Wednesday, 9 July 2025
NEWS FEED

สืบนครบาลตามรวบเซาะ คลองตันนำพวกบุกอุ้มสาว 18 ศัตรูหัวใจใช้มีดจี้คอลากขึ้นรถ กร้อนผมตัดผม ทำร้ายร่างกาย จับแก้ผ้ากระทำอนาจาร ก่อนปล่อยทิ้งข้างทาง

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชน  ชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนนครบาล IDMB ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชน ว่าเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 65 เวลาประมาณ 00.30 น. ได้เกิดเหตุ ผู้ร่วมก่อเหตุทั้ง 7 คน (หญิง 6  ชาย 1) ได้บุกไปยังบ้านผู้เสียหายรายซึ่งเป็นหญิงสาว อายุเพียง 18 ปี โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ใช้มีดและกรรไกรจี้คอผู้เสียหาย ก่อนจะลากออกจากบ้านพาไปขึ้นรถยนต์ โดยบนรถผู้เสียหายได้ถูก 'กร้อนผม' และถูกทำร้ายร่างกายสารพัดตลอดทาง และกระทั่งได้ขับมาถึงทางเปลี่ยวละแวก หนองแขม กลุ่มผู้ก่อเหตุช่วยกันจับผู้เสียหาย 'แก้ผ้า' และปล่อยทิ้งไว้ข้างทาง แต่ต่อมาเกิดความกลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่จึงรับผู้เสียหายกลับไปส่งที่บ้าน และโดยอ้างว่า “เป็นน้ำใจที่นำกลับมาส่ง ให้ลืมๆเรื่องที่เกิดขึ้นไป” ซึ่งหลังเกิดเหตุ ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมด ได้มีการออกหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุที่ยังหลบหนีทั้ง 3 ราย  

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 65 เวลาประมาณ 22.30 น.พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ร.ต.อ.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ   ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ ร.ต.อ.หญิงธิดารัตน์ ผดุงประเสริฐ และเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนนครบาล IDMB ได้จับกุมตัว

น.ส.พัญญรัตน์  ฉัตรทอง  หรือ 'เซาะ คลองตัน' อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81 ซอยทรัพย์สาคร แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา จังหวัดกรุงเทพ ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2403/2565 ลงวันที่ 7 พ.ย. 65  ในข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน โดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป”

จับกุมตัวได้ที่ หน้าบ้านเลขที่ 792 ซอยปรีดีพนมยงค์ 32 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนากรุงเทพมหานคร พฤติการณ์กล่าวคือ หลังเกิดเหตุและได้รับแจ้งเหตุจากผู้เสียหายชุดสืบสวนของ สน.วังทองหลาง ได้สืบสวน จนสามารถยืนยันตัวผู้ร่วมก่อเหตุได้ทั้ง 7 ราย คือ 1. น.ส.สุมิตตรา (สงวนนามสกุล) หรือมะขาม อายุ 23 ปี , 2. น.ส.สุนิตา (สงวนนามสกุล) หรือบัว อายุ 20 ปี , 3. น.ส.จุฑารัตน์ (สงวนนามสกุล) หรือน้ำ อายุ 23 ปี , 4.นายณัฐพงษ์ (สงวนนามสกุล) หรือต้อม อายุ 35 ปี , 5. น.ส.พัญญรัตน์ (สงวนนามสกุล) หรือ 'เซาะ คลองตัน' อายุ 22 ปี , 6.น.ส.ศันศิณี (สงวนนามสกุล) หรือยัด อายุ 23 ปี , 7.น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ซึ่งต่อมาได้มีการดำเนินคดีโดยมีกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ยอมเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนบางส่วน แต่ยังมีอีก 3 ราย ที่ยังหลบหนี คือ น.ส.เซาะ ต่อมาชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนนครบาล IDMBได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่ารู้สึกไม่ปลอดภัย เนื่องจากพฤติกรรมที่ถูกกระทำนั้นอุกอาจมาก ทำให้เกิดความหวาดระแวงตลอดเวลา ไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงได้สั่งการ ชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนนครบาล IDMB จับกุมตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีโดยเร็ว ซึ่งจากข้อมูลที่ผู้เสียหายกังวลหนึ่งในผู้ก่อเหตุคือ น.ส.พัญญรัตน์ หรือ “เซาะ คลองตัน” เพราะเป็นผู้ประสานงานให้กับกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดในการบุกมาที่บ้านผู้เสียหาย และ น.ส.เซาะ ยังเคยเป็นอดีตแฟนของ นายเอ (นามสมมุติ) ซึ่งปัจจุบัน นายเอ กำลังคบหาอยู่กับผู้เสียหาย และปัจจุบัน น.ส.เซาะ ยังคงหลบหนีอยู่ โดยหลังรับแจ้ง ชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้สืบสวนจนทราบว่าที่พักอาศัยของ น.ส.เซาะ ต่อมา 10 พ.ย. 65 ชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. จึงได้เดินทางไปจับกุมตัวตามหมายจับ ได้มีการนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยในชั้นจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับให้ทราบโดย น.ส.พัญญรัตน์ หรือ “เซาะ คลองตัน” ในชั้นจับกุม “เซาะ คลองตัน” ให้การภาคเสธ โดยรับสารภาพในข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน”เพราะได้เข้าไปบ้านของคู่กรณีจริง แต่ปฏิเสธในข้อหา “โดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป” 

‘สมยศ’ นายกสมาคมฟุตบอลฯเก้าอี้สั่น ‘เปลว สีเงิน’ แจกใบแดง "ลาออกเถอะ"

ภายหลังจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ได้กำชับให้ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ คว้าเหรียญทองซีเกมส์ ที่ประเทศกัมพูชา มาให้ได้ ถ้าไม่ได้ นายกสมาคมต้องลาออก

เมื่อได้รับบัญชามาเช่นนั้น ส.ลูกหนังไทย และบริษัทไทยลีก จำกัด เรียกประชุมปรับโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพ, ฟุตบอลถ้วย ในช่วงเลกที่ 2 ของฤดูกาล 2022-23 ทันที เพื่อเปิดทางให้ทีมชาติไทยได้มีเวลาเตรียมทีมซีเกมส์มากขึ้น

โดยฟุตบอลไทยลีก 1 เลกสอง จะเปิดวันที่ 21-22 ม.ค.66 และปิดฤดูกาล 22 เม.ย.66 (จากเดิมจะจบเดือน พ.ค.66) พร้อมกระชับโปรแกรมไทยลีก โดยใช้ช่วงฟีฟ่าเดย์ จำนวน 3 นัด ประกอบด้วย เพิ่มเกมกลางสัปดาห์ 2 นัด คือ วันที่ 14-16 มี.ค.66 และวันที่ 28-30 มี.ค.66 ทำให้ไทยลีก จบฤดูกาลในวันที่ 22 เม.ย.66 ซึ่งจบก่อนที่ซีเกมส์ 2023 จะเริ่มขึ้น ระหว่างวันที่ 28 เม.ย.-16 พ.ค.66 

เมื่อส.ฟุตบอลไทยฯ ประกาศขยับโปรแกรมการแข่งขันใหม่ ทำให้หลายทีมในไทยลีก ต่างแสดงความไม่พอใจและไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะทีมใหญ่ อย่าง บุรัมรัมย์ ยูไนเต็ด และบีจีปทุม ยูไนเต็ด รวมถึงแฟนบอลที่ไปที่มองว่า ไม่เป็นมืออาชีพ

แม้แต่ ‘เปลว สีเงิน’ คอลัมนิสต์ชื่อดัง แห่งหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ยังหยิบยกเรื่องนี้ มาเขียนเป็นบทความอย่างดุเดือด โดยมีเนื้อหาว่า ..

'อ๊อด...พี่เลิกอุ้ม' นะ

วันนี้ ขอคุย 'ข้ามสายพันธุ์' ซักหน่อย

เรื่อง 'ฟุตบอล' ครับ!

ไม่ได้คุยในฐานะ 'คอบอล' แต่คุยในฐานะคนไทย ที่ยอมรับว่า 'ฟุตบอล' คือ 'ราชันของกีฬา-หน้าตาของประเทศ'

แต่ นับตั้งแต่ 'พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง' เข้ามาบริหาร ในฐานะ 'นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย' ตั้งแต่ปี ๒๕๕๙ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

เอากันตรง ๆ ฟุตบอลไทย ที่เคยมีสีสัน ฟู่ฟ่า

จาก 'บอลแก้บน'

เกิด 'ไทยลีก' เป็นบอลอาชีพ พีกสุดขีด เป็นบอลระดับพัน ๆ ล้าน เกิดสโมสรมากมาย ปั้นนักเตะป้อนตลาด แข่งทีไร สนามแตกทีนั้น

อนาคตฟุตบอลไทยเจิดจ้า จนพูดจากันกระหึ่ม

"บอลไทยจะไปบอลโลก"!

มองจากฟีเวอร์สุด ๆ ก่อน พล.ต.อ.สมยศจะเข้ามาบริหาร คำว่า "บอลไทยจะไปบอลโลก" ไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อเลย

เพราะตอนนั้น วงการบอลไทย สร้างทั้งนักกีฬา  สร้างทั้งธุรกิจ สร้างทั้งชื่อ-ชั้น นักเตะไทยกระฉ่อน

เรียกว่า ปลุกวงการกีฬาฟุตบอล ไปถึงจุดบรรดาคอลูกหนัง ถึงขั้น "ยกกำปั้นทุบอก" ประกาศ

"บอลไทยอยู่ในสายเลือดผม"!

แต่แค่ ๕-๖ ปี 'ยุคสมยศ' ถึงวันนี้ ต้องบอกว่า ใครไม่อาย "ผมอาย" เพราะบอลไทยถอยหลัง "กู่ไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี"

ตัว 'นักกีฬา' นั้นยังเยี่ยม ด้วยอัจฉริยะแต่ละนักเตะ

แต่การบริหาร-จัดการของสมาคมฯ ดูจะยังแย่

ตกต่ำกว่ามาตรฐานอันควรเป็น จนทุกวันนี้ ดูเหมือนแฟน ๆ ที่บอก "บอลไทยอยู่ในสายเลือด" ต่างถอดใจ-ถ่ายเลือดกันไปมากต่อมาก

จากเป้า 'ไปบอลโลก' ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในตัวผู้บริหารสมาคมฯ อยู่ไปจนครบเทอม ในอีก ๒ ปี ข้างหน้า

จากเป้า 'บอลโลก'

น่าจะถอยกลับไปที่เป้า "บอลแก้บน" เหมือนเดิม!?

ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่ พล.ต.อ.สมยศ บริหารไม่เป็น บริหารไม่เก่ง

ท่านเป็น และเก่ง

แต่เป็นและเก่งด้านอื่น เช่น ด้านตำรวจ ด้านค้าขาย หรือจะด้านการเมือง ไปลงสมัคร ส.ส.อยุธยาหรือบุรีรัมย์ โอกาสรุ่ง มีมากกว่าจะอยู่บริหารวงการฟุตบอล

จำได้ ตอนท่านเกษียณ ประกาศว่า จะไปรณรงค์เรื่องบ่อนเสรี ผมก็สนับสนุนนะ นั่นดูจะเป็นงานถนัด ทำแล้วฟู่ฟ่ามากกว่าด้วยซ้ำ สำหรับท่าน

เพราะพูดกันตรง ๆ เรื่องฟุตบอลถึงท่านรู้ แต่ 'แค่รู้-แค่เป็น' มันยังไม่พอจะทำให้บอลไทยไปบอลโลกได้

อย่าว่าแต่บอลโลกเลย....

เอาแค่รักษา "มาตรฐานบอลลีกไทย" ไว้ให้ได้เหมือนเดิม แค่นั้่นก็ยากแล้ว!

ท่านดูซี วอลเลย์บอลหญิง เทควันโดหญิง แบดมินตัน และมวย ทั้งหญิงและชาย กระทั่ง 'ฟุตซอล' ในสังกัดสมาคมฟุตบอลฯ

เขาไป 'ระดับโลก' กันหมดแล้ว

เหลือแต่ 'ราชันของกีฬา' คือฟุตบอล เมื่อไหร่ล่ะ นักเตะไทย จะได้ไปอยู่ในแถว 'ราชาของบอลโลก' กะเขามั่ง?

อายเค้านะ...ท่าน?

แต่ถ้าท่านไม่อาย จะนั่งเป็นนายกฯ สมาคมบอลต่อไป ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมไม่เดือดร้อน เพราะผมไม่ใช่คอบอล แต่ถ้าวอลเลย์บอลหญิงหรือแบดมินตัน 'ห่วยแตก' แบบนี้ละก็ ผมต้องโวยแน่ เพราะวอลเลย์บอลหญิงกับแบดมินตัน มันอยู่ในสายเลือดผม

แต่ที่ต้อง 'เสือก' เกี่ยวกับฟุตบอล เพราะทนเห็นสภาพแม้แต่พัดลมยังต้องส่ายหน้าหนีท่านไม่ได้

อย่างน้อยคำว่า 'ทีมชาติไทย' ผมในฐานะคนไทย ก็มีส่วน 'ได้หน้า-เสียหน้า' อยู่ด้วย!

'เรวดี ศรีท้าว' ชี้!! การให้เกียรติ 'เพลง-ธง' ของชาติอื่น แสดงถึงความเคารพในประวัติศาสตร์ของแต่ละประเทศ

(11 พ.ย. 65) เรวดี ศรีท้าว วัฒนสิน อดีตนักวิ่งทีมชาติไทย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กในหัวข้อ 'ความศิวิไลซ์ของคนศิวิไลซ์' ระบุว่า...

พี่ผ่านการแข่งขันกรีฑาในนามทีมชาติไทยมาทุกระดับตั้งแต่ซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์ ชิงแชมป์เอเชีย ชิงแชมป์โลกและโอลิมปิก ที่มีประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขันจากทั่วโลก ทุกประเทศ ทุกทวีป ไม่ว่าจะยุคใด การยืนตรงแสดงความเคารพธงชาติของประเทศ ที่ขึ้นแป้นรับเหรียญ ในทุกสนามการแข่งขัน ไม่ว่าจะในระดับโลก ระดับเอเชีย ระดับอาเซียน เมื่อเสียงเพลงชาติดัง ทุกคนในสนาม คนดูทุกคนที่นั่งบนอัฒจรรย์ นักกีฬาที่อยู่ในสนามทุกคนจะหยุดและยืนตรง เมื่อเสียงเพลงชาติดังขึ้นไม่ว่าจะใช่เพลงชาติของตนหรือไม่ 

#ขอย้ำว่าทุกคนในสนามคนดูหลักหมื่นหลักแสนในสนามบนอัฒจรรย์ทุกคนจะยืนตรงเคารพเพลงชาติของประเทศอื่นทุกคน นั่นคือการแสดงการให้เกียรติ การแสดงความเคารพในประวัติศาสตร์ของแต่ละประเทศ ถึงแม้จะไม่รู้จักไม่เข้าใจเนื้อเพลงนั้นเลยก็ตาม ทุกคนจะยืนตรงให้ความเคารพ ทุกประเทศโดยไม่แบ่งแยกว่าใครเป็นประชาธิปไตยใครเป็นคอมมิวนิสต์ ประเทศไหนรวย ประเทศไหนจน ประเทศไหนเจริญ ประเทศไหนด้อยความเจริญ

กรมประมงโชว์ผลงานเด่นเพิ่มปูทะเลสำเร็จ 4 ปี 400% 'เฉลิมชัย' เร่งขยายผลปล่อยพันธุ์ปูทะเลอีก 1.3 ล้านตัวลงทะเลประจวบคีรีขันธ์ หวังเพิ่มทรัพยากรประมงให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มอบหมายนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทยของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานพิธีปล่อยพันธุ์ปูทะเล 'โครงการฟื้นฟูทรัพยากรประมงบริเวณแหล่งก่อเกิดทรัพยากรสัตว์น้ำชายฝั่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประจำปีงบประมาณ 2566' โดยมีนายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง นายถาวร ทันใจ รองอธิบดีกรมประมง นายประพันธ์ ลีปายะคุณ รองอธิบดีกรมประมง นายมานพ หนูสอน รองอธิบดีกรมประมง นายมนตรี ปาน้อยนนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายณฐกร สุวรรณธาดา คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้แทนสมาคมประมงประจวบคีรีขันธ์เข้าร่วม ณ คลองเขาแดง (บริเวณวัดเขาแดง) อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

โดยกรมประมงร่วมกับจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จัดขึ้น มีวัตถุประสงค์เพื่อให้พื้นที่บริเวณป่าชายเลนในเขตจังหวัดมีฐานทรัพยากรเพื่อการผลิต ทั้งในมิติของความหลากหลายของชนิดและปริมาณสัตว์น้ำที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้บริเวณพื้นที่ป่าชายเลนทำหน้าที่นิเวศบริการที่ดีแก่ชุมชน และเพื่อสนับสนุนให้ชุมชนร่วมมือในการบริหารจัดการทรัพยากรประมงของจังหวัดอย่างยั่งยืน รวมถึงเพิ่มผลผลิตปูทะเล สัตว์น้ำเศรษฐกิจในธรรมชาติ อันเป็นกลุ่มสัตว์น้ำที่มีบทบาทสำคัญในการประกอบอาชีพของคนในพื้นที่ อีกทั้งเป็นการขานรับนโยบายและข้อสั่งการของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มผลผลิตปูทะเลให้ได้ปริมาณ 5,000 ตัน ในปี 2566 โดยจากข้อมูลเดิมปี พ.ศ. 2561 มีผลผลิตปูทะเล เพียง 1,600 ตัน ปี พ.ศ. 2562 มีผลผลิต 3,000 ตัน ปี พ.ศ. 2563 มี 3,000 ตัน และในปี พ.ศ. 2564 ผลผลิตปูทะเลในภาพรวมทั้งประเทศ มีปริมาณเพิ่มขึ้นกว่า 6,000 ตัน หรือ4ปีเพิ่ม400%โดยเป็นผลผลิตปูทะเลจากการเพาะเลี้ยง จำนวน 3,400 ตัน และจากผลผลิตการจับจากธรรมชาติ 2,800 ตัน ซึ่งเกินเป้าหมายที่กรมประมงคาดการณ์ไว้

ก.แรงงาน ทอดผ้าป่าพระราชทาน สมทบทุนโครงการทุนเล่าเรียนหลวง สำหรับพระสงฆ์ไทย ประจำปี 2565

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 เวลา 09.09 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานผ้าไตรประกอบพิธีทอดผ้าป่า เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต และสมทบทุนโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสาหรับพระสงฆ์ไทย ณ วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร โดยมี นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานพิธีทอดผ้าป่า และนางสาวบุปผา เรืองสุด รองปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหาร เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน เข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ด้วย ซึ่งมียอดผ้าป่าพระราชทานโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย กระทรวงแรงงาน จำนวน 575,671 บาท

วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2538 ตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระราชประสงค์ให้เป็นแบบอย่างในการก่อสร้างวัดเล็กๆ เพื่อเป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจของชุมชน ที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียง และเพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมต่างๆ ในการเผยแผ่ศีลธรรม และจริยธรรมเพื่อการพัฒนาชุมชน เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ แทนพระองค์ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อุโบสถ วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก และวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2543 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จทรงประกอบพิธีฝังลูกนิมิต ตามประเพณี

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองขยายการผลจับกุมค้นบ้าน นักลงทุนต่างชาติสวมบัตรประชาชนไทย

ตามที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค หรือความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) ประจำปี พ.ศ.2565 (APEC 2022 Thailand) ในห้วงระหว่างวันที่ 14 - 19 พ.ย.2565 ประกอบกับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ที่กำชับให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองดำเนินการระดมกวาดล้าง สืบสวนจับกุม ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 โดยเน้นการกระทำความผิดเกี่ยวกับการอยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay) และความผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่กำลังจะมีขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ อีกทั้งทำให้การปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปราม สืบสวนจับกุม เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม 

วันนี้ (11 พ.ย. 65) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง  โดยพล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต  ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง ผกก.1 บก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.ณภัทรพงศ  สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการขยายผลจับกุม ค้นบ้านนักลงทุนชาวต่างชาติ ซึ่งสวมบัตรประชาชนคนไทย

จากการสืบสวนขยายผลวันนี้ สตม. ได้เข้าทำการตรวจค้นบ้านนายเชา (นามสมมุติ) บริเวณริมถนนภายใน หมู่ ๙ ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จว.ปทุมธานี สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย พร้อมด้วยของกลาง ดังนี้

โครงการรถไฟทางคู่ ‘ขอนแก่น-หนองคาย’ เส้นทางสำคัญ เชื่อม ‘ไทย-ลาว-จีน’ กระจายสินค้าสู่ภูมิภาค

เมื่อวานนี้ (10 พ.ย. 65) เพจ ‘โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure’ ได้โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับ โครงการรถไฟทางคู่ ขอนแก่น-หนองคาย ซึ่งถือเป็นเส้นทางที่สามารถเชื่อมโยง ‘ไทย-ลาว-จีน’ ในการกระจายสินค้าออกสู่ภูมิภาค ไว้อย่างน่าสนใจว่า…

โครงการรถไฟทางคู่ ขอนแก่น-หนองคาย
จิ๊กซอว์ตัวสำคัญ ของการเชื่อมโยง ไทย-ลาว-จีน กระจายสินค้าสู่ภูมิภาค

จากที่ไม่ได้พูดถึงเรื่องการพัฒนาเส้นทางรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 มานาน ขอกลับมาพูดถึงโครงการรถไฟทางคู่ ขอนแก่น-หนองคาย ซึ่งถูกวางแผนไว้เป็นโครงการลำดับที่ 1 ที่เตรียมจะอนุมัติก่อสร้าง ภายในปีหน้า (2566) เพื่อเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ ในการเชื่อมโยงโครงการรถไฟระหว่างประเทศ ไทย-ลาว-จีน ในการขนส่งสินค้า และเปลี่ยนถ่ายจากรถไฟลาว-จีน ที่เป็นรางขนาด 1.435 เมตร (European Standard Gauge) เข้าสู่รางรถไฟไทย 1 เมตร (Meter Gauge) 

โดยมีจุดเปลี่ยนถ่าย (Transhipment Yard) ที่ สถานีนาทา รายละเอียดเดิมตามโพสต์นี้
https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=1061909740914171&id=491766874595130&mibextid=nJa2DX

>> รายละเอียดการโครงการ
ตามรูปแบบการพัฒนารถไฟทางคู่ คือจะมีการก่อสร้างทางรถไฟใหม่ จำนวน 1 ทาง คู่ขนานกับทางรถไฟเดิม เพื่อให้สามารถรองรับการเดินทางได้ปริมาณมากขึ้น และไม่ต้องรอหลีกรถไฟที่สถานี

มีระยะทางรวมทั้งหมด 167 กิโลเมตร แบ่งเป็น
- ทางระดับดิน 153 กิโลเมตร
- ทางยกระดับ 14 กิโลเมตร

โดยการออกแบบ มีมาตรการการออกแบบเพื่อรองรับความเร็วสูงสุดที่ 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง เทียบเท่ามาตรฐานของรถไฟฟ้าสายสีแดง ซึ่งในเส้นทางปัจจุบัน จำเป็นต้องปรับปรังรัศมีวงเลี้ยว ให้เหมาะสม กับการออกแบบความเร็ว ใน 3 จุดคือ
- เทศบาลศิลา 
- โนนพยอม
- โนนสะอาด

พร้อมกับมีการยกระดับสถานีรถไฟเพื่อแก้ปัญหาจุดตัดทางรถไฟช่วงผ่านเมือง 2 จุดคือ
- สถานีน้ำพอง
- สถานีอุดรธานี

ในโครงการมีสถานีทั้งหมด 14 สถานี แบ่งเป็น 5 ระดับ คือ สถานียกระดับ, สถานีชั้น 1, สถานีชั้น 2, สถานีชั้น 3  และที่หยุดรถ ได้แก่
- สถานีสำราญ (ชั้น 3) สถานีเดิมรักษาไว้
- ที่หยุดรถห้วยไห สถานีเดิมรักษาไว้
- สถานีห้วยพยอม (ชั้น 3) สถานีเดิมรักษาไว้
- ที่หยุดรถบ้านวังชัย สถานีเดิมรักษาไว้
- สถานีน้ำพอง (สถานียกระดับ) สถานีก่อสร้างใหม่
- ที่หยุดรถห้วยเสียว สถานีเดิมรักษาไว้
- สถานีเขาสวนกวาง (ชั้น 2) สถานีก่อสร้างใหม่
- สถานีโนนสะอาด (ชั้น 2) สถานีก่อสร้างใหม่
- สถานีห้วยเกิ้ง (ชั้น 3) สถานีเดิมรักษาไว้
- สถานีกุมภวาปี (ชั้น 2) สถานีก่อสร้างใหม่
- สถานีห้วยสามพาด (ชั้น 3) สถานีเดิมรักษาไว้
- สถานีหนองตะไก้ (ชั้น 2) สถานีก่อสร้างใหม่
- ที่หยุดรถคำกลิ้ง สถานีเดิมรักษาไว้
- สถานีหนองขอนกว้าง (ชั้น 3) สถานีเดิมรักษาไว้
- สถานีอุดรธานี (สถานียกระดับ) สถานีก่อสร้างใหม่
- สถานีนาพู่ (ชั้น 3) สถานีเดิมรักษาไว้
- สถานีนาทา (ชั้น 2) สถานีก่อสร้างใหม่
- สถานีหนองคาย (ชั้น 1) สถานีเดิมรักษาไว้

โดยการรักษาสถานีเดิมไว้เพื่อการอนุรักษ์ และลดการลงทุนไม่ให้มากเกินไป แต่เพิ่มระบบสาธารณูปโภค และการให้บริการแก่คนทุกกลุ่ม (Universal Design) ในการอำนวยความสะดวกกับผู้โดยสาร เช่น สะพานลอยข้ามชานชาลา และลิฟต์โดยสารเพื่อข้ามชานชาลา พร้อมกับการยกระดับความสูงชานชาลา เป็นรูปแบบชานสูง 1.10 เมตร ตามมาตรฐานใหม่ของการรถไฟ

นอกจากการทำสถานีสำหรับผู้โดยสารแล้ว ก็ยังมีการทำสถานีสำหรับสินค้า หรือลานกองเก็บตู้สินค้า (Containers Yard : CY) เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีการก่อสร้างใน 3 จุดคือ
- สถานีโนนสะอาด
- สถานีหนองตะไก้
- สถานีนาทา (จุดเปลี่ยนถ่ายสินค้า Transhipment Yard) 

ในโครงการจะมีการทำโรงรถจักร เพื่อใช้ในการให้บริการและซ่อมบำรุงของรถจักร และตู้โดยสาร ก่อนและหลังให้บริการ โดยมีการก่อสร้างที่ สถานีนาทา

นอกจากการก่อสร้างงานโยธา ของทางคู่และอื่นๆ ในการปรับปรุงระบบอาณัติสัญญาณ ซึ่งเป็นตัวที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริการรถไฟทางคู่ ก็เป็นส่วนสำคัญ โดยการพัฒนารถไฟทางคู่ในปัจจุบัน มีการยกระดับระบบอาณัติสัญญาณใหม่ เป็นมาตรฐาน ETCS Level 1 ซึ่งเป็นมาตรฐานกลางของยุโรป เพื่อให้รองรับรถไฟหลากหลายมาให้บริการ

'โซเชียล' แซะ Hyperllop อนาคตใหม่ที่ 'ธนาธร' เคยชู เร็วกว่าถูกกว่ารถไฟความเร็วสูง สุดท้ายเป็นที่จอดรถ

(11 พ.ย.65) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Samanya Akkawootwanich ได้โพสต์แชร์มุมมองในฐานะคนเรียนฟิสิกส์เกี่ยวกับโครงการ Hyperloop ของ Space X (อีลอน มัสก์) ที่กำลังถูกรื้อถอน เพื่อใช้พื้นที่ทำเป็นลานจอดรถ กระทบชิ่งไปถึงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เคยกล่าวถึงโครงการนี้ว่าเป็นอนาคตใหม่แห่งการเดินทางที่ดีกว่ารถไฟความเร็วสูง ว่า...

ในฐานะคนเรียนฟิสิกส์

Hyperloop ตามความคิดของ Elon Musk เขาลืมคิดถึงหลักสำคัญไปอย่างหนึ่ง คือ...

แรงดึงดูดของโลก Gravity แรงเสียดทาน Friction  มีผลต่อการถ่วงความเร็ว มากกว่าอากาศมาก

หลักแรงผลักของแม่เหล็กไฟฟ้าที่ดันให้รถไฟความเร็วสูงลอยบนรางคือ หลักการที่มีประสิทธิภาพที่สุด 

พัทยา พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร จ.นนทบุรี และ จ.สมุทรปราการ ช่วงวันหยุดพิเศษ การประชุม APEC 2022

จากที่ ครม. อนุมัติให้วันที่ 16-18 พ.ย. 2565 เป็น 'วันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ' เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จ.นนทบุรี และ จ.สมุทรปราการ ในการประชุม APEC 2022 ซึ่งเมืองพัทยา รวมถึงสถานท่องเที่ยวเมืองพัทยาหลายแห่งได้มีความเตรียมพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวทั้ง 3 จังหวัด กทม. นนทบุรี สมุทรปราการ ในช่วงวันหยุดพิเศษ

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น เกาะล้าน มีการจองห้องพักในช่วงวันหยุด รวมถึงโรงแรมต่างๆในพัทยาก็มีการจองห้องพักจากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวเช่น สวนนงนุชพัทยา มีการร่วมเฉลิมฉลองกับการประชุม APEC โดยนำต้นเฟื้องฟ้ามาประดับตกแต่งให้มีสีสันสวยงาม เพื่อตอนรับนักท่องเที่ยว ซึ่งในสวนนงนุชพัทยามีสายพันธุ์ต้นเฟื่องฟ้าที่มากที่สุดในโลก

หมอหนุ่มวัย 28 ปี เปิดเพจเล่าเรื่องเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ทั้งที่ดูแลสุขภาพอย่างดี ด้านชาวเน็ตแห่ให้กำลังใจ

(11 พ.ย. 65) นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล อาจารย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อายุ 28 ปี เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ได้เปิด เพจ ชื่อ 'สู้ดิวะ' เล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเอง ดังนี้...

สวัสดีครับ
วันนี้จะขอแนะนำตัวเองนิดนึงครับ
ผมชื่อ กฤตไท ธนสมบัติกุล ครับ ปัจจุบันอายุ 28 ปีครับ
ผมจะพยายามเล่าให้กระชับที่สุดละกันนะครับ

ผมเกิดในครอบครัวใหญ่ครับ นึกภาพครอบครัวที่มีอากงอาม่า กับหลาน ๆ หลายสิบชีวิตครับ

ผมมีชีวิตวัยเด็กที่มีความสุขมาก ๆ ครับ กินเก่ง เล่นเก่ง พูดเยอะ เป็นเด็กน้อยตาตี่อ้วนกลมที่อารมณ์ดีมาก ๆ ครับ

แต่ชีวิตผมก็มีจุดเปลี่ยนตรงช่วงมัธยมต้น ครอบครัวผมมีปัญหานิดหน่อย พ่อแม่ผมท่านได้ตัดสินใจอยู่ห่างกัน ซึ่งดีต่อท่านทั้งสองจริง ๆ แต่ในมุมของผม มันทำให้ผมต้องเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะต้องอยู่กับแม่และน้องสาว ผมต้องเป็นผู้ใหญ่ทันที

ซึ่งมองย้อนกลับไป ผมขอบคุณเหตุการณ์ครั้งนั้นมาก ๆ ที่ทำให้ผมได้อ่านหนังสือ ได้พัฒนาความคิดและทัศนคติตัวเองขึ้นมา ถ้าไม่ได้เจอเรื่องนี้ ผมคงยังเป็นคุณชาย เป็นเด็กมัธยมธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

ผมเป็นคนที่มีเพื่อนฝูงมากมายตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยม คือต้องบอกว่าผมให้ความสำคัญกับเรื่องเพื่อนมากกว่าเรื่องเรียน

ผมได้มีช่วงชีวิต 6 ปีที่ทรงคุณค่าที่สุดในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ผม OSK 131 ครับ

แน่นอนครับ ขึ้นชื่อว่าสวนกุหลาบ ผมมีความเป็นสวนกุหลาบอย่างที่สุด และผมมีเพื่อนสวนกุหลาบที่เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม

ผมได้ถูกปลูกฝังให้เป็นสุภาพบุรุษสวนกุหลาบ รักเพื่อน เคารพพี่ นับถือครู กตัญญูพ่อแม่ ดูแลน้อง

หลังจากจบสวนกุหลาบ ผมได้สอบติด คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รุ่น 56 ครับ

ชีวิตได้ขึ้นเหนือในวัย 18 ปี เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตที่สำคัญเลยครับ จากเด็กกรุงเทพ ย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศเชียงใหม่

โอเค ผมเรียนหมอ 6 ปีครบตามเวลา ไม่ขาดไม่เกินครับ เนื่องจากว่าผมมาเชียงใหม่คนเดียว จึงได้มามีเพื่อนใหม่ที่นี่ทั้งหมด ผมโคตรรักพวกมันเลย เพื่อนชาวเหนือ พาผมไปกินอาหารแปลก ๆ เรียนรู้วัฒนธรรม คำเมือง การใช้ชีวิต ซึ่งทุกอย่างมันมาผ่านบาสเกตบอลครับ ผมเป็นนักบาสเกตบอลของคณะแพทย์เชียงใหม่ที่ยิ่งใหญ่ครับ เรื่องราวเยอะมาก ๆ

คราวนี้ผมเรียนจบหมอละ ก็เรียนต่อเฉพาะทางต่ออีก 3 ปีทันทีเลยครับ

ผมเลือกสาขา เวชศาสตร์ครอบครัว (Family Medicine) เป็นแพทย์ใช้ทุนร่วมกับเรียนต่อเฉพาะทางที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ครับ เรื่องแฟมเมดเองก็เล่าได้อีกหนึ่งตอนใหญ่ ๆ เหมือนกันครับ ทำไมคนแบบผม ที่หยิบคนมาสิบคนก็ไม่มีใครบอกว่าผมดูเป็นหมอแฟมเมด แต่ทำไมผมถึงเลือกเรียนสาขานี้ และ ที่สำคัญคือทำไม ผมถึงเลือกที่เมื่อเรียนจบแล้ว ผมกลับไม่ได้ปฏิบัติงานในฐานะหมอแฟมเมด แต่กลับย้ายมาทำงานสายระบาดวิทยาคลินิก น่าสนุกใช่ไหมครับ ไว้เรามาว่ากันครับ

ระหว่างที่เรียนเฉพาะทาง ผมก็ฟิตมากพอที่จะไปศึกษา สาขาเฉพาะทางอีกอันหนึ่งคือ ระบาดวิทยาคลินิก (Clinical Epidemiology and Clinical Statistic) สาขาที่เรียกได้ว่าหลายคนในประเทศไทยอาจจะยังไม่รู้จักด้วยซ้ำ แต่หลัก ๆ คือเป็นศาสตร์ของการตอบโจทย์ ตอบปัญหาของหมอในกระบวนการรักษาคนไข้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และสถิติ สร้างผลงานวิจัยเพื่อช่วยให้กระบวนการดูแลคนไข้นั้นดีขึ้นครับ

และ

ผมยังฟิตกว่านั้น ด้วยการเรียนปริญญาโท วิทยาการข้อมูล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (Data Science) อีกใบพร้อมกันไปเลย สนุกมากครับ ปัจจุบันก็เรียนจบด้วยดี กำลังจะรับปริญญาแล้วครับ ได้เรียนรู้เรื่องข้อมูล เรื่องแนวคิดทางธุรกิจ การแก้ปัญหาด้วยแนวคิดทาง DS และวิธีการจัดการกับข้อมูลต่าง ๆ เพื่อพร้อมรับมือกับโลกอนาคตครับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top