Monday, 7 July 2025
NEWS FEED

‘ชัชชาติ’ ชม ‘กฟน.’ หลังจัดระเบียบสายรุงรัง พระราม 4  อึ้ง!! เจอสายตายเพียบ ต้องตัดทิ้งกว่า 90%

(13 พ.ค. 66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก ขณะร่วมวิ่ง City Run กับเพื่อนๆ นักวิ่ง

ในตอนหนึ่ง นายชัชชาติวิ่งมาถึงสะพานลอยตรงข้ามโรงพยาบาลเมดพาร์ค เขตคลองเตย นายชัชชาติกล่าวว่า ถนนพระรามที่ 4 มีการจัดระเบียบสายสื่อสารใหม่ โดยการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ได้ติดตั้งคอเหล็กไว้สำหรับร้อยสายไฟเบอร์ออปติกที่ผู้ให้บริการได้รับการอนุญาตแล้ว ส่วนสายเก่าที่ไม่ได้ใช้งานก็มีการตัดทิ้ง ซึ่งพบว่ามีกว่า 90%

“จะเห็นได้ว่าพอเรารวบสายก็ดีขึ้นเยอะเลย โปรเซสในอนาคตต่อไปคือการเอาลงดิน การนำสายลงดินต้องเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป” นายชัชชาติกล่าว

นายชัชชาติกล่าวต่อว่า กทม.เป็นผู้ประสานงานหลัก ที่ต้องพูดคุยกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) หรือโอเปอเรเตอร์ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง โดยแต่ก่อนมีการพาดสายมั่วกันไปหมด

“อย่างที่เคยบอก ไม่ใช่งานของ กทม.เพียงคนเดียว เราไปตัดสายคนอื่นไม่ได้ มีกฎหมายควบคุมอยู่” นายชัชชาติกล่าว

คลิปว่อน!! พฤติกรรม 2 สาว 'แบม-ตะวัน' เจ้าของรางวัล 'The People Awards'

(13 พ.ค. 66) เปิดคลิปพฤติกรรม ‘ตะวัน-แบม’ เจ้าของรางวัล The People Awards 2023 หลังเข้ามาป่วน สน.สำราญราษฎร์ เนื่องจากเคลื่อนไหวสอบถามการปล่อยตัวของ ‘หยก’ ด้านชาวเน็ตแห่วิจารณ์พฤติกรรมสุดก้าวร้าว พร้อมชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการอย่างใจเย็น

จากกรณี น.ส.ทานตะวัน หรือตะวัน และ น.ส.อรวรรณ หรือแบม พร้อมกลุ่มมวลชนนักเคลื่อนไหวทางการเมือง กว่า 20 คน รวมตัวเดินทางมาที่ สน.สำราญราษฎร์ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อสอบถามการปล่อยตัวของ นางสาวธนลภย์ ผลัญชัย หรือหยก เยาวชนอายุ 15 ปี ที่ สถานพินิจบ้านปราณี จังหวัดปทุมธานี ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง มาตรา 112 และ พ.ร.บ.โบราณสถาน จากนั้น ตะวัน - แบม กับพวกรวม 9 คน ร่วมกันทำลายทรัพย์ราชการ บนโรงพักสำราญราษฎร์ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมตัวมาฝากขังศาลอาญา

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 พ.ค. ผู้ใช้ TikTok ‘พลาดหัวข่าว v5’ ได้ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอ เผยให้เห็นพฤติกรรมของ 2 เด็กหญิงวัยรุ่น ‘ตะวัน-แบม’ เจ้าของรางวัล The People Awards 2023 ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับคน 10 คนที่มีส่วนในการทำให้โลกในวันพรุ่งนี้ดียิ่งขึ้น ขณะกำลังทำลายข้าวของภายใน สน.สำราญราษฎร์ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงคอยวิ่งวุ่นห้ามปรามอย่างใจเย็น

ทั้งนี้ ได้มีชาวเน็ตเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมของทั้ง 2 เป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่มองว่าการกระทำดังกล่าวมันเกินไป พร้อมกับชื่นชมความใจเย็นของเจ้าหน้าที่ และเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่เป็นจำนวนมาก

ศลต.ตร.บังคับใช้กฎหมายเข้ม โค้งสุดท้าย ‘เลือกตั้ง66’ เน้นย้ำ! ซื้อสิทธิขายเสียงมีความผิด จับกุมแล้ว 3 ราย แนะนำประชาชน 12 ข้อ ต้องรู้! ห้ามทำ ผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง

วันนี้ ( 13 พฤษภาคม 2566 ) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ตร. ) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการ ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ในฐานะโฆษก ศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศลต.ตร.)  เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร. ) พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศลต.ตร. มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน สั่งการให้ ศลต.ตร. เร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่จะออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษาคม 2566 มีความเข้าใจในกฎหมายเลือกตั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และเพื่อเป็นการสนับสนุนภารกิจการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการทั่วไป พ.ศ.2566 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
 
โฆษก ศลต.ตร. กล่าวว่า ขอแจ้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบถึงการกระทำที่ต้องงดเว้น ห้ามกระทำ ตามกฎหมายเลือกตั้ง “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561” ที่ประชาชนพึงหลีกเลี่ยง ซึ่งมักพบการกระทำความผิด ดังนี้
 
1. การซื้อสิทธิขายเสียง การกระทำการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้ผู้สมัคร หรือ “การซื้อขายเสียง” เข้าข่ายผิดกฎหมาย ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย  โดยผู้ซื้อเสียง มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี  ส่วนผู้ขายเสียง เรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เพื่อลงคะแนนหรืองดเว้นไม่ลงคะแนน ฝ่าฝืนมีโทษ จำคุก 1-5 ปี ปรับ 20,000 – 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี
 
2. การพนันขันต่อผลการเลือกตั้ง โดยผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุก 1 ถึง 5 ปี ปรับ 20,000 ถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี
 
3. การจัดยานพาหนะขนคนไปเลือกตั้ง หากทำเพื่อจูงใจหรือควบคุมให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปลงคะแนนเลือกหรือลงคะแนนไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด มีความผิด มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 - 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี
 
4. การกระทำใด เป็นการขัดขวาง หรือหน่วงเหนี่ยว เพื่อมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถใช้สิทธิได้ มีความผิด ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 – 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกำหนด 10 ปี
 
5. การรื้อ ย้าย ปลด ทำลาย หรือเก็บป้ายหาเสียง ต้องทำโดยเจ้าของ หรือผู้รับมอบอำนาจเท่านั้น ผู้อื่นจะกระทำไม่ได้ ฝ่าฝืนมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มีโทษทั้งจำทั้งปรับ
 
ขณะที่ ศลต.ตร.เน้นย้ำ  สิ่งที่ห้ามทำ หลังเวลา 18.00 น.ของวันที่ 13 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป ซึ่งจะเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง
1. ห้ามจำหน่าย จ่ายแจก  หรือจัดเลี้ยงสุราในเขตเลือกตั้ง ซึ่งครอบคลุมทั่วประเทศ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 13 พฤษภาคม 2566 จนถึงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ผู้ที่ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
 
2. ห้ามมิให้มีการโฆษณาหาเสียงให้พรรคการเมือง หรือผู้สมัคร ส.ส. ทุกรูปแบบ รวมถึงให้งดเว้นการสวมใส่เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ ฯลฯ ที่มีสัญลักษณ์โลโก้พรรคการเมือง หมายเลขพรรคการเมือง หรือผู้สมัคร (โดยเฉพาะเมื่อเข้าคูหา หรือบริเวณใกล้เคียงหน่วยเลือกตั้ง ) และให้งดเว้นการโพสต์ข้อความ อัปโหลดภาพ หรือคลิปที่มีเนื้อหาลักษณะหาเสียงเลือกตั้ง ลงบนโซเชียลมีเดีย ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 13 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป ฝืนก็จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

‘หมอยง’ เผย โควิด-19 ในไทยเปลี่ยนเป็นสายพันธุ์ XBB.1.16 ชี้!! ติดต่อได้ง่าย หลบภูมิต้านทานได้ดี แต่ไม่เพิ่มความรุนแรง

‘หมอยง’ เผย โควิด 19 ในไทยเปลี่ยนสายพันธุ์ เป็นสายพันธุ์ดาวดวงแก้ว กำลังมาแรงแทนที่สายพันธุ์ปลาหมึกยักษ์ สายพันธุ์นี้ติดต่อได้ง่าย หลบหลีกภูมิต้านทานได้ดี แต่ความรุนแรงของโรคไม่ได้เพิ่มขึ้น

(13 พ.ค. 66) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Yong Poovorawan’ ระบุว่า โควิด 19 การเปลี่ยนสายพันธุ์ สายพันธุ์ดาวดวงแก้วกำลังมาแรง XBB.1.16

จากการศึกษาในประเทศไทยของศูนย์จะเห็นว่าตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโควิด 19 ทุกครั้งที่มีสายพันธุ์ใหม่ก็จะมีการระบาดเพิ่มขึ้นเป็นระลอก มาโดยตลอด

จากรูปนี้ในการถอดรหัสพันธุกรรมกว่า 100 สายพันธุ์จะเห็นว่าสายพันธุ์หลักในประเทศไทยขณะนี้เป็น XBB แล้ว โดยที่สายพันธุ์ดาวดวงแก้ว XBB.1.16 กำลังมาแรงและจะเป็นสายพันธุ์หลักต่อไป

สายพันธุ์นี้ติดต่อได้ง่าย หลบหลีกภูมิต้านทานได้ดี แต่ความรุนแรงของโรคไม่ได้เพิ่มขึ้น

สืบนครบาลขยายผลเครือข่ายเอี้ยก้วยทลายการลักลอบลำเลียงยาเสพติด กว่า 1.3 ล้านเม็ดเข้าสู่กลางมหานคร

ตามนโยบายรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตระหนักถึงปัญหายาเสพติดซึ่งเป็นภัยคุกคามและเป็นหนึ่งในปัญหาชาติที่สำคัญ ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนและจริงจัง 

เมื่อวันที่ 12  พฤษภาคม  2566 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ผอ.ศอ.ปส.ตร.), พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.สําเริง สวนทอง รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชป.5 ศอ.ปส.ตร , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น. จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ธัญญพัทธ์ บุญสุข ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ สีเสมอ, พ.ต.ท.นิติกรณ์ ระวัง รอง ผกก.กก.สส.2 บก.สส.บช.น.พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการสืบสวน 2 ทำการสืบสวนผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่รายสำคัญ ให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อป้องกันไม่ให้ยาเสพติดแพร่กระจายลงสู่ชุมชน  โดยได้ร่วมทำการจับกุม

1. นายชัยคุปต์ หรือเบีย   แต้มดี    อายุ 41 ปี ที่อยู่ 160/137 ม.5 ต.บางกรวย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
2. นายสุวิชา หรือไมค์     มุสิกะคุณ  อายุ 40 ปี  ที่อยู่ 85/10 ม.1 ต.บางกร่าง อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี

พร้อมของกลาง

1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 1,395,000 เม็ด

2. รถยนต์กระบะสี่ประตู ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นไฮลักซ์วีโก้ สีขาว  ทะเบียน ฆอ 372 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน

โดยกล่าวหาว่า “ จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) อันเป็นการมีไว้เพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป ”

สถานที่จับกุม   บริเวณริมถนนติวานนท์ หน้าร้านเซ็งซิมอี้ ฮกหลีจีน ปากซอยติวานนท์ 14/2 ต.ตลาดขวัญ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2566 เวลาประมาณ  21.20 น.

‘ศาลเยาวชนฯ’ แจงเหตุออกหมายจับ ‘หยก’ เยาวชนคดี 112 เหตุประวิงเวลา เบี้ยวหมายเรียกครั้งที่ 2 อ้างติดสอบแต่ดันไปม็อบ

ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง แจงออกหมายจับ ด.ญ.หยก เยาวชนอายุ 15 ปี คดีหมิ่นเบื้องสูง มาตรา 112 ตามขั้นตอนกฎหมาย เหตุประวิงเวลา เบี้ยวพบตำรวจในการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 อ้างติดสอบปลายภาค แต่กลับไปร่วมกิจกรรมม็อบหน้า UN จึงออกหมายจับ และนำตัวเข้าสถานพินิจฯ ยังไม่มีผู้ปกครองมาขอรับตัวหรือยื่นประกันตัว

(13 พ.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางได้เผยแพร่เอกสารชี้แจงการดำเนินคดี เยาวชน (ชื่อเล่น หยก) อายุ 15 ปี ผู้ต้องหากระทำความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูงว่า ตามที่เด็กหญิง ธ. ได้ถูกดำเนินคดีต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลางในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 368 และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 มาตรา 4 และมีการสื่อในสังคมออนไลน์กล่าวถึงการใช้ดุลพินิจของศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ในการออกหมายจับและการควบคุมตัวเด็กหญิง ธ. ว่ากระทำไปโดยไม่ชอบนั้น

ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางขอชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบดังต่อไปนี้ เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2566 พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอออกหมายจับเด็กหญิง ธ. ต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง โดยอ้างว่าเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2566 พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ให้เด็กหญิง ธ.มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 2 ก.พ. 2566 เวลา 10.00 น. แต่เด็กหญิง ธ. ไม่ไปพบตามหมายเรียกและไม่แจ้งเหตุขัดข้อง พนักงานสอบสวนจึงได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2566 ให้เด็กหญิง ธ. ไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 15 ก.พ. 2566 โดยในครั้งนี้ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้มีหนังสือเรื่อง ขอแจ้งเหตุขัดข้องไม่อาจมาพบพนักงานสอบสวนได้ โดยให้เหตุผลว่า เด็กหญิง ธ. อยู่ระหว่างการเตรียมและสอบวัดผลปลายภาคเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ต่อเนื่องรายงานตัวเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ทำให้ไม่สามารถไปพบพนักงานสอบสวนได้ และขอเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 9 เม.ย. 2566 เวลา 10.00 น.

แต่กลับปรากฏว่าหลังจากขอเลื่อนเพียง 3 วัน คือ เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2566 เวลาประมาณ 15.00 น. เด็กหญิง ธ. ได้ไปทำกิจกรรมบริเวณหน้าสำนักงานองค์การสหประชาชาติ อันแสดงให้เห็นว่าการขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวนในครั้งที่ 2 เป็นการประวิงเวลา ศาลพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66 และพ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 มาตรา 67 แล้ว เห็นว่ากรณีมีเหตุให้ออกหมายจับ จึงอนุญาตให้ออกหมายจับเด็กหญิง ธ. ตามขออันเป็นการออกหมายจับโดยชอบ

ต่อมาเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2566 เด็กหญิง ธ. ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมและถูกควบคุมตัวมายังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2566 ศาลได้ตรวจสอบการจับตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 มาตรา 73 โดยศาลตั้งที่ปรึกษากฎหมายแก่เด็กหญิง ธ. แม้เด็กหญิง ธ. ปฏิเสธการลงลายมือชื่อในใบแต่งตั้งที่ปรึกษากฎหมาย แต่ถือว่าศาลได้ตั้งที่ปรึกษากฎหมายให้ตามกฎหมายแล้ว และเห็นว่าการจับและปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชนเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ในวันตรวจสอบการจับ เด็กหญิง ธ. ไม่มีบิดา มารดา ผู้ปกครอง บุคคลหรือองค์การ ซึ่งเด็กอาศัยอยู่ด้วยมาศาล คงมีเพียงนาย ส. แถลงต่อศาลว่าเป็นคนรู้จักกับเด็กหญิง ธ. และเป็นบุคคลที่เด็กหญิง ธ. ไว้วางใจและมาทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองชั่วคราว เนื่องจากมารดาของ เด็กหญิง ธ. เจ็บป่วยไม่สามารถมาศาลในวันดังกล่าว จึงเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฎชัดเจนว่าเด็กหญิง ธ. อยู่ในความปกครองของมารดา ไม่ปรากฎว่านาย ส.เป็นผู้ปกครองตามกฎหมายหรือเป็นบุคคล ที่เด็กหญิง ธ. อาศัยอยู่ด้วย ศาลย่อมไม่อาจมอบตัวเด็กหญิง ธ. ให้แก่บิดา มารดา ผู้ปกครอง บุคคลซึ่งเด็กหญิง ธ. อาศัยอยู่ด้วยตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว มาตรา 73 ได้ 

ศาลจึงมีคำสั่งให้ส่งเด็กหญิง ธ. ไปยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน บ้านปรานี ข้อเท็จจริงยังปรากฎ ต่อมาว่า นับตั้งแต่วันตรวจจับจนถึงปัจจุบันนี้ มารดาของเด็กหญิง ธ. ไม่เคยมาศาล เพื่อติดต่อขอรับตัวเด็กหญิง ธ.ไปดูแล ทั้งยังไม่มีบุคคลใดมายื่นคำร้องขอปล่อยตัวเด็กหญิง ธ. ชั่วคราว การควบคุมตัวเด็กหญิง ธ. จึงเป็นไปโดยชอบ 

อนึ่ง เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิเด็กหรือเยาวชน คดีนี้บิดา มารดา ผู้ปกครอง บุคคลหรือองค์การ ซึ่งเด็กหญิง ธ. อาศัยอยู่ด้วยสามารถมาแสดงตนขอรับตัวเด็กหญิง ธ.ไปอยู่ในความดูแลตาม พ ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 มาตรา 73 นอกจากนี้ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเด็กหญิง ธ. ก็มีสิทธิยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวเด็กหญิง ธ. ได้ตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 106

ชาวเน็ตสงสาร ‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ ซัด ‘แอนนี่ บรู๊ค’ ตีหน้าเศร้าเล่าความลำบาก ทั้งที่ในอดีตเคยทำชีวิต ‘ผู้ชายคนหนึ่ง’ พังในพริบตา

(13 พ.ค. 66) จากกรณีที่ ‘แอนนี่ บรู๊ค’ ได้ไปออกรายการโต๊ะหนูแหม่ม กับพิธีกร ‘หนูแหม่ม สุริวิภา’ โดยเนื้อหาการให้สัมภาษณ์ เป็นการแชร์ประสบการณ์ชีวิต ความเป็นซิงเกิลมัม หรือแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ต้องมีความแข็งแกร่ง และทำงานหนัก เพื่อหาเงินเลี้ยงลูก พร้อมบอกเล่าถึงความลำบากว่า กว่าจะมีวันนี้ ต้องกินน้ำก๊อกสู้ชีวิตต่างแดน และขายเกมส์ลูกเก็บ เพื่อเงินไว้ให้ลูกได้เรียน

แต่ทว่า เมื่อสัมภาษณ์นี้ถูกเผยแพร่ออกไป ปรากฏว่าเกิดกระแสตีกลับ โดยมีชาวเน็ตจำนวนมาก ออกมาคอมเมนท์ไปในทิศทางเดียวกันว่า “การกระทำของแอนนี่ บรู๊ค ในอดีตได้ทำลายชีวิตผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังมีอนาคตสดใส กลับต้องพังทลายลงในพริบตา”

สิ่งที่ชาวเน็ตได้ออกมาคอมเมนท์นั้น ต้องย้อนเหตุการณ์กลับไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ซึ่งในขณะนั้น แอนนี่ บรู๊ค ได้เกิดตั้งท้องและให้กำเนิดลูกชาย ซึ่งก็คือ น้องฑีฆายุ โดยแอนนี่ ได้อ้างว่า ‘ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์’ เป็นพ่อของเด็ก

พลันที่ แอนนี่ บรู๊ค ออกมาให้ข่าวถึงคนที่เป็นพ่อของเด็ก ทำให้อนาคตของฟิล์ม ซึ่งเป็นดารานักร้องมากความสามารถและกำลังโด่งดังสุดขีด ต้องดับวูบลงทันที

แม้เหตุการณ์จะผ่านมานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่แฟนคลับและคนที่เห็นใจฟิล์มยังจดจำได้ดี เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องนัก ที่ผู้ชายคนหนึ่งต้องมาเผชิญชะตากรรมและไม่ได้รับความเป็นธรรม ด้วยเหตุว่า แอนนี่ บรู๊ค ไม่ยอมตรวจดีเอ็นเอ เพื่อพิสูจน์ความจริงว่า ฟิล์มเป็นพ่อของเด็กจริงหรือไม่ แต่กลับปล่อยให้สังคมคาใจ

ขณะเดียวกัน ยังได้เรียกร้องและรับค่าเลี้ยงดูลูกมานานหลายปี ถึงแม้ตัวฟิล์มเองจะมั่นใจว่าตนเองไม่ใช่พ่อของเด็ก แต่ก็ยินดีส่งเสียเลี้ยงดู ท่ามกลางชะตาชีวิตที่ยากลำบาก เพราะงานในวงการบันเทิงหดหายไปอย่างมากก็ตาม

แต่สุดท้าย ความจริงก็ปรากฏ เมื่อ แอนนี่ บรู๊ค ออกมาสารภาพเองว่า ฟิล์ม ไม่ใช่พ่อของน้องฑีฆายุ แต่ก็ปล่อยให้เวลาเนิ่นนานมาจนลูกชายอายุ 7-8 ขวบ

แน่นอนว่า เมื่อแอนนี่ บรู๊ค ยอมเปิดเผยความจริง เรื่องนี้ได้สร้างความไม่พอใจให้กับแฟนคลับของฟิล์มอย่างมาก ถึงขั้นออกมาเรียกร้องความยุติธรรมผ่านทางโซเชียลมีเดีย ด้วยการติดแฮชแท็ก #ขอความเป็นธรรมให้ฟิล์มรัฐภูมิ พร้อมกับแนะนำให้ฟิล์ม ฟ้องเรียกร้องค่าเลี้ยงดูคืน จนกลายเป็นกระแสโด่งดังเมื่อราว 5 ปีก่อน

แต่อย่างไรก็ตาม กลับเป็นตัว ฟิล์ม รัฐภูมิเอง ที่เป็นคนออกมายุติเรื่องนี้  และวอนแฟนคลับให้หยุดรื้อฟื้นถึงเรื่องเก่าที่เกิดขึ้น เพราะไม่อยากให้ส่งผลกระทบต่อน้องฑีฆายุ ส่วนค่าเลี้ยงดูนั้นไม่ขอเรียกร้องคืน เนื่องจากตนเองก็มีส่วนทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเช่นกัน

ทั้งนี้ หากใครที่ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด จะเห็นว่า ฟิล์ม รัฐภูมิ ออกมาปฏิเสธตั้งแต่วันแรก เพราะมั่นใจในตัวเองว่าไม่ใช่พ่อของเด็กแน่นอน พร้อมกับขอตรวจดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ความชัดเจน แต่ก็ถูกแอนนี่ บรู๊ค ปฏิเสธ เมื่อเป็นเช่นนั้น ฟิล์ม ซึ่งมีความเป็นลูกผู้ชายมากพอ จึงยินดีส่งเสียค่าเลี้ยงดูตลอดมา และพยายามไม่ให้เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นส่งผลกระทบกับเด็ก แต่สุดท้ายความจริงก็คือความจริง.....

และแม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลร้ายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง หน้าที่การงาน และความทุกข์ใจของคนรอบข้าง แต่ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นลูกผู้ชายของคนที่ชื่อ ‘ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์’ ได้เป็นอย่างดี...

ตำรวจไซเบอร์รวบยูทูบเบอร์สายดาร์ค “ก็แค่ลม NU” คลังแสงออนไลน์ ส่งขายทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ (12 พ.ค.66) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) 
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์  วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์  คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.อำนาจ  ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4 ได้สั่งการให้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมห้วงก่อนการเลือกตั้งปี 2566 โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างและอาวุธสงคราม

สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ได้มีการตรวจสอบการกระทำความผิดตามสื่อสังคมออนไลน์พบช่องยูทูบ “ก็แค่ลม NU” ปรากฏคลิปวิดีโอสาธิตการใช้อาวุธปืนยาวอัดลมซึ่งใช้กระสุนเหล็กและกระสุนตะกั่วหัวจีบเป็นลูกกระสุน โดยมีผู้ติดตามกว่า 1 แสน 8 หมื่นคน โดยแต่ละคลิปมีผู้รับชมร่วม 2 ล้านครั้ง จึงได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายค้น บ้านในพื้นที่บ้านด้าย อ.แม่สาย จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.4 จึงได้นำกำลังเข้าตรวจค้น โดยมี นายกฤษกร เป็นผู้นำตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบอาวุธปืนยาวอัดลมไทยประดิษฐ์ จำนวน 13 กระบอก ปืนยาวลูกกรด ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนยาวลูกซอง ขนาด 12 จำนวน 1 กระบอก ปืนพกสั้นขนาด 9 มม. 1 กระบอก จึงได้จับกุม นายกฤษกร อายุ 43 ปี ได้ที่บ้านหลังดังกล่าวใน ต.บ้านด้าย อ.แม่สาย จ.เชียงราย ในความผิดฐาน “ทำ ประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะ สั่ง นำเข้า มี หรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปืนหรือเครื่องอาวุธปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”

พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4 ยังกล่าวอีกว่าบ้านหลังดังกล่าวยังถูกดัดแปลงต่อเติมให้เป็นโรงงานสำหรับผลิตอาวุธปืนยาวอัดลมขนาดใหญ่ พันท้ายลำกล้องอาวุธปืนกระบอกลม กระบอกเก็บเสียงจำนวนมาก พร้อมเพียงแค่รอการนำมาประกอบเป็นอาวุธปืน อีกทั้งยังพบอุปกรณ์ในการผลิต เครื่องอัดลูกตะกั่วฝาจีบ เครื่องกลึงเหล็ก เครื่องพ่นสีพาวเดอร์โพส ตู้อบสี และอุปกรณ์อื่นๆ อีกจำนวนมากหลายรายการ

ด้านผู้ต้องหารับว่า ตนเป็นเจ้าของช่องยูทูบ ช่อง “ก็แค่ลม NU” ผลิตอาวุธปืนยาวอัดลมโดยทำเป็นอาชีพหลักยาวนานกว่า 3 ปี โดยนำมาจำหน่ายราคากระบอกละ 5,500 ถึง 8,000 บาท ส่งขายให้กับลูกค้าหลายจังหวัดทั่วประเทศ ตกเดือนละกว่า 40 กระบอก รวมเป็นรายได้กว่า 3 แสนบาทต่อเดือน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ลงพื้นที่ปัตตานีและประจวบคีรีขันธ์ พบปะพี่น้องชาวประมง รับฟังความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการออกใบอนุญาตประมงพื้นบ้าน

ด้วยคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี/ประธานกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ได้มีแนวคิดที่จะจัดให้มีการขอใบอนุญาตในการทำประมงพื้นบ้าน เพื่อเป็นการเพิ่มการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของพี่น้องชาวประมงในจะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล รวมทั้งเป็นการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. /กรรมการนโยบายประมงแห่งชาติ ให้มีการจัดการประชุมร่วมกับผู้แทนชาวประมงพื้นบ้าน ให้ทั่วถึงมากที่สุด เพื่อให้พี่น้องชาวประมงทั่วประเทศได้รับทราบถึงประโยชน์ของการมีใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้าน และสามารถปฏิบัติตามแนวทางที่กฎหมายกำหนดได้ รวมทั้งรับฟังความเห็นเพื่อพัฒนาแนวทางบังคับใช้ให้เกิดผลกระทบน้อยแต่มีประสิทธิภาพสูงสุด

วันนี้ (12 พ.ค.66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ร่วมกับ ดร.อดิศร พร้อมเทพ อดีตอธิบดีกรมประมง และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วยผู้แทนจากองค์กรภาคประชาสังคม เดินทางลงพื้นที่เพื่อพบปะพี่น้องชาวประมงในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ ชุมชนประมง อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี และสมาคมประมงพื้นบ้าน อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อร่วมกันรับฟังความคิดเห็นจากพี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน เกี่ยวกับการพัฒนาแนวทางการขอออกใบอนุญาตทำประมงพื้นบ้าน เพื่อให้เข้ากับวิถีชีวิตของชาวประมงมากที่สุด และสามารถช่วยกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในท้องถิ่นให้มีความอุดมสมบูรณ์

ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมคณะทำงาน ได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อพบปะกับพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านไปแล้ว 3 ครั้ง คือ กรุงเทพมหานคร นครศรีธรรมราช และระยอง โดยพี่น้องชาวประมงในพื้นที่ดังกล่าวต่างตื่นตัวและให้ความสำคัญกับการกำหนดแนวทางการขออนุญาตทำประมงพื้นบ้าน ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้รับฟังแนวคิดรวมทั้งปัญหาของพี่น้องชาวประมง เพื่อนำมาเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ในการกำหนดเกณฑ์ในการออกใบอนุญาต รวมทั้งการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องชาวประมงจากการรับฟังปัญหาของพี่น้องตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ

ทั้งนี้ การออกใบอนุญาตทำประมงพื้นบ้านนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางร่วมกันระหว่างรัฐและชาวประมงพื้นบ้าน ในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำของแต่ละพื้นที่ แต่ละฤดูกาล รวมทั้งอุปกรณ์การจับสัตว์น้ำที่ไม่ทำลายธรรมชาติและสัตว์น้ำขนาดเล็ก เพื่อรักษาความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติให้มีความยั่งยืน อีกทั้งยังเสมือนเป็นการลงทะเบียนให้กับพี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน เพื่อเปิดโอกาสให้ภาครัฐสามารถเข้าช่วยเหลือ สนับสนุนการทำประมงพื้นบ้าน ให้เป็นไปได้อย่างยั่งยืนและสืบทอดสู่รุ่นลูกหลานได้ต่อไป ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวจะอยู่บนพื้นฐานการดำเนินการตามที่ พ.ร.ก.ประมง กำหนด โดยหลังจากประชุมรับฟังความคิดเห็นแล้ว จะได้มีการนำผลการหารือเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติพิจารณาดำเนินการต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตามความตั้งใจของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ซึ่งได้มอบหมายให้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นร่วมกับพี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน เพื่อสร้างความเข้าใจ รับฟ้งความคิดเห็น และร่วมกันกำหนดแนวทางการดำเนินการเพื่อให้เป้าหมายของการออกใบอนุญาตด้งกล่าวมีประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถบังคับใช้ได้จริง วันนี้ได้เดินทางพร้อมคณะลงพื้นที่ 2 จังหวัด คือปัตตานี และประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งกระผมมีความตั้งใจอยากจะเข้ารับฟังปัญหาและความคิดเห็นของพี่น้องชาวประมงให้ได้มากที่สุด ในวันนี้ได้มีการพูดคุยและรับรู้ถึงสภาพความเป็นอยู่ของพี่น้องในทั้งสองพื้นที่ รวมทั้งวิถีชีวิตในการออกเรือทำการประมงเพื่อยังชีพของตนเองและครอบครัว ดังนั้นเราจึงต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเพื่อทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ทางเราก็นำเสนอประโยชน์ของการออกใบอนุญาตดังกล่าว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทั้งพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านและประเทศชาติ

ผบ.ตร. คุมเข้มการเลือกตั้ง 2 วันสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ห้ามมีการซื้อสิทธิขายเสียง จัดชุดเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่  ตั้งจุดตรวจป้องกันการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง อำนวยความสะดวกการจราจร และประชาสัมพันธ์ข้อกฎหมายเลือกตั้ง

วันนี้ (12 พ.ค.66) เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมขับเคลื่อนศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศลต.ตร.) เตรียมความพร้อมดูแลในวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.นี้ จำนวน 94,737 หน่วยเลือกตั้ง โดยจัดกำลังตำรวจกว่า 147,560 นาย จัดชุดประจำหน่วยเลือกตั้ง ชุดรักษาความปลอดภัย ชุดเคลื่อนที่เร็ว ชุดรักษาความสงบเรียบร้อย ครอบคลุมทุกพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนการเลือกตั้ง โดยมีผลการปฏิบัติ ตั้งแต่วันที่ 4-11 พ.ค.66 มีการจับกุมคดีอาชญากรรมทั่วไป จำนวน 34,551 คดี จับกุมผู้ต้องหา 35,894 คน โดยเป็นความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน 3,362 ราย ผู้ต้องหา 3,264 คน และตามหมายจับ 6,671 ราย ผู้ต้องหา 6,293 คน , อาชญากรรมออนไลน์ จับกุม 3,310 ราย ผู้ต้องหา 3,266 คน

สำหรับเหตุที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเลือกตั้ง วันที่ 10 มี.ค. – 12 พ.ค.66 รวม 184 เหตุ แบ่งเป็น ดังนี้
1. ทำลายป้ายหาเสียง จำนวน 142 เหตุ จำนวน 939 ป้าย ดำเนินคดีแล้ว 40 ราย  อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน 50 ราย บันทึกประจำวัน 72 ราย และอื่นๆ 22 ราย (จังหวัดที่เกิดเหตุมากที่สุด ได้แก่ กทม., เพชรบูรณ์, อ่างทอง และกาญจนบุรี)
2. เหตุอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง จำนวน 42 เหตุ โดยจับกุม/แจ้งข้อหาแล้ว 20 เหตุ พบเป็นความผิดเกี่ยวกับการก่อกวนเวที, ทำร้ายร่างกาย, มีและพกพาอาวุธปืน, ข่มขู่รถหาเสียง, จำหน่ายสุราฯ, หมิ่นประมาท,ฉ้อโกงเงินสนับสนุนเลือกตั้ง, หีบบัตร บัญชีรายชื่อเลือกตั้งหาย และพบเหตุการซื้อสิทธิขายเสียง โดยจูงใจให้เลือกโดยใช้เงิน ดำเนินคดี 1 ราย (จว.บึงกาฬ) ระหว่างสืบสวน 5 ราย (จว.บึงกาฬ, ประจวบคีรีขันธ์, กาญจนบุรี, นครราชสีมา, เชียงราย,สระแก้ว)

ผบ.ตร. กำชับให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดหากมีเรื่องร้องเรียน จัดชุดเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่ทันที ห้ามมีการซื้อสิทธิขายเสียงในทุกพื้นที่  บริหารจัดการอำนวยความสะดวกการจราจรในวันเลือกตั้ง ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีความคล่องตัว  โดยเฉพาะในพื้นที่มีผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งมากกว่า 5,000 คน และให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับต้องลงพื้นที่ รีบแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้ทันท่วงที 
นอกจากนี้ ผบ.ตร. ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ระมัดระวัง การกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ได้ปฏิบัติหน้าที่และมีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ภาพรวมการรักษาความปลอดภัยการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่ยังคงติดตามสถานการณ์และปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจการเลือกตั้ง

ทั้งนี้ หากประชาชนพบข้อมูล เบาะแสการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือการกระทำความผิดในทางอาญาใดๆ โปรดแจ้ง 191 1599 สายด่วน กกต. 1444 ได้ตลอดเวลา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top