'อลงกรณ์' เชิญอธิบดีกรมวิชาการชี้แจงฟรุ้ทบอร์ด หลังทราบข่าว 'ผู้อำนวยการสวพ.6' ถูกโยกย้าย

(26 ต.ค. 65) นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (ฟรุ้ทบอร์ด) เปิดเผยว่า หลังจากทราบข่าวว่ามีการโยกย้าย นายชลธี นุ่มหนู ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 (สวพ.6) ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช จนมีเสียงเรียกร้องจากหลายองค์กรด้านผลไม้ขอให้มีการทบทวนการโยกย้ายดังกล่าว จึงให้ฝ่ายเลขาฯ เชิญอธิบดีกรมวิชาการมาชี้แจงต่อที่ประชุมฟรุ้ทบอร์ด ซึ่งมีการประชุมทุก 2 เดือน โดยครั้งต่อไปจะประชุมในวันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคมนี้ถึงเหตุผลในการโยกย้ายนายชลธี ซึ่งเป็นข้าราชการในสังกัดกรมวิชาการที่รับผิดชอบพื้นที่ภาคตะวันออกอันเป็นแหล่งผลิตผลไม้แหล่งใหญ่ที่สุดของประเทศ

"ฟรุ้ทบอร์ดเป็นคณะกรรมการระดับชาติมีหน้าที่รับผิดชอบการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้เศรษฐกิจของประเทศจึงให้ความสำคัญกับบุคคลากรที่เป็นคีย์แมนคนสำคัญๆ ของทุกกระทรวงทบวงกรมและตำแหน่งผู้อำนวยการสวพ.6 ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น จึงขอทราบเหตุผลและความจำเป็นของการโยกย้ายดังกล่าว แม้การโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการจะเป็นอำนาจของผู้บริหารกรม ซึ่งฟรุ้ทบอร์ดไม่มีอำนาจไปก้าวก่ายแทรกแซงการบริหารงานบุคคล

"แต่ฟรุ้ทบอร์ดก็มีสิทธิ์ที่จะรับทราบถึงการเปลี่ยนแปลงบุคคลากรที่มีบทบาทหน้าที่สำคัญภายใต้การบริหารจัดการผลไม้ของฟรุ้ทบอร์ดเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าการทำงานภายใต้นโยบายสำคัญๆของฟรุ้ทบอร์ดจะไม่เกิดปัญหาโดยเฉพาะการปราบปรามขบวนการสวมสิทธิ์ทุเรียนและทุเรียนอ่อนจะต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาดต้องไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดไปแสวงประโยชน์หรือหากมีใครแอบอ้างผู้มีอิทธิพลหรือนักการเมืองก็ให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดจะต้องไม่มีการลูบหน้าปะจมูกเป็นอันขาด เป็นนโยบายที่ประธานฟรุ้ทบอร์ดย้ำมาโดยตลอดเพื่อให้เจ้าหน้าที่มีขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องเกรงกลัวต่ออิทธิพลใด ๆ"

นายอลงกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานฟรุ้ทบอร์ดได้มอบนโยบายตั้งแต่ปี 2562 ในการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานผลไม้เป็นนโยบายหลักรวมทั้งนโยบายปราบปรามขบวนการสวมสิทธิ์ทุเรียนและทุเรียนอ่อนอย่างเด็ดขาดในทุกภาคทั่วประเทศ พร้อมกับการใช้นโยบายตลาดนำการผลิตและการบริหารโลจิสติกส์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีในฐานะประธานคพจ.และจังหวัดอื่น ๆ จนสามารถสร้างรายได้ให้กับชาวสวนและประเทศจากการส่งออกทุเรียนและผลไม้ของไทยได้กว่า 2 แสนล้านบาท โดยเฉพาะทุเรียนผลสดส่งออกทะลุ 100,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลงานของทุกภาคีภาคส่วนทั้งภาครัฐภาคเอกชน สมาคมทุเรียนสมาคมผู้ส่งออกทุเรียนมังคุด สมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ สหกรณ์การเกษตรและชาวสวนโดยเฉพาะทูตเกษตรที่ช่วยคลี่คลายปัญหาการปิดด่านที่ร่วมกันทำงานอย่างหนักฝ่าฟันวิกฤติโควิด-19 และผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนตลอดเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา