Saturday, 5 July 2025
NEWS FEED

'นันทิวัฒน์' จวก ใครไม่เอาเจ้า ให้ย้ายไปอยู่ที่อื่น ลั่น!! พรรคไหนล่วงละเมิดสถาบัน อย่าไปเลือกมัน

(24 ก.พ. 66) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ 'Nantiwat Samart' ในหัวข้อ 'อย่าเลือกมัน' โดยมีเนื้อหาระบุว่า...

อย่าเลือกมัน

จำให้ขึ้นใจ ประเทศไทยคงความเป็นไท และเจริญรุ่งเรืองมาได้จนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่นักการเมือง หรือพรรคการเมืองใด ๆ นักการเมืองต่างเข้ามากอบโกย ทุจริต โกงกิน

แต่เป็นพระมหากษัตริย์ที่ปกป้องแผ่นดินไทย พัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า นับตั้งแต่อดีตมา นี่คือ เหตุผลที่คนไทยรักและภักดีต่อสถาบัน

หลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง และไม่ทรงเกี่ยวข้องทางการเมือง และไม่ได้สนับสนุนพรรคการเมืองใด ๆ

‘ทิพานัน’ ชู ‘บัตรทองพรีเมียม’ ผลงาน ‘บิ๊กตู่’ เพิ่มบริการ-สิทธิการรักษา ดูแลทุกคนเท่าเทียม

(24 ก.พ.66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยในทุกมิติ โดยเฉพาะการยกระดับระบบสาธารณสุขไทย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขแพทย์สมัยใหม่ และแพทย์แผนไทย เพิ่มบริการและสิทธิต่าง ๆ พัฒนาระบบประกันสุขภาพประชาชนให้ครอบคลุมประชาชนและเท่าเทียม มีนโยบายให้การรักษาดูแลคนไทยโดยประชาชนไม่ต้องมีจ่ายค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ในระยะเวลาตั้งแต่ 2557-2566 พล.อ.ประยุทธ์ ได้พัฒนาหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเพื่อคนไทย ให้มีประสิทธิผลเพื่อบรรลุเป้าหมายของความเท่าเทียมกัน มีประสิทธิภาพและมาตรฐานสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ตามนโยบายจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยได้ดำเนินการพัฒนาหลักประกันสุขภาพแล้ว 6 มิติ ดังนี้
 
>>เพิ่มสิทธิประโยชน์  
-การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีเจาะลึกระดับดีเอ็นเอ HPV DNA
-การตรวจยีน BRCA1 BRCA2 ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม 
-บริการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีก่อนสัมผัส (PrEP) สำหรับกลุ่มเสี่ยง 
-การตรวจดาวน์ซินโดรมในหญิงตั้งครรภ์ การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ (อายุ 50 ปีขึ้นไป)  
-การตรวจคัดกรองผู้ป่วยโรคพันธุกรรมเมตาบอลิกด้วยเครื่อง Tandem mass spectrometry ในเด็กแรกเกิด 
-การคัดกรองรอยโรคเสี่ยงและมะเร็งช่องปาก (CA Oral Screening) ในคนอายุ 40 ปีขึ้นไป 
-ผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับสำหรับผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงและผู้ที่มีปัญหาการขับถ่าย   
-โรคหายาก (Rare Disease) เบื้องต้นครอบคลุม 24 โรคหายาก 
-สิทธิประโยชน์รากฟันเทียม ภายใต้ ‘โครงการฟันเทียม รากฟันเทียม เฉลิมพระเกียรติในหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา’ 
-กองทุนดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง  
-บริการจิตเวชเรื้อรังในชุมชน 
-บริการฝังเข็มหรือบริการฝังเข็มร่วมกับการกระตุ้นไฟฟ้า 
-ดูแลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ให้ ‘ผู้มีสิทธิบัตรทองเลือกฟอกไตในแบบที่ใช่’ เพื่อเปิดทางเลือกให้ผู้ป่วยที่ไม่ประสงค์จะล้างไตทางหน้าท้อง (Peritoneal Dialysis: PD) แต่ต้องการบำบัดทดแทนไตด้วยวิธีการฟอกเลือด (hemodialysis: HD) โดยที่ประชาชนไม่ต้องจ่ายเงินเองอีกต่อไป 

>>สิทธิประโยชน์ดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์
-บริการยาป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อเอชไอวี (Pre-Exposure Prophylaxis : PrEP) 
-บริการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีหลังการสัมผัสเชื้อ (Post-Exposure Prophylaxis : PEP) 
-บริการคัดกรองและตรวจยืนยันไวรัสตับอักเสบซีในผู้ติดเชื้อฯ และนำเข้าสู่กระบวนการรักษา 
-บริการเอกซเรย์ปอดคัดกรองวัณโรคในผู้ติดเชื้อฯ รายใหม่ทุกราย, บริการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงเพื่อให้เข้าสู่กระบวนการตรวจเลือดและดูแลรักษา (Reach Recruit Test Treatment Prevention Retain: RRTTPR) 
-สนับสนุนถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันและลดการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวี เพื่อสนับสนุนการดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ พ.ศ. 2560-2573 

>>ดูแลกลุ่มเปราะบางเข้าถึงสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
-ผู้มีปัญหาทางสถานะทางทะเบียน เช่น ไม่ได้แจ้งเกิด เอกสารบุคคลสูญหาย คาดการณ์ประมาณ 5.2 แสนคนที่จำเป็นต้องดำเนินการช่วยเหลือ 
-กลุ่มชาติพันธุ์มานิ รักษ์ป่าบอน จ.สงขลา และ จ.พัทลุง ชนชาติพื้นเมืองดั้งเดิมของไทย มีจำนวนราว 500 คน ช่วยเหลือให้ได้รับสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 
-พระภิกษุสามเณรทั่วประเทศ 
-ยกระดับการเข้าถึงสิทธิบัตรทองให้กับ ‘ผู้ต้องขัง’ โดยความร่วมมือกรมราชทัณฑ์ กระทรวงสาธารณสุข และ สปสช. ทำให้มีการขึ้นทะเบียนสถานพยาบาลในเรือนจำให้เป็นหน่วยบริการปฐมภูมิในเครือข่ายของหน่วยบริการประจำหรือโรงพยาบาลในพื้นที่ครบทั้งหมด 135 แห่งแล้ว โดยปัจจุบันมีผู้ต้องขัง 252,000 คน ลงทะเบียนบัตรทองให้กับผู้ต้องขังที่มีสิทธิกว่าร้อยละ 97 

>>เพิ่มนวัตกรรมบริการ ‘ลดความแออัดที่โรงพยาบาล’
-บริการยาเคมีบำบัดสำหรับผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่บ้าน (Home Chemotherapy for CA Colon) 
-บริการรับยาร้านยาใกล้บ้าน ดูแลผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคเรื้อรัง ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิต หอบหืด และจิตเวช ก่อนขยายไปยังโรคเรื้อรังอื่นๆ 

ครม.เคาะ!! ห้ามนำเข้าเศษพลาสติก 100% เริ่ม 68 ช่วยประเทศไทย ไม่เป็นถังขยะโลกอีกต่อไป

รองโฆษกรัฐบาล เผย ครม.เห็นชอบนโยบายกำกับการนำเข้าเศษพลาสติก คุมเข้ม 2 ปี สิ้นปี 67 ห้ามนำเข้าจากต่างประเทศ หวังปลดล็อกไทยเป็นที่รองรับขยะจากประเทศอื่น ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและราคาเศษพลาสติกในประเทศ

เมื่อไม่นานมานี้ (21 ก.พ.66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 ว่า ที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบนโยบายกำกับการนำเข้าเศษพลาสติกตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและราคาเศษพลาสติกในประเทศ และเพื่อมิให้ประเทศไทยเป็นที่รองรับเศษขยะจากประเทศอื่น โดยให้กรมศุลกากร กรมการค้าต่างประเทศ และกระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายดังกล่าว

นโยบายกำกับการนำเข้าเศษพลาสติกมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้

1.) เมื่อสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป ห้ามนำเข้าเศษพลาสติกจากต่างประเทศ โดยให้กระทรวงพาณิชย์ออกประกาศกำหนดให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร

2.) การนำเข้าเศษพลาสติกในพื้นที่เขตปลอดอากร (ในช่วงปี 2566-2567) โดยจะอนุญาตเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรม 14 แห่งที่กำหนด ได้แก่ โรงงานทั้งหมดที่ใช้เศษพลาสติกเป็นวัตถุดิบในการผลิตเพื่อส่งออกที่ตั้งอยู่ในเขตปลอดอากร นำเข้าไม่เกินความสามารถในการผลิตจริง รวม 372,994 ตันต่อปี สำหรับปีที่ 1 (2566) ให้นำเข้าปริมาณร้อยละ 100 ของความสามารถในการผลิตจริง, ปีที่ 2 (2567) ให้นำเข้าปริมาณไม่เกินร้อยละ 50 ของความสามารถในการผลิตจริงโดยการนำเข้าจะต้องมีมาตรการควบคุมดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อมิให้เกิดมลพิษในประเทศ เช่น เศษพลาสติกที่นำเข้าต้องแยกชนิดและไม่ปะปนกัน สามารถนาเข้าสู่กระบวนการผลิตโดยไม่ต้องทำความสะอาด ต้องใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเพื่อส่งออกเท่านั้น เป็นต้น

3.) การนำเข้าเศษพลาสติกในพื้นที่ทั่วไป (ในช่วงปี 2566-2567) ให้นำเข้าเฉพาะกรณีที่ไม่มีเศษพลาสติกในประเทศหรือมีปริมาณไม่เพียงพอ โดยมีหลักเกณฑ์ เช่น ผู้ประกอบกิจการโรงงานต้องแสดงหลักฐานว่ามีความจำเป็นในการนำเข้าและไม่สามารถหาได้ในประเทศ, นำเข้าได้ในปริมาณที่สอดคล้องกับกำลังการผลิต, นำเข้ามาเพื่อเป็นวัตถุดิบเท่านั้น (ไม่รวมถึงการคัดแยกหรือย่อยพลาสติก), สามารถนำเข้าสู่กระบวนการผลิตโดยไม่ต้องทำความสะอาด

เจ้ากรมแพทย์ทหารบก และคณะ ตรวจเยี่ยมหน่วยสายแพทย์ โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดสุรินทร์

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 พลโท วุฒิไชย อิศระ เจ้ากรมแพทย์ทหารบก พลตรี ชูสิทธิ์ ศรีอุทโยภาส รอง เจ้ากรมแพทย์ทหารบก และคณะ ตรวจเยี่ยมหน่วยสายแพทย์ โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน โดยมี พันเอก ชินวิช เจริญพิบูลย์ รอง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 ร่วมให้การต้อนรับ มี พันเอก สุรังค์ วิทยาวงศรุจิ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน กล่าวรายงาน พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน ให้การต้อนรับ พันเอก สุรังค์ วิทยาวงศรุจิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน กล่าวว่าที่ผ่านมา โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน ได้รับการสนับสนุน ดูแล ให้คำแนะนำในทุกด้านอย่างดียิ่ง จากมณฑลทหารบกที่ 25 แพทย์ใหญ่ กองทัพภาคที่ 2 ทั้งนี้ โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน มีความมุ่งมั่น ที่จะปฏิบัติตาม นโยบาย ของกองทัพบก และกรมแพทย์ทหารบก ซึ่งส่งผลให้ ผลการดำเนินการของหน่วย มีแนวโน้มดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อน ถึงแม้จะพบปัญหาอุปสักบ้าง 

ด้าน พลโท วุฒิไชย อิศระ เจ้ากรมแพทย์ทหารบก กล่าวว่า การเดินทางมาตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน ในวันนี้ ถือว่าเป็นการมาทำความรู้จักพบปะกำลังพลของโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน และได้เยี่ยมชมการปฏิบัติงานในการให้บริการผู้ป่วยและญาติ ทั้งมารับทราบปัญหาข้อขัดข้องในการปฏิบัติงานของกำลังพล ที่ผ่านมาโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน นับว่าเป็นหน่วยงานสายแพทย์ที่สำคัญ ที่ กองทัพบก และกรมแพทย์ทหารบก ได้ให้ความเชื่อมั่นตลอดมา ในการตรวจเยี่ยมครั้งนี้ ขอชื่นชมกำลังพล โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน ทุกนายที่ช่วยกันพัฒนาโรงพยาบาล จนประสบผลสำเร็จ และได้รับรางวัลมากมาย ทำให้เกิดความเชื่อมั่นแก่ผู้มารับบริการ รวมถึงประชาชนในจังหวัดสุรินทร์ และขอให้ทุกคนจงร่วมแรงร่วมใจแสดงออก ถึงความรักความสามัคคี มีความตั้งใจในการที่จะพัฒนาโรงพยาบาลให้เจริญรุ่งเรือง มีผลการปฏิบัติงานเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาประชาชน สำเร็จสมความมุ่งหมายของทางราชการและตามที่หน่วยเหนือกำหนดต่อไป 

'ไทย-ลาว' หารือ พัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศ เสริมเสถียรภาพ กระชับความสัมพันธ์ครอบคลุมทุกมิติ

(23 ก.พ. 66) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มอบหมายให้ พลเอกสนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้การต้อนรับ พลตรีพันแสง บุนพัน รองหัวหน้ากรมใหญ่เสนาธิการกองทัพประชาชนลาว (เทียบเท่าผู้บัญชาการทหารบก) ณ ห้องพระบารมีปกเกล้า ในศาลาว่าการกลาโหม

โดยพลเอกสนิธชนก ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวต้อนรับ รองหัวหน้ากรมใหญ่เสนาธิการกองทัพประชาชนลาว ในโอกาสเดินทางเยือนไทย ในฐานะแขกของกองทับบก และยินดีที่จะได้ร่วมหารือ เพื่อพัฒนาความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น สำหรับความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศนั้น มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในทุกมิติ อาทิ ความร่วมมือในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี, ความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ชายแดน, การเสริมสร้างเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงกับอนุภูมิภาคและภูมิภาค รวมถึงการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างผู้นำรัฐบาล

ผบ.ตร.ร่วมพิธีทำลายอาวุธปืนของกลาง กว่า 20,000 กระบอก หลังคดีถึงที่สุด สั่งกำชับตำรวจเข้มมาตรการอาวุธปืนต่อเนื่องตามนโยบายรัฐบาล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นประชาชน

วันที่ 23 ก.พ.66 เวลา 16.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เดินทางมาเป็นประธานในพิธีทำลายอาวุธปืนของกลาง โดยมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 พล.ต.ท.กฤษฎา สุรเชษฐพงษ์. ผบช.สกบ. พล.ต.ต.พงษ์พันธ์ วงศ์มณีเทศ ผบก.ภ.ระยอง เข้าร่วมพิธีเป็นสักขีพยาน ณ บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง

การจัดพิธีในครั้งนี้ สืบเนื่องจากตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินมาตรการปราบปรามอาวุธปืนผิดกฎหมายทุกมิติ เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายดังกล่าว ได้สั่งการหน่วยระดมกวาดล้างจับกุม ขยายผล ทลายเครือข่ายอาวุธปืนผิดกฎหมาย รวมทั้งการลักลอบค้าปืนออนไลน์ พร้อมกำชับการจำหน่าย ทำลายอาวุธปืนของกลาง เพื่อป้องกันมิให้มีการนำเอาอาวุธปืนดังกล่าวกลับมาใช้ก่อเหตุในคดีอาญา หรือลักลอบจำหน่ายไปยังบุคคลไม่หวังดี ตกอยู่ในมือของคนร้าย รวมทั้งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้พี่น้องประชาชนด้วย 

ผบ.ตร.จึงมอบหมายให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบการทำลายอาวุธปืนของกลางซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้สั่งการให้ สำนักงานส่งกำลังบำรุง โดยกรมสรรพาวุธ สำรวจอาวุธปืนของกลางที่เก็บรักษาไว้ตามคำสั่งศาลเพื่อรอทำลาย  และให้สถานีตำรวจทั่วประเทศสำรวจอาวุธปืนของกลางตามระเบียบที่หน่วยงานระดับสถานีสามารถทำลายได้เองเพิ่มเติมอีกด้วย

โดยพิธีทำลายอาวุธปืนของกลางของสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น เป็นการนำเอาอาวุธปืนของกลางซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาให้ริบเป็นของกลางและคดีถึงที่สุดแล้ว โดยถูกเก็บรักษาไว้ที่กองสรรพาวุธ แล้วขออนุมัติเพื่อจัดพิธีทำลายอาวุธปืนของกลาง โดยจะใช้วิธีการทำลายผ่านเครื่องจักรบดอัดให้เสียสภาพ แล้วนำไปหลอมในเตาหลอมอุณหภูมิสูง เพื่อให้อาวุธปืนของกลางทั้งหมดสิ้นสภาพที่จะนำมาใช้งานได้ โดยในครั้งนี้ได้รับความอนุเคราะห์จาก บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) สนับสนุนเครื่องจักรคุณภาพสูงในการหลอมโลหะด้วยอุณหภูมิสูง

สมาคมนักเรียนไทย-จีน ผุด ‘YOUNG BRI’ โครงการเคลื่อนความสัมพันธ์ไทย-จีนให้เติบโต

นายกสมาคมนักเรียนไทย-จีน เผย ส่งท้ายเดือนแห่งความรัก แนะนำโครงการทัศนศึกษาเชิงปฏิบัติการ 'YOUNG BRI' ซึ่งจัดโดยสมาคมนักเรียนไทย-จีน และได้รับการสนับสนุนจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 ก.พ. 66 

(23 ก.พ. 66) สำหรับงานดังกล่าว ได้มีพิธีเปิดซึ่งเริ่มขึ้นในวันที่ 23 ก.พ. 66 เวลา 8.30 น. ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ โดย นายสรวง สิทธิสมาน นายกสมาคมนักเรียนไทย-จีน เป็นผู้กล่าวต้อนรับนักเรียนนักศึกษาผู้เข้าร่วมโครงการ แนะนำที่มาและวัตถุประสงค์ของโครงการ โดยกล่าวว่า 'YOUNG BRI' เป็นคำที่สื่อความหมายถึง 'คนรุ่นใหม่' และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม เทคโนโลยี ในระดับภูมิภาคที่คนไทยเรียกกันว่า 'หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง' (BRI : Belt and Road Initiative : 一带一路)

นายกสมาคมนักเรียนไทย-จีน ยังกล่าวอีกว่าผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ถือว่าเป็น "วัยรุ่นหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ซึ่งในภายภาคหน้าก็จะเติบโตเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ไทย-จีน ซึ่งตรงกับอุดมการณ์ของสมาคมฯ ที่ว่า "เราคืออนาคตความสัมพันธ์ไทย-จีน"

หลังจากนั้นคุณ Fan Xuewei อุปทูตประจําสถานเอกอัครราชทูตจีนประจําประเทศไทย ได้กล่าวเปิดงาน โดยได้แนะนำประวัติความเป็นมา และประโยชน์ของ BRI ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาครบรอบ 10 ปีแล้ว ค้าขายและพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะในกลุ่ม BCG Model รวมถึงผลประโยชน์ในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่เอื้ออำนวยต่อห่วงโซ่การผลิต

คุณ FAN XUEWEI ยังกล่าวอีกว่า "นักเรียน นักศึกษาที่รัก เยาวชนเป็นอนาคตและความหวังของการแลกเปลี่ยนระหว่างทั้งสองประเทศ ผมหวังว่าผ่านกิจกรรมในวันนี้และพรุ่งนี้ พวกคุณจะสามารถเพิ่มพูนความเข้าใจในวัฒนธรรมจีน มีความเข้าใจเกี่ยวกับ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เกิดความสนใจและติดตามข้อมูลการพัฒนาในจีน แนะนำความสำเร็จของความร่วมมือจีน-ไทยให้กับคุณครูและนักเรียนที่อยู่รอบตัวคุณ และร่วมเป็นพลังสำคัญที่ส่งต่อ “จีน-ไทยครอบครัวเดียวกัน” จากรุ่นสู่รุ่น

กิจกรรมในวันแรก ได้รับการอำนวยการด้านสถานที่จากผู้อำนวยการศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน คุณ Que Xiaohua ซึ่งได้กล่าวแนะนำศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ซึ่งเป็นหมุดหมายของความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมจีน-ไทย ซึ่งเป็นศูนย์วัฒนธรรมแห่งแรกที่ก่อตั้งขึ้นในภูมิภาค ASEAN ซึ่งในวันนี้ได้จัดเตรียมสถานที่และกิจกรรม workshop มากมายไว้รองรับผู้เข้าร่วมกิจกรรม ให้ได้สัมผัสกับประสบการณ์ชงชาจีน วาดภาพจีน พู่กันจีน กู่เจิง และการห่อเกี๊ยวแบบจีน

ในช่วงของกิจกรรมนั้น มีการแบ่งกลุ่ม Workshop 5 กลุ่ม เวียนตาม 5 ฐานกิจกรรม ทั้งการชงชาสไตล์มังกร อ้อนไปด้วยเสียงกู่เจิง ระเริงร่ายพู่กันจีน ห่อเกี๊ยวแล้วกิน ฟินไปด้วยภาพวาดลายจีน จบท้ายด้วยการพาทัวร์หอสมุดสุดอลังที่เคยปรากฏบนจอสีมาหลายเรื่องเลยทีเดียว 

ในช่วงบ่ายของวันที่ 23 ก.พ. 66 เปลี่ยนบรรยากาศมาศึกษาดูงานด้านเทคโนโลยี กับบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ให้ผู้ร่วมกิจกรรมได้มารู้จักกับเทคโนโลยี 5G แห่งโลกอนาคต สัมผัสความก้าวหน้าของเทคโนโลยีจีน

สภาอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา จัดพิธีมอบรถวีลแชร์ให้กับคนพิการและกลุ่มเปราะบางในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน115คัน

วันนี้ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ โรงแรมซันธารา เวลเนส รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา นางสาวฉัตรประอร นิยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานพิธีมอบรถวีลแชร์ให้กับคนพิการและกลุ่มเปราะบางในจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย นายจีรทัศน์ แจ่มไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทราและคณะกรรมการบริหารสภาอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา

ม.อ. เปิดหลักสูตรผู้ดำเนินการสปาเพื่อสุขภาพ ที่แรกของภาคใต้ตอนล่าง มุ่งผลิตกำลังคนรองรับตลาดแรงงานด้านสปา

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ร่วมกับ ชมรมธุรกิจบริการสุขภาพภาคใต้ (ตอนล่าง) จัดงานแถลงข่าวเปิดหลักสูตรผู้ดำเนินการสปาเพื่อสุขภาพ 100 ชั่วโมง ซึ่งเป็นหลักสูตรแรกของภาคใต้ตอนล่าง เพื่อผลิตบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการบริการสปาและส่งเสริมการสร้างงาน สร้างอาชีพตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานด้านสปาของประเทศ โดยมี รศ. ดร.ศิริลักษณ์ บางโชคดี ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พร้อมด้วย ผศ. ดร.เชิดชัย อุดมพันธ์ คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และ คุณภารรัฐ กรัณย์สุกสี รองประธานชมรมธุรกิจบริการสุขภาพภาคใต้ (ตอนล่าง) ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องประชุมใหญ่ 210 สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ร่วมกับ ชมรมธุรกิจบริการสุขภาพภาคใต้ (ตอนล่าง) ได้จัดทำหลักสูตรผู้ดำเนินการสปาเพื่อสุขภาพ 100 ชั่วโมง (Spa manager) และยื่นหลักสูตร ไปยังกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข และได้รับการรับรองหลักสูตรดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการบริการสปาและส่งเสริมการสร้างงาน สร้างอาชีพ ตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานด้านสปาของประเทศ โดยจะเปิดการอบรมหลักสูตร รุ่นที่ 1 ซึ่งเป็นหลักสูตรแรกของภาคใต้ตอนล่างในเดือนมีนาคม 2566 ณ อาคารศูนย์ศึกษาและวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ ชั้น 8 คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่

หลักสูตรผู้ดำเนินการสปาเพื่อสุขภาพ 100 ชั่วโมง เปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่บัดนี้ – 3 มีนาคม 2566 โดยจะอบรมตั้งแต่วันจันทร์ – เสาร์ (ระยะเวลา 15 วัน) ในรูปแบบ on-site ระหว่างวันที่ 13 – 18, 20 – 25 และ 27 – 29 มีนาคม 2566 ณ อาคารศูนย์ศึกษาและวิจัยด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ชั้น 8 คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่

สำหรับคุณสมบัติของผู้เรียนต้องเป็นผู้ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือ สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าการศึกษาภาคบังคับ ซึ่งมีประสบการณ์ในการดำเนินงานในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ไม่น้อยกว่า 2 ปี และเป็นผู้ที่มีสุขภาพร่างกายและจิตใจไม่เป็นอุปสรรคต่อการอบรมและการปฏิบัติงาน

'ศักดิ์สยาม' ร่วมเปิดเส้นทางเดินรถเมล์ EV เพิ่ม 3 สาย ยกระดับการเดินทาง เพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชน

(23 ก.พ. 66) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าอีก 3 สาย ประกอบด้วย สาย 3-36 ท่าเรือคลองเตย – ท่าเรือภาษีเจริญ สาย 3-44  ท่าเรือคลองเตย – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และสาย 3-55 ท่าเรือคลองเตย - พระราม 7 ภายใต้แนวคิด 'Thai Smile Bus Our Love Will Change The World รักเรารักษ์โลก' ณ สโมสรการท่าเรือแห่งประเทศไทย คลองเตย กรุงเทพมหานคร

ในงานนี้ นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มบริษัท ไทย สมายล์ กรุ๊ป ได้เปิดเผยว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นเดือนแห่งความรัก ไทย สมายล์ กรุ๊ป ได้ขอมอบความรักความปรารถนาดีให้กับพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร โดยการ เปลี่ยนรถโดยสาร NGV ของบริษัท สมาร์ทบัส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มไทย สมายล์ กรุ๊ป ให้กลายเป็นรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า 100%

ซึ่งไทย สมายล์ กรุ๊ป มีเป้าหมายที่จะนำรถโดยสารพลังงานไฟฟ้ามาให้บริการ รวมทั้งสิ้นกว่า 3,100 คัน นับว่าเป็นอีกวิธีที่ช่วยลดโลกร้อน และสามารถลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในเขตกรุงเทพมหาครและปริมณฑล ที่ปัจจุบันได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top