Tuesday, 8 July 2025
NEWS FEED

'อ.นิด้า' ทวงถามจริยธรรมสื่อดัง บิดเบือนกรณีปลากุเลา ชี้!! ทุกครั้งก็รับปากว่าจะแก้ไข แต่ก็ทำซ้ำเหมือนเดิม

เมื่อ (14 พ.ย. 65) ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนาคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA ได้ออกมาประณามช่อง ThaiPBS ซึ่งได้นำเสนอข้อมูลบิดเบือนใส่ร้ายเชฟชุมพล และประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพ APEC 2022 ด้วยการกุเรื่องว่า ‘ปลากุเลาเค็ม’ ที่ขึ้นโต๊ะอาหารผู้นำเอเปคไม่ได้มาจากตากใบ

โดยเป็นการนำเสนอหัวข้อข่าวชื่อ ‘จับโป๊ะ Soft Power 'ปลากุเลาเค็ม' ขึ้นโต๊ะผู้นำเอเปค ไม่ได้มาจากตากใบ’ ซึ่งเป็นการไปสัมภาษณ์ผู้ประกอบการร้านขายอาหารทะเลกลุ่มหนึ่ง เพื่อให้ได้บทว่า “ไม่มีใครมาซื้อปลากุเลาไปใช้ในงาน APEC” 

แต่ความจริงซึ่งถูกเปิดเผยโดยเชฟชุมพล แจ้งไพร เชฟมิชเชอร์ลินสตาร์ ที่เป็นหนึ่งในทีมทำอาหารเลี้ยงผู้นำเอเปค ก็คือ ทางทีมเชฟได้ซื้อปลามาจากร้าน ‘ปลากุเลาเค็มป้าอ้วนตากใบ’ ซึ่งอยู่ที่ 40/1 หมู่ที่ 3 ต.เจ๊ะเห อ.ตกใบ จ.นราธิวาส เบอร์โทรร้าน 086-9636422

ซึ่งทางร้านก็ได้ออกมาประกาศผ่าน Facebook ทางร้านว่า ร้านเป็นผู้จัดจำหน่ายปลากุเลาเค็ม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับ 5 ดาวของชุมชน โดยก่อนหน้านี้มีเจ้าหน้าที่มาซื้อปลากุเลาเค็มไป 1 ตัวเพื่อนำไปชิม และภายหลังมีการสั่งออนไลน์วันละหลายหมื่นบาทในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา

หลังข้อมูลปรากฏชัดเจน ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต ได้ตั้งคำถามว่าไทยพีบีเอสทำแบบนี้ ไม่แน่ใจว่าทีมข่าวเรียนจบวารสารศาสตร์และมีกอง บก.หรือไม่ ทำไมจึงพยายามสร้างเนื้อหาที่ไม่สมเหตุผล ด้วยการไปสัมภาษณ์ร้านที่ไม่ได้รับการติดต่อซื้อ แล้วไปสรุปว่า 'ไม่มีการซื้อจริง'

พร้อมระบุว่า ไทยพีบีเอส จะรับผิดชอบอย่างไรต่อชื่อเสียงของเชฟชุมพล และชื่อเสียงของประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพ APEC และไทยพีบีเอสยังเคยทำเรื่องแบบนี้มาหลายครั้ง และทุกครั้งก็รับปากว่าจะแก้ไข แต่ก็ทำซ้ำเหมือนเดิมเรื่อย ๆ จนมาถึงครั้งนี้

สุดท้ายประชาชนเสียเงินภาษีปีละ 2,000 ล้านบาทเลี้ยงช่องไทยพีบีเอส ก็ควรได้ช่องข่าวที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ไม่ใช่ได้ช่องทีวีที่ผลิต Fake News 

ข้อความของ ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต

“จับโป๊ะ” ใครกันแน่? 

กรณีการลงข่าวนี้ ข่าวไทยพีบีเอสจะ 'จับโป๊ะ' รัฐบาล หรือว่าข่าวไทยพีบีเอส จะถูก 'จับโป๊ะ' เสียเอง? 

เนื้อหาข่าวไทยพีบีเอส เป็นการให้สัมภาษณ์ของผู้ประกอบการในพื้นที่ตากใบ 'บางคน' ที่ให้ข้อมูลว่าไม่เห็นรู้เรื่องว่ามีการซื้อปลากุเลาเค็มจากร้านใดร้านหนึ่งใน 9 ร้านที่ได้ขึ้นทะเบียน GI ของจังหวัดไปเลย จึงสรุปได้ว่า ที่รัฐบาลโปรโมตว่าจะนำเอาปลากุเลาเค็มไปทำอาหารในการประชุมเอเปคนั้น 'ไม่จริง'

ซึ่งต่อมาเชฟชุมพล และรองโฆษกรัฐบาล ก็ออกมาให้ข้อเท็จจริงว่า เชฟชุมพลซื้อปลากุเลาเค็มมาจากตากใบจริง จากร้านป้าอ้วน เพราะเป็นร้านเดียวที่ผ่านมาตรฐาน ซึ่งต่อมาเฟซบุ๊กของร้านป้าอ้วนก็ออกมายืนยันว่ามีการสั่งซื้อไปจริง แต่ด้วยการที่ร้านขายจำนวนมาก ก็ไม่รู้ว่าใครซื้อไปบ้าง (แล้วก็คงบอกกันไปในกลุ่มว่า ไม่รู้เรื่องที่ขายปลาเค็มไปทำอาหารเอเปค เพราะไม่เห็นมีใครมาติดต่อแจ้งอย่างนั้น)

ผมไม่แน่ใจว่านักข่าวที่ทำข่าวนี้ เรียนจบวารสารศาสตร์มาหรือไม่ หรือบก. ที่ตรวจข่าวนี้ (มีไหม) ใช้หลักการอะไรในการปล่อยให้ข่าวนี้ออกมาได้ แต่ในฐานะที่ผมเป็นอาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ ผมก็มีคำถามที่คนทั่วไปก็น่าจะสงสัยเหมือนกัน คือ ทำไมนักข่าวที่ทำข่าวนี้ถึง ... 

1.) เชื่อมั่นว่าไม่มีการซื้อจริง ด้วยคำบอกเล่าของร้าน (บางคน) ทำไมไม่คิดว่า คนที่ไปสัมภาษณ์นั้น เขารู้จริงหรือไม่ เข้าใจผิดหรือไม่ รู้ได้อย่างไรว่าไม่มีคนซื้อไปทำอาหารเอเปค การหาข้อเท็จจริงที่มีหลักฐานนี่คือหลักการวารสารศาสตร์เบื้องต้นเลย

2.) ถ้าไม่แน่ใจว่าร้านค้าจะรู้ข้อมูลหรือไม่ ทำไมไม่ทำสิ่งที่ง่ายที่สุด ก็คือถามไปที่ต้นตน นั่นคือเชฟชุมพล หรือทางสำนักนายกก็ได้ ว่าซื้อจริงไหม ซื้อยังไง ใครซื้อ การหาข้อมูลจากอีกฝั่ง ก็เป็นหลักวารสารศาสตร์เบื้องต้นสุด ๆ เช่นกัน (ถ้าติดต่อไม่ได้ ก็ระบุไปว่ายังไม่ได้รับคำตอบ) 

แต่ไม่ครับ นักข่าวที่ทำข่าวนี้ ไม่ได้ทำทั้งสองข้อ แล้วก็ลงข่าวพร้อมพาดหัวเลยว่า 'จับโป๊ะ' ที่แปลว่า 'จับโกหก'

ผบ.ตร.ติวเข้ม กอ.ร่วมเอเปค เริ่มมีผู้นำเดินทางมา ภาพรวมยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สั่งขยายการลงทะเบียนเข้าพื้นที่ถึง 19 พ.ย. 65 ย้ำต้องดูแลสวัสดิการเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเต็มที่ 

วันนี้ (15 พ.ย.65) เวลา 09.00 น. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ในฐานะโฆษกกองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจร การประชุมเอเปค 2565 เปิดเผยถึงผลการประชุมมาตรการดูแลความปลอดภัย การบริหารจัดการจราจร และสถานการณ์การข่าวว่า “พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.กอ.ร่วมฯ พร้อมด้วย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ตัวแทนกองบัญชากองทัพไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 30 หน่วยงาน เข้าร่วมประชุม เพื่อบูรณาการทุกภาคส่วนขับเคลื่อนการประชุมเอเปค 2565 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย 

โดยในวันนี้ จะมีเริ่มจะมีการเดินทางเข้ามาของคณะผู้นำเขตเศรษฐกิจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในบางประเทศ สภาพการจราจรพบว่าในวันที่ 14 พ.ย. 65 ปริมาณรถจำนวนมาก เนื่องจากยังเป็นวันปกติที่ส่วนราชการและโรงเรียนยังเปิดปกติ แต่ยังเคลื่อนตัวได้ดี โดยทางตำรวจนครบาล ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเพิ่มความเข้มในการดูแลอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชน เพื่อให้มีผลกระทบต่อประชาชนในการเดินทางสัญจรให้น้อยที่สุด ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ ขยายเวลาการลงทะเบียนของผู้พักอาศัย ที่มีความจำเป็นต้องใช้ถนนบริเวณที่งดการใช้การจราจรกว่า 45,000 รายในพื้นที่ สน.ลุมพินี และ สน.ทองหล่อ โดยได้เปิดให้ลงทะเบียนอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2565 ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ขนส่งพัสดุ ไปรษณีย์ อาหารหรือเอกสารต่างๆ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณจุดตรวจและแสดงเอกสารหลักฐานเพื่อขอเข้าพื้นที่ได้เป็นราย ๆไป 

น่ายกย่อง!! หนุ่มวัย 24 ปีเสียชีวิต บริจาคอวัยวะมอบ 15 ชีวิตใหม่

ยกย่องคนจนผู้ยิ่งใหญ่ หนุ่มวัย 24 ปี รับจ้างตัดมะพร้าวอ่อน ชาวสมุทรสงคราม เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต บริจาคอวัยวะมอบ 15 ชีวิตใหม่ พ่อแม่เผย ลูกเป็นคนชอบช่วยเหลือผู้อื่นแม้ครอบครัวจะมีฐานะยากจน 

14 พฤศจิกายน 2565 เพจมูลนิธิโรงพยาบาลราชบุรี โพสต์ข้อความ “บริจาคอวัยวะ สร้างกุศลผู้ให้ สร้างชีวิตใหม่ผู้รับ 1 ผู้ให้ ช่วยได้ 8 ชีวิต” เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2565 ณ โรงพยาบาลราชบุรี นายแพทย์อนุกูล ไทยถานันดร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชบุรี ได้มอบหมายให้ คณะกรรมการ Service plan สาขาการรับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะโรงพยาบาลราชบุรี เป็นตัวแทนมอบเกียรติบัตร ให้แด่ญาตินายอชิระ กัญญา ผู้บริจาคดวงตาให้ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย

โดยสภากาชาดไทยได้นำไปช่วยเหลือผู้ป่วยตามเจตนารมณ์แล้ว ส่วนกระดูกให้ศูนย์เนื้อเยื่อชีวภาพกรุงเทพฯ ในพระอุปถัมภ์ฯ ขอกุศลกรรมที่ได้บำเพ็ญเพื่อประโยชน์แก่ผู้ป่วย จงเป็นอานิสงส์ดลบันดาลให้ผู้อุทิศประสบความเกษมสุขในสัมปรายภพชั่วนิรันดร์ พร้อมกันนี้ ได้มอบพวงหรีดเคารพศพผู้วายชนม์ จากศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย และศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย

ผู้ป่วยชายอายุ 24 ปี ประสบอุบัติเหตุจราจร ผู้ป่วยอยู่ในอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรง ถูกนำส่งตัวจากโรงพยาบาลดำเนินสะดวก ส่งมายังโรงพยาบาลราชบุรีเพื่อเข้ารับการรักษา เมื่อมาถึงโรงพยาบาลราชบุรีพบว่าผู้ป่วยมีอาการบาดเจ็บรุนแรงหลายระบบจึงได้เข้ารับการรักษาอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากอาการที่รุนแรง แพทย์ได้วินิจฉัยว่าผู้ป่วยอยู่ในภาวะสมองตาย 

ทั้งนี้ บิดามารดาและยายผู้เลี้ยงดูผู้ป่วยมาตลอดรับทราบอาการและเข้าใจถึงความรุนแรงที่ผู้ป่วยได้รับ โดย พว.ชุลีพร ทองแพรว พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ประจำหอผู้ป่วยศัลยกรรมระบบประสาท 1 โรงพยาบาลราชบุรี จึงได้เจรจาเพื่อขอรับบริจาคอวัยวะ ดวงตามอบสู่สภากาชาดไทยเพื่อนำไปให้ผู้ที่รอคอยการปลูกถ่ายอวัยวะ โดยญาติตัดสินใจบริจาคเพื่อเป็นการสร้างบุญใหญ่ให้กับผู้ป่วยโดยในการนี้ได้จัดเก็บดวงตามอบสู่สภากาชาดไทย และกระดูกมอบสู่ศูนย์เนื้อเยื่อชีวภาพกรุงเทพฯ ในพระอุปถัมภ์ฯ

ขอเชิดชูเกียรติ แด่นายอชิระ กัญญา และครอบครัวที่ได้ร่วมสร้างบุญใหญ่ มอบอวัยวะเพื่อส่งต่อไปยังผู้รอคอยอวัยวะอย่างทุกข์ทรมาน ซึ่งในการนี้ยังได้เป็นอาจารย์ใหญ่ในการเรียนการสอนของนักศึกษาแพทย์ ความดีที่ไม่สิ้นสุด คือการบริจาคร่างกายและอวัยวะเมื่อยามสิ้นสูญ

ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลราชบุรี ได้จัดแถลงข่าวและยกย่องครอบครัวของ นายอชิระ กัญญา ผู้วายชนม์ โดยมีนายรณภพ เหลืองไพรโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี และนายกเหล่ากาชาดราชบุรี พร้อมด้วยนายแพทย์อนุกูล ไทยถานันดร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชบุรี แพทย์หญิงปาจรีย์ อารีย์รบ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดราชบุรี และคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งกระดูก พร้อมด้วย นางสมพร แสงสี อายุ 60 ปี และ นายเฉลิม กัญญา อายุ 65 ปี ชาวบ้าน ต.นางตะเคียน อ.เมือง สมุทรสงคราม พ่อและแม่ของนายอชิระ กัญญา ผู้วายชนม์ ร่วมกันแถลงข่าว ที่ห้องประชุมโรงพยาบาลราชบุรี โดยมีสื่อมวลชนจากหลายสำนักร่วมทำข่าว

นายแพทย์อนุกูล ไทยถานันดร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชบุรี ได้กล่าวแสดงความเสียใจกับครอบครัวของนายอชิระ กัญญา ผู้วายชนม์ อายุ 24 ปี อาชีพรับจ้างตัดมะพร้าวอ่อนในพื้นที่ วัดหลักห้า ต.ประสาทสิทธิ์ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี มีภูมิลำเนาอยู่ ม.6 ต.นางตะเคียน อ.เมือง สมุทรสงคราม ได้รับอุบัติเหตุทางจราจร ญาติได้นำตัวส่งมาทำการรักษาที่ รพ.ดำเนินสะดวก

โดยผู้ป่วยอยู่ในอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรงถูกนำส่งตัวจากโรงพยาบาลดำเนินสะดวก ส่งมายังโรงพยาบาลราชบุรีเพื่อเข้ารับการรักษา เมื่อมาถึงโรงพยาบาลราชบุรีพบว่าผู้ป่วยมีอาการบาดเจ็บรุนแรงหลายระบบ แพทย์ได้ทำการรักษาอย่างสุดความสามารถ แต่ด้วยอาการบาดเจ็บที่รุนแรง ร่างกายของนายอชิระ ไม่ตอบสนองต่อการรักษาใด ๆ ทีมแพทย์ได้ลงความเห็นว่านายอชิระ เสียชีวิตแล้วด้วยภาวะสมองตาย สร้างความเศร้าเสียใจให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก

ก่อนหน้านี้นายอชิระ เคยแจ้งไว้กับคุณพ่อและคุณแม่ ว่าตนได้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะให้กับทางโรงพยาบาล หากตนเสียชีวิตก็ขอบริจาคอวัยวะที่ยังใช้งานได้ให้กับผู้อื่นนำไปใช้ต่อ เพื่อเป็นการทำคุณประโยชน์และสร้างบุญกุศลครั้งสุดท้ายในชีวิต หลังแพทย์ทางโรงพยาบาลราชบุรี ได้แจ้งให้กับทางญาติได้ทราบ คุณพ่อคุณแม่จึงตัดสินใจแจ้งต่อแพทย์ ขอบริจาคอวัยวะของนายอชิระทั้งหมด เพื่อทำตามเจตนารมณ์ของลูกชาย

โรงพยาบาลราชบุรีได้ร่วมประสานงานกับสภากาชาดไทย และศูนย์เนื้อเยื่อชีวภาพกรุงเทพฯ ในพระอุปถัมภ์ฯ ทำการผ่าตัดส่งมอบอวัยวะ ที่ยังใช้งานได้ คือดวงตาทั้ง 2 ข้าง เนื้อเยื่อ ผิวหนัง และกระดูกอีกจำนวน 12 ชิ้น เพื่อนำไปปลูกถ่ายให้ผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยมะเร็งกระดูก ได้จำนวน 15 ราย

ผู้บริหารโรงพยาบาลราชบุรี ศูนย์ประสานงานรับบริจาคอวัยวะโรงพยาบาลราชบุรี และเจ้าหน้าที่ทุกคนขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว และขออนุโมทนาบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ของนายอชิระ กัญญา ที่ท่านมีจิตเมตตาเสียสละบริจาคอวัยวะเป็นทานในครั้งนี้

พร้อมกันนี้ นายรณภพ เหลืองไพรโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี และนายกเหล่ากาชาดราชบุรี ได้มอบเงินสดส่วนตัวจำนวน 4 พันบาท ให้กับพ่อและแม่ของนายอชิระ กัญญา ผู้วายชนม์ เพื่อเป็นค่าเช่าที่บ้านที่ทางครอบครัวต้องจ่ายให้กับทางเจ้าของที่ที่ให้เช่าที่สำหรับปลูกบ้าน พร้อมมอบประกาศเกียรติคุณยกย่อง นายอชิระ กัญญา ในการบริจาคอวัยวะเพื่อช่วยเหลือเพื่อมนุษย์ในครั้งนี้

ส่วนทางด้าน นายเฉลิม กัญญา และนางสมพร แสงสี พ่อและแม่ของ นายอชิระ กล่าวว่า ครอบครัวรู้สึกดีใจที่ การบริจาคร่างกายของลูกชาย เพื่อนำอวัยวะที่สามารถใช้ได้นำไปช่วยเหลือผู้อื่นได้อีก 15 คน เป็นไปตามความประสงค์ของลูกชายที่ได้พูดไว้เมื่อครั้งยังชีวิต แต่ก็ยังรู้สึกเศร้าโศกเสียใจที่สูญเสียลูกชายซึ่งเป็นที่รักของครอบครัว ลูกชายของตนเป็นคนดี คนขยันทำมาหากิน และชอบช่วยเหลือผู้อื่น ตั้งแต่เล็กลูกชายจะอยู่กับพ่อและแม่ตลอด จนเขาทำงานก็ยังขี่รถจักรยานยนต์ไปที่ทำงานในอำเภอดำเนินสะดวก ราชบุรี กลับมาที่บ้านพักในจังหวัดสมุทรสงครามทุกวัน

ก่อนหน้าที่ลูกจะตาย ทางแม่ได้มีรางสังหรณ์นอนฝันถึงลูกชายว่ามีเลือดเต็มใบหน้าและนอนคว่ำลงกับพื้นมีเลือดไหลนอง แต่ก็ไม่กล้าที่จะมาเล่าให้ลูกฟังเพราะลูกบอกว่าแม่ชอบคิดมาก แต่ก็ไม่คิดว่าจะกลายมาเป็นเรื่องจริง และยังบอกอีกว่า “ร่างกายไม่ใช่ของเรา ให้โรงพยาบาลเขาไป เอาไปช่วยเหลือคนอื่นได้”
 

‘พี่เบิร์ด’ เตรียมร้องเพลงงานเลี้ยงอาหารค่ำผู้นำ APEC ฟาก ‘บัวขาว’ เตรียมโชว์ 'ไหว้ครู-ท่ามวยไทย' ให้สื่อรับชม

ไม่นานมานี้ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงสิ่งของที่ระลึกในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC สำหรับผู้นำเขตเศรษฐกิจและคู่สมรส รวมทั้งหมด 7 ชิ้น

นายอิทธิพล กล่าวต่อว่า สำหรับวันที่ 17 พฤศจิกายนในงานเลี้ยงอาหารค่ำ ที่หอประชุมกองทัพเรือ จะมีกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือด้านนอกจะมีการแสดงโขน หนังใหญ่ การแสดงพื้นบ้าน การสาธิตทำขนมไทย การละเล่น นอกจากนี้ ยังจะประดับบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยกระทงขนาดใหญ่ เรือไฟ และกระทงสาย

ทั้งนี้ สำหรับการแสดงด้านในงานเลี้ยงแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกเป็นการขับร้องและบรรเลงดนตรี ซึ่งได้เชิญนักร้องที่มีชื่อเสียงหลายคนมาร่วมร้องเพลง ทั้งเพลงพระราชนิพนธ์ เพลงไทย เพลงสากล เช่น พี่เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ ซึ่งจะมาขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ แผ่นดินของเรา และ รัดเกล้า อามระดิษ

เลขาธิการ ศรชล. ปฐมนิเทศกำลังพล ย้ำ 7 ศร รวมพลังหนึ่งเดียว สนองยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

เลขาธิการ ศรชล.ปฐมนิเทศกำลังพล ศรชล. ย้ำ 7 ศร รวมพลังหนึ่งเดียว สนองยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มอบนโยบาย 3 ด้านเพิ่มสมรรถนะ ทีมโกอินเตอร์ปราบค้ามนุษย์ดีขึ้น Tier2 - ยึดโปร่งใสเป็นธรรม

(14 พ.ย. 65) พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (รอง ผอ.ศรชล.) มอบหมายให้ พลเรือเอก ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือและเลขาธิการ ศรชล. เดินทางมาเป็นประธานพิธีเปิดการปฐมนิเทศกำลังพล ศรชล.และรับมอบนโยบายการปฏิบัติงานของ ศรชล. ประจำปี งบประมาณ 2566 

โดย พลเรือตรี วิฉณุ ถูปาอ่าง ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนความมั่นคงทางทะเล ศรชล. พร้อมคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และพนักงานราชการ ศรชล. ผู้แทนหน่วยงานในสังกัด ศรชล. ทั้ง 7 หน่วยงาน ประกอบด้วย กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมประมง กรมศุลกากร กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กองบังคับการตำรวจน้ำ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ร่วมให้การต้อนรับ ณ โรงแรม บางแสนเฮอริเทจ จังหวัดชลบุรี ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-15 พฤศจิกายน  

พลเรือเอก ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เลขาธิการ ศรชล. ได้กล่าวเปิดการปฐมนิเทศฯ โดยมอบนโยบายของ รอง ผอ.ศรชล. ประจำปีงบประมาณ 2566 แก่กำลังพล ศรชล. ประกอบด้วยนโยบายหลัก 3 ด้าน 3 หมุดหมาย อาทิ ด้านแผนและนโยบาย จัดทำแผนแม่บท ศรชล. รองรับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 ใช้เป็นกรอบแนวทางในการปฏิบัติและพัฒนา ศรชล. อย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนากลไก การขับเคลื่อนการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อการรักษาความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติทางทะเลในทุกมิติ การพัฒนาแนวทางการประชาสัมพันธ์ และการสร้างความตระหนักรู้ โดยกำหนดกลยุทธ์ให้สอดคล้องเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือในทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล   

ด้านการฝึกอบรมและบังคับใช้กฎหมาย มีการฝึกอบรมกำลังพลในหลักสูตรต่างๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติการ ยกระดับการปฏิบัติงานให้มีมาตรฐานสากล พัฒนาแนวทางในการปราบปรามการค้ามนุษย์ในแรงงานภาคประมงของประเทศไทย คงเทียบเท่าหรือดีกว่าระดับบัญชี 2 หรือ Tier 2 ในรายงาน TIP Report ของกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา และร่วมมือกับกระทรวงคมนาคม เตรียมความพร้อมในด้านที่เกี่ยวข้องกับ ศรชล. รองรับการตรวจประเมินจากองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ทั้งนี้ ยังให้ความสำคัญกับการประเมินผลและทบทวนการปฏิบัติงาน โดยวิเคราะห์ปัญหาและกำหนดแนวทางแก้ไข เพื่อถอดบทเรียนที่มีคุณค่า (Best practice) จัดทำเป็นคู่มือการปฏิบัติงาน และด้านธุรการ มุ่งเน้นสร้างความโปร่งใส และเป็นธรรม ในการจัดซื้อจัดจ้างที่ยึดผลประโยชน์สูงสุดในการช่วยเหลือประชาชน มีเครื่องแบบปฏิบัติงานที่แสดงถึงความเป็นเอกภาพ ในการบังคับใช้กฎหมาย ตามพระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ.2562 ให้เป็นแนวทางเดียวกับนานาชาติ  

‘MEA’ เปิดศูนย์ปฏิบัติการคุมระบบไฟฟ้าแบบบูรณาการ เสริมความมั่นคง-เตรียมรับมือเหตุฉุกเฉิน ช่วง ‘APEC 2022’

MEA เปิดศูนย์ปฏิบัติการควบคุมระบบไฟฟ้า บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมต่าง ๆ เตรียมความพร้อมและเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าสถานการณ์ฉุกเฉินในระดับสูงสุด ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับการประชุม APEC 2022

วันนี้ (14 พ.ย. 65) นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง เป็นประธานเปิดศูนย์ปฏิบัติการควบคุมระบบไฟฟ้า การไฟฟ้านครหลวง รองรับการประชุม APEC 2022 ระหว่างวันที่ 14 - 19 พฤศจิกายน 2565 พร้อมบูรณาการหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกองค์กรเพื่อให้เกิดความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในระดับสูงสุด ณ อาคารวัฒนวิภาส การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่ คลองเตย

สำหรับศูนย์ปฏิบัติการแห่งนี้ จะมีหน้าที่รับผิดชอบในการประสานงานระหว่างศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า ซึ่งประกอบด้วยระบบ SCADA/EMS/DMS ทั้ง 2 แห่ง สถานีไฟฟ้า 22 สถานี รวมถึงการไฟฟ้านครหลวงทั้ง 18 เขต และสถานที่สำคัญ 26 แห่ง รองรับการจัดประชุม APEC 2022 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และหอประชุมกองทัพเรือ เป็นต้น 

โดยมีการเชื่อมโยงกับระบบปฏิบัติการ Field Force Management หรือ FFM กับระบบแผนที่ GIS เพื่อใช้ในสถานการณ์เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ให้สามารถแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วและแม่นยำ พร้อมรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในรูปแบบต่าง ๆ ตลอด 24 ชั่วโมง ตามแผนรับมือเหตุวิกฤตของ MEA

เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางระบบไฟฟ้าสูงสุดในการจัดงาน APEC 2022 ครั้งนี้ MEA ยังได้ใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมต่าง ๆ ช่วยการเตรียมความพร้อมในด้านระบบไฟฟ้า ได้แก่ การใช้เทคโนโลยี Acoustic Camera และ Thermovision สแกนตรวจเสียงในคลื่นความถี่สูง และตรวจจับความร้อนของอุปกรณ์ไฟฟ้า การใช้ Drone ตรวจสอบระบบสายส่งไฟฟ้า ใช้เทคโนโลยีการตรวจจับความผิดปกติในระบบไฟฟ้า เช่น Partial Discharge Power Transformer รวมถึงการตรวจสอบอุโมงค์ไฟฟ้าใต้ดิน 230 kV ติดตั้ง Battery UPS และ Generator อีกทั้ง ระดมเจ้าหน้าที่ MEA กว่า 700 คน ประจำสถานีไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องทุกสถานี จัดเจ้าหน้าที่ประจำห้องไฟฟ้าของโรงแรมที่พักทุกแห่ง พร้อมรถปฏิบัติงานกว่า 250 คัน พร้อมด้วย ทีม MEA Ready Rider ซึ่งเป็นชุดเคลื่อนที่เร็วที่ปฏิบัติภารกิจแก้ไขไฟฟ้าขัดข้องเร่งด่วน โดยทั้งหมดนี้ จะกระจายตำแหน่งการดูแลตามจุดต่าง ๆ ให้สามารถรองรับได้ในทุกสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง

มทภ.4 เยี่ยม กำลังพล และชาวบ้าน จากเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส นำความห่วงใยจาก ผบ.ทบ.ไปมอบ พร้อมแสดงความเสียใจวีรบุรุษผู้กล้า

ศูนย์แพทย์ทหารบก จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนแยกค่ายกัลยาณิวัฒนา จังหวัดนราธิวาส พลโทศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เดินทางเยี่ยมอาการของ สิบเอก อภิสิทธิ์ หมัดสกุล กำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิด ชุดปฏิบัติการ หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส  ขณะเดินทางโดยรถยนต์ เพื่อเข้าสนับสนุน/ตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ ลอบวางระเบิด และซุ่มยิงราษฎรหาของป่า แรงระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย และเสียชีวิต 1 นาย คือ ร้อยเอก ชินดนัย แร่ทอง เหตุเกิดบนถนนสายชนบท บ้านไอร์กรอส หมู่ที่ 6 ตำบลจะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อเวลา 11.25 น. โดยขณะนี้ทีมแพทย์ได้ส่งตัวยัง โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อทำการรักษาอาการบาดเจ็บต่อไป 

จากนั้นเวลา 17.30 น. แม่ทัพภาคที่ 4 เดินทางต่อยังโรงพยาบาลสุไหงโกลก อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส เพื่อเยี่ยม และติดตามอาการบาดเจ็บของนายดำ เทพจันทร์ และนายประดิษฐ์  สาระวรรณ ประชาชนซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด และซุ่มยิงชาวบ้านที่ออกหาของป่า บริเวณเส้นทางรอยต่อ บ้านไอร์มือเซร์ หมู่ที่ 9 ตำบลจะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้ชาวบ้าน 6 คน ซึ่งอยู่ระหว่างขับขี่จักรยานยนต์เพื่อหาของป่า ถูกกลุ่มคนร้ายกดระเบิด ซึ่งแรงระเบิดทำให้เสาไฟฟ้าล้ม 1 ต้น จากนั้นคนร้ายยังได้ระดมยิงซ้ำใส่ชาวบ้าน จนเกิดการยิงตอบโต้กันประมาณ 5 นาที เมื่อเวลา 08.30 น. เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ประชาชน ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย และเสียชีวิต 1 ราย คือ นายมงคล เพชรวงษ์ ก่อนคนร้ายจะลอบวางระเบิดชุดปฏิบัติการ หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ขณะเดินทางเข้าสนับสนุน/ตรวจสอบพื้นที่ ในเวลาต่อมา 

ขณะเดียวกันได้เข้าเยี่ยม นายลุกมัง แว้ง เจ้าหน้าที่อส.สุคิริน ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุผลร้ายไม่ทราบจำนวนซุ่มยิงขณะกำลังขับรถยนต์กระบะ เดินมาจาก อ.สุคิริน เพื่อมุ่งหน้าเข้า อ.แว้ง โดยเมื่อขับมาถึงบริเวณฝายกั้นน้ำเส้นทางลงเขากรือซอ บนถนน 4115 ได้ถูกกระสุนเข้าบริเวณหน้าอกซ้ายได้รับบาดเจ็บ 

โรงพยาบาลพญาไท 3 จัดกิจกรรมวันเบาหวานโลก 2022 ....รู้จักเบาหวานเพื่อให้ดูแลตนเองได้อย่างเบาใจ

เมื่อวันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ศูนย์เบาหวาน ไทรอยด์ และต่อมไร้ท่อ รพ.พญาไท 3
จัดงานวันเบาหวานโลก 2022  โดยภายในงานได้รับเกียรติจากทีมแพทย์ร่วมให้ความรู้  โดย นพ.รัฐพงศ์ จิวะรังสินี อายุรแพทย์หัวหน้าศูนย์เบาหวานฯ ร่วมเสวนาเรื่อง 'รู้จักเบาหวานเพื่อให้ดูแลตนเองได้อย่างเบาใจ' และ ผศ.นพ.ประสิทธิ์ ลีวัฒนภัทร อายุรแพทย์ประจำศูนย์เบาหวานฯ ร่วมเสวนาเรื่อง 'เครื่องตรวจติดตามระดับน้ำตาลแบบต่อเนื่องดีอย่างไรกับผู้ป่วยเบาหวาน' พร้อมกับสัมภาษณ์ผู้รับบริการของศูนย์เบาหวานฯ ที่ได้ทำการติดเครื่องตรวจติดตามระดับน้ำตาลแบบต่อเนื่องโดยเล่าถึงประสบการณ์ที่ได้รับจากการติดเครื่องฯและความประทับใจในการเข้ารับบริการที่ศูนย์เบาหวานฯ

ธปท.สำนักงานภาคเหนือ จัดสัมมนาวิชาการ 'Moving beyond the curve:ก้าวข้ามความท้าทาย สู่อนาคตเศรษฐกิจการเงินใหม่ภาคเหนือ'

(14 พ.ย. 65) เวลา 08.30-12.00 น. ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ จัดงานสัมมนาวิชาการ ประจำปี 2565 'Moving beyond  the curve: ก้าวข้ามความท้าทาย สู่อนาคตเศรษฐกิจการเงินใหม่ภาคเหนือ' โดยร่วมสนทนากับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ หัวข้อ 'ก้าวข้ามความท้าทาย วางนโยบายสู่อนาคต'  โดยมีนางพรวิภา ตั้งเจริญมั่นคง ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ กล่าวต้อนรับและเปิด  พร้อมด้วยคณะผู้ทำงานศึกษา วิทยากรผู้ร่วมเสวนา และแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน ณ อาคารอเนกประสงค์ ธปท.สำนักงานภาคเหนือ 

นางพรวิภา ตั้งเจริญมั่นคง ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ กล่าวว่า สำนักงานภาคเหนือจัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีตั้งแต่ปี 2545 (เว้นแค่ปี 2564) ครั้งนี้ก็นับเป็นปีที่ 19 แล้ว งานสัมมนานี้เป็นช่องทางสื่อสารแลกเปลี่ยนแนวคิดมุมมองด้านเศรษฐกิจการเงินและแนวโน้มในระยะข้างหน้ากับหน่วยงาน ธุรกิจเอกชน และประชาชนทั่วไป ปี 2565 นับเป็นปีที่มีความท้าทายสำหรับเศรษฐกิจภาคเหนือ และเศรษฐกิจไทยโดยรวม เพราะยังอยู่ในช่วงแรกของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแล้ว แล้วยังต้องเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ ในบริบทโลกที่มีความผันผวน และคาดเดาได้ยาก

ในช่วงที่ผ่านมา วิกฤตโรคระบาดโควิด-19 เป็นทั้งวิกฤตและโอกาส เราเห็นผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างรุนแรง แต่เราก็เห็นความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหา ปรับตัวรับสถานการณ์ และทำงานร่วมกัน ทำให้ประเทศไทยผ่านพ้นช่วงที่ยากลำบากจากสถานการณ์โควิด-19 มาได้

รวมทั้งเห็นการปรับตัวมาใช้ระบบการเงินดิจิทัลอย่างก้าวกระโดดในส่วนของธนาคารแห่งประเทศไทย ก็มุ่งมั่นดำเนินการรักษาเสถียรภาพระบบการเงินไทย โดยเน้นการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงและยั่งยืน ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ที่ผ่านมา ธปท. ได้มีการสื่อสาร รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และทำงานร่วมกับคนในพื้นที่ ทำให้สามารถออกนโยบาย และมาตรการต่าง ๆ ได้ตรงจุดมากขึ้น และวันนี้เราก็เห็นผลของการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ส่งผลให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้ดี

'บิ๊กป้อม' เปิด กองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัย APEC 2022 กำชับ จนท. เตรียมพร้อม-ติดตาม ลั่น!! ยอมไม่ได้หากใครคิดจะสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทย วอนประชาชนร่วมเป็นเจ้าภาพที่ดี

วันนี้ (14 พ.ย.65) เวลา 10.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี /ประธานอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร เดินทางมาเป็นประธานเปิดกองอำนวยการร่วม รักษาความปลอดภัยและการจราจรเพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้องปี 2565 โดยมีคณะอนุกรรมการฯ เข้าร่วมประชุม อาทิ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กห.,พล.อ. เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทสส., พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. ผู้แทนเหล่าทัพ ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข ผู้บัญชาการตำรวจทั่วประเทศ และผู้แทนหน่วยที่เกี่ยวข้อง รวม 27 หน่วย เข้าร่วมรับฟังด้วย 

พล.อ.ประวิตรฯ กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ เป็นการเปิดกองอำนวยการร่วมฯ เพื่อติดตามสถานการณ์ และความพร้อมในการปฏิบัติของหน่วยปฏิบัติตามแผนฯ และให้หน่วยที่เกี่ยวข้องได้รายงาน ความพร้อมในการเตรียมการปฏิบัติตามที่ได้รับมอบหมาย 

ในที่ประชุมยังได้มีการพิจารณาในด้านความพร้อมด้านการจราจรและการบริหารจัดการขบวนรถ  
ด้านความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข และด้านความพร้อมด้านการต่อต้านการก่อการร้าย รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์

พล.อ.ประวิตรฯ ได้กล่าวว่า ขอให้ทุกหน่วยงานเตรียมการปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวข้องตามที่ได้รับมอบหมาย และร่วมกันปฏิบัติงาน ตามแผนของกองอำนวยการร่วมฯ รวมทั้ง ติดตาม กำกับดูแล การปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การรักษาความปลอดภัยการประชุมฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความปลอดภัยสูงสุด 

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กล่าวว่า กอ.ร่วม จะมีการประชุมติดตามสถานการณ์ทุกวันในเวลา 09.00 น. โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลความปลอดภัยและการจราจร ด้านการบริหารจัดการดูแลการชุมนุม นายกรัฐมนตรี ได้มีประกาศพื้นที่ห้ามชุมนุม คือ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โรงแรมที่พักทั้ง 19 แห่ง สถานที่จัดงานเลี้ยงรับรองของผู้นำ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทำงานได้สะดวกตลอดช่วงการประชุม 14-19 พ.ย.65 

ทั้งนี้ได้กำชับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงทุกฝ่าย แม้การชุมนุมจะเป็นสิทธิกระทำได้ตามกฎหมาย แต่ต้องไม่กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของชาติ ความปลอดภัยสาธารณะ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีตลอดจนสุขอนามัยของประชาชน หรือความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ และไม่กระทบกระเทือนสิทธิคนอื่น ผู้กระทำผิดจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายทุกรายและมีโทษหนักถึงจำคุก เราจะยอมให้ใครมาสร้างความเสียหายให้กับประเทศไม่ได้โดยเด็ดขาด พร้อมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามยุทธวิธี เป็นขั้นเป็นตอนตามระดับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น 

หากจะมีการยื่นข้อเรียกร้อง หรือแสดงความคิดเห็นต่างๆ กระทรวงการต่างประเทศได้จัดสถานที่สำหรับการยื่นหนังสือไว้แล้ว ที่กระทรวงการต่างประเทศ และสถานกงสุลที่แจ้งวัฒนะรวมทั้งการขอให้ใช้สิทธิในการชุมนุม ขอให้ไปยื่นขอตามสถานที่ที่ได้จัดไว้ให้ หากมีการชุมก็ต้องมีการแจ้งการชุม 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top