Wednesday, 2 July 2025
NEWS FEED

‘กาละแมร์’ โพสต์เฟซบุ๊กให้กำลังใจตัวเอง หลังตกเป็นประเด็นดราม่าเหตุโฆษณาอาหารเสริมของตัวเองเกินจริง ตัดพ้อ “ได้เรียนรู้ เติบโต ได้เข้าใจในกฏระเบียบ แม้จะพูดตามข้อเท็จจริง แต่ถ้าไม่ตรงกับกฎที่มีก็ไม่สามารถ”

จากกรณีที่ กาละแมร์- พัชรศรี เบญจมาศ พิธีกรชื่อดัง ตกเป็นประเด็นดราม่าเกี่ยวกับการโฆษณาสรรพคุณผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของตัวเองอย่างเกินจริง จนกลายเป็นเรื่องราวที่โลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

ต่อมา อย. ออกมายืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากไม่มีผลิตภัณฑ์อาหารตัวใดที่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง หรือการทำงานของร่างกายได้ตามที่กล่าวอ้าง

จนกระทั่ง (25 ม.ค. 64) มีการแจ้งความดำเนินคดีกับ กาละแมร์- พัชรศรี เบญจมาศ ในความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14 (1) และ ฉ้อโกงประชาชน หลังโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเกินจริง

ล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมาเคลื่อนไหว โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพให้กำลังใจตัวเองผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า

ขอบพระคุณทุกคำแนะนำจากทุกคน ผู้ใหญ่จากทุกหน่วยงานภาครัฐ ทำให้แมร์ได้พัฒนาทุกอย่างให้ถูกต้อง แมร์ได้เรียนรู้ เติบโต ได้เข้าใจในกฏระเบียบ แม้จะพูดตามข้อเท็จจริง แต่ถ้าไม่ตรงกับกฎที่มีก็ไม่สามารถ

แมร์อาจไม่ทราบทุกกฎทุกเรื่องต้องกราบขออภัยจากใจ

และแมร์ขอขอบพระคุณลูกค้าทุกท่านที่ส่งทั้งกำลังใจ รีวิวการกินมาอย่างทะลักทะล้น แมร์ซาบซึ้งไม่มีวันลืม สัญญาจะทำผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นไปอีกเรื่อยค่ะ

‘บิ๊กตู่’ และครม. ร่วมส่งกำลังใจให้ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร หลังแพทย์เจาะคอปรับวิธีรักษา เชื่อบุญกุศลทำให้ปลอดภัย ขอบคุณในการเสียสละ ย้ำเราจะดูแลให้ดีที่สุด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงอาการป่วยของนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ว่า

วันนี้ตนได้พูดให้ที่ประชุมครม.ทราบ และขอให้ทุกคนรวมพลัง รวมกำลังใจและห่วงใยส่งไปให้ไปยังผู้ว่าฯ ซึ่งวันนี้มีสถานการณ์ที่ต้องเฝ้าระวังเข้มข้นขึ้น โดยคณะแพทย์โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งได้มีการหารือมาตลอดและตนได้รับคำชี้แจงมาว่าต้องมีการปรับวิธีการรักษาให้เหมาะสม เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องของช่องคอและช่วงอก เพราะการใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลาค่อนข้างมีปัญหาในช่วงนี้ จึงต้องมีการเจาะคอ ซึ่งเป็นเรื่องของทางการแพทย์

"ผมขอให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรงโดยเร็ว และขอขอบคุณในการเสียสละของท่าน จนถึงวันนี้ผมคิดว่าบุญกุศลที่ท่านทำไว้ จะทำให้ท่านปลอดภัย ขอให้ปลอดภัยเป็นปกติสุขโดยเร็วกำลังใจจากผมเอง ซึ่งผมก็ให้ไปเยี่ยมเยือน 3 ครั้งแล้ว และทางกระทรวงสาธารณสุข รองนายกรัฐมนตรีก็เยี่ยมเยียนเป็นพิเศษอยู่แล้ว วันนี้ก็เอากำลังใจจากครม. ไปถึงท่านและครอบครัวท่านด้วย เราจะดูแลให้ดีที่สุด"นายกฯ กล่าว

กองทัพภาค 1 ยัน ลงโทษพลทหารจริง หลังพบเสพยาเสพติดในค่าย พร้อมกักบริเวณ ลงทัณฑ์ตามวินัยทหาร รอผลกรรมการสอบวินัย ‘ครูฝึก’ ลงทัณฑ์เกินกว่าเหตุ

จากกรณีที่ 2 พลทหารหนีออกจากค่าย หลังถูกครูฝึกซ้อมโหดเพราะถูกจับได้ว่าแอบสูบกัญชา โดยวันนี้ทางศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองทัพภาคที่ 1 ได้ส่งเอกสารขี้แจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า เข้าใจความรู้สึกของพลทหารและครอบครัวในความกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในเบื้องต้นได้มีการตั้งกรรมการสอบสวน เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น แบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือ 1.) พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเรื่องยาเสพติดของพลทหาร ซึ่งถูกตรวจพบว่าเสพยาเสพติด จึงถูกลงทัณฑ์ตามวินัยทหาร โดยครบกำหนดวันที่ 22 มกราคม 2564 และทางหน่วยพบว่ายังกระทำผิดซ้ำอีก 5 นาย จึงลงทัณฑ์เพิ่มเติม ระหว่างนี้ 2 ใน 5 นาย ได้หลบหนีกลับบ้านและร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมตามที่เป็นข่าว

2.) การลงทัณฑ์เกินกว่าเหตุ ทางหน่วยได้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งเบื้องต้นมีมูลจึงให้กักบริเวณครูฝึก และสั่งทัณฑกรรม (การบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ อาทิ โยธา ) ตามวินัยทหาร ระหว่างการรอผลสอบสวนอย่างเป็นทางการ

ล่าสุดในวันนี้ หน่วยต้นสังกัดได้ติดต่อประสานพูดคุยกับผู้ปกครองของทหารทั้ง 2 นายเพื่อสร้างความมั่นใจ และจะดูแลด้านการรักษาพยาบาล ทั้งนี้กำลังพลมีความประสงค์ที่จะกลับเข้าสู่กระบวนการพิจารณาและสอบสวน ซึ่งกองทัพภาคที่ 1 ยืนยันว่าจะให้การดูแลกำลังพลตามขั้นตอนและวินัยทางราชการ เพื่อให้เกิดความสบายใจกับทุกฝ่าย

‘รมว.พลังงาน’ ดึง ‘ปตท.-กนอ.’ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงพัฒนาระบบห้องเย็นผลไม้ไทย เดินหน้าโครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก เสริมความแข็งแกร่ง สร้างรายได้ให้เกษตรกรและชุมชน

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การจัดทำระบบห้องเย็น (Blast freezer & Cold storage) ภายใต้โครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (อีเอฟซี) ที่เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) กับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) ว่า

การเดินหน้าโครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก ถือเป็นก้าวสำคัญ เสริมความแข็งแกร่ง สร้างรายได้ให้เกษตรกรและชุมชน ซึ่งเป็นกลุ่มฐานรากสำคัญของประเทศ

ทั้งนี้บันทึกความร่วมมือฉบับนี้จะพัฒนาโครงการฯ ให้เกิดเป็นรูปธรรม โดย ปตท. ที่มีความพร้อมด้านห้องเย็น จะนำพลังงานความเย็นจากก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) มาใช้ประโยชน์ทางการเกษตร กนอ. จะสนับสนุนการจัดหาพื้นที่ และ สกพอ. จะประสานความร่วมมือส่งเสริมด้านสิทธิประโยชน์ให้หน่วยงานรัฐและเอกชน

เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบห้องเย็น ให้บริการเก็บรักษา สินค้าคุณภาพดี สดใหม่ และรสชาติยังดีคงเดิม ตรงตามความต้องการของตลาด ซึ่งจะช่วยให้ชาวสวนไม่ต้องรีบเก็บ-รีบขาย-รีบส่ง ทำให้ไม่ได้ราคา เสียคุณภาพ และเสียชื่อเสียง เมื่อโครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออกสำเร็จ ชาวสวนจะมีรายได้ดีมั่นคง สม่ำเสมอ รวมทั้งต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลผลิตทางเกษตรแข่งขันได้ทั่วโลกเสริมความเข้มแข็งให้ประเทศไทย ก้าวสู่ศูนย์กลางตลาดผลไม้โลก

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า โครงการบอีเอฟซี เป็นโครงการหลักของแผนพัฒนาภาคเกษตรในพื้นที่อีอีซี ที่ปรับการทำธุรกิจให้เป็นไปตามความต้องการของตลาด คือ การวางธุรกิจทั้งระบบจากการกำหนดสินค้าและบริการที่ตลาดต้องการ ไปกำหนดวางวิธีการค้า-การขนส่ง-การเพาะปลูก ให้สนองความต้องการของตลาด ในขณะเดียวกัน ก็จะนำเทคโนโลยีทันสมัยมาช่วยให้เกิดการปรับปรุงทั้งกระบวนการผลิต โดยโครงการอีเอฟซี จึงประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญคือ

1.) ศึกษา ติดตาม ความต้องการของตลาด ในเรื่องนี้ สกพอ. กำลังศึกษาความต้องการตลาดต่างประเทศและในประเทศ ของ ทุเรียน มังคุด และผลไม้ของภาคตะวันออก เป็นโครงการที่อยู่ในงบประมาณปี 64 เพื่อให้เข้าใจถึงพฤติกรรมและผลิตภัณฑ์ที่ตลาดต้องการ

2.) การวางระบบการค้าสมัยใหม่ จะเป็นการค้าผ่านอี-คอมเมิร์ส รวมทั้งการลงทุนแพคเกจจิ้ง จากวัสดุธรรมชาติ ให้สามารถขนส่งทางอากาศได้สะดวก เพื่อให้ผลไม้ของภาคตะวันออกเข้าสู่ตลาดสากลได้ทันที

3.) การลงทุนทำห้องเย็นด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งเป็นโครงการที่เราจะลงนามเอ็มโอยูในวันนี้

4.) การจัดระบบสมาชิก ชาวสวนผลไม้ สหกรณ์ ที่จะเข้าร่วมโครงการ ซึ่งต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตให้ได้ผลผลิตพรีเมียมตรงความต้องการของตลาด เรื่องนี้ได้ดำเนินการมาแล้วระยะหนึ่ง และจะส่งผลประโยชน์ให้เกษตรกรโดยถ้วนหน้า

อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือในครั้งนี้ประกอบด้วย 3 ฝ่ายคือ 1.) ปตท. จะเป็นผู้ลงทุนจัดทำระบบห้องเย็นทันสมัยขนาด 4,000 ตัน ส่วนหนึ่งเป็นเทคโนโลยี Blast freezer เพื่อรักษาคุณภาพผลไม้ให้เสมือนเพิ่งเก็บจากสวน และระบบ Cold storage ที่จะรักษาคุณภาพผลไม้นั้นให้ขายได้ตลอดปี ไม่ต้องรีบส่งตัด-รีบขาย-รีบส่ง เช่นในปัจจุบัน

2.) การนิคมแห่งประเทศไทย จะเป็นผู้หาพื้นที่ โดยกำหนดว่าจะเป็นพื้นที่บริเวณ Smart Park ที่มาบตาพุด และ 3.) สำนักงานอีอีซีจะเป็นผู้วางกลไกการบริหาร และประสานผู้ที่เกี่ยวข้องมาบริหารโครงการ โดยเฉพาะ เอกชนผู้เชี่ยวชาญการค้า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สหกรณ์ และผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ประโยชน์จากโครงการกลับไปสู่ประชาชนในพื้นที่

"โครงการนี้จะนำร่องด้วยทุเรียน ซึ่งเป็นราชาผลไม้ของไทย รวมทั้งผลไม้อื่นๆ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่นอาหารทะเล ที่ต้องการเก็บรักษาคุณภาพสินค้าให้สดใหม่ สีสันน่ารับประทาน และสามารถนำไปขายได้ตลอดทั้งปี สร้างรายได้ที่มั่นคงกับเกษตรกรไทย นอกจากนี้ จะมีการพัฒนากิจกรรมอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น กิจกรรมแปรรูป การประมูลสินค้า และการส่งออก ต่อไป " นายคณิศ กล่าว

ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ แจง กลุ่มเฟมินิสม์ และเครือข่ายรณรงค์เพื่อสิทธิ์ทำแท้งปลอดภัย หลังออกมาเรียกร้องกให้ยกเลิก ม.301 กฎหมายทำแท้งฉบับใหม่ ระบุบางเรื่องต้องใช้เวลา พร้อมผลักดันเป็นขั้นตอน

น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม.เขตบางซื่อ-ดุสิต และประธานกรรมการนโยบายสตรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเฟมินิสม์ปลดแอก ก และเครือข่ายรณรงค์เพื่อสิทธิ์ทำแท้งปลอดภัย เรียกร้องให้ยกเลิก ม.301 ของกฎหมายทำแท้งฉบับใหม่ เพราะยังกำหนดความผิดของผู้หญิงที่ทำแท้งหากอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ ว่า ตามบทบัญญัติของกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนฯและวุฒิสภา สามารถทำแท้งได้เลยหากอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ และหลังจาก 12 สัปดาห์

สามารถทำได้ใน 4 กรณี โดยไม่มีความผิดทางกฎหมาย คือ 1. เป็นภัยต่อสุขภาพกายและจิตใจของหญิงผู้ตั้งครรภ์ 2. มีความเสี่ยงทารกพิการ 3. ตั้งครรภ์จากมีการกระทำผิดทางเพศ และ 4. อายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์แต่ไม่เกิน 20 สัปดาห์ โดยสามารถเข้ารับคำปรึกษาทางเลือกและยืนยันจะยุติการตั้งครรภ์

น.ส.ธณิกานต์ ระบุว่า ทุกการเปลี่ยนแปลงข้อกฎหมายในสังคมเกิดจากมีผู้ได้รับผลกระทบจากข้อกฎหมายนั้นๆ และยังต้องคำนึงถึงผลกระทบส่วนอื่นๆ โดยรอบ ทางออกบางอย่างต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจและเห็นด้วย จึงขอให้เห็นใจคณะทำงานที่ต้องคิด กลั่นกรอง และต้องผ่านความเห็นชอบจากหลายฝ่าย จึงต้องค่อยๆผลักดันเป็นขั้นตอนๆไป ซึ่งส่วนตัวก็ขออวยพรให้ทุกความคิดเห็นได้รับการรับฟัง และตอบสนองอย่างเป็นรูปธรรม ทุกข้อ

คดีอื้อฉาวสะเทือนวงการกีฬาเกาหลีใต้ที่เป็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรงทั่วประเทศ เมื่อซิม ซุก-ฮี นักสเก็ตน้ำแข็งดาวรุ่งสาวเกาหลีใต้ ดีกรีระดับแชมป์เหรียญทองโอลิมปิกฤดูหนาวถึง 2 สมัย ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวดำมืดในค่ายฝึกซ้อมว่า เธอถูกอดีตโค้ชประจำตัวขืนใจ

คดีอื้อฉาวสะเทือนวงการกีฬาเกาหลีใต้ที่เป็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรงทั่วประเทศ เมื่อซิม ซุก-ฮี นักสเก็ตน้ำแข็งดาวรุ่งสาวเกาหลีใต้ ดีกรีระดับแชมป์เหรียญทองโอลิมปิกฤดูหนาวถึง 2 สมัย ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวดำมืดในค่ายฝึกซ้อมว่า เธอถูกอดีตโค้ชประจำตัวข่มขืน และทำร้ายร่างกายนานถึง 3 ปีตั้งแต่เธออายุเพียง 17 ปี

โค้ชทีมชาติที่ถูกกล่าวหา คือ นาย โช แจ-บอม วัย 39 ปี โดย ซิม ซุก-ฮี กล่าวหาว่าเขาทำร้ายร่างกาย และล่วงละเมิดทางเพศเธอมาตั้งแต่ปี 2014 ในสมัยที่เธอยังเป็นเพียงนักเรียนมัธยม และต้องเข้าโปรแกรมฝึกนักกีฬาทีมชาติเพื่อลงแข่งกีฬาสเก็ตน้ำแข็งประเภท ความเร็วระยะสั้น ในกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่เมืองพย็องชังในปี 2018 ที่เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพ เป็นเวลานานถึง 3 ปี

หลังจากผ่านเหตุการณ์อันขมขื่นมานานนับปี ซิม ซุก-ฮี ตัดสินใจออกมาพูด และดำเนินคดี โช แจ-บอม อดีตโค้ชทีมชาติของเธอตอนปี 2019 ที่กำลังมีกระแส #MeToo เพื่อเรียกร้องให้ผู้หญิงที่ถูกกระทำทางเพศออกมาเปิดเผยตัวเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ และความยุติธรรม

เรื่องราวของ ซิม ซุก-ฮี กลายเป็นสิ่งที่ตบหน้าสังคมอนุรักษ์นิยมในเกาหลีใต้อย่างรุนแรง ด้วยวัฒนธรรมเกาหลีใต้ที่ยังถือว่าผู้ชายมีสถานะเหนือกว่าผู้หญิง ยิ่งเป็นถึงโค้ชระดับทีมชาติ ยิ่งมีสิทธิ์อย่างเต็มที่ในการลงโทษนักกีฬาทั้งทางร่างกาย และจิตใจ รวมถึงการตัดสินใจให้นักกีฬาในทีมคนไหนติดทีม หรือถูกตัดสิทธิ์ โดยที่นักกีฬามักไม่มีสิทธิ์เรียกร้อง มิฉะนั้น จะถูกมองว่าไม่มีความอดทน ไร้ความมุ่งมั่น ที่มักเป็นข้ออ้างในการถูกตัดสิทธิ์ออกจากทีมชาติ

ซึ่ง ซิม ซุก-ฮี ถูกกระทำในสภาพเดียวกัน โดยที่เธอไม่กล้าเอ่ยปากเรียกร้องความเป็นธรรม เพราะอนาคตทีมชาติของเธอขึ้นอยู่กับโค้ช โช แจ-บอม จึงใช้อำนาจสิทธิ์ความเป็นโค้ชย่ำยีเธอ

เมื่อมีข่าวฉาวออกมา โค้ช โช แจ-บอม ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกาย ซิม ซุก-ฮี เพราะเหตุผลทางชู้สาว แต่เป็นการทำโทษตามระเบียบวินัยต่างหาก ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเขายอมรับว่ามีการทำร้ายร่างกายจริง จึงทำให้โค้ช โช แจ-บอม ถูกตัดสินจำคุกนาน 18 เดือนจากโทษฐานความผิดในกระทงแรก

แต่ในวันนี้ ศาลอาญาเมืองซูวอน เกาหลีใต้ได้ตัดสินคดีของ ซิม ซุก-ฮี เพิ่มเติ่มในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีที่เป็นคดีร้ายแรง และศาลลงความเห็นว่าเป็นการกระทำที่สมควรถูกประณามเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ตัดสินให้จำคุกอดีตโค้ช โช แจ-บอม นาน 10.5 ปี หากรวมกับคดีทำร้ายร่างกายก่อนหน้านี้ ก็เท่ากับว่าโค้ชโชต้องเข้าคุกนานเกือบ 12 ปี

ถึงแม้ว่า ทนายฝ่ายของ ซิม ซุก-ฮี พอใจกับผลคำตัดสิน แต่มีชาวเกาหลีใต้ไม่น้อยเห็นว่าลงโทษน้อยเกินไป สำหรับความผิดของโค้ชฉาว ควรต้องโทษจำคุกถึง 20 ปี ถึงจะสาสม

คดีของ ซิม ซุก-ฮี ถือเป็นคดีใหญ่ที่เปิดโปงด้านมืดในวงการกีฬาของเกาหลีใต้ก็จริง แต่เป็นเพียงแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งที่คนทั่วไปได้เห็นเท่านั้น และยังมีนักกีฬาอีกมากมายที่โดนทำร้ายร่างกายในค่ายเก็บตัว ที่มีตั้งแต่การกลั่นแกล้งภายในทีม จนกระทั่งถึงขั้นการทำร้ายร่างกาย ล่วงละเมิดทางเพศ และทารุณกรรม

ดังเช่นกรณีของ เช ซุก-ฮยอน นักไตรกีฬาหญิงที่เป็นหนึ่งในเยาวชนทีมชาติ ตัดสินใจกระโดดตึกฆ่าตัวตายจากหอพักนักกีฬาในเมืองปูซาน เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2020 จบอนาคตอันสดใสของเธอเพียงแค่วัย 22 ปี ที่ภายหลังเปิดเผยว่าเธอถูกรุ่นพี่ และโค้ชกลั่นแกล้งอย่างรุนแรงตลอดช่วงเวลาที่เธอเก็บตัวเพื่อเป็นตัวแทนทีมชาติ จนทำให้เธอกลายเป็นโรคซึมเศร้า หมดความหวังในการมีชีวิตอยู่

และเธอได้บันทึกเรื่องราวการถูกบูลลี่ของเธอทั้งหมดส่งไปให้แม่ก่อนวันที่เธอจะฆ่าตัวตาย ซึ่งกลายเป็นหลักฐานมัดตัวรุ่นพี่ และโค้ช ที่ร่วมกันกระทำทารุณกรรมจิตใจนักกีฬา และถูกลงโทษแบนจากการแข่งขันนานถึง 10 ปี

ถึงแม้ว่าคดีของ ซิม ซุก-ฮี อาจไม่ใช่คดีสุดท้ายที่เกิดขึ้นกับนักกีฬาเกาหลีใต้ แต่ก็เป็นเสียงเรียกร้องให้แวดวงกีฬาเกาหลีใต้ได้ตระหนักรู้ว่า การเป็นนักกีฬาที่ดีไม่ควรต้องแลกกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์


อ้างอิง:

https://www.scmp.com/week-asia/health-environment/article/3118784/south-korea-jails-former-olympic-coach-sexual-assault

https://www.bbc.com/news/world-asia-55746565

https://www.firstpost.com/sports/south-koreas-ex-olympic-coach-cho-jae-beom-jailed-for-10-5-years-for-sexually-assaulting-athlete-9224741.html

https://en.wikipedia.org/wiki/Shim_Suk-hee

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (26 มกราคม พ.ศ. 2564)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 959 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 14,646 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิต 75 ราย รักษาหายเพิ่ม 230 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 10,892 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 3,676 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 959 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จากอินโดนีเซีย 1 ราย ,อินเดีย 2 ราย ,เมียนมา 3 ราย ,ซูดาน 2 ราย ,ปากีสถาน 1 ราย ,สหราชอาณาจักร 6 ราย ,เนปาล 1 ราย ,จีน 1 ราย ,สหรัฐอเมริกา 3 ราย ,เดนมาร์ก 1 ราย ,รัสเซีย 1 ราย

ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ จำนวน 89 ราย

ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 848 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 175 ราย รักษาหายแล้ว 169 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 460 ราย รักษาหายแล้ว 412 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 9.99 แสน ราย รักษาหายแล้ว 8.09 แสน เสียชีวิต 28,132 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 44 ราย รักษาหายแล้ว 41 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.87 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.45 แสน ราย เสียชีวิต 689 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.38 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.22 แสน ราย เสียชีวิต 3,069 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 5.15 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.75 แสน ราย เสียชีวิต 10,292 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 59,352 ราย รักษาหายแล้ว 59,066 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมติดเชื้อ 1,549 ราย รักษาหายแล้ว 1,425 ราย เสียชีวิต 35 ราย

อามู ฮาจิ ชายชาวอิหร่านวัย 83 ปีถูกขนานนามว่าเป็นชายที่สกปรกที่สุดในโลก อามู เขาไม่ได้อาบน้ำเลยในช่วง 65 ปีที่ผ่านมา

เขากลัวน้ำและนี่คือสาเหตุที่เขาไม่อาบน้ำในช่วง 65 ปีที่ผ่านมา อามูเชื่อว่าเขาจะล้มป่วยหากอาบน้ำและนี่คือเหตุผลที่เขาไม่ได้อาบน้ำมานานกว่าหกทศวรรษ

อามู อาศัยอยู่คนเดียวในทะเลทรายอิหร่านแต่เขากำลังมองหาความรัก อาหารโปรดของเขาคือเนื้อเม่นที่เน่าเปื่อย อามู ชอบกินอาหารที่ไม่ใช่ผักแต่เขาไม่ชอบอาหารปรุงเองที่บ้าน อามูอ้างว่าเขามีชีวิตรอดมานานโดยการทำตัวสกปรก อามู ไม่ได้เป็นเจ้าของบ้านและอาศัยอยู่ในหลุมที่สร้างขึ้นในทะเลทรายนอกหมู่บ้าน ชาวบ้านได้สร้างกระท่อมสำหรับอามู แต่เขาตัดสินใจที่จะไม่อาศัยอยู่ที่นั่น

เป็นที่น่าแปลกใจที่ อามู ไม่ติดเชื้อแม้ว่าเขาจะยังสกปรกอยู่ก็ตาม อามู ดื่มน้ำห้าลิตรจากกระป๋องน้ำมันสนิมทุกวัน

เป็นที่น่าสังเกตว่า อามู ชอบสูบบุหรี่มาก อามู สูบบุหรี่ที่ชาวบ้านมอบให้เขาเสร็จแล้วเขาก็สูบมูลสัตว์แห้งแทนยาสูบ ต่อ อามูอ้างว่าหลังจากละทิ้งความสุขทั้งหมดของโลกแล้วเขาก็มีความสุขมากกับชีวิตที่เป็นอยู่ตามคำบอกเล่าของคนในท้องถิ่น


ที่มา: World Forum ข่าวสารต่างประเทศ

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=238486524482265&id=109509790713273

ร้านเค้ก ‘Castella Taiwan’ โพสต์แจงกรณีตั้งป้าย ‘ขออนุญาตไม่รับธนบัตรที่ระลึก’ หลังถูกชาวเน็ตโจมตีผ่านโซเชียลอย่างหนัก ระบุ หวั่นเกิดเหตุซ้ำรอย พนักงานทอนเงินผิด รับแบงก์ 100 บาท คิดว่าเป็นแบงก์ 1,000 บาท

จากกรณีกระแสดราม่า ร้านเค้ก ‘Castella Taiwan’ ตั้งป้าย ‘ขออนุญาตไม่รับธนบัตรที่ระลึก’ จนถูกชาวเน็ตโจมตีผ่านโซเชียลอย่างหนัก ล่าสุดทางร้าน ได้ออกมาชี้แจงผ่าน เฟซบุ๊ก Castella Taiwan - คาสเทลล่า ไต้หวัน โดยระบุว่า

จากเหตุการณ์ดังกล่าว มีลูกค้าที่ไม่พอใจจำนวนมาก ทางบริษัทต้องขออภัยอย่างสุดซึ้ง และน้อมรับคำติชม และคำตักเตือนจากลูกค้าทุกท่าน

เนื่องจากช่วงแรก ๆ ที่ธนบัตรที่ระลึกออกมา มีพนักงานของเรา รับธนบัตร 100 บาทมา แต่คิดว่าเป็นแบงค์พันและทอนผิดให้ลูกค้าไป และพนักงานคนดังกล่าวจะต้องรับผิดชอบเงินทอนทั้งหมด ซึ่งเป็นความผิดพลาดของพนักงานของเราเองครับ

บริษัทจึงออกคำสั่ง ว่าขออนุญาตงดรับธนบัตรที่ระลึก "แต่" หากลูกค้าไม่สะดวก หรือต้องการที่จะใช้ธนบัตรทางร้านก็จะรับธนบัตรปกติเลยนะครับ ตอนนี้ทางบริษัท ได้มีคำสั่งให้นำป้ายที่งดรับธนบัตรที่ระลึกออกตั้งแต่ได้รับความคิดเห็นจากลูกค้าท่านแรกแล้วครับ

ตอนนี้หากลูกค้าต้องการที่จะใช้ธนบัตรที่ระลึกซื้อสินค้าของทางร้าน ลูกค้าสามารถใช้ได้ตามปกติเลยครับ ทางบริษัทหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้รับการสนับสนุนจากลูกค้าทุกท่านต่อไปนะครับ


ที่มา : Castella Taiwan - คาสเทลล่า ไต้หวัน

https://www.facebook.com/castellataiwanofficial

‘เจิ้งต้ากรุ๊ป’ เครือ ‘ซีพี’ ออกโรง!! แจง!! โรงงานไก่ซีพีในจีน @เมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลง ติดโควิด!! ‘ไม่เกี่ยว’ จังหวัด – ภูมิภาค - และประเทศอื่นๆ

ก่อนหน้านี้ทาง The States Times ได้รับข้อมูลจากทางแหล่งข่าวในเมืองจีน และได้มีการนำเสนอหัวข้อข่าว...

'ไก่ซีพี' (จีน) มีเชื้อโควิด!!

โรงงานเนื้อแปรรูป 'ซีพี' ในจีนงานเข้า!!

พบเชื้อโควิดใน 'คนงาน – ไก่ - บรรจุภัณฑ์' ทางการจีนสั่งเก็บด่วน!!

โดยอ้างอิงแหล่งข่าวจาก

https://www.globaltimes.cn/page/202101/1213832.shtml

https://www.globaltimes.cn/page/202101/1213595.shtml

https://www.thestandard.com.hk/breaking-news/section/3/164075/China-says-10-infected-with-coronavirus-in-Harbin-at-Thai-Chinese-joint-venture-meat-plant

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลข่าวดังกล่าวได้รับการชี้แจงตรงจากทาง ‘เจิ้งต้ากรุ๊ป’ (เครือซีพี) โดยเฉพาะในท่อนที่ว่า...

>>รัฐบาลเฮย์หลงเจียง ออกคำสั่งให้เรียกเก็บสินค้าของโรงงาน CP ที่ผลิตออกสู่ตลาดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2021 เป็นต้นมา ออกจากชั้นวางสินค้าทุกแห่งทันที ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่เป็นเนื้อไก่แปรรูป และชิ้นส่วนไก่ถูกปล่อยออกสู่ตลาดไปแล้วกว่า 2,434 กิโลกรัม ในเมือง ฉีฉีฮาร์, ต้าชิ่ง, เฮย์เหอ และ สุยฮว่า และมีบางส่วนได้ขายออกไปแล้ว ทางการกำลังประสานงานเรียกเก็บสินค้าอยู่<<

โดยทาง เจิ้งต้ากรุ๊ป หรือเครือซีพี ในประเทศจีน ได้มีแถลงการณ์เพื่อสร้างความเข้าใจที่ชัดเจนล่าสุดในวันอังคารที่ 26 มกราคม ว่าเนื้อไก่แปรรูป และชิ้นส่วนไก่ที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ มิได้ติดเชื้อโควิดแต่อย่างใด แต่ถึงกระนั้นก็ได้มีการเก็บบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดพ้นจากตลาดแล้ว

สำหรับคำแถลงเกี่ยวกับการรับมือต่อการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 จาก ‘เจิ้งต้ากรุ๊ป’ หรือ Heilongjiang Zhengda Industrial Co., Ltd. (https://mp.weixin.qq.com/s/76ewZBzFYCjWT-bewHDkcw) มีรายละเอียดดังนี้

การแพร่ระบาดของ Covid-19 ที่เกิดขึ้นในเมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียง เมื่อวันที่ 18 มกราคม ได้แพร่กระจายไปยังโรงงานอาหารของ Heilongjiang Zhengda Industrial Co. , Ltd. ซึ่งเป็น บริษัทย่อยภายในเครือ

หลังจากได้รับแจ้งจากรัฐบาลท้องถิ่น Heilongjiang Zhengda Industrial Co. , Ltd. ได้ตอบสนองอย่างเต็มที่ และให้ความร่วมมืออย่างแข็งขัน ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ และยึดถือแนวปฏิบัติตามแผนฉุกเฉินสำหรับการแพร่ระบาดของ Covid-19 โดยเร็วที่สุด การผลิตและการทำงานถูกระงับทันทีและพนักงานทุกคนเข้ารับการกักตัว มีการตรวจหาเชื้อด้วยวิธีการทดสอบกรดนิวคลีอิก โรงงานได้คัดแยกและตรวจสอบผลิตภัณฑ์ในคลังสินค้าอย่างทั่วถึง มีการควบคุมสภาพแวดล้อม ส่วนสินค้าที่อยู่ในท้องตลาด ได้รับการนำกลับและคัดแยกตามระเบียบของทางการ และได้รับการตรวจสอบหาเชื้ออย่างครบถ้วน

ตามประกาศของศูนย์บัญชาการการควบคุมโรค Covid-19 ประจำเมืองฮาร์บิน หน่วยงานกำกับดูแลตลาดในพื้นที่ได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เช่น การกำจัดและการจัดเก็บผลิตภัณฑ์ชั่วคราวจากโรงงานอาหารของ Heilongjiang Zhengda Industrial Co., Ltd. ที่ผลิตตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 และจะร่วมมือกับหน่วยงานสาธารณสุข ดำเนินการสุ่มตัวอย่างการทดสอบกรดนิวคลีอิกในผลิตภัณฑ์ที่เก็บไว้นอกชั้นวางชั่วคราว

เมื่อเวลา 8:00 น. วันที่ 25 มกราคม มีการสุ่มตัวอย่างทั้งหมด 92,786 ตัวอย่างและได้รับผลการทดสอบ 91,696 ตัวอย่าง...

>> ไม่พบผลลัพธ์ที่เป็นบวกบนอาหารและบรรจุภัณฑ์ด้านใน <<

อย่างไรก็ตาม พบว่าตัวอย่างบรรจุภัณฑ์ด้านนอกจำนวน 9 ตัวอย่างพบว่าเป็นบวก ทั้งหมดอยู่ในเมือง Heihe จังหวัด Heilongjiang 8 แห่งใน Sunwu County และ 1 แห่งใน Lanxi County เมือง Suihua

หลังจากการตรวจสอบข้อมูลการจัดส่งสินค้า พบว่าผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในล็อตเดียวกันกับตัวอย่างที่พบผลเชื้อเป็นบวกบนบรรจุภัณฑ์ด้านนอก ได้ถูกนำส่งไปยังจุดจำหน่าย 4 แห่งใน Neiqihar, Daqing, Heihe และ Suihua ในมณฑลเฮยหลงเจียงเมื่อวันที่ 11, 12 และ 16 ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องได้ถูกนำออกจากชั้นวางและคัดแยกไว้ ในขณะนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ปริมาณ 240 กิโลกรัมที่ขายให้กับเมือง Daqing อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ

Heilongjiang Zhengda Industrial Co., Ltd. เป็นโรงงานผลิตอาหารเพียงแห่งเดียวในเครือของเราในมณฑลเฮยหลงเจียง ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยี Limin เมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียง โรงงานแห่งนี้ผลิตผลิตภัณฑ์ไก่ดิบและผลิตภัณฑ์จากไก่ปรุงสุก

บริษัทขอยืนยันว่าโรงงานผลิตอาหารทั้งหมดในจังหวัดและภูมิภาคอื่นๆ ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดครั้งนี้ การผลิตและการดำเนินงานของโรงงานเหล่านี้ยึดหลักปฏิบัติและกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด และมีมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดเพื่อความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และผู้บริโภค

บริษัทขอขอบคุณทุกภาคส่วนของสังคมที่ห่วงใยและให้การสนับสนุน

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

เจิ้งต้ากรุ๊ป

26 มกราคม 2564


ทาง The States Times ต้องกราบขอบพระคุณข้อมูลดังกล่าวจากทาง ‘เจิ้งต้ากรุ๊ป’ และขออภัยอย่างสูงที่สร้างความตระหนกต่อประชาชนที่เข้าใจว่าเนื้อไก่ซีพีติดเชื้อโควิดมา ณ โอกาสนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top