Sunday, 6 July 2025
NEWS

3 เหล่าทัพ ยิงสลุตหลวงเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2564

ที่สนามหลวง กองทัพบก โดย กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 64

ด้านกองทัพเรือยิงสลุตหลวง ณ ป้อมวิไชยประสิทธิ์ พระราชวังเดิม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2564 ที่ 1  รักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 1 กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ได้ทำการ ยิงสลุตหลวง 21 นัด เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564

ขณะที่กองทัพอากาศ ณ ลานอเนกประสงค์ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช ยิงสลุดหลวงโดยกรมทหารต่อสู้อากาศยานรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน ทำการยิงสลุตหลวง 21 นัด พร้อมกับกองทัพบก และกองทัพเรือ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 69 พรรษา 28 กรกฎาคม 2564

สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2564  เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 

ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พลเอก ณัฐ  อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มถวายพระพรชัยมงคล และถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 69 พรรษา (28 กรกฎาคม 2564 ) ณ ห้องพินิตประชานาถ ในศาลาว่าการกลาโหม เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี และในการจัดกิจกรรมได้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ในห้วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประกอบด้วย กิจกรรมจิตอาสาพัฒนา "เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ" ร่วมกับส่วนราชการอื่น ๆ และประชาชนจิตอาสาในพื้นที่โดยรอบบริเวณศาลาว่าการกลาโหม ซึ่งประกอบด้วย การพัฒนาและปรับปรุงภูมิทัศน์คลองคูเมืองเดิม เริ่มจากโรงแรมรัตนโกสินทร์ถึงปากคลองตลาด และคลองสาขา จำนวน 2 คลอง (คลองหลอดวัดราชบพิธ และคลองหลอดวัดราชนัดดา) โดยมีการขุดลอกคลองคูเมืองเดิมด้วยเรือผลักดันโคลนของ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม การทำความสะอาดและทาสีผนังคลองคูเมืองเดิม การเก็บขยะในคลองคูเมืองเดิม และการตัดแต่งกึ่งไม้ริมคลองคูเมืองเดิม คลองสาขา และสวนสราญรมย์

นอกจากนี้ยังได้จัดทำเจลแอลกอฮอล์ หน้ากากกันกระเด็น (Face Shield) และแผ่นกั้นกันกระเด็นเพื่อนำไปมอบให้กับวัดและโรงเรียน โดยมี วิทยากรจิตอาสา 904 และกำลังพลจิตอาสาของหน่วยขึ้นตรงสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ในพื้นที่ศาลาว่าการกลาโหม เข้าร่วมกิจกรรมฯ

การถวายเครื่องอัฐบริขาร มอบอุปกรณ์การเรียน เวชภัณฑ์ และเครื่องวัดอุณหภูมิ รวมทั้งการทำความสะอาด และการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ให้กับวัดและโรงเรียน จำนวน 10 แห่ง โดยแบ่งออกเป็น วัด จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ 1.วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรมหาวิหาร 2.วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร 3.วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร 4.วัดราชนัดดารามวรวิหาร และ 5.วัดมหรรณพารามวรวิหาร โรงเรียน จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ 1.โรงเรียนวัดราชบพิธ 2.โรงเรียนเบญจมราชาลัย 3.โรงเรียนวัดสุทัศน์ 4.โรงเรียนวัดราชนัดดา และ 5.โรงเรียนวัด มหรรณพาราม โดยมีกำลังพลของหน่วยขึ้นตรงสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ในพื้นที่ศาลาว่าการกลาโหมเข้าร่วมกิจกรรมทำความสะอาด

​ทั้งนี้การจัดกิจกรรมในแต่ละพื้นที่ของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพรระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ตามที่รัฐบาลกำหนดอย่างเคร่งครัด

"เหล่าทัพ" ร่วมจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 ก.ค.64 

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) พล.อ.เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะ ถวายพระพรชัยมงคล และถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดินเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 ของ กองบัญชาการกองทัพไทย ณ ห้องนเรศวร กองบัญชาการกองทัพไทย โดยมีรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดเข้าร่วมพิธี

การจัดพิธีในครั้งนี้ เพื่อแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี แด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ทรงพระวิริยะ อุตสาหะ มุ่งมั่นปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทย 

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2564  พิธีถวายเครื่องราชสักการะ ถวายราชสดุดี และถวายพระพรชัยมงคล, พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน, พิธีไถ่ชีวิตกระบือถวายเป็นพระราชกุศล, ลงนามถวายพระพรชัยมงคล โดยหน่วยขึ้นตรงทั่วประเทศ​ จัดพิธีถวายเครื่องราชสักการะ ถวายราชสดุดี และถวายพระพรชัยมงคล 

ที่กองบัญชาการกองทัพเรือพระราชวังเดิม​ (บก.ทร.) พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) นายทหารชั้นผู้ใหญ่ร่วมถวายราชสักการะ พร้อมกล่าวถวายพระพรชัยมงคล ถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีเป็นพลังของแผ่นดิน​  เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564  ได้นำคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ร่วมลงนามถวายพระพร  ผ่านระบบออนไลน์

จากนั้นผู้บัญชาการทหารเรือและนางจุฬารัตน์ ศรีวรขาน พร้อมนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือและภริยา ร่วมแจกจ่ายอาหารกล่องและถุงยังชีพให้แก่ประชาชน ตามพื้นที่ต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัส โควิด 19 ในการจักิจกรรม"กองทัพเรือเพื่อประชาชน ร่วมใจต้านภัย COVID - 19" เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล 

กองทัพเรือ ได้จัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีของข้าราชการกองทัพเรือตลอดจนพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ในพื้นที่ต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล​ พื้นที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พื้นที่จังหวัดสงขลา พื้นที่จังหวัดภูเก็ต - จังหวัดพังงา พื้นที่จังหวัดจันทบุรี - จังหวัดตราด พื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ขณะที่กองทัพอากาศ​ พล.อ.อ.แอร์บูล  สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.)เป็นประธานกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 69 พรรษา ณ ห้องรับรองกองทัพอากาศ กองบัญชาการกองทัพอากาศ โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพอากาศ ร่วม พิธีถวายเครื่องราชสักการะ การถวายพระพรชัยมงคล และการถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน พิธีเจริญพระพุทธมนต์ พิธีตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 10 รูป พิธีไถ่ชีวิตโค-กระบือ รวมทั้งลงนามถวายพระพรชัยมงคลและถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน 
 
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 จนถึงปัจจุบัน ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” ทรงเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทในการสานต่อศาสตร์พระราชา ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระองค์ทรงให้ความสำคัญเรื่องการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโครงการจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. และโครงการจิตอาสาพระราชทาน “เราทำความดีเพื่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์”

จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศ  ที่ผ่านมาพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานความช่วยเหลือ โดยมอบถุงยังชีพพระราชทานแก่ชุมชนทั่วประเทศเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น พระราชทานเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์แก่โรงพยาบาลทั่วประเทศ พระราชทานรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทานแก่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อนำไปตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้แก่ประชาชนในพื้นที่กลุ่มเสี่ยง เพื่อจะได้เข้ารับการรักษาอย่างปลอดภัย อันเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังและดูแลรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 จึงนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ต่อพสกนิกรชาวไทยที่ได้อาศัยอยู่ใต้ร่มพระบารมี 

รัฐสภา จัดพิธีถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานในพิธีถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 ก.ค.2564 มีนายสุชาติ ตันเจริญ นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานฯ และเลขาธิการสภาฯ พร้อมด้วยข้าราชการรัฐสภา ร่วมพิธี โดยนายชวนได้ถวายความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และเปิดกรวยกระทงดอกไม้หน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกล่าวกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล จากนั้นประธานและคณะร่วมกันร้องเพลงสดุดีจอมราชา พร้อมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกร่วมกัน โดยพิธีดังกล่าวเป็นการจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 

“คุณหญิงกัลยา” ขอบคุณครม.หลังอนุมัติเยียวยาค่าเรียนคนละ 2,000 บาท บรรเทาความเดือดร้อนช่วงวิกฤติโควิด-19 ย้ำที่ผ่านมาได้วางนโยบายระยะยาวสร้างงาน สร้างอาชีพ แก้จนยั่งยืนเตรียมพร้อมรับมือทุกวิกฤติ

ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขอบคุณครม.หลังอนุมัติเยียวยาค่าเรียนคนละ 2,000 บาท บรรเทาความเดือดร้อนผู้ปกครองรับมือวิกฤติโควิด-19 ย้ำในฐานะกำกับดูแลอาชีวะเกษตรเตรียมพร้อมรับมือทุกวิกฤติ วางนโยบายระยะยาวสร้างคน สร้างงาน สร้างอาชีพ ระหว่างเรียนมีรายได้ จบมามีงานทำ แก้จนอย่างยั่งยืน พร้อมให้ทุนการศึกษาช่วยเหลือและส่งเสริมนักเรียนอาชีวะเกษตร

นางดรุณวรรณ  ชาญพิพัฒนชัย โฆษกรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขอขอบคุณคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ได้มีมติเห็นชอบโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของกระทรวงศึกษาธิการ วงเงินรวมเกือบ 22,000 ล้านบาท โดยเฉพาะมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายในการเรียนรู้โดยให้ความช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษา ที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัด ศธ.ทั้งภาครัฐและเอกชน และสถานศึกษานอกสังกัด ศธ. คนละ 2,000 บาท ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) วงเงินรวมประมาณ 21,600 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นมาตรการเร่งด่วนระยะสั้นที่ต้องการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครอง

“คุณหญิงกัลยาได้ขอบคุณคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติงบประมาณให้การช่วยเหลือ โดยเฉพาะให้เงินเยียวยาค่าเรียนคนละ 2,000 บาท ตั้งแต่อนุบาลถึงม.6 และระดับปวช.และปวส. วงเงินรวมประมาณ 21,600 ล้านบาท ซึ่งวงเงินส่วนนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้ตัวเลขการช่วยเหลือต่อคนอาจจะไม่มากนักแต่เชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ปกครองหลายครอบครัวที่กำลังเผชิญกับวิกฤติ” นางดรุณวรรณ กล่าว

นางดรุณวรรณ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการภายใต้ความรับผิดชอบของคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช         มีนโยบายหลายส่วนที่ได้กำหนดไว้เป็นประโยชน์ต่อการวางรากฐานการศึกษาไทยเพื่อรองรับศตวรรษที่ 21 รวมไปถึงที่สำคัญคือการวางนโยบายระยะยาวในการสร้างคน คือ การให้การศึกษากับทุกคนอย่างเท่าเทียม เน้นสร้างงาน คือ ระหว่างเรียนมีรายได้ และสร้างอาชีพ คือ จบมาต้องมีงานทำ โดยเฉพาะนโยบายด้านอาชีวะเกษตรที่คุณหญิงผลักดันและส่งเสริมอย่างต่อเนื่องเพราะเชื่อมั่นว่าประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม หากนำองค์ความรู้ด้านการเกษตรมารวมกับด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้จะสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชน และเศรษฐกิจฐานราก จะเป็นการแก้ปัญหาความยากจนได้อย่างยั่งยืน 

ทั้งนี้ที่ผ่านมาคุณหญิงกัลยาได้ให้การช่วยเหลือและบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในการเรียนของผู้ปกครองอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อาทิ การให้ทุนการศึกษาส่วนตัวกับนักศึกษาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี (วษท.) ในหลักสูตร “ชลกร” รุ่นที่ 1 ที่ทุกคนจะได้รับการสนับสนุนค่าเล่าเรียน โดยได้รับการงดเว้นค่าหน่วยกิตตลอดหลักสูตร 2 ปี รวมถึงการผลักดันให้วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีทั่วประเทศปลูกสมุนไพรที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มและสอดรับเทรนด์การดูแลรักษาสขภาพ เช่น ฟ้าทะลายโจร กระชาย เป็นต้น เพื่อจำหน่ายและแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชน 

“บิ๊กบี้” ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจจนท. จุดบริการต้านโควิด ใน กทม. ย้ำทหารพร้อมประสานการช่วยเหลือปชช. “บิ๊กบี้” ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ จนท. จุดบริการต้านโควิด ใน กทม. ย้ำทหารพร้อมประสานการช่วยเหลือปชช. 

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้ ที่ทุกหน่วยงานได้ปรับรูปแบบการช่วยเหลือเน้นการดูแลเชิงรุกอย่างทันต่อสถานการณ์ และความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดและพื้นที่ควบคุมสูงสุด 13 จังหวัด รวมทั้ง กทม.  ในส่วนของกองทัพบก พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่ กทม. จัดตั้ง “จุดบริการอำนวยความสะดวกประชาชน” ขึ้นในบริเวณแหล่งพักอาศัย ชุมชน ปมคมนาคม แหล่งค้าขาย หรือสถานที่ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ รวม 53 จุด ครอบคลุมทุกพื้นที่สำนักงานเขต กทม.  มีเจ้าหน้าที่ทหารและ ฝ่ายปกครอง ร่วมกันให้การดูแล อำนวยความสะดวก  เป็นจุดรับแจ้งเรื่องเดือดร้อน ขอความช่วยเหลือในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด  ช่วยประสานส่วนราชการเพื่อส่งต่อการช่วยเหลือต่างๆ ให้คำแนะนำ การปฐมพยาบาลเบื้องต้น บริการอุปกรณ์ป้องกันเชื้อ ช่วยติดต่อเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อ เป็นต้น

โดยผู้บัญชาการทหารบกได้เดินทางไปเยี่ยมที่ “จุดอำนวยความสะดวกประชาชนกองทัพบก” 5จุดได้แก่ วัดแก้วฟ้า, BTSหมอชิต, ชุมชนวัดมะกอก, หน้าเอเซียทรีค และชุมชนสะพานผ่านฟ้า และในช่วงกลางวันผู้บัญชาการทหารบกได้ตรวจเยี่ยม อีก 4 พื้นที่ ได้แก่ People park อ่อนนุช,หน้า รร. Hyatt Regency Bangkok Sukhumvit ,ศูนย์พักคอยรอการส่งต่อผู้ป่วยCOVID19 เขตคลองสานและสถานีรถไฟเตาปูน  โดยได้กล่าวให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ กำชับเรื่องการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยความรวดเร็วทันต่อความเดือดร้อนของประชาชน การแบ่งโซนความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยทหาร พร้อมให้คำแนะนำการเสริมความพร้อมอื่นๆเช่น เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ “ศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิด19 กองทัพบก”  การจัดตู้ปันสุขมีสิ่งของที่จำเป็นสำหรับผู้ที่เดือดร้อน เตรียมชุดเคลื่อนที่เร็วสำหรับการช่วยเหลือในสถานกาณ์ฉุกเฉินต่างๆที่อาจเกิดขึ้น  ที่สำคัญคือให้ความอุ่นใจกับประชาชนและชุมชนว่ามีเจ้าหน้าที่อยู่ใกล้ พร้อมดูแลช่วยเหลือเคียงข้างประชาชนในทุกเรื่อง 

ทั้งนี้ผู้บัญชาการทหารบก ยังได้ย้ำให้กำลังพลปฏิบัติตามมาตรการพิทักษ์พล การใส่อุปกรณ์ป้องกันอย่างระมัดระวัง มีอุปกรณ์ป้องกันชุดPPE ,Face shield เครื่องมือที่จำเป็นอย่างเหมาะสม เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับตนเอง ตลอดจนประชาชนในการปฏิบัติทุกภารกิจเฉพาะหน้าเร่งด่วนที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา สำหรับประชาชนที่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือดูแล สามารถแจ้งได้ทันที ตามจุดบริการที่พบเห็นทั่ว กทม.

ไขชนวนศึก 3,000 ปี !! มูลเหตุล้างเผ่าพันธุ์ยิว ก่อนคริสตกาล... I Knowledge Times EP.5

???? รอบรู้แบบรู้ลึก ในรายการ ‘Knowledge Times’
???? ไขชนวนศึก 3,000 ปี !! มูลเหตุล้างเผ่าพันธุ์ยิว ก่อนคริสตกาล...

เดิม “ยิว” เป็นชนเผ่าที่ทางมานุษยวิทยาเรียกว่า “ฮีบรู” ชาวยิวอาศัยอยู่ในดินแดนแถบตะวันออกกลางในบริเวณอียิปต์ไปจนถึงแถบประเทศอิสราเอลในปัจจุบัน 

การเกลียดชังชาว “ยิว” แท้จริงแล้วหยั่งรากลึกมาตั้งแต่สมัยก่อนคริสตกาล ไม่ว่าชาวยิวไปอยู่ที่ไหน ก็มักจะถูกต่อต้านเสมอ ด้วยสาเหตุที่เกิดจากความเกลียดชังบนความแตกต่าง ทั้งด้านแนวคิด ศาสนา เชื้อชาติ จนทำให้เกิดชนวนศึก ที่ต้องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว !! 

สาเหตุแรก เมื่อสมัยก่อนคริสตกาลเกือบ 1,000 ปี เวลานั้นศาสนาที่เป็นที่นิยมนับถือในแถบกรีก และโรมัน เป็นศาสนาแบบ ‘เทวนิยม’ คือการนับถือพระเจ้าหลายองค์ เช่น เทพซุส เทพโพไซดอน เทพอะพอลโล เป็นต้น และเมื่อศาสดาอับราฮัมบังเกิดขึ้น ทำให้ ‘ศาสนายูดาห์’ ของชาวยิว จึงถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกที่นับถือพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว 

มูลเหตุนี้ทำให้ขัดกับความคิด ความเชื่อของชาวกรีกและชาวโรมันในยุคนั้น ที่นับถือเทพเจ้าหลายองค์ ช่วงประมาณ 670 ปีก่อนคริสตกาล ชาวยิวจึงถูกขับดัน เป็นเหตุการณ์ที่ยิวถูกขับไล่ออกไปครั้งแรก จนต่อมาช่วง ค.ศ. 70 ยิวก็ได้ถูกโรมันขับไล่ออกมาจนหมดสิ้นจากดินแดนตะวันออกกลาง 

สาเหตุต่อมาในยุคที่พระเยซูถือกำเนิดขึ้น ในช่วงที่ศาสนาคริสต์ยังเป็นศาสนาต้องห้าม จนถึงประมาณปี ค.ศ. 300 องค์การมิลานประกาศให้ศาสนาคริสต์ เป็นศาสนาประจำราชสำนักโรมัน ที่เรียกว่า ‘คริสตจักรโรมันคาทอลิก’ และเหตุการณ์นี้เป็นนัยที่ 2 ที่ฝังเข้าไปในจิตใจของชาวตะวันตกอย่างมาก 

โดยเฉพาะผู้นับที่นับถือศาสนาคริสต์ เนื่องจากชาวยิวต่อต้านพระเยซู ชาวยิวจึงไปปลุกปั่น และสมรู้ร่วมคิดกับทหารโรมัน จนเป็นเหตุที่ทำให้พระเยซู โดนตรึงไม้กางเขน ชาวตะวันตกจึงตราหน้าว่า ‘ยิวเป็นผู้ทรยศที่ฆ่าพระเยซู’ 

สาเหตุที่สาม ต่อมาราว ๆ ค.ศ. 1000 เกิดไข้ดำระบาด หรือ “กาฬโรค” ระบาดทั่วยุโรปครั้งใหญ่ !! เมื่อเกิดภัยพิบัติโรคระบาดเช่นนี้ จึงต้องมีการหาแพะ ? และเนื่องจากความไม่ชอบของชาวยุโรปนั้นมีอยู่แล้ว ก็เป็นการง่ายในการกล่าวหาคนกลุ่มน้อยอย่างชาวยิว โดยมีการกล่าวหาว่าชาวยิวได้วางยาพิษใส่ในน้ำพุ ซึ่งเป็นน้ำพุประจำเมืองที่ทุกคนสามารถไปใช้หรือดื่มได้ ทำให้ชาวยิวถูกจับมาขังรวมในอาคารไม้ แล้วจุดไฟเผาทั้งเป็น จนชาวยิวกว่า 2,000 คน ถูกแขวนคอ และถูกฆ่าตายในเมือง Strasbourg เพราะการระบาดของไข้ดำครั้งนี้ เชื่อว่าเกิดจากฝีมือของชาวยิว

สาเหตุต่อมา ในยุคแรกที่เกิดการธนาคารขึ้นมา ยิวได้เรียนรู้ทำอาชีพแลกเปลี่ยนเงินตรา เกิดกิจการธนาคารรับฝากเงิน เกิดอัตราการคิดดอกเบี้ย แต่ดันขัดกับหลักศาสนาอิสลามอย่างชัดเจน และชาวคริสต์เองก็ไม่ยินยอมการปล่อยเงินกู้ที่คิดดอกเบี้ย เพราะถือว่าเป็นการรีดผู้เดือดร้อน แต่สิ่งนี้เองทำให้อำนาจและอิทธิพลทางการเงินของชาวยิว เพิ่มขึ้นจนแผ่ขยายครอบคลุมเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ รวมถึงเยอรมนีด้วย

และสาเหตุสุดท้าย นับเป็นโศกนาฏกรรมครั้งประวัติศาสตร์ที่เกิดจากความเกลียดชังจนนำไปสู่การทำลาย และฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่โหดร้ายที่สุด โดยเยอรมนีมีความเชื่อว่าตนเป็นผู้ที่มีชาติพันธุ์อารยันที่มีคุณค่าเหนือกว่าใคร และถือว่ายิวเป็นชนกลุ่มน้อยที่จะต้องถูกกำจัด ซึ่งจากสาเหตุนี้ รวมไปถึงสาเหตุของอิทธิพลทางเศรษฐกิจข้างต้น จึงเป็นเหตุที่ทำให้ชาวยิวถูกกำจัดอย่างรุนแรงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จากเหตุการณ์สังหารหมู่ “ฮอโลคอสต์”

ซึ่งนาซีเยอรมนี โดยมีผู้นำคือ ‘อดอล์ฟ ฮิตเลอร์’ ฆ่าชาวยิวประมาณ 6 ล้านคน คิดเป็นสองในสามของประชากรยิวในทวีปยุโรป เหตุการณ์นี้นับเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่สุดของโลก และมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากที่สุดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

จากเหตุการณ์ทั้งหมด ทำให้ชาวยิวต้องกลับมาคืนถิ่น เป็นขบวนการที่เรียกว่า ‘ไซออนิสต์’ เป็นการเข้ามาขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่ นับเป็นเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนจนถึงทุกวันนี้ และก็ยิ่งเติม ความเกลียดชังชาวยิว ในหมู่ชาวมุสลิมเพิ่มขึ้นไปอีก 

นี่ก็คือประวัติศาสตร์ของชนชาติหนึ่ง ที่ถูกเกลียดชังมาเป็นระยะเวลา 2 - 3 พันปี นับจากที่โรมันเข้ามาขับไล่ชาวยิวออกจากดินแดนปาเลสไตน์และอิสราเอลในปัจจุบันนั่นเอง 


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กลายเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการบริหารจัดการเพื่อผู้แลผู้กักตัวที่เสี่ยงติดเชื้อจากโควิด19​ และดูท่าจะไปได้สวย

จาก​ผู้ใช้เฟซบุ๊ก​ 'ศิริลักษณ์​ สุดใจ'​ ได้แชร์ประสบการณ์ในฐานะของเจ้าหน้าที่ที่คอยอำนวยความสะดวก 'เถียงนาโมเดล'​ ไว้อย่างน่าสนใจว่า... 

????บรรลุเป้าหมายไป​ 1​ หลัง​ สำหรับ "เถียงนาโมเดล" ของ #โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลศรีบุญเรือง​ ผ่านการดำเนินงาน มา​ 14​ วัน ผู้ป่วย​ 6​ ราย

อาการสีเขียว ที่เลือกอยู่ เถียงนาแห่งนี้ ไม่สมัครไปรพ.สนาม จากการสอบถาม ทุกคนชอบบรรยากาศ

ความอบอุ่น มีการติดตามอาการใกล้ชิด ตลอด
มีน้ำไฟ ห้องน้ำพร้อมใช้ อยู่ใกล้ชุมชน
ทุกคน ดูแลตนเองได้ดี 

วันนี้ครบ​ 14​ วัน​ สามารถไปกักตัวต่อที่บ้านได้ แต่ทุกคนเลือกที่จะอยู่เถียงนาแห่งนี้ ต่อไปอีก​ 14​ วัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชุมชน น่าชื่นชมจริงๆๆ ขอบคุณนะคะ

เป็นเพียง​ 1​ ความสำเร็จเล็กๆ ที่พวกเราจะช่วยกันทำให้สำเร็จไปอีก เรื่อยๆ ในที่สุดจะรวมกันเป็นความสำเร็จในระดับตำบล ระดับอำเภอ และประเทศต่อไป

ขอเพียงทุกคนรวมแรงรวมใจกันสู่ต่อ

เป็นกำลังใจ ให้ทีมในกทม.สู่ต่อนะคะ ทางนี้ก็ช่วยทุกอย่าง ทำทุกอย่างที่ทำได้ 

ขอบคุณทีม​ IC เข้าเคลียร์ขยะติดเชื้อ ส่งทำลายตามหลักมาตรฐาน สร้างความมั่นใจต่อชุมชน... 

สำหรับ​ 'เถียงนา'​ ถือเป็นอีกหนึ่งในภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สะท้อนวิถีชีวิตภาคเกษตรของชาวบ้านถิ่นอีสาน โดยเป็นสิ่งปลูกสร้างขนาดเล็กที่สร้างไว้ตามท้องนา ที่ไว้พักชั่วคราวสำหรับใช้หลบแดด หลบฝน และพักผ่อนในฤดูเก็บเกี่ยว เหมาะเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนระหว่างทำนา ไม่ต้องเดินทางไป-กลับบ้าน

มักสร้างบนพื้นที่ราบลุ่ม น้ำท่วมไม่ถึง มีลักษณะเป็นพื้นที่ยกเสาสูง 4 เสา มุงหลังคาทรงจั่วระบายน้ำฝน กั้นฝาเพียงบางด้านเพื่อเปิดโล่งให้อากาศถ่ายเท นิยมใช้วัสดุที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาสร้าง

ทั้งนี้​ 'เถียงนา'​ กลายเป็นประเด็นที่กำลังได้รับความสนใจจากสังคม หลังจากนายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. เสนอให้มีการใช้ 'เถียงนาโมเดล' เป็นสถานที่กักตัวชั่วคราวสำหรับผู้ที่เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานจากกรุงเทพฯ ที่เดินทางกลับภูมิลำเนาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ที่มา: https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=4658900094124570&id=100000138758960

ด็อกเตอร์ แอนโธนี ฟาวซี หัวหน้าที่ปรึกษาด้านสาธารณสุข ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ให้สัมภาษณ์ออกสื่อแบบตรงไปตรงมาว่า

ตอนนี้ สหรัฐอเมริกา​ อาจกำลังเดินหลงทางในดง Covid-19 อีกครั้ง หลังจากที่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มไต่ระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้จะมีการกระจายฉีดวัคซีนไปทั่วประเทศแล้วก็ตาม

ด็อกเตอร์ฟาวซี ย้ำเตือนว่า​ แม้สหรัฐฯ​ จะเคยครองสถิติประเทศที่ฉีดวัคซีนได้เร็วที่สุดในโลกจนถึงเดือนเมษายน (ก่อนที่จีนจะเร่งโปรแกรมฉีดวัคซีนอย่างรวดเร็วแซงหน้าไป)​ แต่หลังจากนั้น อัตราการฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ​ กลับช้าลงเรื่อยๆ สวนทางกับอัตราการติดเชื้อรายใหม่ที่กลับมาเพิ่มสูงขึ้น 

ล่าสุดสถิติผู้ติดเชื้อรายวันในวันที่ 26 กรกฎาคม 2021 เพิ่มสูงขึ้นถึง 88,696 คน เสียชีวิตเพิ่มอีก 273 ราย แม้ว่าในสหรัฐฯ​ จะมีผู้ที่ได้รับวัคซีนไปแล้วเกือบ 60% แต่ยังเหลืออีกกว่าร้อยล้านคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเลย

ข้อสังเกตหนึ่ง​ คือ​ กลุ่มผู้ติดเชื้อจากการระบาดหนักรอบนี้​ เกิดขึ้นกับกลุ่มที่ไม่ยอมไปรับวัคซีน โดยเฉพาะกลุ่มรัฐทางตอนใต้ และกลุ่มต่อต้านการฉีดวัคซีน ที่เคยออกแคมเปญ  My Body, My Choice ตามหลักสิทธิเสรีภาพในการเลือกไม่ฉีดวัคซีน

สื่อสหรัฐฯ​ ได้ยกตัวอย่าง รัฐฟลอริด้าที่เป็นหนึ่งในรัฐที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และกว่า 99% ของผู้ติดเชื้อยังไม่ได้รับวัคซีน ซึ่งผู้ติดเชื้อหลายคนก็ตำหนิตนเองว่าน่าจะรีบออกมาฉีดวัคซีนตามแคมเปญของรัฐบาล

ตอนนี้​ ด็อกเตอร์ฟาวซี​ ได้เน้นย้ำว่า ประชาชนควรสวมหน้ากากอนามัย​ และรัฐควรประชาสัมพันธ์ถึงคนที่ยังลังเลจะมาฉีดวัคซีน ให้รีบมารับวัคซีนโดยไว พร้อมทั้งเร่งฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็ก และเยาวชนโดยด่วน ส่วนวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 นั้น​ รัฐบาลกำลังพิจารณาอยู่ 

สำหรับกระแสการต่อต้านการฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ​ ด้านประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้กล่าวถึงปัญหานี้ และทฤษฎีสมคบคิดที่สร้างความเชื่อผิดๆ​ กับโครงการฉีดวัคซีนของรัฐบาลนั้น​ ถืแฝอเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งที่ทำให้การฉีดวัคซีนล่าช้าลง และเขาจะปราบปรามกลุ่มที่เผยแพร่ข่าวปลอมเหล่านี้อย่างเด็ดขาด

ข้ามมาที่ด้านอังกฤษ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จในโครงการวัคซีน แต่กลับพบยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 หมื่นรายต่อวันในเดือนกรกฎาคมนี้​ โดยพบปัญหาการระบาดของเชื้อ Covid-19 สายพันธุ์เดลตา ที่รุนแรงขึ้น และมากกว่า 60% ของผู้ป่วยอาการรุนแรง ล้วนยังไม่ได้รับวัคซีนเช่นกัน จนถึงขั้นมีผู้ป่วยหลายคนพร่ำบ่นเสียใจ และเสียดายที่ไม่ยอมไปรับวัคซีนแต่แรก จนต้องมาใส่เครื่องช่วยหายใจในวันนี้ 

เริ่องนี้​ ทางทีมแพทย์อังกฤษ​ ได้มีการฝากเคสตัวอย่าง และขอร้องให้ประชาชนที่ยังลังเล วิตก ไม่ยอมออกไปฉีดวัคซีน ให้ออกมาฉีดกันเถอะ 'หมอขอ'​ เพราะผลข้างเคียงจากวัคซีนถือว่าน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่ต้องมาอยู่ที่โรงพยาบาลบนเตียงผู้ป่วยวิกฤติ

ผู้เขียน: ยีนส์​ อรุณรัตน์

ที่มา: CNN / BBC / The Guardian

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดพิธีถวายราชสักการะ ถวายพระพรชัยมงคล และพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน ​เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 69 พรรษา 28 กรกฎาคม 2564

สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดให้มีการจัดพิธีถวายราชสักการะ ถวายพระพรชัยมงคล และพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันพุธ ที่ 28 กรกฎาคม 2564 ตั้งแต่เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป​ ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

โดยมีพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา, พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์, พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก และ 
พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเข้าร่วมพิธี เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ 

ทั้งนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) การดำเนินกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด​ และเนื่องในโอกาสอันเป็นมหามงคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนข้าราชการตำรวจ และลูกจ้างในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมลงนามถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของ
แผ่นดิน ประจำปี 2564 เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว​ 28ก.ค.2564​ ตั้งแต่บัดนี้​ จนถึง 31 ก.ค. 2564 ได้ทาง... 

https://web.ocsc.go.th/forking/node/add/pledge-2564-govและเชิญชวนร่วม
ลงนามถวายพระพรผ่านทาง www.saranitet.police.go.th

กระบี่ เตรียมพร้อม พื้นที่นำร่อง (เกาะพีพี-อ่าวไร่เลย์-เกาะไหง) รองรับนักท่องเที่ยวตามแผนภูเก็ตแซนด์บอกซ์

(27 ก.ค. 64) พันตำรวจโทหม่อมหลวงกิติบดี  ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมจุดตรวจท่าเทียบเรืออ่าวน้ำเมา และจุดตรวจท่าเทียบเรือไร่เลย์ ต.อาาวนาง จ.กระบี่ ก่อนจะเปิดรับนักท่องเที่ยวในต้นเดือนสิงหาคม โดยมี นายสมชาย  หาญภักดีปฏิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับและรายงานการตรวจคัดกรองและปฏิบัติตามมาตรการตามประกาศจังหวัด ณ จุดตรวจคัดกรอง ดังนี้ 

ต้องมีเอกสารยืนยันว่าเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิค 19 ที่กระทรวงสาธารณสุขรับรองครบตามจำนวน หรือ Astrazeneca 1 เข็มไม่น้อยกว่า 14 วัน อ ต้องมีเอกสารยืนยันผลการตรวจไม่พบเชื้อไวรัส โควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR หรือ Rapid antigen Test ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง ยกเว้นเด็กอายุไม่เกิน 5 ปีไม่ต้องมีผลการตรวจเชื้อและให้มีการรายงานตัวที่ด่านปลายทางของจังหวัดกระบี่ ต้องใช้มาตรการความปลอดภัยที่สร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว ควบคู่มาตรการมาตรการการดูแลประชา ชนในพื้นที่ที่เข้าออกต้อง เข้มงวดและเป็นมาตรการฐานเดียวกัน และต้องลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ของจังหวัดกระบี่กำหนด (QT14) และแสดงอกสารรับรองความจำเป็น  เอกสารเกี่ยวกับสินค้าบริการ  การเดินทาง หรือเอกสารอื่น ณ ด่านตรวจจังหวัดกระบี่

สำหรับอ่าวไร่เรย์ มีการฉีดวัคซีน 100%  ของคนในพื้นที่ ซึ่งสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว  มาตรการของจังหวัดจะเกิดสำเร็จได้ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและประชาชนในพื้นที่ เพื่อร่วมกันสร้างความปลอดภัยในพื้นที่ได้มากขึ้น โดยผ่านการซักซ้อมอย่างถี่ถ้วนเป็นระบบภายใต้การดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติการ กรณีเกิดการณ์ติดเชื้อโควิค การช่วยเหลือการดูแลรวมถึงคนพื้นที่ก็จะเป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันคิดช่วยกันดูแลอย่างทั่วถึง

ข้อมูลข่าว / ภาพ
มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน 

นนทบุรี​ อำนวย น้อมรับคำสั่งไม่เลื่อนออกรางวัล หวั่นติดเชื้อคลัสเตอร์ใหม่

นนทบุรี อำนวยน้อมรับคำสั่งไม่เลื่อนออกรางวัลหวั่นติดเชื้อคลัสเตอร์ใหม่

นายอำนวย กลิ่นอยู่ ประธานสมาพันธ์คนพิการผู้ค้าสลากประเทศไทย น้อมรับคำสั่งกองสลาก หลังสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลออกมายืนยันไม่เลื่อนการออกรางวัลงวดประจำวันที่ 1 ส.ค.2564 ตามเดิม ส่วนงวดวันที่ 1 ก.ย.2564 ตัวแทนจำหน่ายต้องลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ ขณะที่นายอำนวยหวั่นการติดเชื้อคลัสเตอร์ใหม่ จากการค้าขายสลาก

หลังได้รับหนังสือขอเลื่อนการออกสลาก จากประธานสมาพันธ์คนพิการผู้ค้าสลากประเทศไทย นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ออกมาชี้แจงว่า สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลยังคงออกรางวัลงวดประจำวันที่ 1 สิงหาคม 2564 และงวดวันที่ 16 สิงหาคม 2564 ตามปกติ

หลังมีการประกาศไม่เลื่อนออกรางวัล งวดวันที่ 1 และ 16 สิงหาคม 2564 จากคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล สมาพันธ์คนพิการผู้ค้าสลากประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ยอมรับคำสั่งดังกล่าวแต่ยังคงเป็นห่วงการรวมตัวของผู้ค้าขายสลาก เนื่องจากอาชีพผู้ค้าสลากยังคงกระจายการจำหน่ายไปยังหลายพื้นที่ และสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้ซื้อสลากและประชาชนจึงขอให้เลื่อนการออกสลากออกไปเพื่อระงับยับยั้งการระบาดของเชื้อโควิด-19

นายอำนวยกล่าวว่า ตนขอแถลงการณ์วิงวอนให้สำนักงานสลาก ทราบว่าการที่ต้องออกไปขายสลากอาจเป็นจุดทำให้เป็นการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้เนื่องจากว่าถ้าทางเราไม่รับสลาก ตามที่สำนักงานสลากกำหนดซึ่งในงวดที่สำนักงานสลากกำหนดเป็นงวดวันที่ 16 สิงหาคม เราก็อาจจะถูก ตัดสิทธิ์ได้ฉะนั้นก็เลยจำเป็นจะต้องน้อมรับแต่ว่าในความเห็นของเรา แม้ว่าจะขาดรายได้ ทางเราก็ไม่อยากจะเป็นจุดที่แพร่กระจายเชื้อโควิด เพราะว่าการขายในตลาดไม่ได้มีแต่ทางเราเท่านั้น มีคนขายหลายหมื่นถึงแสนคนถ้าคนเหล่านี้ เคลื่อนที่ออกไปอาจจะเป็นพาหะนำโรคไปก็ได้และอาจจะเป็นพาหะนำเชื้อไปสู่สังคมและครอบครัว อยากฝากคณะกรรมการกองสลากว่ากรุณานึกถึงสิ่งเหล่านี้ด้วยคำสั่งของศูนย์ศบค.ออกมาแล้วว่า ให้งดการรวมตัวงดการเคลื่อนที่และออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น 

ภาพ-ข่าว กำพลศิลป์ วงษ์เดือน
ผู้สื่อข่าวนนทบุรี

“เฉลิมชัย” พอใจตัวเลขส่งออกสินค้าเกษตรเติบโตสูงสุดในรอบ​ 10​ ปี ผลไม้ครองแชมป์ขยายตัวสูงสุด​ 185% สั่งเร่งเครื่องปฏิรูปข้าวครบวงจรหวังทวงแชมป์คืน พร้อมปรับกลยุทธ์แก้ปัญหา​ ”มังคุด” ฝ่าวิกฤตโควิด19

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แถลงวันนี้(28 ก.ค.)ว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แสดงความพอใจที่สินค้าเกษตรมีส่วนช่วยเศรษฐกิจสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศในเดือนมิถุนายน 71,473.5 ล้านบาท โดยมีอัตราการขยายตัวสูงถึง 59.8% 

นับเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 10 ปี และเป็นการขยายตัว 9 เดือนต่อเนื่องโดยผลไม้ครองแชมป์การส่งออกที่อัตราเติบโตสูงสุดถึง 185.10% โดยราชาแห่งผลไม้คือทุเรียนขยายตัว 172% และราชินีแห่งผลไม้คือมังคุดขยายตัว 488.26% เป็นการทำลายสถิติการส่งออกในอดีตที่ผ่านมา ตามมาด้วย การส่งออกยางพาราขยายตัว 111.9% มันสำปะหลังขยายตัว 81.5%

สำหรับการส่งออกข้าวที่มีตัวเลขติดลบทั้งปริมาณและมูลค่านั้น รัฐมนตรีเกษตรฯ.ถือเป็นวาระเร่งด่วนในการแก้ปัญหาและได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ​ เร่งปฏิรูปข้าวแบบครบวงจรเพื่อสร้างศักยภาพใหม่หวังที่จะทวงแชมป์กลับคืนมาโดยใช้​ "5​ ยุทธศาสตร์ปฏิรูปเกษตร​ 4.0” เป็นหัวใจของการพัฒนาโดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาสร้างการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่การผลิต การแปรรูปและการตลาดภายใต้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิตโดยบูรณาการความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกระทรวงพาณิชย์ สมาคมชาวนาและทุกภาคีภาคส่วน

นอกจากนี้ยังสั่งการให้คณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้(Fruit Board)ปรับแผนกลยุทธ์รับมือกับผลกระทบจากโควิด19

โดยเฉพาะลำไยภาคเหนือและผลไม้ภาคใต้ช่วงฤดูพีคสูงสุดในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม​ ซึ่งเริ่มเห็นผลกระทบจากมาตรการโควิด19​ รุนแรงมากขึ้น​ เช่น​ มังคุดในภาคใต้​ แม้ความต้องการของตลาดยังสูงอยู่แต่กลไกการค้าและการขนส่งเพื่อส่งออกติดขัดอย่างมากทำให้การนำมังคุดจากสวนไปสู่ตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดเกิดปัญหาตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมเป็นต้นมาและให้ฟรุ้ทบอร์ดออก​ 7​ มาตรการเพิ่มเติมเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาโดยด่วน

นายอลงกรณ์​ กล่าวต่อไปว่า 
ระหว่างวันที่​ 28-29​ กรกฎาคมนี้ นายสินิตย์  เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้(ฟรุ้ทบอร์ด)และคณะได้ลงพื้นที่จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราชเพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหามังคุดราคาตกต่ำตามข้อสั่งการของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์และดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

สำหรับตัวเลขการส่งออกเดือนมิถุนายน 2564 มีมูลค่า 23,699.43 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือ 738,135.34 ล้านบาท ขยายตัวสูงถึง 43.82% ถือเป็นการเติบโตสูงสุดในรอบ 11 ปี โดยมีสินค้าสำคัญที่มีอัตราการขยายตัวสูงสุด5อันดับแรกได้แก่ 1.ผลไม้ขยายตัว 185.10% 2.อัญมณีและเครื่อง ด้วยมูลค่า ประดับ ขยายตัว 90.48% 3.รถยนต์และอุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์ ขยายตัว 78.5% 4.เครื่องจักรกล ขยายตัว 73.13% และ5.เคมีภัณฑ์ขยายตัว 59.82% ประการสำคัญคือ ตลาดหลักและตลาดรองมีอัตราการขยายตัวทุกตลาดโดยตลาดหลักขยายตัว 41.2% ประกอบด้วยจีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป  CLMV อาเซียน เป็นต้น ส่วนตลาดรองขยายตัว 49.5% ได้แก่ เอเชียใต้ อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ ตลาดตะวันออกกลาง แอฟริกา ลาติน ออสเตรเลีย เป็นต้น

(กระบี่)​ ร.15 พัน.1 จัดกิจกรรม 'มีแล้วแบ่งปัน'​ มอบหน้ากากอนามัยและสเปรย์แอลกอฮอล์ให้ชาวคลองท่อม

(28 ก.ค. 64) พ.อ.ธนพล นุ้ยสุข ผบ.ร.15 พัน.1 จัดกำลังพลลงพื้นที่ตั้งจุดบริการมอบหน้ากากอนามัยและสเปรย์แอลกอฮอล์แบบพกพาสำหรับล้างมือให้กับพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่สัญจรไป-มาในพื้นที่ตลาดสดเทศบาลตำบลคลองท่อมใต้ อ.คลองท่อม จ.กระบี่

ทั้งนี้เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 รวมถึงเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (Covid-19) 

และเพื่อเป็นการลดการสัมผัส ทางหน่วยได้นำโต๊ะมาวางหน้ากากอนามัย และให้ประชาชนหยิบ ตามมาตรการในการป้องกันโรค Covid-19 ต่อไป

"อย่างไรก็ตาม เราจะร่วมเป็นกำลังใจให้ประชาชนร่วมฝ่าฟันวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน" พ.อ.ธน​พล​ กล่าว

ข้อมูลข่าว / ภาพ
มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน 

กระทรวงสาธารณสุข ยืนยัน วัคซีนไฟเซอร์จากสหรัฐฯ จะจัดสรรให้บุคลากรด่านหน้าก่อน 5 แสนโดส ที่เหลือจัดสรรให้กลุ่มเสี่ยง

จากกรณีที่มีข่าวว่าวัคซีนไฟเซอร์ล็อตที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา จำนวน 1.5 ล้านโดส ที่จะเข้าไทยในเดือนกรกฎาคมนี้ ต่อมามีการประกาศว่าจะฉีดให้แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นลำดับแรก ประมาณกว่า 5 แสนโดส

ซึ่งระหว่างนั้น มีกระแสข่าวให้สับสนว่า การฉีดให้บุคลากรข้างต้นอาจจะเหลือ 2-3 แสนโดส และกล่าวหาว่ามีการขโมยวัคซีน กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่สังคมวิจารณ์

รวมทั้งล่าสุด ยังมีบางกลุ่มไปยื่นจดหมายเปิดผนึก ต่อสถานทูตสหรัฐอเมริกาเพื่อขอให้ตรวจสอบการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) จำนวน 1.5 ล้านโดส อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทางกระทรวงสาธารณสุข โดย นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง และโฆษกกระทรวงสาธารณสุขได้ออกมายืนยันแล้วว่า...

วัคซีนไฟเซอร์ล็อตแรก จำนวน 1.54 ล้านโดส จะเข้ามาภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เริ่มฉีดต้นเดือนสิงหาคม 2564 ในกลุ่มบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุข บุคลากรด่านหน้า ไม่น้อยกว่า 5 แสนโดส ที่เหลือจัดสรรไปยังกลุ่มเสี่ยง พื้นที่เสี่ยงอื่น ๆ และเพื่อควบคุมการระบาดในพื้นที่

“ข่าวการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ด่านหน้าเหลือ 2 แสนโดสนั้น ขอย้ำไม่เป็นความจริง การจัดสรรวัคซีน กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญของบุคลากรด้านการแพทย์และด่านหน้า เพื่อธำรงรักษาระบบสาธารณสุขของประเทศรับมือกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 บุคลากรด่านหน้าทุกคนต้องได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน”

เท่ากับว่า ไม่มีการขโมยวัคซีนไฟเซอร์ เพราะวัคซีนที่นอกเหนือจากการจัดสรรให้แพทย์ พยาบาล บุคลากร สาธารณสุขด่านหน้าแล้ว อีกส่วนจะถูกจัดสรรไปให้กับ กลุ่มผู้สูงอายุ, ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง, หญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป, ชาวต่างชาติ เน้นผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และ คนไทยที่จำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศ คือ นักเรียน, นักศึกษา, นักกีฬา และนักการทูต ซึ่งเป็นไปตามการรายงานของ พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวไว้เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา

เท่ากับวัคซีนไฟเซอร์ ที่กำลังจะมาถึงนั้น ทีมสาธารณสุข เป็นกลุ่มที่ได้รับมากที่สุดกว่า 5 แสนโดส ก่อนจะกระจายให้กลุ่มอื่น ๆ ตามที่ระบุไว้ข้างต้น

ดังนั้น ขอย้ำว่า "ไม่มีการขโมยวัคซีนจากมือแพทย์ พยาบาล และบุคลากรด่านหน้าอย่างแน่นอน"

สำหรับเรื่องนี้ ทางด้าน ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้เคยโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก Warat Karuchit แจกแจงไปเมื่อ 25 ก.ค. 64 ความว่า...

สธ.แถลง อย่างเป็นทางการแล้วครับ ก็ประมาณที่เราพูดกันไป สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส

1.) ยืนยันว่า ข่าวที่ว่าวัคซีนไฟเซอร์สำหรับบุคลากรการแพทย์ เหลือแค่ 2 แสนโดส เป็น "ข่าวปลอม"

2.) อย่างน้อย 5 แสนโดส จัดสรรให้กับบุคลากรทางการแพทย์ บวกด้วย จำนวนที่เกิน

3.) เป็นความสมัครใจ ไม่มีการบังคับฉีดยี่ห้ออะไรทั้งสิ้น

4.) ผลการทดสอบประสิทธิผล พบกว่า SV+SV+AZ สูงกว่าทุกแบบ รวมทั้ง PZ+PZ ด้วย

5.) ไม่มีการเรียกเก็บเงินใด ๆ ทั้งสิ้น

6.) นอกจากบุคลากรทางการแพทย์ วัคซีนไฟเซอร์ล็อตนี้จะจัดสรรไปยังกลุ่มเสี่ยง พื้นที่เสี่ยง (และกลุ่มอื่น ๆ เช่น ชาวต่างชาติ) ไม่มี VIP หรือ VVIP ใด ๆ

7.) ไม่มีวัคซีนหายใด ๆ ทั้งสิ้น (ยังไม่มา จะหายได้ไง?!)


ที่มา : https://mgronline.com/politics/detail/9640000073407

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4802334673115467&id=100000169455098


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top