โปรเจครถไฟความเร็วสูง มาเลย์-สิงคโปร์ ล่ม! เซ่นพิษโควิด-19
ในที่สุดก็ล่มจนได้ กับเมก้าโปรเจคร่วมระหว่าง มาเลเซีย และสิงคโปร์ในการสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อกันระหว่างกัลลาลัมเปอร์ด่วนตรงถึงใจกลางสิงคโปร์ เนื่องจากทั้งสองประเทศไม่อาจบรรลุข้อตกลงในการลงทุนร่วมกันในขั้นสุดท้ายได้
โปรเจครถไฟความเร็วสูง หรือ Malaysia-Singapore High-Speed Rail (HSR) เป็นโครงการที่เริ่มคุยกันมาตั้งแต่สมัยอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นายิบ ราซัค ที่ต้องการสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่าง 2 ประเทศเศรษฐกิจหลักในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมระยะทางยาวถึง 350 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ในฝั่งมาเลเซีย 335 กิโลเมตร และในสิงคโปร์ 15 กิโลเมตร ที่จะช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางด้วยรถยนต์จากเดิม 4 ชั่วโมงเหลือเพียง 90 นาทีเท่านั้น
หากโครงการนี้ตกลงเริ่มสร้างกันตั้งแต่ที่เจรจากันในช่วงแรก ก็จะสามารถสร้างให้แล้วเสร็จได้ภายในปี 2026 โดยใช้ประมาณในการก่อสร้างสูงถึง 8 พันล้านริงกิต (ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท) ซึ่งอันที่จริงมีการเซ็นข้อตกลงความเข้าใจร่วมกันไปแล้วตั้งแต่ปี 2016
แต่โครงการมาหยุดชะงักชั่วคราวเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลจาก นายิบ ราซัค มาเป็นดร. มหาเธร์ มูฮัมหมัด ที่ชนะเลือกตั้งเข้ามาได้อย่างพลิกล็อคถล่มทลายในปี 2018 และก็เป็น ดร.มหาเธร์ ที่เป็นผู้สั่งระงับโครงการเนื่องจากงบประมาณก่อสร้างสูงเกินไป จึงนำรายละเอียดทั้งโครงการมาพิจารณาใหม่ ปรับงประมาณ ปรับรูปแบบสถานี ที่จะทำให้ใช้งบน้อยลง และยืดระยะเวลาการชำระเงินให้นานขึ้นให้กับมาเลเซีย
ซึ่งการเจรจาระงับโครงการอยู่ในช่วงระยะเวลา 2 ปี สิ้นสุดภายในปี 2020 นี้ ดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จาก ดร. มหาเธร์ มูฮัมหมัด เป็นนายมูห์ยิดดิน ยัสซิน จึงมีการหยิบยกโปรเจคนี้ขึ้นมาพิจารณากันใหม่
และหลังจากการประชุมร่วมกันระหว่าง นายมูห์ยิดดิน ยัสซิน กับ นาย ลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ในช่วงโค้งสุดท้าย ก็ปรากฏว่ายังตกลงที่จะเดินหน้าโครงการต่อไม่ได้ เนื่องจากงบประมาณ และผลพวง Covid-19 ที่กระทบต่อเศรษฐกิจทั้ง 2 ประเทศอย่างหนัก มาเลเซียจึงตัดสินใจเทโปรเจครถไฟความเร็วสูง มาเลย์-สิงคโปร์ไปด้วยประการฉะนี้
เมื่อมาเลเซียไม่สานต่อโครงการที่เคยตกลงว่าจะทำร่วมกันมานานเกือบ 10 ปี ทางสิงคโปร์อาจต้องดำเนินเรื่องปรับเงินเป็นค่าฉีกสัญญา หรือที่บ้านเรามักเรียกว่า "ค่าโง่" เป็นเงินกว่า 250 ล้านเหรียญสิงคโปร์ หรือราวๆ 5.6 พันล้านบาท
แต่ทั้งนี้ ชาวมาเลเซียบางส่วนก็โล่งใจมากกว่า ที่โครงการนี้พับลงไปได้ เพราะเรื่องงบประมาณที่สูงบีบหัวใจ และคิดว่าคนมาเลเซียอาจได้รับผลประโยชน์จากเส้นทางนี้น้อย ไม่คุ้มค่าในการลงทุน เมื่อการเดินทางโดยเครื่องบินอาจเป็นทางเลือกที่สะดวกอยู่แล้ว ซึ่งค่าตั๋วโดยสารของสายการบิน Low cost ก็มีความใกล้เคียงกับตั๋วรถไฟความเร็วสูง
แต่ว่าค่าโง่ที่ต้องจ่าย อาจต้องมาคุยกันอีกยาว
แหล่งข่าว