Saturday, 9 December 2023
NEWS FEED

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ถึงภาพรวมเหตุการณ์โควิด-19 ในรอบ 1 ปีไว้อย่างน่าสนใจ โดยมีเนื้อหาว่า...

เราวิ่งมาราธอนมาถึงครึ่งทางแล้ว เราน่าจะผ่านจุดสูงสุดและกำลังวิ่งในครึ่งทางหลัง ใน 1 ปีที่ผ่านมาสรุปได้ว่า

1.) โควิด-19 เป็นโรคระบาดที่รุนแรงและกว้างขวางทั่วโลกในรอบ 100 ปีนับจากไข้หวัดใหญ่สเปน

2.) โรคได้ระบาดอย่างกว้างขวางทั่วโลก เป็นการระบาดใหญ่ทั่วโลกพบในทุกประเทศเริ่มจากอู่ฮั่น

3.) ทางตะวันตกระบาดมากกว่าทางตะวันออก ทั้งนี้เพราะทางตะวันออกน่าจะกลัวตายมากกว่าทางตะวันตก มีการปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด

4.) ไม่ว่าจะปิดประเทศหรือไม่เปิดประเทศ เศรษฐกิจตกต่ำกันถ้วนหน้า การเดินทางระหว่างกันและกันลดลง

5.) ความรุนแรงของโรคจะพบในผู้สูงอายุและมีปัจจัยเสี่ยงในเด็กความรุนแรงน้อยกว่าผุ้ใหญ่และผู้สูงอายุ

6.) อัตราตายโดยเฉลี่ยประมาณ 2% หรือน้อยกว่า หลังจากที่ทั่วโรคมีรายงาน 100 ล้านคน เชื่อว่ามีผู้ป่วยอาการน้อยหรือไม่มีอาการตกสำรวจจำนวนมาก มีผู้เสียชีวิต 2.1 ล้านคน

7.) ประมาณหนึ่งในสาม การติดเชื้อเป็นแบบไม่มีอาการจึงยากต่อการควบคุมโรค

8.) วิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ได้มีแนวทางปฏิบัติจนคุ้นเคย ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ กำหนดระยะห่าง

9.) ผลของวิถีชีวิตใหม่ ทำให้โรคระบบทางเดินหายใจลดลงอย่างมาก

10.) เราเริ่มเห็นแสงในการควบคุมหลังจากการพัฒนาวัคซีนและนำไปใช้ได้จริง โดยเริ่มตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมจนปัจจุบัน มีการฉีดวัคซีนแล้วกว่า 60 ล้านโดส

11.) ประเทศอิสราเอลเป็นประเทศที่ฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ต่อจำนวนประชากรมากที่สุด (1 ใน 3 ของประเทศ) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ฉีดวัคซีนไปแล้ว 1 ใน 4 ของประชากรใช้วัคซีนเชื้อตายของจีน Shinopham

12.) ประสิทธิผลการป้องกันโรคในอิสราเอลเริ่มเห็นผล ในผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปีที่ได้รับวัคซีนมีป่วยที่ต้องเข้าโรงพยาบาลน้อยกว่าผู้ไม่ได้รับวัคซีนถึงร้อยละ 60

13.) แสดงว่าวัคซีนลดการป่วยที่รุนแรง อย่างน้อยไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลและลดการเสียชีวิต และเชื่อว่าวัคซีนโควิด-19 ทุกชนิดที่ใช้อยู่ในขณะนี้ก็เช่นเดียวกันสามารถลดความรุนแรงของโรคได้

14.) การลดการระบาดโควิด-19 ได้ ประชากรอย่างน้อยร้อยละ 60 ต้องมีภูมิต้านทานกลุ่ม (Herd Immunity) ภูมิคุ้มกันกลุ่มคิดจากสมการ 1-1/Ro ,Ro คืออำนาจการกระจายโรคที่มีการคำนวณไว้แล้ว อยู่ระหว่าง 2-3 ภูมิคุ้มกันกลุ่มจึงเท่ากับ 1-1/3

15.) เด็กที่อายุน้อยกว่า 18 ปี ขณะนี้ยังไม่ให้วัคซีนเพราะยังไม่มีการศึกษาในเด็กกลุ่มดังกล่าว และการติดโรคในเด็กมีอาการน้อย

16.) สตรีตั้งครรภ์ วัคซีนโควิด-19 เป็นวัคซีนใหม่ยังไม่แนะนำให้ เว้นเสียแต่ถ้ามีการระบาดมากหรือสตรีนั้นมีความเสี่ยงสูง ก็ให้ชั่งน้ำหนักเปรียบเทียบผลได้และผลเสียและให้ข้อมูลให้ผู้รับวัคซีนตัดสินใจ

17.) การให้วัคซีนพร้อมวัคซีนอื่นโดยหลักการน่าจะให้ได้ แต่วัคซีนนี้เป็นวัคซีนใหม่ เมื่อเกิดการแทรกซ้อนจะไม่ทราบว่าเกิดจากวัคซีนอะไร จึงแนะนำให้วัคซีนนี้ห่างจากวัคซีนอื่นอย่างน้อย 14 วัน

18.) วัคซีนโควิด-19 จะให้ 2 ครั้ง ยกเว้นในอนาคตอาจมีวัคซีนให้เพียงครั้งเดียวหรือ 3 ครั้ง ชนิดของวัคซีนที่ให้ควรเป็นวัคซีนยี่ห้อเดียวกันทั้ง 2 เข็ม ไม่ควรสลับยี่ห้อของวัคซีนจนกว่าจะได้มีการศึกษาแล้ว

19.) ถ้าป่วยเป็นโรคโควิด-19 แล้วฉีดวัคซีนได้หรือไม่ ผู้ที่เป็นโควิด-19 แล้วยังมีข้อมูลยังไม่มากพอและพบว่าผู้ที่มีอาการน้อย ภูมิต้านทานต่ำ และตรวจไม่ได้หลัง 6 เดือน ถ้าจะให้วัคซีนจะต้องให้หายป่วยและพ้นการกักตัวแล้ว ส่วนมากหลังหายจากโรคโควิด-19 ใน 3 เดือนแรก โอกาสจะเป็นโรคเป็นแล้วเป็นอีกเกิดขึ้นได้น้อยมาก

การให้วัคซีนในผู้ที่เป็นโรคมาแล้ว ผู้ที่มีอาการน้อยหรือไม่มีอาการ การให้วัคซีนในกลุ่มนี้ไม่ได้มีปัญหาหรือข้อห้าม และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตรวจภูมิต้านทานก่อนฉีดแต่อย่างใด และการให้วัคซีนในผู้ที่เคยเป็นโรคมาแล้วไม่มีอันตรายเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด

20.) เมื่อให้วัคซีนแล้วมีโอกาสติดเชื้อหรือเป็นโรคได้หรือไม่ ตอบได้เลยว่าไม่มีวัคซีนไหนที่ป้องกันได้ 100% เมื่อฉีดวัคซีนแล้วจึงมีโอกาสติดโรคและอาจป่วยได้ หลักฐานปัจจุบันเชื่อว่าวัคซีนทำให้อาการป่วยน้อยลง

21.) ฉีดวัคซีนแล้วคงจะต้องปฏิบัติตนแบบวิถีชีวิตใหม่จนกว่าประชากรส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดมีภูมิต้านทานและไม่มีการระบาดของโรค ดังนั้นจึงยังต้องสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และกำหนดระยะห่างของบุคคลและสังคมต่อไป

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ


ที่มา:

https://www.facebook.com/108692177438990/posts/240196690955204/

บมจ.การบินไทย (THAI) แจ้งว่าศาลล้มละลายกลางได้พิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาการส่งแผนฟื้นฟูกิจการออกไปจนถึงวันที่ 2 มี.ค.64 ซึ่งเป็นการขยายระยะเวลาครั้งสุดท้ายตามที่กฎหมายกำหนด

โดยหลังจากนั้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะจัดประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการ ศาลล้มละลายกลางจะมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนและแต่งตั้งผู้บริหารแผน และบริษัทฯจะดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการและจะแจ้งให้ทราบถึงความคืบหน้าใด ๆ ในการฟื้นฟูกิจการรวมถึงความคืบหน้าอื่นเพิ่มเติมต่อไป

ทั้งนี้ บริษัทได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ และศาลล้มละลายกลาง

อนึ่ง เมื่อวันที่ 25 ม.ค.64 ผู้ทำแผนได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอขยายระยะเวลาการส่งแผนฟื้นฟูกิจการเพิ่มเติมตามมาตรา 90/43 วรรคสอง พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) โดยขอขยายระยะเวลาส่งแผนออกไปอีกเป็นเวลา 1 เดือนนับแต่วันครบกำหนดเดิม

เนื่องจากผู้ทำแผนจำเป็นต้องรวบรวมข้อเสนอแนะและความเห็นของเจ้าหนี้กลุ่มต่าง ๆ ที่มีต่อหลักการของร่างแผนฟื้นฟูกิจการและแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อนำมาพิจารณาปรับปรุงเนื้อหาของร่างแผนฟื้นฟูกิจการในส่วนต่างๆให้สมบูรณ์และครอบคลุม เพื่อให้เจ้าหนี้ทั้งหลายเห็นพ้องในหลักการของแผนฟื้นฟูกิจการ

และเพื่อให้แผนฟื้นฟูกิจการได้รับการเห็นชอบด้วยแผนจากที่ประชุมเจ้าหนี้กลุ่มต่าง ๆ เพื่อรวบรวมความเห็นดังกล่าวประกอบกับแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท ประกอบด้วยส่วนที่เป็นสาระสำคัญหลายรายการ บุคคลที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนจึงจำเป็นต้องพิเคราะห์พิจารณาอย่างถี่ถ้วนซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเพื่อให้ได้มาซึ่งแผนฟื้นฟูกิจการฉบับสมบูรณ์นั้นจำเป็นต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง

ทั้งนี้ ได้มีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัท เมื่อวันที่ 27 พ.ค.63 และศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งให้บริษัทฯ ดำเนินการฟื้นฟูกิจการและตั้งคณะผู้ทำแผนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 2 ต.ค. 63 ซึ่งครบกำหนดระยะเวลา 3 เดือนตามกฎหมายที่ผู้ทำแผนต้องส่งแผนฟื้นฟูกิจการต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ในวันที่ 2 ม.ค.64 ซึ่งผู้ทำแผนได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอขยายระยะเวลาการส่งแผนฟื้นฟูกิจการ โดยศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาการส่งแผนฟื้นฟูกิจการออกไปจนถึงวันที่ 2 ก.พ. 64

กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์ความคืบหน้าผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า ในภาพรวมสถานการณ์โควิดประเทศไทยลดลงอย่างมากในระยะ 1 เดือนที่ผ่านมา จังหวัดส่วนใหญ่ควบคุมการระบาดได้แล้ว ยกเว้น จ.สมุทรสาคร และกรุงเทพฯ

โดยข้อเสนอการปรับพื้นที่ประกาศใช้มาตรการควบคุมแบบบูรณาการ โดยศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินของกระทรวงสาธารณสุข (ศปก.สธ.) ได้สรุปเป็นข้อเสนอดังนี้

ใช้รูปแบบจังหวัดแนวกันชน กับจังหวัดที่มีความเสี่ยงที่จะมีการกระจายโรคไปพื้นที่อื่นๆ แบ่งเป็น 5 ระดับ คือ 1.ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 2.ควบคุมสูงสุด 3.ควบคุม 4.เฝ้าระวังสูงสุด และ 5.เฝ้าระวัง

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า โดยจังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อ จำนวนน้อย และรายอำเภอมีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคภายในและนอกจังหวัดต่างกัน เราให้หลักเกณฑ์จังหวัดอาจพิจารณาให้สีที่สูงกว่าสีของจังหวัดหรือตำกว่าได้ 1 ระดับ เพราะในบางพื้นที่ถ้ามีหลักฐานชัดเจนว่าสถานการณ์แต่ละอำเภอไม่เท่ากัน ภายในจังหวัดอาจจะให้สีที่ต่างไปจากสีของจังหวัดในภาพรวม โดยมีหลักเกณฑ์ดูสถานการณ์การระบาดในจังหวัด จังหวัดที่มีพื้นที่เสี่ยงต่อการลักลอบเดินทางเข้าประเทศก็นำมาพิจารณาด้วยว่าจะให้สีอะไรในจังหวัดนั้น รวมถึงมาตรการเชิงรุกในชุมชนมีสัดส่วนการติดเชื้อมากหรือน้อย ระดับเท่าไหร่น้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ หรือระดับ 1-5 เปอร์เซ็นต์

นพ.เฉวตสรร กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการปิด-เปิด สถานที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ใน จ.สมุทรสาคร สถานที่ให้ปิดและเข้มงวดการควบคุมกำกับ ได้แก่ สถานบริการ สถานประกอบการคล้ายสถานบริการ ผับ บาร์คาราโอเกะ, สนามมวย สถานที่ออกกำลังกายในร่ม ยิม ฟิตเนส ,สนามชนไก่ ชนวัว กัดปลา บ่อน สนามพระเครื่อง, กิจการอาบน้ำ อาบอบนวด สปา นวดแผนไทย ,โรงเรียน โรงเรียนกวดวิชา สถาบันการศึกษา ,สนามเด็กเล่น สวนสนุก เครื่องเล่นเด็ก ตู้เกมส์ ร้านเกมส์ ร้านอินเตอร์เน็ต ,การประชุม งานเลี้ยง กิจกรรมประเพณีที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก การจัดงานแสดงสินค้า และสถานีขนส่งสาธารณะ

ส่วนการเปิดสถานที่ เข้มงวดมาตรการป้องกันโรค ได้แก่ ตลาด ตลาดนัด จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ และกำกับการเว้นระยะห่าง , ร้านอาหารให้ซื้อกลับไปบริโภคที่อื่นเท่านั้น และเปิดไม่เกิน 21.00 น. , ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า จำกัดเวลาเปิดไม่เกิน 21.00 น. , ศูนย์เด็กเล็กและสถานที่พักผู้สูงวัย เฉพาะเข้าพักเป็นการประจำ , สถานประกอบการ โรงงาน พร้อมกำกับมาตรการป้องกันโรคในองค์กร จัดให้มีระบบติดตามตัวของผู้เดินทางเข้าออกทุกคน

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า สำหรับแนวทางการผ่อนคลายมาตรการควบคุมแบบบูรณาการ ในกลุ่มสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ในพื้นที่สีแดงให้ซื้อกลับไปทานที่อื่น พื้นที่ควบคุมนั่งทานอาหารได้แบบเว้นระยะห่างไม่เกิน 23.00 น. จำกัดเวลาจำหน่าย ดื่มสุรา ไม่เกิน 23.00 น. แสดงดนตรีได้งดการเต้นรำ พื้นที่เฝ้าระวังสูงจำกัดเวลาจำหน่าย ดื่มสุราไม่เกิน 24.00 น. ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังเปิดบริการได้ จำกัดเวลาตามที่กฎหมายกำหนด จำหน่าย ดื่มสุราในร้านตามที่กฎหมายกำหนด แสดงดนตรี เต้นรำ เน้นการเว้นระยะห่าง เป็นต้น

นพ.เฉวตสรร กล่าวอีกว่า ในส่วนร้านอาหาร จำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม ให้นั่งรับประทานอาหารได้ จำกัดจำนวนคนต่อโต๊ะ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดจำกัดเวลาไม่เกิน 23.00 น. งดดื่มสุราในร้าน (ซื้อกลับบ้านได้) พื้นที่ควบคุมจำกัดเวลาจำหน่าย ดื่มสุราไม่เกิน 23.00 น. พื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด จำกัดเวลาจำหน่าย ดื่มสุราไม่เกิน 24.00 น. และพื้นที่เฝ้าระวังเปิดบริการได้ จำกัดเวลาตามที่กฎหมายกำหนด จัดระเบียบการเข้าใช้บริการ

ขณะที่ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ทั้งพื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด และพื้นที่เฝ้าระวัง ให้เปิดบริการได้ตามเวลาปกติ ภายใต้มาตรการที่กำหนด งดจัดกิจกรรมที่มีผู้ร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมากในสถานที่ จำกัดจำนวนผู้ร่วมกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก ขณะที่ศูนย์แสดงสินค้าศูนย์ประชุม จัดนิทรรศการ เปิดให้บริการได้ตามเวลาปกติภายใต้มาตรการป้องกันโรคที่กำหนด จำกัดจำนวนผู้ร่วมกิจกรรมตามขนาดพื้นที่ไม่น้อยกว่า 1 ตรม./คน ซึ่งทั้งหมดเป็นฉบับร่างที่จะนำเสนอในการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการในวันศุกร์ที่ 29 ม.ค.นี้

‘รมว.อุตสาหกรรม’ เผยภาพรวมการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ในเดือนธันวาคม 2563 ขยายตัว 6.68% เป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 12 เดือน คาดแนวโน้มเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมไทยค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) จัดทำดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) โดยภาพรวมการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมหักทองคำในเดือนธันวาคม 2563 ขยายตัวร้อยละ 6.68 โดยเป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 12 เดือน

ขณะที่การนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปหักทองคำขยายตัวร้อยละ 13.61 สูงสุดในรอบ 26 เดือน สะท้อนสัญญาณที่ดีต่อแนวโน้มการผลิตในระยะต่อไป

โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนธันวาคม 2563 หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 2.44 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่นานในการควบคุมการระบาด เนื่องจากระบบการสาธารณสุขของไทยมีความสามารถในการป้องกันและควบคุมโรคได้ดี

ประกอบกับประชาชนมีความรู้และมีการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ในเบื้องต้น รวมทั้งผู้ประกอบการก็มีระบบการจัดการแก้ปัญหาจากโควิด-19 รอบแรก จึงส่งผลให้เศรษฐกิจอุตสาหกรรมชะลอตัวลงเพียงเล็กน้อย

โดยสินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงขยายตัวตามอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง อาทิ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์ ถุงมือยาง เภสัชภัณฑ์ และอุตสาหกรรมอาหาร เป็นต้น

ประกอบกับในเดือนกุมภาพันธ์ประเทศไทยจะได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในล็อตแรก และต่างประเทศเริ่มมีการฉีดวัคซีนเช่นเดียวกัน จะสร้างความเชื่อมั่นทั้งในการผลิตและการบริโภคตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น นายสุริยะ กล่าว

นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมไทยค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากอุตสาหกรรมหลักที่สำคัญ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ขยายตัวเป็นเดือนที่ 2 หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และอยู่ในหลักแสนคันเป็นเดือนแรก

เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศเริ่มฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งมีการออกรถยนต์รุ่นใหม่และการส่งเสริมการขายในงานมหกรรมยานยนต์เมื่อวันที่ 1 - 13 ธันวาคม 2563 โดยมียอดจองรถยนต์กว่า 33,000 คัน และการผลิตเป็นไปตามเป้าของปี 2563 จำนวน 1.4 ล้านคัน ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์มีคำสั่งซื้อเพิ่มตาม

นอกจากนี้อุตสาหกรรมที่มีความเกี่ยวข้องกับการป้องกันโควิด-19 ยังขยายตัวตามอุปสงค์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) ในเดือนธันวาคมขยายตัวร้อยละ 13.61 ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงที่สุดในรอบ 26 เดือน สะท้อนถึงสัญญาณที่ดีต่อแนวโน้มการผลิตในระยะต่อไป

นายทองชัย กล่าวต่อว่า นโยบายของภาครัฐสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี อาทิ โครงการคนละครึ่ง ช้อปดีมีคืน และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อีกทั้งในเดือนกุมภาพันธ์รัฐบาลได้อนุมัติโครงการเราชนะ จะส่งผลให้การบริโภคของภาคครัวเรือนและการผลิตของผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs ดีขึ้น ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง และเมื่อประเทศไทยเริ่มมีการฉีดวัคซีนได้ผลและมีประสิทธิภาพ คาดว่าการส่งออกรวมถึงการท่องเที่ยวที่เป็นกลจักรสำคัญของประเทศกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ

โดยอุตสาหกรรมหลักที่ยังคงขยายตัวดีในเดือนธันวาคม 2563 ได้แก่ ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 12.03 เนื่องจากตามความต้องการในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์

ชิ้นส่วนอุปกรณ์โทรคมนาคมและคอมพิวเตอร์ รถยนต์ และเครื่องยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.49 จากรถบรรทุกปิคอัพ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก และเครื่องยนต์ดีเซล จากตลาดในประเทศที่ปรับตัวได้ดีขึ้นจากการจัดงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2020 ช่วงต้นเดือนธันวาคม ผู้ผลิตออกรถยนต์รุ่นใหม่และจัดแคมเปญพิเศษทำให้มีคำสั่งซื้อและส่งมอบเพิ่มขึ้น เกษตรกรมีกำลังซื้อจากสินค้าเกษตรปรับตัวสูง รวมทั้งการขยายตัวของธุรกิจขนส่งจากการเติบโตของตลาดออนไลน์

ยางรถยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 16.80 จากยางนอกรถยนต์นั่ง ยางนอกรถกระบะ และยางนอกรถบรรทุกรถโดยสาร เนื่องจากผู้ผลิตบางรายได้รับคำสั่งผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากไทยมีต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่าประเทศอื่น การขยายสาขาศูนย์ยางรถยนต์ใหม่และอานิสงค์จากงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2020 ทำให้ได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น

เฟอร์นิเจอร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 17.50 จากเครื่องเรือนทำด้วยไม้ เป็นหลัก เป็นคำสั่งซื้อพิเศษจากอเมริกาเพื่อจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า

เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.30 จากเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี เหล็กแผ่นเคลือบโครเมี่ยม เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก เหล็กลวดและลวดเหล็ก เป็นหลัก ตามความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น ยานยนต์ อาหารกระป๋อง เครื่องใช้ไฟฟ้า

28 มกราคม พ.ศ. 2529 ย้อนรำลึก เหตุการณ์สำคัญ เมื่อ ‘ยานชาเลนเจอร์’ ขององค์การนาซ่า สหรัฐอเมริกา เกิดระเบิด หลังขึ้นสู่ฟ้าเพียงนาทีเศษ ส่งผลให้นักบินอวกาศทั้งหมดเสียชีวิต นับเป็นอุบัติเหตุครั้งสำคัญของหน่วยงานอวกาศของประเทศสหรัฐอเมริกา

อาจมีหลายเหตุการณ์สำคัญบนโลกนี้ที่เคยเกิดขึ้นมา แล้วเวลาก็ทำให้หลายคนลืมเลือนมันไป แต่สำหรับเหตุการณ์นี้ เชื่อว่า ยังคงอยู่ในความทรงจำของผู้คนมากมาย วันนี้เมื่อ 35 ปีก่อน เกิดเหตุการณ์ช็อคโลก เมื่อกระสวยอวกาศนามว่า ‘ชาเลนเจอร์’ เกิดระเบิดขึ้นบนท้องฟ้า หลังจากที่เพิ่งถูกปลอยขึ้นไปได้ไม่นาน

ย้อนกลับไปยังที่มาของ ‘ยานชาเลนเจอร์’ เป็นกระสวยอวกาศขององค์การนาซ่า สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีภารกิจหลักในการขึ้นไปสำรวจอวกาศ โดยก่อนหน้าจะเกิดอุบัติเหตุครั้งสำคัญ ยานชาเลนเจอร์เคยถูกนำขึ้นบินไปในอวกาศมาแล้ว 9 ครั้ง กระทั่งในครั้งที่ 10 หลังจากที่มันถูกปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้า ท่ามกลางผู้คนหลายล้านคนที่มีโอกาสได้ชมผ่านหน้าจอโทรทัศน์ เพียง 73 วินาทีเท่านั้น ยานทั้งลำก็เกิดระเบิดขึ้นอย่างไม่มีใครคาดคิด

ผลจากอุบัติเหตุ ทำให้นักบินอวกาศเสียชีวิตไป 7 คน หนึ่งในนั้นคือ คริสตินา แมคคอลิฟ อดีตครูประถมที่ฝันว่าสักวันเธอจะได้มาเป็นนักบินอวกาศ แม้เธอจะมาถึยังงฝั่งฝันจริง แต่น่าเสียดายที่ต้องมาจบชีวิตลงอย่างกระทันหัน

ภายหลังมีผลของอุบัติเหตุออกมา ต้นตอเกิดจากชิ้นยางวงแหวนที่ใช้ปิดกั้นแก๊สระหว่างรอยต่อในจรวด ขาดประสิทธิภาพในการยืดหยุ่น เนื่องจากสภาพอากาศที่เย็น จึงส่งผลให้เกิดแก๊สรั่วออกมากระทบกับถังเชื้อเพลิงที่ติดคั่นไว้ระหว่างจรวดขับดันทั้งสองข้าง ในที่สุดจึงเกิดการระเบิดฉีกตัวยานและจรวดออกเป็นชิ้นๆ

โศกนาฏกรรมยานชาเลนเจอร์ นับเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงที่สุดที่เกิดกับโครงการขนส่งอวกาศของสหรัฐฯ และทำให้สหรัฐฯ หยุดโครงการขนส่งอวกาศไปนานเกือบ 3 ปี ถึงแม้วันนี้เหตุการณ์จะผ่านมาแล้วกว่า 35 ปี แต่ความสูญเสียในหนนั้น ก็ยังอยู่ในความทรงจำของผู้คนตลอดมา

'บิ๊กตู่' ยันคนไทยได้ฉีดวัคซีนโควิดฟรี ล็อตแรก 50,000 โดส พร้อมฉีดให้บุคลากรสาธารณสุข - เจ้าหน้าที่ด่านหน้าพื้นที่เสี่ยง 14 ก.พ.นี้ จากนั้นจะทยอยฉีดให้คนไทยระยะแรกตามกลุ่มเป้าหมาย 19 ล้านคน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ออกรายการผ่านแอพพลิเคชั่นพอดแคสต์ไทยคู่ฟ้า ถึงความคืบหน้าการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ว่า เรื่องวัคซีนตนคิดว่าหลายคนเป็นห่วงและมีความกังวล และมีคำถามมาว่าจะฉีดเมื่อไหร่ ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลยืนยันว่าคนไทยทุกคนที่ต้องการฉีดจะได้รับการฉีดฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ยกเว้นเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปีและสตรีมีครรภ์ ทั้งนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องคุณภาพของวัคซีน เพราะเรายังคงคำนึงเรื่องความปลอดภัยสูงสุดของประชาชน ซึ่งวัคซีนที่เข้ามาจะต้องผ่านการรับรองขององค์การอาหารและยา (อย.)

โดยระยะแรกรัฐบาลได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายไว้ประมาณ 19 ล้านคน ที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า 1.7 ล้านคน, ผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่นโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจ โรคไตเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน 6.1 ล้านคน, ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 11 ล้านคน และเจ้าหน้าที่ควบคุมโควิดและมีโอกาสสัมผัสกับผู้ป่วย

วัคซีนล็อตแรก 5 หมื่นโดสก็จะเข้ามาในเร็วๆ นี้โดยจะฉีดให้กับบุคลากรสาธารณสุข ตำรวจทหาร เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงก่อนเป็นลำดับแรกเพื่อให้เกิดความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน ตั้งแต่ 14 ก.พ. 2564 นี้ เป็นต้นไป ส่วนระยะที่ 2 จะเริ่มประมาณเดือน พ.ค. 2564 ขึ้นอยู่กับวัคซีนจะทยอยเข้ามาได้มากน้อยเพียงใด

โดยในส่วนนี้จะครอบคลุมประชาชนในกลุ่มที่มีความเสี่ยงลำดับถัดไป โดยกลุ่มเป้าหมายอาจมีการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์การแพร่ระบาดและประสิทธิภาพของวัคซีน รวมทั้งจำนวนวัคซีนที่หาได้ โดยขอย้ำว่ารัฐบาลจะดำเนินการทุกอย่างให้ดีที่สุดและต่อไปประเทศไทยก็จะเป็นฐานผลิตวัคซีนของอาเซียน โดยจะดำเนินการตามแผนจะรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากต่างประเทศตามที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ ซึ่งคาดว่าน่าจะเพียงพอกับความต้องการของคนไทยทั้งประเทศทั้งนี้ต้องการให้ฉีด มากเพียงพอที่จะสร้างภูมิคุ้มกันร่วมในประเทศไทย

“วันนี้เราต้องอดทนไปสักระยะหนึ่ง ตนก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถานการณ์โควิด-19 จะดีขึ้นในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ในระหว่างนี้เราจะต้องระมัดระวัง อดทนอดกลั้น ปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาลที่ออกไป ถ้าเราไม่ร่วมมือในวันนี้ เราโทษกันไปกันมา ก็ไม่เกิดการแก้ปัญหาอย่างครบวงจร และขอโทษหากไม่ทันใจ แต่ตนก็พยายามเร่งรัดที่สุดแล้ว ในทุกๆมิติและทุกเรื่อง วันนี้ขอให้ทุกคนมีความสุขปลอดภัยในช่วงนี้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ม็อบชาวนากลุ่มใหญ่ จัดขบวนแห่รถแทร็กเตอร์กว่า 50,000 คัน ออกมาแย่งซีนงานวันชาติอินเดีย ประท้วงกฎหมายปฏิรูปเกษตร ยืนยันปักหลักประท้วงจนกว่ารัฐบาลจะทำตามข้อเรียกร้อง พร้อมอยู่ยาวได้เป็นปี ไม่ได้ ไม่กลับบ้าน!

เมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมาเป็นวันชาติของอินเดีย ที่จะมีพิธีฉลอง และขบวนแห่สวนสนามของกองทัพอินเดียอย่างยิ่งใหญ่ ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของงาน เพื่อเป็นการฉลองวันคล้ายวันสถาปนาสาธารณรัฐอินเดียอย่างเป็นทางการในปี 1950 และจัดต่อเนื่องมาทุกปี

แต่เนื่องจากปีนี้ อินเดียยังติดสถานการณ์ Covid-19 จึงทำให้ต้องจัดพิธีฉลองอย่างรวบรัด แต่นอกเหนือจากเหตุผลด้านโรคระบาดแล้ว ยังมีม็อบชาวนากลุ่มใหญ่ ที่จัดขบวนแห่รถแทร็กเตอร์กว่า 50,000 คันออกมาแย่งซีนงานของรัฐบาล และเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในบางจุดด้วย ทำให้มีผู้ประท้วงเสียชีวิต 1 ราย โดยทางการอินเดียแถลงว่าเกิดจากอุบัติเหตุรถแทร็กเตอร์คว่ำ แต่กลุ่มผู้ประท้วงกลับยืนยันว่าผู้เสียชีวิตถูกยิง

การประท้วงของม็อบชาวนาในกรุงนิวเดลี เริ่มต้นมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2020 ยังคงตึงเครียด และถือเป็นการประท้วงครั้งใหญ่และยาวนานที่สุดครั้งหนึ่งของอินเดีย

ชนวนสาเหตุที่ทำให้เกิดการประท้วงใหญ่ ที่มีผู้ประท้วงมาปักหลักยึดถนนไฮเวย์สายหลักในกรุงนิวเดลีมากกว่าแสนคน เกิดจากร่างกฎหมายปฏิรูปการเกษตรใหม่ถึง 3 ฉบับของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดิ เพิ่งดันผ่านสภาเมื่อเดือนกันยายน 2020 ที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีเสียงคัดค้านอย่างรุนแรงจากฝ่ายค้านในสภา และจากเกษตรกรอินเดียจำนวนมากทั่วประเทศ

ก่อนที่จะมีร่างกฎหมายปฏิรูปการเกษตรฉบับใหม่นี้ รัฐบาลอินเดียได้จัดระบบการซื้อขายสินค้าเกษตรในตลาดกลาง ที่เรียกว่า Mandi โดยรัฐบาลอินเดียจะเป็นผู้ควบคุมการซื้อขาย มีการประกันราคาผลผลิตขั้นต่ำให้ และบริหารโกดังเก็บผลผลิตเอง ซึ่งเป็นระบบตลาดภาคอุตสาหกรรมการเกษตรที่อินเดียใช้มานานตั้งแต่ปี 1960

แต่ร่างกฎหมายปฏิรูปการเกษตรฉบับใหม่นี้ จะให้อิสระแก่เกษตรกร และผู้บริโภคติดต่อกันได้เองโดยตรง จะขายผลผลิตตรงให้กับซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ได้ ขายเองทางออนไลน์ก็ได้ ราคาแล้วแต่จะตกลง ไม่จำเป็นต้องอ้างอิงราคากลางในระบบตลาด Mandi อีกต่อไป

ฟังดูแล้วเหมือนจะดี แต่ชาวนาอินเดียกลับมองว่าร่างกฏหมายใหม่จะเข้ามาฆ่าระบบการซื้อขายในตลาด Mandi และเป็นการผลักภาระของรัฐบาลอินเดียไม่ต้องเข้ามาประกันราคาพืชผลให้กับเกษตรกรอีกแล้ว ปล่อยให้ระบบการค้าเสรีเข้ามาทำหน้าที่แทน

นอกจากเปิดระบบการค้าเสรีสินค้าเกษตรทั่วประเทศแล้ว ร่างกฏหมายนี้ยังยกเลิกข้อกำหนดในการสต็อคสินค้าเกษตร นั่นคือใครมีโกดังใหญ่ ทุนหนา จะสต็อคสินค้าเท่าไหร่ก็ได้ และยังสนับสนุนให้นายทุนเข้ามาพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา ที่จะบีบให้เกษตรกรอินเดียไม่มีทางเลือก นอกจากปลูกพืชตามใบสั่งของบริษัทใหญ่ และไม่มีระบบประกันราคาที่จะเป็นข้อต่อรองให้กับเกษตรกรในการขายผลผลิตในราคาที่สูงขึ้นได้

และก็เป็นดั่งที่หลายฝ่ายกังวล เพราะตั้งแต่รัฐบาลออกร่างกฏหมายฉบับใหม่มา ราคาผลผลิตการเกษตรก็ตกต่ำลง ที่เป็นผลจากนายทุนเข้าไปกดราคาแลกกับการกว้านซื้อสินค้าล็อตใหญ่ ซึ่งผู้ที่เดือนร้อนก็คือเกษตรกรรายย่อย ที่มีมากถึง 60% ของประชากรทั้งประเทศนั่นเอง

ดังนั้นเกษตรกรชาวอินเดียนับแสน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากรัฐปันจาบ และ รัฐหรยาณา ที่นอกจากจะเป็นรัฐของชาวซิกข์แล้ว ยังเป็นรัฐที่มีภาคการเกษตร และระบบตลาด Mandi ที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย เดินทางเข้ากรุงนิวเดลี และยึดเอาถนนไฮเวย์สายหลักถึง 5 เส้นทาง ประท้วงให้รัฐบาลอินเดียยกเลิกร่างกฎหมายใหม่ทั้ง 3 ฉบับทันที ซึ่งการประท้วงปิดถนนเริ่มต้นมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2020 จนถึงวันนี้ แถมมีการขนเต้นท์ ที่พัก โรงครัว เผื่อไว้แล้วในกรณีที่จำเป็นต้องอยู่ยาว

โดยชาวนาที่มาประท้วงยืนยันว่าจะปักหลักประท้วงจนกว่ารัฐบาลจะทำตามข้อเรียกร้องของพวกเขา และพร้อมอยู่ยาวได้เป็นปี ไม่ได้ ไม่กลับบ้าน

และก็เป็นที่มาของขบวนแห่รถแทร็กเตอร์ประท้วงรัฐบาลเต็มท้องถนนในกรุงเดลีหลายหมื่นคันในวันชาติ ที่ขนาดรถถังยังต้องถอย และทำให้การประท้วงของชาวอินเดียเป็นที่จับตามองมากจากต่างประเทศมากยิ่งขึ้น เนื่องจากผู้ประท้วงส่วนมากเป็นกลุ่มชาวซิกข์ที่มีประชากรมากกว่า 20 ล้านคนในอินเดีย และมีชุมชนที่เข้มแข็งมากในต่างแดน โดยเฉพาะในแคนาดา สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ที่เริ่มออกมาร่วมแสดงจุดยืนประท้วงรัฐบาลอินเดียในร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้แล้วเช่นกัน

และกลายเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่สั่นคลอนรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ที่มีจุดยืนในแนวคิดชาตินิยมฮินดู และได้ออกร่างกฎหมายใหม่หลายฉบับที่กลายเป็นประเด็นมากมายในอินเดีย เช่น ร่างกฎหมายพลเมืองใหม่ ที่กีดกันกลุ่มชาวมุสลิมไม่ให้ถือสัญชาติอินเดีย จนเกิดการประท้วงใหญ่ในรัฐอุตรประเทศ และอีกหลายเมืองทั่วประเทศมาแล้ว


อ้างอิง

https://www.france24.com/en/asia-pacific/20210126-with-flags-on-india-s-red-fort-farmers-challenge-modi-and-protest-movement-unity

https://scroll.in/latest/983414/farmer-protests-thousands-hold-tractor-rally-call-it-rehearsal-ahead-of-january-26

https://www.bbc.com/news/world-asia-india-54233080

https://indianexpress.com/article/explained/government-farmer-talks-deadlock-explained-7106698/

https://www.reuters.com/article/india-farms-protests-diaspora/sikh-diaspora-drums-up-global-support-for-farmers-protest-in-india-idINKBN28S0Y6?edition-redirect=uk

กองปราบปราม เข้าชี้แจง คณะกรรมาธิการกฎหมายฯ ระบุเตรียมแจ้งข้อหา ‘น้องชาย - แม่ ธนาธร’ ปมสินบนฮุบที่สำนักทรัพย์สินฯ โดยไม่ผ่านการประมูล พร้อมพิจารณาตั้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมด้วย

คณะกรรมาธิการ (กมธ.) กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน เชิญผู้แทนจากกองบังคับการปราบปราม เข้าชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด น้องชาย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กรณีเป็นผู้สั่งจ่ายเช็ก ให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อต้องการเช่าที่ดินโดยไม่ผ่านการการประมูลตามกระบวนการ จนนำมาสู่การดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทรัพย์สินฯในฐานะผู้รับเงิน

หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมากมธ.ได้เชิญอัยการเข้าชี้แจง และอัยการให้เหตุผลการไม่ฟ้องนายสกุลธร เนื่องจากพนักงานสอบสวนแยกสำนวนออกมาดำเนินคดีเป็นอีกกรณี ซึ่งการชี้แจงในวันนี้ (27 ม.ค.) กองบังคับการปราบปราม โดย พ.ต.อ.ณัฐวัฒน์ เกศะรักษ์ รองผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.สัณห์เพชร หนูทอง ผู้กำกับการสอบสวน และพ.ต.ท.หญิง บุญทิวา ลิ้มศิริลักษณ์ สารวัตรสอบสวน เข้าชี้แจง

พ.ต.อ.สัณห์เพชร ชี้แจงเหตุผลที่ต้องแยกสำนวนคดีนายสกุลธร ออกจากคดีของเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินฯที่กระทำความผิด

ในฐานะผู้รับเรื่องจากกรณีของนายสกุลธร เป็นกรณีในฐานะผู้ให้ที่เป็นคนละข้อกล่าวหา หากรวมสำนวนเดียวกันจะกลายเป็นการซัดทอดผู้ต้องหาทำให้คดีไม่มีน้ำหนักจากคำซัดทอด จำเป็นต้องแยกระหว่างคดีผู้ให้กับผู้รับตามเทคนิคของการทำสำนวน

พร้อมยอมรับว่าเหตุผลที่คดีล่าช้า เนื่องจากไม่มีความชัดเจนว่าคดีนี้เป็นอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือของกองบังคับการปราบปราม แต่เมื่อ ป.ป.ช.วินิจฉัยแล้วว่าเป็นอำนาจของกองบังคับการปราบปราม ทางกองปราบฯก็ได้เรียกผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องในคดีนี้มาให้ปากคำ

ยืนยันว่าคดีนี้ทางกองปราบฯ ได้เตรียมออกหมายเรียกนายสกุลธร ให้มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว อยู่ระหว่างพิจารณาตั้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ตามมาตรา 144 ของประมวลกฎหมายอาญาฐาน ผู้ใดให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์ อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เนื่องจากเป็นคนเดียวที่เซ็นชื่อในเช็คจ่ายเงิน แต่ในการแจ้งข้อหาต้องแจ้งในฐานะนิติบุคคลด้วย ทำให้จะต้องแจ้งข้อหาเพิ่มกับนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ

ขณะที่ กมธ.ได้ซักถามถึงประเด็นที่นายสกุลธร อ้างว่าถูกหลอก และเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ ทางพ.ต.อ.สัณห์เพชร ชี้แจงว่ากรณีนี้มีข้อเท็จจริงจากเงินก้อนสุดท้าย จำนวน 10 ล้านบาท ที่จะจ่ายกันหากมีการประชุมโครงการ

แต่เมื่อการประชุมโครงการไม่เกิดขึ้นจริง นายสกุลธรจึงต้องการยกเลิกสัญญากับเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินฯให้คืนเงิน และเมื่อมีการคืนเงินแล้วนายสกุลธรก็ไม่ได้ดำเนินคดี ฐานฉ้อโกงกับเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวแต่อย่างใด

ด้าน พ.ต.อ.ณัฐวัฒน์ ชี้แจงว่า การแจ้งข้อกล่าวครั้งนี้ แม้นายสกุลธรจะอ้างว่าถูกหลอก แต่ในฐานะนักธุรกิจควรทราบขั้นตอนการขอเช่าที่ดิน

สคบ. จับมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือมาตรการกำกับดูแลการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยเฉพาะการผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากถั่งเช่า หากพบว่ามีการกระทำที่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค ให้ลงโทษในอัตราโทษสูงสุด

นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.)

สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกรมการค้าภายใน มาหารือมาตรการการกำกับดูแลการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยเฉพาะการผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากถั่งเช่า ตามคำสั่งของนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน

ทั้งนี้จากการหารือได้ข้อสรุปร่วมกัน คือ ที่ประชุมมอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการบังคับใช้กฎหมายที่กำกับอย่างเคร่งครัด หากพบว่ามีการกระทำที่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคเกิดขึ้นก็ให้ลงโทษในอัตราโทษสูงสุด รวมทั้งให้ร่วมมือกันเฝ้าระวังการโฆษณา เพื่อป้องกันไม่ให้มีการโฆษณาที่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค ครอบคลุมทั้งผลิตภัณฑ์สุขภาพ เครื่องสำอาง และยา

ขณะเดียวกันยังมอบหมายผู้ประสานงานหลักระหว่างหน่วยงาน ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภคในกรณีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการแจ้งข้อมูลการโฆษณาที่อาจฝ่าฝืนกฎหมายผ่านแพล็ตฟอร์มของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน

ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้ สคบ. จะรวบรวมผลการหารือครั้งนี้ เสนอให้กับที่ประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (คคบ.) วันที่ 29 ม.ค.นี้ รับทราบ และรับมอบนโยบายเพื่อไปดำเนินการต่อ

กระทรวงการคลัง คลอดมาตรการด้านภาษีและค่าธรรมเนียม บรรเทาผลกระทบ COVID–19 ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปี 64 ลง 90% พร้อมลดธรรมเนียมโอนบ้านใหม่ราคาไม่เกิน 3 ล้าน จาก 2% เหลือ 0.01% และค่าจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01%

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2564 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการด้านภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID–19) ในปี 2564 จำนวน 3 เรื่อง โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

1.) มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (มาตรการลดภาษีที่ดินฯ) มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคมต่อประชาชนและผู้ประกอบการที่เป็นผู้เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เนื่องจากไม่สามารถประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ตามปกติ อันเนื่องมาจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID - 19 โดยให้ลดภาษีในอัตราร้อยละ 90 ของจำนวนภาษีที่คำนวณได้สำหรับการจัดเก็บภาษีของปีภาษี พ.ศ. 2564

2.) มาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย (มาตรการลดค่าธรรมเนียมฯ) มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่เป็นของตนเอง รวมถึงช่วยรักษาระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเชื่อมโยงกับการจ้างงานและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID–19 โดยลดค่าธรรมเนียมการโอนจากร้อยละ 2 ลงเหลือร้อยละ 0.01

และลดค่าธรรมเนียมการจำนองจากร้อยละ 1 ลงเหลือร้อยละ 0.01 (เฉพาะการโอนและจดจำนองในคราวเดียวกัน) สำหรับที่อยู่อาศัยใหม่ ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย ซึ่งครอบคลุมบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ และห้องชุด ที่ซื้อจากผู้ประกอบการ ตั้งแต่วันถัดจากวันที่ลงประกาศกระทรวงมหาดไทยในราชกิจจานุเบกษาถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564

3.) การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม (การขยายเวลายื่นแบบฯ) มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาภาระภาษีให้แก่ผู้มีเงินได้และผู้ประกอบการในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งจะทำให้ผู้มีเงินได้และผู้ประกอบการมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นโดยสรุปรายละเอียดมาตรการได้ ดังนี้

3.1) ขยายเวลาการยื่นและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 3 เดือน จากเดิมภายในวันที่ 31 มีนาคม 2564 เป็น 30 มิถุนายน 2564 เฉพาะการยื่นแบบ e-filing

3.2) ขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการ และการนำส่งหรือชำระภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับภาษีของเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ที่ต้องยื่นแบบ นำส่ง หรือชำระ ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ - มิถุนายน 2564 โดยขยายเวลาออกไปเป็นภายในวันสุดท้ายของเดือนนั้น ๆ เฉพาะการยื่นแบบ e-filing

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการลดภาษีที่ดินฯ และมาตรการลดค่าธรรมเนียมฯ จะต้องมีการตราพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และดำเนินการออกประกาศกระทรวงมหาดไทยที่เกี่ยวข้อง เช่นเดียวกับการขยายเวลายื่นแบบฯ ที่จะต้องมีการออกประกาศกระทรวงการคลังที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ได้ในเร็วๆ นี้ โดยกระทรวงการคลังจะได้ประชาสัมพันธ์ให้ทราบต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top