Sunday, 5 May 2024
NEWS FEED

พิธีประทานรางวัล "เทพมเหศักดิ์" ประจำปี ๒๕๖๔ แด่ ผู้สนับสนุนส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ 

ณ เรือนไทยเพชรไพลิน มหาวิทยาลัยธนบุรี แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพฯ เวลา 10.30 น. หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ (พระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔) องค์ประธานอุปถัมภ์รางวัล "เทพมเหศักดิ์" เสด็จเป็นองค์ประธาน ในพิธีประทานรางวัล ประกาศเกียรติคุณผู้สนับสนุนส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ รางวัล "เทพมเหศักดิ์ " ประจำปี ๒๕๖๔ แด่ ผู้สนับสนุนส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ  ทรงกรุณาประทานรางวัลให้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และเป็นแรงขับเคลื่อนการดำเนินงานกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคนพิการ

 โดย "นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล" นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย ประธานจัดงานฯ ขอประทานอนุญาตกราบทูลถวายรายงานวัตถุประสงค์โครงการฯ จัดงานในครั้งนี้

ซึ่งจัดขึ้นจาก "ไตรภาคี" คือ  สมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย / สมาคมคนพิการภาคตะวันออก / สมาคมส่งเสริมและพัฒนาคนพิการไทย  ซึ่งมี ภาครัฐ ภาคเอกชน สถานประกอบการ และประชาชน ที่ได้รับคัดเลือก จำนวน 80 รางวัล  อาทิ เช่น อธืบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ / อธิบดีกรมจัดหางาน / จัดหางานจังสมุทรปราการ / จัดหางานจังหวัดชลบุรี / บิณฑ์-เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ / เค เยาวราช / ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี / นายชูศักดิ์ จันทยานนท์ นายกสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย / นายศุพชีพ ดิษเทศ นายกสมาคมคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย / นายชูเกียรติ สิงห์สูง นายกสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย /  นายสุชาติ โอวาทวรรณสกุล บริษัท โอวาท โปรแอนด์ควิก จำกัด / มูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล  / มูลนิธิเมาไม่ขับ / มูลนิธิใจงาม / บริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) / บริษัท เทเวศ ประกันภัยจำกัด (มหาชน) / บริษัทอินเทอร์เน็ต ประเทศไทยจำกัด (มหาชน) / บริษัท เอสซีจีเซรามิกซ์ จำกัด (มหาชน) / บริษัท ยูโรเซีย 2003 (ประเทศไทย) จำกัด / บริษัท กันยงอีเลคทริก จำกัด (มหาชน) / บริษัทเซ็นทรัลมอเตอร์วีล (ประเทศไทย) จำกัด / โรงเรียนสอนวิชาชีพและบริการปิยะแสงปัญญา (ชุมพร) / บริษัท อินดัสเตรียลวอเตอร์ รีซอร์ตเมแนจเม้นท์ จำกัด / บริษัท ปิโตรเลียมไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด / บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และอีกมากมาย

ผู้โดยสารเที่ยวบินสหรัฐฯ โชว์ถ่อย ต่อยแอร์สาวจนจมูกหัก ต้องลงจอดฉุกเฉิน

เที่ยวบินลำหนึ่งต้องเบี่ยงไปลงจอดที่เมืองเดนเวอร์ สหรัฐฯ เมื่อค่ำคืนวันพุธ (27 ต.ค.) ที่ผ่านมา หลังผู้โดยสารคนหนึ่งก่อเหตุทำร้ายร่างกายพนักงานต้อนรับหญิงบนเครื่องบิน จนถึงขั้นจมูกหัก จากคำแถลงของสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ส

สายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ส ระบุในถ้อยแถลงว่า เที่ยวบิน 976 จากท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ.เคนเนดี ในเมืองนิวยอร์ก มุ่งหน้าสู่เมืองแซนตาแอนา รัฐแคลิฟอร์เนีย เบี่ยงไปลงจอดที่เมืองเดนเวอร์ อย่างปลอดภัย ก่อนตำรวจจะขึ้นมาคุมตัวและพาผู้โดยสารผู้ก่อเหตุลงไป

แหล่งข่าวใกล้ชิดกับเหตุการณ์เปิดเผยว่าเหตุโจมตีเกิดขึ้นทั้งที่ไม่มีประเด็นยั่วยุใด ๆ ผู้โดยสารรายดังกล่าวจู่ ๆ ก็เดินไปบริเวณด้านหลังเครื่องบินและต่อยเข้าไปที่ใบหน้าของแอร์โฮสเตส 2 ครั้ง ส่งผลให้จมูกของเธอหัก

ในวิดีโอที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ ดัก พาร์เกอร์ ซีอีโอของอเมริกัน แอร์ไลน์ ระบุว่าเหตุการณ์เมื่อวันพุธ (27 ต.ค.) "ถือเป็นหนึ่งในพฤติกรรมเกเรเลวร้ายที่สุดที่เราเคยเจอ" พร้อมบอกว่าทางสายการบินกำลังให้การสนับสนุนพนักงานต้อนรับผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มที่ และเตรียมออกคำสั่งไม่ให้ชายที่ถูกกล่าวหาทำร้ายร่างกายเธอ ใช้บริการของสายการบินอีก

"เท่านั้นยังไม่พอ เรากำลังทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อรับประกันว่าเขาจะถูกดำเนินคดีในขอบเขตเต็มเหนี่ยวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" เขากล่าว

‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ จัดการประชุมบริหาร ตร. ครั้งที่ 9/2564 และพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ และเครื่องหมายเชิดชูเกียรติกิตติมศักดิ์

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำหนดจัดการประชุมบริหาร ตร. ครั้งที่ 9/2564 ผ่านระบบวิดีโอทางไกล (Video Conference) พร้อมกำหนดจัดพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่ผู้บริจาค และข้าราชการตำรวจผู้ประพฤติปฏิบัติดีเยี่ยมตามประมวลจริยธรรม และจรรยาบรรณของตำรวจ เนื่องในโอกาสวันตำรวจ ประจำปี 2564 และพิธีมอบเข็มแม่นปืนกิตติมศักดิ์

วันที่ 28 ต.ค. 64 เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมบริหาร ตร. ครั้งที่ 9/2564 ผ่านระบบวิดีโอทางไกล (Video Conference) ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าร่วมกาประชุมฯ

 

ทั้งนี้ ก่อนเริ่มการประชุมฯ ได้กำหนดให้มีการจัดพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่หน่วยงานและองค์กรผู้บริจาคทุนทรัพย์ และสิ่งของ ในการสนับสนุนภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 7 ราย 

และหน่วยงาน/ข้าราชการตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติดีเยี่ยมตามประมวลจริยธรรม และจรรยาบรรณของตำรวจ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 จำนวน 2 ราย และพิธีมอบเข็มแม่นปืนกิตติมศักดิ์ให้แก่ระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจำนวน 2 นาย ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

• หน่วยงานและองค์กรผู้บริจาคทุนทรัพย์ และสิ่งของ ในการสนับสนุนภารกิจ

ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

1. มูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ 

ผู้รับโล่ : พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) 

2. สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย โดยฝ่ายความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและยาเสพติด (International Narotics and Law Enforcement Section- INL กรุงเทพฯ)

ผู้รับโล่ : คุณเกรกอร์ ชอว์ (Mr. Gregory  Shaw) ตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและยาเสพติด (INL) สถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย

3. มูลนิธิคนไทยเก่งขึ้น 

ผู้รับโล่ : คุณสวรรย์ พิภูษณานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดองค์กร 

บริษัท ซี-เอ็ด ยูเคชั่น จำกัด มหาชน

4. บริษัท ทีโอเอเพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

ผู้รับโล่ : คุณประจักษ์ ตั้งคารวคุณ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีโอเอเพ้นท์ 

(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

5. ธนาคารออมสิน

ผู้รับโล่ : คุณเสกสรร ทวีกสิกรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน สายงานกิจการ สาขา 1

6. ธนาคารอาคารสงเคราะห์

ผู้รับโล่ : คุณสุดจิตตรา คำดี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานสื่อสารและภาพลักษณ์

7. มูลนิธิจำนง ภิรมย์ภักดี

ผู้รับโล่ : นางสาวจิตภัสร์  กฤดากร

'เฉลิมชัย'​ ลุย COP26 เดินหน้าโครงการลดก๊าซเรือนกระจก สั่ง​ กยท.​ นำร่อง​ 20,000​ ไร่ สร้างต้นแบบการจัดการคาร์บอนของสวนยางพาราในประเทศไทย

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลง (29 ต.ค.64) ว่า ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญกับประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) รัฐบาลจึงได้กำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ มีการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ตั้งแต่ปี 2007 จัดทำแผนแม่บทรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 2015 – 2050 เป็นแผน 35 ปี และในปีนี้ รัฐบาลไทยกำหนดโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Bio – Circular – Green Economy Model (BCG Economy Model) เป็นวาระแห่งชาติ นอกจากนี้ ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีนโยบายให้ความสำคัญต่อประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงเกษตรฯ ได้จัดทำแผนปฏิบัติการด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศภาคเกษตร ซึ่งประกอบด้วย 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 2. การปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 3. การมีส่วนร่วมของภาคเกษตรในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการศึกษา และ 4. การเสริมสร้างขีดความสามารถในการบริหารจัดการ รวมทั้งมีโครงการความร่วมมือกับองค์การระหว่างประเทศ อาทิ UNDP, UNEP, FAO, ADB, GIZ ของเยอรมนี และความร่วมมือกับสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ มีการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดภาวะโลกร้อนจากการทำนา เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Thai Rice NAMA) ดำเนินการภายใต้กองทุน NAMA Facility ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักร สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เดนมาร์ก และสหภาพยุโรป โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อผลิตข้าวอย่างยั่งยืน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases: GHGs) โดยฝ่ายสหราชอาณาจักรยินดีสนับสนุนการดำเนินโครงการความร่วมมือในครั้งนี้

นายอลงกรณ์ กล่าวต่อไปว่า ปัญหาสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน จากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทบโดยตรงต่อภาคการเกษตรทั้งในเรื่องของการเพาะปลูก ผลผลิต จนส่งผลต่อรายได้ของเกษตรกร ประเทศไทยซึ่งมีพื้นที่เกษตรกรรมครอบคลุมทั่วประเทศได้รับผลดังกล่าวเช่นกัน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย กยท.จึงดำเนินโครงการ “บริหารจัดการ คาร์บอนเครดิตในพื้นที่สวนยางพารา” หรือโครงการลดปริมาณการปล่อยหรือดูดกลับก๊าซเรือนกระจก และสามารถนำไปซื้อขายได้ เป็นการเพิ่มรายได้จากสวนยางอีกทางหนึ่งของเกษตรกร ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ภายใต้นโยบาย BCG MODEL ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คือการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล (Green Economy) สอดคล้องกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย ที่ได้ลงนามในพิธีสารโตเกียว (Kyoto Protocol) ในการส่งเสริมโครงการที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จัดทำมาตรฐานการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิต รวมทั้งส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรอง

อย่างไรก็ตาม นอกจากโครงการของกยท. แล้ว รมว.เกษตรฯ ยังได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับนโยบายดังกล่าวไปดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 หรือ COP26 ต่อไป

วิกฤติ Evergrande ระบาดหนัก คาด!! ลาม 1 ใน 3 ธุรกิจอสังหาฯ จีน

ปัญหาหนี้ก้อนโตของ Evergrande บริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับประเทศของจีน กำลังจะกลายเป็นโรคระบาดครั้งใหญ่ในระบบธุรกิจการเงินของจีน ถึงแม้ว่าบริษัทจะสามารถระดมเงินชำระดอกเบี้ยเงินกู้ 44 ล้านได้ทันก่อนวันครบกำหนดชำระเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาแบบเส้นยาแดงผ่าแปด แต่ทั้งนี้ก็เป็นเพียงการช่วยต่อลมหายใจไปอีกแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ซึ่งนักลงทุนยังต้องลุ้นกันเครียดเมื่อถึงวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยงวดต่อ ๆ ไป 

S&P บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชื่อดัง ได้ออกมาเตือนว่า Evergrande ยังเสี่ยงมากที่จะเข้าสู่ภาวะล้มละลาย และการล้มของ Evergrande จะลากเอาบริษัทอสังหารายอื่น ๆ ของจีนไม่ต่ำกว่า 1 ใน 3 ล้มตามไปด้วย 

ที่เป็นเช่นนั้นเพราะ ไม่ใช่แค่ Evergrande ที่กำลังเจอวิกฤติปัญหาขาดสภาพคล่อง เพราะมีหนี้สินจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศจำนวนมหาศาลกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ แต่บริษัทอสังหาอื่น ๆ ในจีนต่างก็เจอปัญหาแบบเดียวกับ Evergrande แทบทั้งสิ้น 

Nomura บริษัทหลักทรัพย์ชื่อดังของญี่ปุ่นประเมินว่า หากนับรวมหนี้สินทั้งหมดที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของจีนแบกอยู่ทั้งหมดตอนนี้ มีไม่น้อยกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมากเท่ากับ 1 ใน 3 ของ GDP ของจีนทั้งประเทศ และเทียบได้กับผลผลิตทางเศรษฐกิจทั้งหมดในแต่ละปีของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นดับที่ 3 ของโลก 

และในปี 2022 บริษัทอสังหาริมทรัพย์จีนต้องเร่งหาเงินมาชำระหนี้กองทุนเงินกู้ไม่น้อยกว่า 9.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นงานหินของบริษัทอสังหาจีนที่มีสินทรัพย์ที่ปล่อยไม่ออกจำนวนมาก 

และยิ่งยากขึ้นไปอีก เมื่อสี จิ้นผิง ผู้นำจีนได้ประกาศมาตรการ 3 เส้นแดงออกมาในช่วงเดือนสิงหาคม 2020 เพื่อควบคุมหนี้เสียของบริษัทของจีน โดยจำกัดเพดานหนี้สินต่อสินทรัพย์ต้องไม่เกิน 70% ยิ่งทำให้ขยายวงเงินกู้ได้ยาก จึงมีเค้าว่าในปีหน้าอาจมีบริษัทอสังหาจีนอีกเป็นจำนวนมากที่มีโอกาสผิดนัดชำระหนี้ จนถูกลดเรทความน่าเชื่อถือให้เหลือแค่เรท B หรือต่ำกว่านั้น

เพราะหากประเมินจากมาตการ 3 เส้นแดง ที่จำกัดวงหนี้สินของบริษัทจีนก็พบว่า มากกว่าครึ่งของ 30 บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการอสังหาริมทรัพย์จีนมีสัดส่วนหนี้สินล้ำเส้นแดงที่รัฐบาลจีนกำหนดไว้แล้วทั้งนั้น

ททท. รับ ‘ลิซ่า แบล็กพิงก์’ แจ้งด่วนร่วมงานเคาท์ดาวน์ในไทยไม่ได้!!

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ขณะนี้ ททท. สำนักงานโซล ได้รับแจ้งจากต้นสังกัดของ “ลิซ่า แบล็กพิงก์” หรือ “ลลิษา มโนบาล” ศิลปินเคป๊อบสาวชาวไทย ที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ซึ่งเดิมททท.ได้เจรจาเพื่อดึงเข้ามาร่วมงานเคาท์ดาวน์ ปีใหม่ 2565 ที่จังหวัดภูเก็ต ร่วมกับนักร้องโอเปร่าชื่อดังของโลกชาวอิตาเลียน คือ “แอนเดรีย โบเซลลี” ซึ่งล่าสุดทางต้นสังกัดของ “ลิซ่า แบล็กพิงก์” แจ้งว่า ลิซ่าไม่สามารถมาร่วมงานได้ (Lisa will not be able to attend the event.) ซึ่ง ททท. เคารพการตัดสินใจดังกล่าวและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสทำงานร่วมกันในอนาคตต่อไป

มาเลเซีย เปิดตัว ‘ถุงยางยูนิเซ็กซ์’ ใช้ได้ทั้งชาย-หญิง ตัวแรกของโลก

แพทย์ชาวมาเลเซียคิดค้นถุงยางอนามัยแบบ “ยูนิเซ็กซ์” ตัวแรกของโลก โดยทำจากวัสดุเกรดการแพทย์ และสามารถสวมใส่ทั้งหญิงและชาย

นพ.จอห์น ถัง อิง ชินห์ (John Tang Ing Chinh) สูตินรีแพทย์ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัท Twin Catalyst ผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ในมาเลเซีย ระบุว่า ถุงยางแบบยูนิเซ็กซ์ “วันดาลีฟ” (Wondaleaf) ตัวนี้จะช่วยส่งเสริมสุขภาวะทางเพศสำหรับผู้คนทุกกลุ่ม และทุกรสนิยมทางเพศ

ถุงยางชนิดนี้ผลิตจากโพลียูริเทนคุณภาพสูง มีความบาง ยืดหยุ่น แข็งแรง และสามารถกันน้ำได้ดี

“เมื่อสวมใส่แล้ว คุณจะแทบไม่รู้สึกเลยว่ามีมันอยู่” นพ. ถัง ระบุ

'บิ๊กป้อม' นั่งหัวโต๊ะ วางรากฐานขยายพื้นที่เศรษฐกิจ-พัฒนาเมืองต้นแบบ ในพื้นที่ จชต. มุ่งเร่งยกระดับคุณภาพชีวิตลดเงื่อนไขความรุนแรง

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) เพื่อยกระดับการพัฒนาพื้นที่ จชต.ในทุกมิติ 

พล.อ.คงชีพ กล่าวว่า โดยที่ประชุมรับทราบ การถ่ายโอนภารกิจจัดจ้างวิทยากรผู้สอนภาษาไทยจาก ศอ.บต.ให้กับ บก.ตชด.ตั้งแต่ปี 66 หลังพบเด็กๆในวัยเรียนจำนวนมากยังไม่ได้เรียนหนังสือและมีปัญหาอ่านเขียนไม่ได้  และเห็นชอบแนวทางมอบอำนาจให้เลขา ศอ.บต. 

พล.อ.คงชีพ กล่าวว่า ที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตามนโยบาย ได้แก่ การช่วยเหลือและพัฒนาแรงงานไทยในพื้นที่ จชต.ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศภายใต้สถานการณ์โควิด-19 แล้วกว่า 10,000 คน และจะเร่งพัฒนาอีก 7,000 คนให้แล้วเสร็จใน มี.ค. 65 แยก 3 กลุ่ม ประกอบด้วย ผู้ที่ประสงค์จะประกอบอาชีพในภูมิลำเนาเดิม ผู้ที่พร้อมไปทำงานในโรงงานอุตสากรรมนอกพื้นที่และผู้ที่ประสงค์เข้าทำงานเกษตรสวนปาล์มในมาเลเซีย  สำหรับการแก้ปัญหาการระบาดของโรคใบไม้ร่วงชนิดใหม่ในยางพารารวม 308,351 ไร่ การยางแห่งประเทศไทยได้สนับสนุนงบประมาณ 331 ล้านบาท เร่งศึกษาแก้ปัญหาร่วมกับสถาบันการศึกษาในพื้นที่และพัฒนาอาชีพชาวสวนยางที่ได้รับผลกระทบในการปลูกพืชผสมผสานในพื้นที่นำร่องและพื้นที่ขยายผลอีก 22,000 ไร่ควบคู่กันไป

พล.อ.คงชีพ กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาให้ความเห็นชอบ กรอบการบูรณาการเพื่อขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ผ่าน “โครงการตำบลมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ภายใต้ระบบ “ 1 ข้าราชการ 1 ครัวเรือนยากจน” มุ่งเน้นแก้ปัญหาความยากจน 5 มิติ พร้อมทั้งอนุมัติหลักการโครงการขยายพื้นที่ปลูกไม้และไม้ผลเศรษฐกิจในพื้นที่ 3 จชต. เพื่อยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจครัวเรือนควบคู่กับการสร้างความยั่งยืนทางด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ โดยเริ่มจากจัดที่ดินสาธารณะประโยชน์ “หนึ่งตำบล หนึ่งพื้นที่สาธารณะ” และส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจต่อเนื่องกันไป  

 พล.อ.คงชีพ กล่าวว่า ที่ประชุมอนุมัติหลักการและกรอบวงเงิน โครงการยกระดับการพัฒนาพื้นที่เมืองต้นแบบเบตง จว.ยะลา “Amazean Jungle Trial” เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์และยกระดับการท่องเที่ยวเชิงกีฬาไปสู่ระดับนานาชาติ  และ เห็นชอบหลักการและกรอบงบประมาณโครงการก่อสร้างกำแพงป้องกันการกัดเซาะบริเวณปากน้ำเทพา ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเดินเรือและลดปัญหาผลกระทบความเสียหายจากน้ำท่วมต่อเนื่องที่ผ่านมา รวมทั้งอนุมัติกรอบวงเงินสนับสนุน โครงการนำเรือประมงออกนอกระบบระยะเร่งด่วน เพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนในพื้นที่ 3 จชต.เป็นกรณีเร่งด่วน ที่ประชุมยังได้เห็นชอบการพัฒนาศักยภาพด่านศุลกากรชายแดนไทย - มาเลเซีย ( 9 ด่าน ) เพื่อยกระดับการค้าชายแดนและความร่วมมือในมิติต่างๆ

 พล.อ.คงชีพ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ได้ขอบคุณ ศอ.บต. และทุกส่วนราชการที่ร่วมขับเคลื่อนพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ จชต. คืบหน้าอย่างมากต่อเนื่องมา ขอย้ำเรื่องการส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาไทยเป็นนโยบายที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญ โดยขอให้ ศอ.บต.ขยายผลเร่งด่วนในกลุ่มเป้าหมายเด็กเล็กและโรงเรียนตาดีกา เพื่อโอกาสในการพัฒนาทักษะภาษาไทยและการนำไปใช้ดำเนินชีวิตในสังคมที่หลากหลายวัฒนธรรมร่วมกันได้อย่างเหมาะสม และได้กำชับให้ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ และ ศอ.บต. ใช้โอกาสนี้เข้าไปจัดระบบ ปรับปรุงระเบียบด้านแรงงานและอำนวยความสะดวกการทำงานในมาเลเซีย รองรับการเปิดประเทศในต้น พ.ย. 

เพจ ‘ปราชญ์ สามสี’ แซะตรรกะ ‘เนติวิทย์’ ปมไม่อยากเรียนจบ เชื่อ! คิดใช้ ‘สถานะนักเรียน’ เคลื่อนไหว

เพจเฟซบุ๊ก "ปราชญ์ สามสี" โพสต์กรณีนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ยังไม่อยากเรียนจบการศึกษา ว่า เรียนผลาญเงินพ่อแม่ ไม่ต้องรีบจบ เพราะจบไปก็ทุกข์กับตัวเอง...อืม คงมีคนแอบเลี้ยง เนเน่ อยู่สินะครับถึงไม่ต้องรีบหางานทำ...เพราะอยู่เฉย ๆ ก็มีเงินกิน

ส่วนเรื่องเรียน จริง ๆ การเรียนหนังสือ ทำได้ตลอดแม้จะเรียนจบออกมาแล้วชีวิตก็ไม่ได้หยุดการเรียนรู้...

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินสายพัฒนาคุณภาพชีวิตเยาวชนต่อเนื่องในโครงการ “จักรยานเพื่อน้องสัญจร” ครั้งที่ 2 ประจำปี 2564   ลงพื้นที่มอบจักรยานแก่โรงเรียนในชนบททางภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวม 16 จังหวัด 80 โรงเรียน

 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงษ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก พร้อมด้วยนายชูเดช เตชะไพบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการ จัดทีมสังคมสงเคราะห์ นำโดย นายพินัย ศรีพนาสณฑ์ ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่มอบจักรยาน เสื้อกันฝน และหน้ากากอนามัย  ให้กับโรงเรียนในชนบททางภาคกลาง และภาคใต้ ที่มีเยาวชนประสบปัญหาในด้านการเดินทางไปและกลับโรงเรียนด้วยความยากลำบาก ภายใต้โครงการจักรยานเพื่อน้องสัญจร ครั้งที่ 2 ประจำปี 2564  โดยคณะมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งลงพื้นที่มอบให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลนในพื้นที่รวม 16 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  อ่างทอง  สุพรรณบุรี  ชัยนาท  อุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี สระแก้ว นครสวรรค์  ตาก ชุมพร สุราษฎร์ธานี พัทลุง นครศรีธรรมราช สงขลา และระนอง รวม 80 โรงเรียน รถจักรยาน จำนวน 1,500 คัน และในสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ประกอบกับเป็นช่วงฤดูฝน

มูลนิธิฯ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญจึงได้มอบหน้ากากอนามัยแก่โรงเรียนรวม 40,000 ชิ้น และเสื้อกันฝนรวม 4,000 ตัว รวมงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ทั้งสิ้น จำนวน 2,366,500 บาท (สองล้านสามแสนหกหมื่นหกพันห้าร้อยบาทถ้วน) ทั้งนี้เพื่อให้เด็กนักเรียนสามารถใช้จักรยานเดินทางมาโรงเรียนได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้เด็กนักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน รวมถึงการดูแลรักษาสิ่งของส่วนรวมและใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกต้อง โดยเมื่อเด็กนักเรียนจบการศึกษา จักรยานจะถูกส่งต่อให้แก่เด็กนักเรียนในรุ่นต่อไป โดยมี อาสาศิลปินมูลนิธิฯ คุณครู และตัวแทนนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ ร่วมในพิธี พร้อมด้วย สมาคม/มูลนิธิแต่ละจังหวัดเป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top