Thursday, 19 June 2025
NEWS FEED

“วราวุธ” สั่ง กรมควบคุมมลพิษ เร่งสำรวจคุณภาพอากาศ-สารปนเปื้อนในท่อระบายน้ำ ในรัศมี 3-5 กม. รอบจุดเกิดเหตุ พร้อมป้อง ‘บิ๊กตู่’ ไม่ลงพื้นที่ หวั่นสร้างอุปสรรคการทำงานให้จนท. วอน สังคมเห็นใจ

เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุไฟไหม้ บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 87 ซ.กิ่งแก้ว 21 หมู่ที่ 15 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก ว่า ขณะนี้กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำลังดำเนินการตรวจวัดคุณภาพอากาศในรัศมี 3-5 กิโลเมตร โดยได้มีการส่งรถโมบายเคลื่อนที่ลงไปตรวจวัด และยังมีการติดตั้งสถานีย่อยในรัศมีดังกล่าว

เบื้องต้นพบว่าคุณภาพอากาศในรัศมี 1 กิโลเมตร เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ไม่ถึงชีวิต ขณะที่ในระยะ 5 กิโลเมตรถือว่ายังเป็นระยะที่ปลอดภัยอยู่ แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าปลอดภัยถึงขั้นให้ประชาชนเดินทางกลับที่พักอาศัย เพราะยังต้องตรวจสอบเรื่องสารเคมีตกค้าง และสารที่ไหลออกมาจากโรงงานซึ่งมากับน้ำที่เราฉีดเลี้ยงไฟไม่ให้ปะทุที่อาจมีสารเคมีปนเปื้อนออกมาได้ โดยภายในวันนี้ (6 ก.ค.) น่าจะได้ข้อสรุป ขอประชาชนอย่าเพิ่งใจร้อน เจ้าหน้าที่กำลังเร่งทำงานทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ คพ. กำลังระดมเข้าไปตรวจวัดคุณภาพอากาศและน้ำที่อยู่ตามท่อระบายน้ำเพื่อให้ทราบว่ามีสารเคมีตกค้างมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่หน่วยเคลื่อนที่เร็วปฏิบัติการโดยรอบที่เกิดเหตุ เมื่อข้อสรุปแล้ว จะได้เข้าไปทำความเข้าใจกับประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าโรงงานดังกล่าวได้ทำการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า โรงงานดังกล่าวตั้งมา 30 กว่าปีแล้ว ขณะนั้นยังไม่มีกฎหมายอีไอเอ แต่ไม่แน่ใจว่าหลังมีกฎหมายแล้วได้มีการทำอีไอเอเพิ่มเติมหรือไม่ จึงขอไปหาข้อมูล ประกอบกับไปดูกฎหมายผังเมือง โดยประสานกับกระทรวงมหาดไทยก่อน ซึ่งทราบมาว่าพื้นที่ที่ตั้งของโรงงานอยู่ในพื้นที่สีแดงที่มีจุดประสงค์หลักเพื่อการพาณิชย์ หลายคนสงสัยว่าทำไมโรงงานไปตั้งในชุมชน จึงต้องมาตรวจสอบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์หรือโซนที่อยู่อาศัย เพราะการที่มีโรงงานกับบ้านพักติดกันเป็นไปได้ใน 2 กรณี คือ โรงงานตั้งก่อนชุมชน หรือที่ชุมชนกระจายไปจนติดโรงงาน คงต้องดูผังเมือง

เมื่อถามว่า โซเชียลมีเดียวิจารณ์อย่างมากว่านายกรัฐมนตรี รองนายกฯ และคนในรัฐบาล เหตุใดจึงไม่รุดลงพื้นที่ นายวราวุธ กล่าวว่า นายกฯ และรองนายกฯ ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง แต่ต้องเรียนตรง ๆ ว่า หากนายกฯ หรือรองนายกฯ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของทุกหน่วยงานลงไปในพื้นที่แล้ว โดยธรรมชาติคนไทย เจ้าหน้าที่ทุกคนก็ต้องแห่มาต้อนรับ โดยนายกฯ ทราบดีว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้น ยิ่งจะทำให้วุ่นวายไปอีก จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมถึงไม่ไป เพราะเราไม่รู้ว่าสถานการณ์ ณ ที่เกิดเหตุเป็นอย่างไร

ตนเห็นว่าการที่นายกฯ ไม่ไปนั้นถูกต้องแล้ว เพราะการบัญชาการที่ศูนย์บัญชาการเพื่อทำหน้าที่สั่งการและประสานจะมีประสิทธิภาพมากกว่า และยังเป็นการเปิดพื้นที่ให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานเต็มที่ เหมือนเมื่อครั้งเหตุการณ์ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ที่นายกฯ ยังไม่ไปทันที เพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดความวุ่นวายและสร้างอุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่ จึงขอความเห็นใจจากสังคมด้วย


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

มท.1 สั่งเร่งช่วยเหลือ ปชช.ในเหตุเพลิงไหม้โรงงานสมุทรปราการ เน้นย้ำดูแลปชช. ความปลอดภัยเจ้าหน้าที่เป็นสำคัญ

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติกใน ซ.กิ่งแก้ว 21 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ขณะนี้ได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ เพื่อประสานการสนับสนุนร่วมกับกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจ.สมุทรปราการ โดยระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ พร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย รวมทั้งส่งเฮลิคอปเตอร์ KA-32 จำนวน 2 ลำ สนับสนุนการดับเพลิงฯ ซึ่งในขณะนี้ยังคงอยู่ในพื้นที่และปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงาน และอาสาสมัครที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ได้เน้นย้ำให้จังหวัดบูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนจิตอาสา ดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นระบบ พร้อมจัดให้มีสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพ ที่พักอาศัยประกอบอาหารเลี้ยงประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ และให้ความสำคัญมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด 

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า จ.สมุทรปราการได้ตั้งจุดอพยพ 8 จุด ได้แก่

1.) อบต.บางพลีใหญ่

2.) วัดบางพลีใหญ่กลาง

3.) โรงเรียนคลองบางกระบือ

4.โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์

5.) ศาลพ่อหลวง 6.วัดบางโฉลงใน

7.) วัดบางโฉลงนอก

และ 8.) วัดบางพลีใหญ่ใน

นอกจากนี้ได้กำชับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและอาสาสมัครให้ระมัดระวังตนเองในการปฏิบัติงาน และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วง ดูแลประชาชนให้กลับสู่ภาวะปกติเร็ว ทั้งนี้ พี่น้องประชาชนสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลผ่านสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

ผู้ว่าฯ สมุทรปราการแถลงข่าวความคืบน้าเหตุเพลิงไหม้บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด

นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย พล.ต.ต. ชุมพล พุ่มพวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พล.ต. เพชรพนม โพธิ์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบัญชาการกองทัพไทยส่วนหน้า และนายปภินวิช ละอองแก้ว หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมแถลงข่าว

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการแถลงว่า ทุกหน่วยงานเข้าควบคุมสถานการณ์ โดยระดมสรรพกำลังและอุปกรณ์เข้าระงับเหตุได้แก่ รถดับเพลิง เฮลิคอปเตอร์ ฯลฯ เนื่องจากโรงงานดังกล่าวเป็นโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก มีสารอันตราย ประกอบด้วย สารสไตรีนโมโนเมอร์ ประมาณ 1,600 ตัน เป็นสารระเหย หากหายใจเข้าไปจะมีอาการระคายจมูกและคอ ปวดศีรษะ มึนงง ถ้าได้รับสารปริมาณสูงอาจชักและเสียชีวิตได้ สารเพนเทน ประมาณ 60 - 70 ตัน เป็นของเหลวไวไฟสูง อาจทำให้ง่วงซึม หรือมึนงง ขณะนี้ยังมีการลุกไหม้อยู่ต่อเนื่อง ขณะนี้ใช้ยานยนต์ดับเพลิงควบคุมระยะไกล (LUF60) และโฟมผสมน้ำเข้าระงับเหตุการณ์ดังกล่าว

ผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต

มีผู้เสียชีวิต 1 ราย (นายกรสิทธิ์ ลาวพันธ์ อายุ 18 ปี อาสาสมัครฯ หน่วยสมเด็จเจ้าพระยา) และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 33 ราย

การช่วยเหลือประชาชน จัดตั้งศูนย์อพยพ จำนวน 8 จุด ดังนี้
จุดที่ 1 องค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ (อาคารหลังเก่า) มีผู้อพยพ จำนวน 160 คน
จุดที่ 2 วัดบางพลีใหญ่กลาง มีผู้อพยพ จำนวน 250 คน
จุดที่ 3 โรงเรียนบางกระบือ มีผู้อพยพจำนวน 122 คน
จุดที่ 4 โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์ มีผู้อพยพจำนวน 345 คน
จุดที่ 5 ศาลพ่อหลวง มีผู้อพยพจำนวน 35 คน
จุดที่ 6 วัดบางโฉลงใน มีผู้อพยพจำนวน 140 คน
จุดที่ 7 วันบางโฉลงนอก มีผู้อพยพจำนวน 340 คน
จุดที่ 8 วัดบางพลีใหญ่ใน มีผู้อพยพจำนวน 500 คน
รวมผู้อพยพ จำนวน 1,892 คน

เรื่องที่พัก อาหาร
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ให้ความช่วยเหลือด้านอาหาร สถานที่พัก
- การช่วยเหลือแรงงานต่างด้าว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ดูแลด้านอาหาร ที่พัก ในเบื้องต้น
- การแยกผู้ป่วยโควิด
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ควบคุมประชาชนเข้าศูนย์อพยพ โดยมีการ
คัดกรองโควิด - 19

การติดตามสถานการณ์ สอบถามข้อมูล สามารถติดตามญาติ ได้ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่

นายกฯ โทรฯ กำชับ ผวจ. สมุทปราการระงับเหตุบึ้ม รง.สารเคมี ช่วยประชาชนเต็มที่ สั่ง ระดม ทุกหน่วยช่วยเร่งด่วน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์การระเบิดภายในโรงงานของ บริษัท หมิงตี้ เคมิคอล จำกัด ในซอยกิ่งแก้ว 21 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ที่ยังคงน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะการปฎิบัติงานบรรเทาภัยของหน่วยงานต่าง ๆ ในการระงับเหตุอย่างต่อเนื่อง ทั้งการป้องกันการะเบิดซ้ำ การดับไฟ การสะกัดควัน การจัดหาสารเคมีและโฟมดับไฟ เนื่องจากเพลิงที่ลุกไหม้ในที่เกิดเหตุ มีต้นทางเป็นถังบรรจุสารเคมีซึ่งสารดังกล่าวไม่สามารถดับได้ด้วยน้ำ จึงมีความจำเป็นต้องใช้โฟมในการดับไฟ 

นายกรัฐมนตรีได้โทรศัพท์สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ประสานนำเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 2 ลำ จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และรถฉีดโฟมขนาดใหญ่ ให้ความช่วยเหลือการดับเพลิงแล้ว รวมทั้งได้สั่งให้ทุกหน่วยงานทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชนช่วยเหลือจัดหาโฟมและสารเคมีดับไฟเพิ่มเติมด้วย รวมถึงการขอทีมที่เชี่ยวชาญการจัดการสารเคมีเข้าร่วมสนับสนุนการระงับเหตุ ซึ่งได้นำเครื่องมือ เช่น Fire Robots และ Gas Detectors ไปยังจุดเกิดเหตุแล้ว

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมจัดส่งกำลังพลจากทุกเหล่าทัพ รวมถึงยานพาหนะ รถดับเพลิง โฟมและสารเคมี ชุดเผชิญเหตุสารเคมี อากาศยานไร้คนขับ รวมทั้งรถพยาบาล พร้อมเจ้าหน้าที่แพทย์สนามและทหารสารวัตร เข้าพื้นที่เสริมการทำงานของจังหวัดสมุทรปราการด้วยแล้ว รวมทั้งสั่งการให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ปฏิบัติการฝนหลวงช่วยบรรเทาฝุ่นควันจากเหตุดังกล่าวด้วยแล้ว โดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีการติดตามสภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง หากเข้าเงื่อนไขการทำฝน จะวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการช่วยเหลือทันที

“นายกรัฐมนตรีเสียใจกับการสูญเสียเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่เสียชีวิตจากการระงับเหตุในครั้งนี้ ขอให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ พร้อมกับให้ภาครัฐจัดการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทุกคนจากทุกหน่วยงานที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ทั้งการระงับเหตุและช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มความสามารถ และ ย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องที่พักและอาหารในจุดอพยพต่าง ๆ รวมทั้งเร่งสำรวจและหาสาเหตุเพลิงไหม้ให้ชัดเจนเมื่อสถานการณ์สงบลงเพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป และการเตรียมการต่างๆเพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติได้โดยเร็ว” นายอนุชา กล่าว

มติป.ป.ช. ตั้ง 9 กรรมการ เป็นองค์คณะไต่สวน คดี 'บอส อยู่วิทยา' สอบผู้ถูกกล่าวหา 15 คน ทั้ง บิ๊กตร.-อัยการ-พงส.

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกป.ป.ช. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการตรวจสอบกรณีอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ที่ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมาได้พิจารณาคดีดังกล่าว โดยเมื่อพิจารณาข้อมูลแล้วเห็นว่าข้อมูลเบื้องต้นนั้นมีมูลที่จะสั่งไต่สวนได้ จึงได้มีมติให้กรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน เป็นองค์คณะไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดจำนวน 15 ราย

ประกอบด้วย พนักงานสอบสวน ข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ทั้งที่เกษียณไปแล้วและที่ยังรับราชการอยู่ พนักงานอัยการ รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ตามกรอบ พ.ร.บ.ป.ป.ช. ในมาตรา 48 ระบุว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะต้องไต่สวนให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี และขยายเวลาได้ 1 ปี ซึ่งตามขั้นตอนหลังจากตั้งองค์คณะไต่สวนแล้ว องค์คณะไต่สวนจะเริ่มดำเนินการไต่สวน หากมีมูลเพียงพอจะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหามีโอกาสชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา จากนั้นองค์ไต่สวนจะสรุปสำนวนเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ให้พิจารณาชี้มูลความผิดต่อไป โดยขณะนี้ยังเป็นเพียงการตั้งองค์คณะไต่สวน อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้กำชับให้เร่งรัดการดำเนินการภายใต้กรอบเวลาที่กำหนด ซึ่งอาจจะใช้ระยะเวลาที่รวดเร็วกว่ากำหนดก็เป็นได้ เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ จึงให้ความสำคัญ จึงให้กรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน มาเป็นองค์คณะไต่สวนด้วยตัวเอง

 

ปปง. ขู่จับเซียนพนันบอลยูโรเจอโทษหนักคุก 10 ปีปรับ 2 แสน

พลตำรวจตรี ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รักษาราชการแทนเลขาธิการ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปปง.ตร.) บังคับใช้กฎหมายในการป้องกันปราบปราม การพนันออนไลน์ โดยเฉพาะในขณะนี้ที่พบว่ามีประชาชนอาจตกเป็นเหยื่อจำนวนมากในช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการกับผู้กระทำความผิดอย่างเข้มข้นโดยสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้แล้วกว่า 100 ราย และได้ส่งเรื่องมาให้สำนักงาน ปปง. สืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินการกับทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดและผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ทั้งหมด

ทั้งนี้สำนักงาน ปปง. ได้เสนอเรื่องต่อคณะกรรมการธุรกรรม และคณะกรรมการธุรกรรมมีให้สำนักงาน ปปง. ดำเนินการกับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของผู้กระทำความผิดซึ่งมีพฤติการณ์กระทำความผิดเกี่ยวกับการพนันตามกฎหมายว่าด้วยการพนัน เฉพาะความผิดเกี่ยวกับการเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยมีวงเงินในการกระทำความผิดรวมกันมีมูลค่าตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป หรือเป็นการจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (9) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 บางส่วนแล้ว และอยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้กระทำความผิดและผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์อีกหลายราย 

ดังนั้น สำนักงาน ปปง. จึงขอเตือนประชาชน ไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนันออนไลน์โดยเด็ดขาด เพราะนอกจากจะต้องถูกดำเนินคดีอาญาแล้ว อาจะต้องถูกยึดอายัดทรัพย์สินอย่างจริงจัง โดยความผิดฐานฟอกเงินนั้น มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี หรือปรับ ตั้งแต่ 20,000 ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการตัดวงจรอาชญากรรมและตัดเส้นทางการเงินของผู้กระทำความผิด สำนักงาน ปปง. จะเน้นการสืบสวนขยายผลเพื่อยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีดังกล่าว รวมทั้งคดีอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง ให้เกิดความเข้มข้นและเกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผลในการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนต่อไป 

‘นายกฯ’ กักตัว 14 วัน ตามมาตรการด้านสาธารณสุข หลังประธานสภาหอการค้าสุรินทร์ ติดโควิด-19 โฆษกฯ ย้ำ นายกฯ สวอปแล้วผลเป็นลบ ยังคงทำงานปกติในพื้นที่ตนเอง

วันที่ 5 ก.ค. 64 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีความกังวลและห่วงใย กรณีที่เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2564 นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้เดินทางไปจังหวัดภูเก็ต เพื่อเปิด Phuket Sandbox และสร้างขวัญกำลังใจแก่ประชาชนและผู้ประกอบการ แต่ภายหลังทราบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เข้าร่วมงานดังกล่าวด้วย

"นายกรัฐมนตรีจึงจะใช้เวลาช่วงนี้ ปฏิบัติหน้าที่ ด้วยการติดตามและการบริหารราชการภายในพื้นที่ของตนเอง เพื่อคลายความวิตกกังวลของภาคส่วนและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่า นายกรัฐมนตรี ยังคงปฏิบัติภารกิจตามปกติ และติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด รวมทั้งไม่มีผลตรวจที่เป็นบวก และที่ผ่านมาก็มีการตรวจโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง และยังคงตรวจเป็นระยะ ๆ ต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้ความมั่นใจกับประชาชนว่า ประเทศยังเดินไปข้างหน้า และสถานการณ์โควิด-19 ยังต้องดูแล และแก้ปัญหาอย่างใกล้ชิด” นายอนุชา กล่าว

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังฝากถึงประชาชน ขอความร่วมมือทุกคนให้ช่วยกันป้องกันโรคโควิด-19 ปฏิบัติตนตามมาตรการสาธารณสุข D-M-H-T-T อย่างเคร่งครัด ถึงแม้ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วก็ตาม ด้วยการหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่ม ใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า หมั่นล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิ และสแกนแอปพลิเคชั่นตามที่พื้นที่กำหนด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายวีรศักดิ์ พิษณุวงศ์ ประธานหอการค้าจังหวัดสุรินทร์ ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่าติดเชื้อโควิด-19 หลังกลับจากร่วมงานภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งในงานดังกล่าวมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว. กลาโหม รวมถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม รวมถึงข้าราชการผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมเปิดงาน ทั้งนี้ได้มีภาพนายวีรศักดิ์ ได้เซลฟี่กับนายกฯ ด้วยนั้น ทำให้วันนี้นายกฯ ต้องทำการ swab เพื่อตรวจหาเชื่อ พร้อมกับต้องกักตัว 14 วันตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข

โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทางออกจากทำเนียบฯ ไปตั้งแต่เวลา 12.10 น. หลังจาก swab ทั้งนี้ มีรายงานว่าในการประชุมครม. วันพรุ่งนี้ นายกฯ จะประชุมผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอร์เร้นซ์กับครม. ที่จะอยู่แต่ละกระทรวงของตัวเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจากนี้ ในวันนี้ที่ทำเนียบรัฐบาล ยังพบแม่บ้านของธนาคารกรุงไทย สาขาทำเนียบรัฐบาลติดเชื้อโควิดอีก 1 คน โดยทางธนาคารกรุงไทย ซึ่งมีสาขาอยู่ในทำเนียบรัฐบาลได้ประกาศปิดทำการ 2 วัน เพื่อทำความสะอาด จากนั้นจะมีการนำเจ้าหน้าที่จากส่วนอื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทนเจ้าหน้าที่ชุดเดิมที่จะต้องกักตัว 14 วัน


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

3 คำพยากรณ์ กับ 4 ขุนพลประจัญบาน ในศึกฟุตบอลยูโร 2020

#เก็บตกยูโร2020 ⚽

โอมมะลึ้กกึ้กกึ๋ย เพี้ยง!! ผ่านมาถึงรอบรองชนะเลิศกันแล้ว สำหรับศึกฟุตบอลยูโร 2020 ขณะนี้ได้ 4 ขุนพลประจัญบานเตรียมลงฟาดฟันกันเพื่อหาคู่ชิงชนะเลิศ คู่แรก อิตาลี vs สเปน และคู่สอง อังกฤษ-เดนมาร์ก 

THE STATES TIMES ขอทำตัวเป็นพ่อหมอพยากรณ์ ทำนายผลที่น่าจะเป็นของทั้งสองคู่ ก่อนอื่น ขออนุญาตตะโกนเรียกใช้งานลูกน้องแป๊บ ‘คริสเตียโน่ ส่งลูกแก้วทำนายชะตา มาให้ข้าที!!’

ทำนายครั้งที่ 1 : มีต่อเวลาแน่นอน โดยเฉพาะคู่ระหว่างอิตาลีกับสเปน เพราะทั้งสองทีมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อเวลา 120 นาทีด้วยกันทั้งคู่ อิตาลีผ่านประสบการณ์มาแล้วตอนเจอออสเตรีย ส่วนสเปนเจอมาทั้งโครเอเชีย และสวิตเซอร์แลนด์ เรียกว่าเตะกันจนขาลาก แถมนี่ยังเป็นรอบรองฯ ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ทั้งสองทีมน่าจะ ‘ซื้อเกมรัดกุม’ จนทำให้ยืดเยื้อต้องต่อเวลาชัวร์!

ทำนายครั้งที่ 2 : อังกฤษจะทำประตูด้วย ‘ลูกโหม่ง’ อย่างแน่นอน รู้อะไรไหม ถึงตอนนี้ทีมอังกฤษทำประตูด้วยลูกโหม่งไปแล้ว 5 ลูก เป็นศีรษะของราฮีม สเตอร์ลิ่ง 1 แฮร์รี่ แม็คไควร์ 1 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 1 และแฮร์รี่ เคน 2 สาเหตุที่มีโอกาสทำประตูด้วยลูกโหม่งได้บ่อย ๆ เนื่องจากนักเตะด้านกราบสองข้างของอังกฤษ อาทิ ลุค ชอว์, คีแรน ทริปเปียร์ หรือแม้แต่ เมสัน เมาท์ และแจ็ค กรีลิช ฟอร์มกำลังร้อนแรงสุด ๆ เรียกว่าเปิดบอลเป็นเข้าหัว จึงเป็นที่มาของการทำนายว่า อังกฤษได้ประตูด้วยลูกโหม่งชัวร์!

ทำนายครั้งที่ 3 : ส่วนทีมที่จะได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศ ลูกแก้วทำนายว่า เป็นสองทีมที่มีสถิติลงเล่นแล้วมีผลชนะมากที่สุดนับตั้งแต่รอบแรกเป็นต้นมา นั่นคือ อิตาลี (ชนะ 5 นัดรวด) และอังกฤษ (ชนะ 4 เสมอ 1) ฟันธง!!


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นายกฯ สั่งด่วน เร่ง ควบคุมสถานการณ์ระเบิดโรงงานเม็ดพลาสติก-พร้อมช่วยเหลือประชาชน-สตช.ตั้งศูนย์อพยพ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการด่วนให้เจ้าหน้าที่เร่งควบคุมสถานการณ์และสืบหาสาเหตุการระเบิดที่โรงงานหมิงตี้ เคมิคอล ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก ซอยกิ่งแก้ว 21 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อเวลา 03.10 ของคืนวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา

นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีขอให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง หลังรับทราบรายงานเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 1 รายเสียชีวิตและมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้เจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมทั้งหน่วยงานท้องถิ่นเร่งเข้าช่วยเหลืออพยพประชาชนและผู้ได้รับความเสียหาย

นายอนุชา กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดตั้งศูนย์อพยพ รองรับประชาชน ณ โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์ องค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ และ วัดสลุด อ.บางพลีใหญ่ โดยขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่รัศมีโดยรอบไม่เกิน 5 กิโลเมตรเร่งอพยพออกจากพื้นที่โดยด่วน หากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต้องการขอความช่วยเหลือ หรือสอบถามข้อมูล สามารถโทรมายังสายด่วน 191 และ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกำชับให้เจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยรวมทั้งหน่วยงานท้องถิ่นเร่งเข้าดูแลประชาชนที่ศูนย์อพยพเพื่อให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นด้วย

ทบ. ยันสนับสนุนทุกภาคส่วนคลี่คลายโควิด พร้อมตั้งกรรมการตรวจสอบหน่วยทหาร ที่ถูกกล่าวถึงไม่ให้ความร่วมมือ

ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงกรณีที่ นายแพทย์ นิธิพัฒน์ เจียรกุล โรงพยาบาลศิริราช ได้โพสต์ถึงการสนับสนุนจากจัดตั้งโรงพยาบาลสนามดูแลผู้ป่วยโควิดว่า มีบางพื้นที่ไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยทหาร ทั้ง ๆ ที่นโยบายของกองทัพบกพร้อมสนับสนุน

รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบก ได้รับทราบข้อห่วงใยและความกังวลใจของนายแพทย์ นิธิพัฒน์ แล้วได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยทันที พร้อมกับให้หน่วยที่เกี่ยวข้องประสานสอบถามข้อมูลไปยัง นายแพทย์ นิธิพัฒน์ โดยตรงแล้ว ในขั้นต้นทราบว่าเป็นหน่วยทหารในพื้นที่ จ.สระบุรี คือศูนย์การทหารม้า   ทั้งนี้ กองทัพบกได้การตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกับหน่วยดังกล่าว ถึงข้อจำกัดหรือเหตุผลความจำเป็นที่ ไม่สามารถให้การสนับสนุนพื้นที่ตามการร้องขอได้  เพราะการปฎิบัติดังกล่าวไม่เป็นไปตามนโยบายของกองทัพบก ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรมในการสนับสนุนทุกภาคส่วนอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์โควิด ทั้งการทุ่มเททรัพยากรที่มี และศักยภาพของ บุคคลากรสายแพทย์ 
      
อีกทั้ง นโยบายของกองทัพบก ไม่ประสงค์ที่จะให้เกิดข้อติดขัดใด ๆ ในการสนับสนุนหน่วยงานอื่น เพราะสถานการณ์โควิดในขณะนี้ ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันด้วยความทุ่มเท เสียสละ เพื่อระงับการแพร่ระบาดและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งนี้ในปัจจุบันกองทัพบกได้จัดตั้ง โรงพยาบาลสนาม สนับสนุนการดูแลผู้ป่วยโควิดของรัฐบาล 14 แห่ง และ โรงพยาบาลสนามของกองทัพบกอีก 37 โรงพยาบาล สามารถรองรับผู้ติดเชื้อได้ 6,108 เตียง

อย่างไรก็ตาม กองทัพบก ขอเป็นกำลังใจให้กับบุคคลากรทางการแพทย์ทุกส่วนที่กำลังร่วมกันดูแลประเทศชาติและประชาชนในวิกฤตโควิดครั้งนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top