Monday, 14 July 2025
NEWS FEED

“จุรินทร์” พร้อมคณะ ปล่อยขบวน“ถุงน้ำใจ ปชป.ส่งผู้รอเตียง” กระจายทุกชุมชนใน กทม.-ปริมณฑล ส่วนภาคใต้เตรียมถุงน้ำใจ 15,000 ถุง พร้อมข้าวกล่องเดลิเวอรี่กว่า 5 หมื่นชุด ย้ำตรวจเข้มราคาสินค้าห้ามฉวยโอกาสซ้ำเติมประชาชนช่วงล็อกดาวน์ 

ที่บริเวณลานด้านหน้าห้างแม็คโครสาขาสามเสน กรุงเทพฯ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และประธานมูลนิธิหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมท พร้อมด้วย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมปล่อยขบวนคาราวาน “ถุงน้ำใจ ปชป.ส่งผู้รอเตียง” เพื่อนำถุงน้ำใจไปมอบให้กับผู้ป่วยโควิด-19 ที่อยู่ระหว่างรอเตียง 

โดย นายจุรินทร์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในกรุงเทพฯและปริมณฑลในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งที่ผ่านมามูลนิธิฯและพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจพรรคประชาธิปัตย์ในการช่วยหาเตียงให้กับผู้ป่วย ซึ่งสามารถดำเนินการไปแล้ว 1,600 เตียง รวมถึงยังมีโครงการข้าวกล่องเดลิเวอรี่กว่า 50,000 ชุด และวันนี้ในสภาวะที่ประชาชนอยู่ในช่วงมาตรการล็อกดาวน์ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรอเตียงอยู่ที่บ้าน และไม่สามารถเดินทางออกมาหาซื้ออาหารไ้ด้ ซึ่งถือเป็นเป้าหมายของโครงการนี้ โดยได้มีการจัดรถบริการทั้งหมด 30 คัน เพื่อนำถุงน้ำใจไปส่งถึงบ้าน ซึ่งประชาชนที่ป่วยและอยู่ระหว่างการรอเตียงสามารถประสานมายังพรรคประชาธิปัตย์ได้โดยตรง หรือผ่านช่องทางออนไลน์ สื่อโซเซียลมีเดียทุกช่องทาง รวมถึงสามารถประสาน ส.ส. อดีตส.ส. อดีตส.ก. อดีตส.ข. สาขาพรรค ตัวแทนจังหวัดได้ทุกช่องทาง โดยโครงการนี้จะดำเนินการจัดส่งถุงน้ำใจไปจนกว่าผู้ป่วยจะหาเตียงได้และพ้นจากสถานการณ์นี้ไป และจนกว่าจะสิ้นสุดมาตรการล็อกดาวน์ของ ศบค.

ส่วนใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีการล็อกดาวน์เหมือนกันนั้น ได้มีการมอบหมายให้นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ดำเนินการจัดถุงน้ำใจจำนวน 15,000 ถุง เพื่อกระจายไปยังพื้นที่ทั้ง 4 จังหวัด โดยจะเริ่มในวันที่ 18 ก.ค. เป็นต้นไป

นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงมาตรการของกระทรวงพาณิชย์ ว่า สิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ คือการจัดรถโมบายพาณิชย์จำหน่ายสินค้าลดราคาช่วยประชาชนจำนวน 300 คัน เพื่อกระจายไปจำหน่ายสินค้าราคาถูกให้กับประชาชนในพื้นที่ 10 จังหวัดที่มีการล็อกดาวน์ รวมถึงจะมีการจับมือกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับร้านสะดวกชื้อใกล้บ้านจัดอาหารปรุงสำเร็จพร้อมรับประทานในราคาพิเศษลดสูงสุดถึง 50% โดยจะเริ่มโครงการในสัปดาห์หน้า

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะเร่งรัดการตรวจราคาสินค้าต่างๆให้เป็นไปตามกฎหมาย หากมีการฉวยโอกาสซ้ำเติมสถานการณ์โดยการจำหน่ายเกินราคาหรือกักตุนก็ได้สั่งการพาณิชย์จังหวัดไปทุกจังหวัดแล้วให้ดำเนินการเด็ดขาด และทุกมาตรการณ์ของกระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการไปจนกว่าจะสิ้นสุดมาตรการล็อกดาวน์ของ ศบค.

รมว.เฮ้ง ลงพื้นที่ให้กำลังใจผู้ประกอบการทำข้าวกล่อง และคนงานในแคมป์ก่อสร้างย่านลาดพร้าว

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ประกอบการร้านอาหารที่ทำอาหารกล่องส่งแคมป์คนงาน รวมทั้งติดตามขั้นตอนการลำเลียงข้าวกล่องไปส่งที่แคมป์ พร้อมให้กำลังใจคนงานในแคมป์ที่ถูกสั่งปิดตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19ณ ร้านข้าวป๊าจ๋า มีนายสำเนียง ฤทธิ์ศักดิ์ เป็นเจ้าของร้าน ตั้งอยู่เลขที่ 152/1 ซอยลาดพร้าว 80 แยก 21 แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นร้านค้าบริเวณแคมป์คนงานในความรับผิดชอบของสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 4 โดยมี นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย โดย รมว.แรงงาน กล่าวว่า ท่านนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยบรรดากลุ่มผู้ค้าหาบเร่แผงลอย ผู้ขับขี่รถรับจ้าง และร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 และการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคของ ศบค. จึงได้สั่งการกระทรวงแรงงานให้ความช่วยเหลือแรงงานนอกระบบ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ค้าหาบเร่แผงลอย และผู้ประกอบการร้านอาหารให้มากที่สุด ทั้งย้ำเตือนให้ดูแลแรงงานทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงแรงงาน ได้มีการเชิญประธานชมรมหาบเร่แผงลอยกรุงเทพมหานคร สมาคมผู้ขับขี่รถรับจ้างแห่งประเทศไทย และสมาคมภัตตาคารไทย รวมถึงบรรดาร้านค้าบริเวณแคมป์ก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบมาพูดคุยเพื่อรับฟังสภาพปัญหาที่กระทรวงแรงงาน จนเกิดความคิดช่วยเหลือผู้ค้ากลุ่มดังกล่าว พร้อมบรรเทาความเดือดร้อนด้านอาหารแก่แรงงานภายในแคมป์ที่ถูกปิดตามคำสั่งปิดสถานที่ก่อสร้างไปพร้อมกัน โดยกระทรวงแรงงานจะเป็นผู้สนับสนุนค่าอาหาร และรับอาหารจากกลุ่มผู้ค้าไปแจกจ่ายให้แรงงานในแคมป์ก่อสร้าง จนครบกำหนดตามประกาศ ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 12 – 27 กรกฎาคม 2564 โดยท่าน รมว.แรงงาน ได้ให้กรมการจัดหางานรับผิดชอบดูแลในเรื่องนี้

“ในวันนี้ผมและคณะได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ประกอบการร้านอาหารที่ทำอาหารกล่องส่งแคมป์คนงาน ณ บริเวณซอยลาดพร้าว 80 แยก 21 ซึ่งเป็นร้านอาหารตามสั่งที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงกับแคมป์คนงาน รวมทั้งได้ติดตามขั้นตอนการลำเลียงข้าวกล่องไปส่งที่แคมป์ และให้กำลังใจคนงานในแคมป์ที่ถูกสั่งปิดตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19” นายสุชาติ กล่าวในท้ายสุด

นายสำเนียง ฤทธิศักดิ์ ผู้ประกอบการร้านอาหารที่ได้ทำข้าวกล่องส่งแคมป์คนงาน เจ้าของร้านป๊าจ๋า ย่านซอยลาดพร้าว 80 กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากโควิด ทำให้เงียบเหงา ในแต่ละวันไม่ค่อยมีลูกค้า แต่ก็ไม่ได้หยุดร้านเสียทีเดียว เพราะถ้าหยุดไปลูกค้าขาประจำก็จะไปรับประทานร้านอื่นหมด ปัจจุบันที่ร้านขายหลายเมนู ทั้งอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว เย็นตาโฟ โครงการทำข้าวกล่องส่งแคมป์คนงานนี้ดี เป็นการช่วยเหลือร้านอาหารรายย่อยในชุมชนได้มีรายได้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้ และช่วยเหลือคนงานในแคมป์ดีใจที่รัฐบาลและกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการร้านอาหารในระดับล่าง เป็นการกระจายรายได้ให้ชุมชน โดยในช่วงเช้าเวลา 07.30 – 08.00 น. จะทำข้าวกล่องวันละ 200 กล่อง ส่งแคมป์คนงานจำนวน 9 แคมป์

ด้าน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า กรมการจัดหางานจะให้ความช่วยเหลือด้านอาหารวันละ 1 มื้อ ตั้งแต่วันที่ 12 – 27 กรกฎาคม 2564 เป้าหมายแคมป์คนงานในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 520 แห่ง 750,000 กล่อง และปริมณฑล จังหวัดปทุมธานี จังหวัดนนทบุรี จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครปฐม จังหวัดสมุทรปราการ รวมจำนวน 797 แห่ง 500,000 กล่อง โดยมีผู้ร่วมโครงการ ได้แก่ ชมรมหาบเร่แผงลอยกรุงเทพมหานคร สมาคมผู้ขับขี่รถรับจ้างแห่งประเทศไทย สมาคมภัตตาคารไทย และร้านค้าบริเวณแคมป์ก่อสร้าง รวม 132 แห่ง

“รัฐศาสตร์-นิเทศศาสตร์” ม.กรุงเทพธนบุรี จัดสัมมนาพิเศษในระบบ ZOOM หัวข้อ “SANDBOX MODEL ก้าวแรกการท่องเที่ยว สู่การเปิดประเทศในก้าวต่อไป” 18 ก.ค.นี้

คณะรัฐศาสตร์ ร่วมกับ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ร่วมกันจัดสัมมนาพิเศษในระบบออนไลน์ (ZOOM) ในหัวข้อ “SANDBOX MODEL ก้าวแรกการท่องเที่ยว สู่การเปิดประเทศในก้าวต่อไป” โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ คุณนัทธี ถิ่นสาคู สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดภูเก็ต และ รองประธานคณะกรรมาธิการ การท่องเที่ยว, คุณธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต และคุณรัตนชัย สุทธิเดชานัย ที่ปรึกษานายกเมืองพัทยา

ดำเนินรายการโดย รศ.ดร.กมลพร กัลยาณมิตร คณบดีคณะรัฐศาสตร์ และ รศ.ดร.สุกัญญา บูรณเดชาชัย คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี โดยมี ธนภณ โอภาสธัญกร (ต้อม นิรันดร์) และ แอปเปิ้ล-กิรษา หอมเสียง เป็นพิธีกร ในวันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม 2564 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป

ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมรับฟังการสัมมนาพิเศษในครั้งนี้ได้ที่

Join Zoom Meeting

https://us02web.zoom.us/j/9989764605?pwd=djI3NERTU3c2NW8rVEJKWFdJZlBjdz09

ใส่รหัสผ่าน ห้องประชุม

Meeting ID: 998 976 4605

Passcode: 654321

เลขาธิการสภากาชาดไทยยืนยันประสานผู้ผลิตในการจัดซื้อวัคซีนทางเลือก 1 ล้านโดส ฉีดให้บุคลากรการแพทย์ และประชาชนด้อยโอกาสฟรี

รายงานจาก​ เลขาธิการสภากาชาดไทยยืนยัน ประสานผู้ผลิตในการจัดซื้อวัคซีนทางเลือก 1 ล้านโดส โดยองค์การเภสัชกรรมทำสัญญากับบริษัทโมเดอร์นา โดยคาดว่า จะได้รับวัคซีนในไตรมาส 4 ของปีนี้ ฉีดให้บุคลากรการแพทย์ และประชาชนด้อยโอกาสฟรี

นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย กล่าวว่า วัคซีนที่สภากาชาดไทยจัดซื้อเป็นวัคซีนทางเลือกแบบ mRNA ซึ่งทางสภากาชาดไทยประสานกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนโมเดอร์นาตั้งแต่เดือนเมษายน

แต่ทางบริษัทระบุในขณะนั้นว่า จะทำสัญญากับหน่วยงานรัฐ ซึ่งล่าสุดทางองค์การเภสัชกรรมจะทำสัญญาซื้อ-ขายจำนวน 5 ล้านโดส โดยองค์การเภสัชกรรมแจ้งว่า จะกันให้สภากาชาดไทย 1 ล้านโดส​ เนื่องจากเป็นองค์กรการกุศลที่เจรจาซื้อไว้ก่อนแล้ว ส่วนอีก 4 ล้านโดสขึ้นกับองค์การเภสัชกรรมว่า จะจัดสรรให้หน่วยงานใด

ทั้งนี้ ทางบริษัทแจ้งว่า จะส่งมอบได้ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ เมื่อได้รับ ทางสภากาชาดไทยคาดว่า จะดำเนินการฉีดวัคซีนได้ช่วงปลายปี โดยฉีดให้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หญิงมีครรภ์ ป่วย ผู้ดูแลประจำศูนย์เด็กเล็ก และบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่ห่างไกลซึ่งยังไม่ได้รับวัคซีน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

นายเตชกล่าวต่อว่า งบประมาณในการจัดซื้อวัคซีน 1 ล้านโดสนี้ ทางสภากาชาดไทยมีงบประมาณส่วนหนึ่ง กำลังขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล และเตรียมขอรับการสนับสนุนจากประชาชนด้วย ซึ่งจะแจ้งช่องทางบริจาคสมทบทุนจัดซื้อวัคซีนหลังจากการประชุมคณะกรรมการในช่วงบ่ายนี้


ที่มา : https://tna.mcot.net/latest-news-739793


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

10 จังหวัดในประเทศที่ฉีดวัคซีนโควิดมากที่สุด

ประเทศไทย ยังทยอยฉีดวัคซีนโควิดอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด จากข้อมูล MOPH Immunization Center พบว่า จำนวนการได้รับวัคซีนในประเทศไทย สะสม ตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์ - 14 กรกฎาคม 2564 มีทั้งสิ้น 13,533,717 ล้านโดส

แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 10,163,340 ล้านโดส และเข็มที่ 2 จำนวน 3,370,377 ล้านโดส

ส่วน 10 จังหวัดที่ฉีดวัคซีนโควิด มีที่ไหนบ้างไปดูกันเลย


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เปิดตัวโครงการ Covid Home Care ช่วยผู้ป่วยโควิดกักตัวที่บ้าน 'ธีระชัย' นำร่องบริจาค 4.5 แสน

เครือข่าย “เราดูแลกัน” เปิดตัวโครงการ Covid Home Care ช่วยผู้ป่วยโควิดที่ต้องกักตัวที่บ้านแบบไม่มีค่าใช้จ่าย ด้านนักธุรกิจรุ่นใหม่ “ธีระชัย” นำร่องบริจาค 4.5 แสนบาท เพื่อจัดซื้อเวชภัณฑ์และชุดตรวจโควิด พร้อมเชิญชวนเพื่อนนักธุรกิจร่วมสนับสนุน เผยโครงการมีทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่ประเมินอาการ 24 ชั่วโมง พร้อมส่งเวชภัณฑ์ดูแลตัวเองเบื้องต้น ประเดิม กทม.แห่งแรก

เมื่อเร็ว ๆ นี้สมาคมสมาพันธ์สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุและเครือข่ายเราดูแลกัน ซึ่งเป็นความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดตัวโครงการ Covid Home Care เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโควิดที่ต้องกักตัวที่บ้านและลดภาระให้กับบุคลากรทางการแพทย์

นายแพทย์ฆนัท ครุฑกูล นายกสมาคมสมาพันธ์สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ Covid Home Care เปิดเผยว่า สถานการณ์ในปัจจุบันที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก เรามีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นหมื่นรายต่อวัน ทำให้ทรัพยากรที่มีอยู่ไม่พอ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากต่างประเทศพบว่า ผู้ป่วย 70-80% สามารถดูแลตนเองที่บ้านได้

ดังนั้น สมาพันธ์ฯ และเครือข่ายเราดูแลกัน หรือ we care network ซึ่งเป็นความร่วมมือองค์กรภาครัฐภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทำโครงการ Covid Home Care เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโควิดที่ต้องกักตัวที่บ้าน ให้สามารถดูแลตนเองที่บ้านได้อย่างปลอดภัยซึ่งเป็นการแบ่งเบาภาระแก่บุคลากรทางการแพทย์อีกทางหนึ่ง

สำหรับช่องทางติดต่อโดยเปิดช่องทางติดต่อผ่าน Line : @ covidhomecare ให้ผู้ป่วยโควิดเข้ามาลงทะเบียน และจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไป เพื่อส่งมอบ Covid Care Box ที่มีเวชภัณฑ์ในการดูแลรักษาตัวเอง

ซึ่ง Line : @ covidhomecare จะเสมือนเป็นคลินิกออนไลน์ ที่จะมีทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่คอยประสานข้อมูลกับผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง และจะช่วยประเมินอาการผู้ป่วยว่ายังอยู่ในเกณฑ์สีเขียว สีเหลือง หรือสีแดง นอกจากนั้น ยังมีระบบฉุกเฉินที่จะประสานโรงพยาบาลในการรับส่งต่อผู้ป่วยต่อไปโดยทั้งหมดเป็นการช่วยเหลือประชาชนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

ขณะนี้ได้เตรียมจัดทำ Covid Care Box ไว้แล้ว 1,000 กล่อง ซึ่งมีเวชภัณฑ์สำหรับดูแลรักษาตัวเอง อาทิ เครื่องวัดออกซิเจนในเลือด เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกาย ยาฟ้าทะลายโจร ยาละลายเสมหะ ยาพ่นคอ รวมถึงมีชุดตรวจ Rapid Antigen Test แอลกอฮอล์เจล และหน้ากากอนามัย ทั้งหมดนี้จะส่งต่อไปให้ประชาชนที่ยังไม่สามารถเข้าสู่ระบบการรักษาในโรงพยาบาลได้ ซึ่งโครงการทั้งหมดจะเริ่มนำร่องในพื้นที่ กทม.ก่อน

“เราคาดหวังว่าโครงการนี้จะช่วยลดความแออัดที่โรงพยาบาล ลดภาระของบุคลากรทางการแพทย์ หากผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง เราจะพยายามประสานหาโรงพยาบาลเพื่อรับส่งต่อผู้ป่วยต่อไป” นายแพทย์ฆนัท กล่าวทิ้งท้าย

นายธีระชัย รัตนกมลพร ประธาน บริษัท อาร์ยู แอสเซท ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ดีจะสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยโควิดที่กักตัวอยู่ที่บ้านระหว่างรอเตียง ให้สามารถดูแลตนเองที่บ้านได้อย่างปลอดภัยซึ่งเป็นการแบ่งเบา ภาระแก่บุคลากรทางการแพทย์ ตามมาตรฐานกรมการแพทย์กำหนด

ตนจึงยินดีให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่โดยนำร่องบริจาคเงินจำนวน 450,000 บาท เพื่อจัดซื้อเวชภัณฑ์ จำนวน 500 ชุด และชุดตรวจโควิด จำนวน 3,000 ชุด ซึ่งก่อนหน้านี้ตนก็ได้ร่วมบริจาคเพื่อซื่อเครื่องช่วยหายใจให้กับโรงพยาลศิริราชจำนวนเงิน 3 แสนบาท

“อย่างไรก็ตามโครงการ Covid Home Care ยังต้องการการสนับสนุนอีกมากตนจึงอยากจะขอเชิญชวนนักธุรกิจและผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเพื่อช่วยพี่น้องคนไทยที่กำลังประสบชะตากรรมฝ่าวิตกฤติและฝ่าความมืดครั้งนี้ไปด้วยกัน” นายธีระชัย กล่าว


ที่มา : https://www.naewna.com/local/588096


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"นุช-นนท์" เจ้าของร้านทุเรียน "ตลาดสี่มุมเมือง" ใจบุญ มอบข้าว 150 กล่อง ให้ "รพ.สนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ"

วันที่ 16 กรกฎาคม 2564 น.ส.ชาลินี ลอยนุ้ย เจ้าของร้านทุเรียน "นุช-นนท์" ตลาดสี่มุมเมือง ประสานงานสะพานบุญ นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย และตำแหน่งคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการด้านแรงงาน พร้อมด้วย "นายโกสินธ์ จินาอ่อน" บรรณาธิการหนังสือพิมพ์สยามโฟกัสไทม์  ให้นำข้าวจำนวน 150 กล่อง เพื่อนำไปมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนรวมถึงคนพิการ ครอบครัวคนพิการที่ได้รับเชื้อไวรัสโควิด-19 รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ ตั้งอยู่ภายในรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(ศูนย์รังสิต) เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน รวมถึงผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อไวรัสโควิช- 19 ได้รับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพและร่างกาย เป็นการตอบแทนน้ำใจและความเสียสละแรงกาย แรงใจ เวลาอันมีค่ามาดูแลรักษาพี่น้องประชาชนคนไทย คนพิการ คนยากไร้และคนด้อยโอกาส ให้รอดปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปด้วยกัน

ในการนี้ผู้แทนจาก "กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ" เป็นผู้รับมอบ ข้าวกล่องจำนวนดังกล่าว และขอขอบคุณในน้ำใจไมตรีจิตที่ดีที่มอบให้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ พร้อมทั้งจะปฏิบัติหน้าที่รับใช้พี่น้องประชาชนคนไทยอย่างเต็มกำลังให้สุดความสามารถ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2564  ที่ผ่านมา น.ส.ชาลินี ลอยนุ้ย เจ้าของร้านทุเรียน นุช-นนท์ ตลาดสี่มุมเมือง ได้มอบข้าวกล่องจำนวน 500 กล่องให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองลาดสวาย เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าอาหารให้กับประชาชนได้บ้างซึ่งตนไม่ทำก็รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือประชาชนคนไทยด้วยกัน

'THG' ยืนยันซื้อวัคซีนจริง หมอบุญลั่น กลต.สั่งไม่ให้พูดเรื่องดีลไฟเซอร์

ความคืบหน้ากรณี นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ออกมาเคลื่อนไหวอ้างถึงการเปิดเจรจาซื้อขายวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 20 ล้านโดสของเครือโรงพยาบาลธนบุรี โดยล่าสุดระบุถึงอยู่ระหว่างการตรวจสอบร่างสัญญาที่ทางอเมริกาส่งมาให้มากกว่า 40 หน้า และคาดว่าจะมีการลงนามภายในวันนี้ ซึ่งล็อตแรกจะสั่งซื้อก่อน 5 ล้านโดส แต่ปรากฏว่าทางไฟเซอร์กลับยืนยันกับรอยเตอร์ว่ายังไม่มีการเจรจาใด ๆ เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็ส่งผลให้หุ้นในเครือดังกล่าวพุ่งขึ้น

ล่าสุดวันนี้ (16 ก.ค. 64) บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือชี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง ชี้แจงการนำเข้าวัคซีนเทคโนโลยี mRNA ว่า ตามที่นักลงทุนจำนวนมากได้ให้ความสำคัญกับข่าวการเจรจานำเข้าวัคซีนโควิด-19 เทคโนโลยี mRNA ของ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ 'THG' โดยมีข่าวที่อาจก่อให้เกิดความสับสนเนื่องจากมีการสอบถามไป ยังบริษัทผู้ผลิตวัดชีนนั้น

ทั้งนี้ THG ได้มีการตกลงซื้อวัคซีนจริง โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการคำเนินการด้านเอกสารกับตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ ในส่วนของระยะเวลาหากมีชัดเจนแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งเนื่องจากยังต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

THG มุ่งหวังให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตินี้ไป โดยเร็วที่สุด โดย THG ได้ทุ่มเทกับการป้องกันและรักษาชีวิตของประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ

ขณะเดียวกันมีข่าวว่า นพ.บุญ ได้ออกมาระบุว่า ตนไม่สามารถตอบอะไรได้ เพราะว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ได้สั่งห้ามไม่ให้พูดอะไร เพราะว่าจะส่อไปในทางปั่นหุ้น ซึ่งความคืบหน้าต่าง ๆ ขอให้สอบถามกับทีมทนายตัวแทนในการเจรจา


ที่มา : https://www.naewna.com/business/588061


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

อบจ.ฉะเชิงเทรา โชว์ความพร้อมของ ‘โรงพยาบาลสนามใต้ร่มพระบารมี จังหวัดฉะเชิงเทรา’ รองรับผู้ป่วยโควิด 1,200 เตียง หวังปกป้องชาวแปดริ้วจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ลดการติดเชื้อในครอบครัว และลดการแพร่ระบาดต่อในชุมชน

วันที่ 16 ก.ค. นายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายก อบจ. ฉะเชิงเทรา พร้อมทีมผู้บริหาร และนายธรรมชาติ พรมพิทักษ์ ประธานสภาฯ ลงพื้นที่ พร้อมกับสื่อมวลชน โชว์ความพร้อมของการปรับปรุงสถานที่ท่าเทียบเรืออำเภอบ้านโพธิ์ เป็นโรงพยาบาลสนามใต้ร่มพระบารมีจังหวัดฉะเชิงเทราดำเนินการโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อรอการส่งต่อผู้ป่วยโควิด-19 เข้ารักษาในโรงพยาบาล หรือ Community Isolation ใหญ่ที่สุดของ จ.ฉะเชิงเทรา

มีพื้นที่ขนาด 12,000 ตรม. มีความสะดวกในการเดินทางเข้า-ออก โดยปรับปรุงสถานที่ให้มีองค์ประกอบครบถ้วน มีการแบ่งพื้นที่ เป็นห้องสำหรับทีมแพทย์พยาบาล แบบมาตรฐานอย่างพร้อมสมบูรณ์ทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านสุขอนามัย จุดคัดกรองผู้ป่วย จุดบริการอาหารและน้ำดื่ม ติดตั้งเตียงจัดวางที่นอนแยกโซนชาย-หญิง ติดตั้งระบบไฟฟ้า  ระบบรักษาความปลอดภัย CCTV ระบบอินเทอร์เน็ต มีระบบการระบายอากาศขนาดใหญ่ 12 ตัว พัดลมไอน้ำขนาดใหญ่ 3 ตัว พร้อมตู้คอนเทนเนอร์สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ จำนวน 8 ตู้ ระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบกำจัดขยะทั่วไปและขยะติดเชื้อ ณ อาคารโกดังสินค้า ของบริษัท บีอาร์บีพี โลจิสติกส์ จำกัด หมู่ 6 ต.สนามจันทร์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา

นายกิตติ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละวัน ทำให้มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รอเตียงในโรงพยาบาทำให้มีผู้ป่วยตกค้างอยู่บางส่วน เพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาดในครอบครัว และในชุมชนเพิ่มมากขึ้น ทาง อบจ.ฉะเชิงเทรา จึงได้จัดสรรงบประมาณ 12 ล้านบาท ดำเนินการ รพ.สนาม  เพื่อส่งต่อ หรือ Community Isolation เพื่อรองรับผู้ป่วย ที่มีผลตรวจรับรองว่าติดเชื้อโควิด-19 โดยแยกผู้ป่วยออกมาจากบ้าน นำมา คัดกรองอาการและดูแลในเบื้องต้น เพื่อรอการส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาล

นายกิตติ กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญในช่วงสถานการณ์วิกฤติโควิดเช่นนี้ ตนต้องดูแลพี่น้องชาวแปดริ้ว ในการป้องกันควบคุม ระงับโรคติดต่อโควิด-19 และดูแลสุขภาพของทุกคนให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการจัดหา จัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ เจลแอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย แจกจ่ายผ่านไปทางสาธารณสุขจังหวัด เทศบาล อบต. และ อสม. การจัดซื้อวัคซีนซิโนฟาร์ม 100,000 โดส ที่คาดว่าจะได้รับการส่งมอบในเร็ววันนี้ รวมถึง ปรับปรุงสถานที่ท่าเทียบเรืออำเภอบ้านโพธิ์เป็นโรงพยาบาลสนามใต้ร่มพระบารมีจังหวัดฉะเชิงเทราดำเนินการโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่มีมาตรฐานแห่งนี้ ซึ่งตนจะทำทุกวิถีทาง ตามกฎระเบียบที่สามารถทำได้ แม้จะทุ่มเทงบประมาณจนหมดหน้าตักตนก็ยอม เพื่อให้พี่น้องชาวแปดริ้วรอดจากโควิด-19 ขอให้มั่นใจและขอเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานอย่างเต็มกำลังทุกท่าน

รมว.คมนาคม เผย ล่าสุดได้พัฒนาระบบ M-Flow บนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 เพื่อแก้ปัญหารถติดหน้าด่าน และเปิดให้ผู้ใช้บริการลงทะเบียนกลางเดือนสิงหาคมนี้

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้ประชุมติดตามและเร่งรัดการพัฒนาและการเปิดให้บริการ ระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น (M-Flow) ของกรมทางหลวง และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ล่าสุดได้พัฒนาระบบ M-Flow บนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 เพื่อแก้ไขปัญหารถติดหน้าด่าน โดยผู้ใช้รถยนต์สามารถขับขี่ผ่านบริเวณด่านฯ ที่จะติดตั้งโครงเสาแขวนสูงเหนือศีรษะ พร้อมอุปกรณ์ระบบตรวจจับยานพาหนะอัตโนมัติ ระบบอ่านป้ายทะเบียนรถอัตโนมัติ โดยไม่ต้องหยุด หรือชะลอรถ

ทั้งนี้ได้เริ่มการติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ แล้ว 4 ด่าน คือ ด่านทับช้าง 1, 2และด่านธัญบุรี 1, 2 พร้อมกับเชื่อมต่อข้อมูลกับทะเบียนรถยนต์ของกรมการขนส่งทางบก (และทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครองเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างปรับปรุงกายภาพบริเวณช่องทาง และการเชื่อมต่อระบบเข้ากับสำนักงาน

นอกจากนี้ กรมทางหลวงยังจะประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับระบบ M-Flow โดยจะทดสอบระบบลงทะเบียนการใช้บริการระบบ M-Flow ระหว่างวันที่ 24-30 ก.ค. 64 จากนั้นจะเริ่มเปิดให้ผู้ใช้บริการลงทะเบียนในช่วงกลางเดือนส.ค. 64 ก่อนดำเนินการทดสอบเสมือนจริงในเดือนก.ย. 64 คาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงปลายเดือนต.ค. 64

สำหรับแผนการพัฒนาระบบ M-Flow ของ กทพ. ประกอบด้วย ระยะที่ 1 บริเวณทางพิเศษฉลองรัช 3 ด่าน (จตุโชติ, สุขาภิบาล 5-1 และสุขาภิบาล 5-2) นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการคัดเลือกผู้รับจ้าง คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในต้นปี 65 ส่วนระยะที่ 2 บริเวณทางพิเศษฉลองรัช บูรพาวิถี และกาญจนาภิเษก 60 ด่าน อยู่ระหว่างการจัดทำทีโออาร์ คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในต้นปี 66


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top