนเงินให้กับเกษตรกรเดินหน้าต่อ และจะดูแลชาวนาครอบครัวละ 30,000 บาท นี่คือสิ่งที่จะดูแลชาวนา เพื่อเพิ่มผลผลิตและดูแลการเก็บเกี่ยวไม่เกิน15ไร่ ซึ่งทำมาแล้วและจะทำต่อไปอีก และสิ่งสำคัญที่ประชาธิปัตย์จะทำคือการออกโฉนดที่ดินให้กับประชาชน โดยใน4 ปี เราจะทำให้ได้ 1 ล้านแปลง ซึ่ง 4 ปีที่ผ่านมา ที่ผมดูแลกรมที่ดิน ผมออกโฉนดไปแล้วถึง 3 แสนกว่าแปลง ดังนั้นจึงต้องเดินหน้าต่อ นี่คือสิ่งสำคัญที่ประชาธิปัตย์จะทำ พร้อมทั้งปลดล็อกให้กับพี่น้องชาวประมง  ซึ่งอยู่ในโซ่ตรวนนี้มายาวนาน 

ผบช.ภ.5 มอบเกียรติบัตรให้กับหน่วยงานที่มีผลงานดีเด่นฯ

ผบช.ภ.5 เป็นประธานในพิธีมอบเกียรติบัตรให้กับหน่วยงานที่มีผลงานดีเด่นด้านการลดอุบัติเหตุบนถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 และ "โครงการทำดีมีรางวัล"ประจำเดือน กุมภาพันธ์ 2566  ณ ห้องประชุมอาคารสโมสรคุ้มแก้วขวัญดาว ตำรวจภูธรภาค 5 อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

วันที่ 23 มีนาคม 2566 เวลา 09.30 น.
พล.ต.ท.ปิยะ  ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 เป็นประธานในพิธีมอบเกียรติบัตรให้กับหน่วยงานที่มีผลงานดีเด่นด้านการลดอุบัติเหตุบนถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 และ "โครงการทำดีมีรางวัล"ประจำเดือน กุมภาพันธ์ 2566  ในการประชุมบริหารตำรวจภูธรภาค 5 ครั้งที่ 5/2566 โดยมี พล.ต.ต.กฤตธาพล ยี่สาคร รอง ผบช.ภ.5 ,

พล.ต.ต.เฉลิมพล จินตรัตน์ รอง ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.พิเชษฐ  จีระนันตสิน รอง ผบช.ภ.5 และ พล.ต.ต.นพดล กรึงไกร รอง ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย ผบก., รอง ผบก., ผกก.และ หน.สภ.ในสังกัด ภ.5 และ หัวหน้าหน่วยงานในสังกัด ตร.ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ ภ.5 รวม 13 หน่วย เข้าร่วมในพิธีดังกล่าว  โดยมีรายชื่อผู้รับมอบใบประกาศเกียรติคุณดังต่อไปนี้ 

 

“จุรินทร์” เปิดทีมเศรษฐกิจ เดินหน้ายุทธศาสตร์ “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” ขับเคลื่อน เศรษฐกิจ  การเมือง สังคม

26 มี.ค. 2566 วันนี้ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกประชุมทีมเศรษฐกิจบางส่วน เพื่อหารือถึงนโยบายเพิ่มเติมในเรื่องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ หากประชาธิปัตย์ได้มีโอกาสเป็นแกนตั้งรัฐบาล ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ดร.พิสิฐ  ลี้อาธรรม ม.ร.ว.ศศิพฤนท์  จันทรทัต นายเกียรติ สิทธีอมร ดร.สามารถ  ราชพลสิทธิ์ คุณวทันยา บุนนาค ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ดร.สรรเสริญ สมะลาภา และนายอลงกรณ์  พลบุตร เป็นต้น 

โดยนายจุรินทร์ ได้กล่าวถึงภาพรวมของการกำหนดทิศทางขับเคลื่อนประเทศว่า พรรคจะเดินหน้ายุทธศาสตร์ “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” เป็นกรอบใหญ่ของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของประเทศ สำหรับด้านเศรษฐกิจนั้น ประชาธิปัตย์จะให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เศรษฐกิจมหภาค และเศรษฐกิจทันสมัย ซึ่งจะมีเศรษฐกิจอนาคตรวมอยู่ด้วย 

สำหรับเศรษฐกิจฐานราก จะได้มุ่งเน้นทั้งเรื่องการให้ความสำคัญกับการเกษตร อุตสาหกรรม รวมถึงการท่องเที่ยว สำหรับเป็นพื้นฐานเรื่อง “สร้างเงิน” ให้ประเทศ โดยจะมีนโยบายที่ให้ความสำคัญกับพืชเศรษฐกิจ ปศุสัตว์ ประมง SMEs หมู่บ้าน/ชุมชน และผู้ใช้แรงงาน เป็นต้น

ส่วนเศรษฐกิจมหภาค จะมุ่งเน้นเรื่องการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เป็นเป้าหมายหลัก 

ส่วนเศรษฐกิจทันสมัย รวมถึงเศรษฐกิจอนาคตนั้น จะได้เน้นเรื่องการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีด้านเศรษฐกิจ โดยให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ควบคู่กันไป อาทิ Silver Economy ที่จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุเข้ามามีบทบาทสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซอฟต์พาวเวอร์ Renew Economy, Social Economy, Digital Economy เป็นต้น 

ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีความเห็นตรงกันว่า ในภาพรวมเราจะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ถ้าเรามีโอกาสได้เป็นแกนตั้งรัฐบาล ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ 

นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ยังได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ถึงนโยบายสำหรับกรุงเทพมหานครว่า พรรคได้มีการแถลงนโยบายไปแล้ว และยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ที่ประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญ และนโยบายกรุงเทพฯ จะมี 2 ส่วน ส่วนที่ 1 นโยบายรวมของพรรค ส่วนที่ 2 นโยบายเฉพาะในส่วนทีมกรุงเทพมหานคร 

โดยนโยบายรวมที่เกี่ยวพันกับคนกรุงเทพมหานคร เช่น การจัดตั้งธนาคารชุมชน 2,800 กว่าชุมชนทั่วกรุงเทพมหานคร ชุมชนละ 2 ล้านบาท รวมถึงการจัดให้มีอินเทอร์เน็ตฟรี 1 ล้านจุดทั่วประเทศ โดย 1 แสนจุด จะเป็นของกรุงเทพฯ เพื่อให้อินเทอร์เน็ตมีส่วนในการขับเคลื่อน หรือใช้ประโยชน์ในการ “สร้างเงิน” ให้กับทั้งชาวกรุงเทพฯ และกลุ่ม SMEs ต่างๆ ในชุมชนของกรุงเทพมหานคร รวมไปถึงการใช้ประโยชน์สำหรับการเข้าถึงองค์ความรู้ต่างๆ ด้วย นอกจากนี้ยังมีนโยบายเรียนฟรีถึงปริญญาตรี สาขาที่ตลาดต้องการ ตรวจสุขภาพฟรี รักษาฟรี ใช้บัตรประชาชนใบเดียว ชมรมผู้สูงอายุรับ 30,000 บาท ทุกชุมชน/หมู่บ้าน SMEs ต้องมีแต้มต่ออย่างน้อย 3 แสนล้านบาท ปลดล็อค กบข. และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้สามารถซื้อบ้านได้ สามารถลดหนี้ได้ในทันที และสามารถนำเงินที่จะต้องไปใช้หนี้นั้นไปสร้างเงินให้กับข้าราชการ และผู้ใช้แรงงานได้ รวมถึงนโยบายอื่นๆ เช่น นมโรงเรียนฟรี 365 วัน ด้วย 

"รศ.ดร.เพ็ญศรี" รั้ง!นายก ส.มก.จ.ขอนแก่น สมัย2

นิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สาขา ขอนแก่น และจังหวัดใกล้เคียง ร่วมจัดงานคืนสู่เหย้านิสิตเก่า เพื่อสานความความสัมพันธ์และสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างนิสิตเก่า ตลอดจนเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของ ส.มก.และนิสิตเก่าและ เพื่อร่วมมือกันระหว่างนิสิตเก่าในการทำคุณประโยชน์แก่ชุมชนและสังคม

เมื่อเวลา 17.00 น.วันเสาร์ที่ 25 มีนาคม 2566 ที่ โรงแรมบายาสิตา มหาวิทยาลัยขอนแก่น  รศ.ดร.เพ็ญศรี เจริญวานิช นายกสมาคมนิสิตเก่า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สาขาขอนแก่น เป็นประธานเปิดงานคืนสู่เหย้านิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จังหวัดขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียง โดยมีนายวินัย เครือตรีประดิษฐ์ อุปนายกสมาคมนิสิตเก่า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ รับคำกล่าวรายงาน ในการนี้ นางวันทนา เลิศศิริวรกุล KU รุ่น 43 เลขาธิการสมาคม นิสิตเก่ามหาลัยเกษตรศาสตร์ สาขาขอนแก่น ทำงานที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ขอนแก่น เป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมกันนี้มี นายกิตติ สิงหาปัด พิธีกรชื่อดัง ซึ่งเป็นนิสิตเก่า KU รุ่น 44 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะสัตวบาล เพื่อน พี่น้องนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และครอบครัว ร่วมงานอย่างคับคลั่ง

นางวันทนา เลิศศิริวรกุล  กล่าวว่า ด้วย สมาคมนิสิตเก่า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์สาขาขอนแก่น โดยการนำของ รศ.ดร.เพ็ญศรี เจริญวานิช นายกสมาคม นิสิตเก่ารุ่น KU 44 ได้เริ่มจากการรวมตัวกันของสมาชิกเมื่อราวเดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยการสร้างกลุ่มไลน์แล้วนั้นเพื่อนพี่น้องก็เชิญสมาชิกที่รู้จักในจังหวัดขอนแก่นและใกล้เคียงเข้าร่วมกลุ่ม จากนั้นก็มีกิจกรรมในการพบปะพูดคุยและสังสรรค์กันตามโอกาส รวมถึงการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม เช่น การร่วมกันบริจาคเงินโครงการ พลัง KU ขอนแก่นสู้โควิด -19 แก่ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ และโรงพยาบาลขอนแก่น ในช่วงสถานการณ์โควิดแพร่ระบาด กิจกรรมการให้กำลังใจสมาชิกเมื่อมีการสูญเสียบุคคลในครอบครัว การจัดกิจกรรมวิ่งเพื่อสร้าง
โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

รวมถึงการจัดรายการวิทยุถ่ายทอดองค์ความรู้ให้ความรู้ทางการเกษตรแก่ประชาชนร่วมกับสถานีวิทยุ มก.ขอนแก่น และภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 ดีขึ้น สมาชิกจึงได้กำหนดจัดงานคืนสู่เหย้าขึ้น การจัดงานคืนสู่เหย้าครั้งนี้ เป็นการจัดครั้งแรก โดยมีผู้แจ้งรายชื่อเข้าร่วมงานและสนับสนุนเงินและอาหาร จำนวนประมาณ 150 คน 

“ชนม์สวัสดิ์” ประธานบวงสรวงยกเสาเอก ก่อสร้างอาคารสำนักงานเทศบาลนครสมุทรปราการ

ที่บริเวรลานมณฑลพิธี ได้จัดพิธีบวงสรวงก่อสร้างอาคารสำนักงานเทศบาลนครสมุทรปราการ โดยได้ฤกษ์ดี ตรงวันเสาร์ที่ 25 มีนาคม 2566 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 5 จัดพิธียกเสาเอก เสาโท โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานเทศบาลนครสมุทรปราการ 5 ชั้น แต่มีรูปทรงเท่าขนาดความสูง 8 ชั้น ภายในพิธีพระสงฆ์จำนวน 9 รูป ร่วมเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นเวลา 09.19 น. นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ ประธานในพิธี จุดเทียนชัยมงคลพร้อมทั้งถวายเครื่องสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์

โดย พราหมณ์ ยศ โกมลเวทิน เป็นพราหมณ์เจ้าพิธี กล่าวโองการบวงสรวงอัญเชิญเทวดา จากนั้น นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย นายสุนทร ปานแสงทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวิมล มงคลเจริญ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ นางประภาพร อัศวเหม นายกเทศมนตรีนครสมุทรปราการ  นาวาเอกอนุศักดิ์ นาคทิม นายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง นายสมหวัง เกษมโกสินทร์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ นายสมควร ชูไสว ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ นางสาวพิม อัศวเหม สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย คณะผู้บริหารฯ หัวหน้าส่วนราชการ พนักงาน ข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ เทศบาลนครสมุทรปราการ เทศบาลตำบลบางเมือง สมาชิกกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า ร่วมในพิธี

'ชนม์สวัสดิ์' ประธานบวงสรวงยกเสาเอก ก่อสร้างอาคารสำนักงานเทศบาลนครสมุทรปราการ

ที่บริเวรลานมณฑลพิธี ได้จัดพิธีบวงสรวงก่อสร้างอาคารสำนักงานเทศบาลนครสมุทรปราการ โดยได้ฤกษ์ดี ตรงวันเสาร์ที่ 25 มีนาคม 2566 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 5 จัดพิธียกเสาเอก เสาโท โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานเทศบาลนครสมุทรปราการ 5 ชั้น แต่มีรูปทรงเท่าขนาดความสูง 8 ชั้น ภายในพิธีพระสงฆ์จำนวน 9 รูป ร่วมเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นเวลา 09.19 น. นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ ประธานในพิธี จุดเทียนชัยมงคลพร้อมทั้งถวายเครื่องสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์

โดย พราหมณ์ ยศ โกมลเวทิน เป็นพราหมณ์เจ้าพิธี กล่าวโองการบวงสรวงอัญเชิญเทวดา จากนั้น นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย นายสุนทร ปานแสงทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวิมล มงคลเจริญ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ นางประภาพร อัศวเหม นายกเทศมนตรีนครสมุทรปราการ  นาวาเอกอนุศักดิ์ นาคทิม นายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง นายสมหวัง เกษมโกสินทร์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ นายสมควร ชูไสว ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ นางสาวพิม อัศวเหม สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย คณะผู้บริหารฯ หัวหน้าส่วนราชการ พนักงาน ข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ เทศบาลนครสมุทรปราการ เทศบาลตำบลบางเมือง สมาชิกกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า ร่วมในพิธี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top