Sunday, 19 May 2024
TODAY SPECIAL

24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ในหลวง ร.9 เสด็จฯ ทางชลมารค เปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์

วันนี้เมื่อ 13 ปีก่อน ถือเป็นวันสำคัญของเมืองไทย เมื่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคไปทรงเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ รวมถึง สะพานภูมิพล 1 และสะพานภูมิพล 2 ทั้งหมดเป็นโครงการในพระราชดำริที่ทรงตั้งใจแก้ปัญหาให้กับประชาชน

โดยที่มาของการสร้างประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ เกิดขึ้นจากการทรงเห็นว่า สภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาเดิมมีลักษณะไหลวนคดเคี้ยว โดยเฉพาะบริเวณรอบพื้นที่บางกระเจ้า ที่มีความยาวถึง 18 กิโลเมตร ส่งผลให้การระบายน้ำที่ท่วมพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานครเป็นไปได้ช้า ไม่ทันเวลาน้ำทะเลหนุน

จึงมีพระราชดำริให้พัฒนาใช้คลองลัดโพธิ์ ซึ่งเดิมมีความตื้นเขินและมีความยาวราว 600 เมตร ให้เป็นประตูระบายน้ำที่หลากและน้ำที่ท่วมสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้ลงสู่ทะเลทันที และจะปิดคลองลัดโพธิ์เมื่อน้ำทะเลหนุน เพื่อหน่วงน้ำทะเลไม่ให้ขึ้นลัดเลาะไปตามแนวแม่น้ำเจ้าพระยาที่คดโค้งถึง 18 กิโลเมตรด้วยกัน

ในส่วนของสะพานภูมิพล 1 และ 2 ทรงมีพระราชดำริให้จัดสร้างเพื่อรองรับการขนถ่ายและลำเลียงสินค้าจากท่าเรือกรุงเทพ ไปยังพื้นที่อุตสาหกรรมใน จ.สมุทรปราการ และพื้นที่อื่น ๆ ทั้งนี้เพื่อแก้ปัญหาการจราจร โดยเฉพาะรถบรรทุกขนาดใหญ่จากแหล่งอุตสาหกรรม เพื่อให้มีช่องทางเลี่ยงออกจากใจกลาง กทม. สู่ต่างจังหวัดได้ทันที

ทั้งหมดคือพระราชประสงค์เพื่อแก้ปัญหาและยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้ดียิ่งขึ้น จากวันนี้และในอนาคตสืบไป...

‘ลิซ่า’ สวมชุด ‘Asava’ แบรนด์ของคนไทย รับเครื่องราชฯ ชั้น MBE จากคิงชาร์ลส์ที่ 3

(23 พ.ย. 66) เรียกว่าเป็นความปลาบปลื้มของ 4 สาววง BLACKPINK (แบล็กพิงก์) ทั้ง เจนนี่, จีซู, ลิซ่า, โรเซ่ ที่ได้มีโอกาสไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ ณ พระราชวังบักกิงแฮม ประเทศอังกฤษ โดย สมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร และ พระราชินีคามิลลา ทรงเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่ ยุน ซอก-ยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และ คิม กอน-ฮี สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง เนื่องในโอกาสกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติ เมื่อวันอังคารที่ 21 พ.ย.66 ที่ผ่านมา

ต่อมาในวันที่ 22 พ.ย.66 สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเป็นประธานในพิธีพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น MBE ให้แก่ เจนนี่ จีซู ลิซ่า และ โรเซ่ และทรงมีพระราชปฏิสันถารกับทั้ง 4 สาวอย่างเป็นกันเอง โดยตรัสว่า “เราหวังว่าเราจะได้ชมการแสดงสดของพวกคุณบ้างในบางโอกาส”

สำนักพระราชวังบักกิงแฮม เปิดเผยว่า 4 สาว BLACKPINK ได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ MBE เพื่อเป็นการแสดงความยอมรับบทบาทของพวกเธอในผู้สนับสนุนการประชุมสุดยอดผู้นำสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องสภาพอากาศครั้งที่ 26 หรือ COP26 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ เมื่อปี 2564

นอกจากนี้มีการเปิดเผยว่า ชุดที่ ลิซ่า BLACKPINK สวมใส่เข้าพิธีมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น MBE เป็นชุดเสื้อผ้าจากแบรนด์ไทยชื่อดังอย่าง Asava เรียกว่านอกจากจะเป็นเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในวงการ K-POP ยังเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทยด้วยเช่นกัน

23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 ‘ทามาก็อตจิ’ สัตว์เลี้ยงดิจิทัล ไอเท็มสุดฮิตยุค 90 วางขายครั้งแรก

วันนี้เมื่อ 27 ปีก่อน ‘ทามาก็อตจิ’ สัตว์เลี้ยงดิจิทัลคลายเหงาสำหรับเด็ก ๆ เพื่อนซี้ 8 บิต หนึ่งในไอเท็มสุดฮิตในยุค 90 ถูกวางจำหน่ายเป็นวันแรก

หากเอ่ยถึงของเล่น วัยเยาว์ยุค 90s เชื่อว่าหลายคนคงจะนึกถึงเจ้า ‘ทามาก็อตจิ’ (Tamagotchi) สัตว์เลี้ยงดิจิทัลสีขาวดำในก้อนไข่ ของเล่นสุดฮิตที่ใครก็อยากมีติดกระเป๋าเอาไว้เล่นยามว่าง อย่างแน่นอน

ทามาก็อตจิ เป็นของเล่นที่คิดค้นและร่วมมือโดย อากิฮิโระ โยโคอิ (Akihiro Yokoi) ประธานบริษัท Wiz ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบของเล่นให้กับผู้ผลิตรายใหญ่ กับ อากิ มาอิตะ (Aki Maita) นักการตลาดของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Bandai ของญี่ปุ่น

อากิฮิโระ โยโคอิ ได้รับแรงบันดาลใจและปิ๊งไอเดียในการสร้างเจ้าของเล่นขนาดพกพานี้จาก ‘โฆษณาทางโทรทัศน์’ ซึ่งปรากฏเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งที่ไม่สามารถพา ‘เต่า’ สัตว์สุดที่รักของเขาไปท่องเที่ยวด้วยกันได้ 

เมื่อได้เห็นโฆษณาดังกล่าว บวกกับโยโคอิ เป็นคนที่ชื่นชอบสัตว์เลี้ยง เขาจึงตัดสินใจจะผลิตเกมที่ช่วยเสริมสร้างความรับผิดชอบให้กับเจ้าของสัตว์เลี้ยง พวกเขาจะต้องดูแลพวกมันแบบเรียลไทม์ โดยสัตว์ในเกมจะนอนหลับในตอนกลางคืน และจะมีเสียง บี๊บ! ตอนที่พวกมันหิว ทั้งยังมีการสร้างพฤติกรรมและใช้ยารักษาโรคให้กับพวกมันอีกด้วย 

โยโคอิตั้งชื่อของเล่นที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ทั่วทุกที่ว่า ‘ทามาก็อตจิ’ หรือภาษาอังกฤษคือ Tamagotchi ซึ่งมาจากคำว่า Tamago แปลว่า ไข่ และ Uotchi แปลว่าดูนาฬิกาหรือนาฬิกาข้อมือในภาษาญี่ปุ่น เหตุที่ตั้งชื่อนี้เพราะในตอนแรกจะออกแบบให้ทามาก็อตจิสวมใส่เป็นนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะกลายมาเป็นพวงกุญแจห้อยไปมาได้

ต่อมา โยโคอิได้นำความคิดนี้ไปขายให้กับบริษัท Bandai และได้มาอิตะมาช่วยเหลือ ดูแล และทำการตลาดให้กับเจ้าทามาก็อตจิตัวนี้ให้ประสบความสำเร็จมากที่สุด

เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามคาด บริษัท Bandai ก็ตัดสินใจออกขายเจ้าก้อนไข่สุดคาวาอี้ในญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) และอเมริกาในปี 1997 ก่อนที่ทามาก็อตจิจะกลายมาเป็น ‘ของเล่น’ ในวัยเด็กที่หลายคนยังคงนึกถึง

22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 ‘จอห์น เอฟ. เคนเนดี’ ผู้นำสหรัฐฯ คนที่ 35 ถูกลอบสังหาร ขณะเดินทางไปหาเสียงเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตกใจให้กับคนทั้งโลก เมื่อ ‘จอห์น เอฟ. เคนเนดี’ ประธานาธิบดีลำดับที่ 35 แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ถูกลอบสังหารขณะเดินทางไปหาเสียงเลือกตั้ง ปธน. ภายในรถเปิดประทุน โดยมีภรรยานั่งอยู่ด้านข้าง โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในเวลา 12.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ เดลลีย์พลาซา เมืองแดลลัส รัฐเท็กซัส

โดยจากการสืบสวนของคณะกรรมการวอร์เรน ซึ่งกินเวลา 10 เดือน ระหว่าง พ.ศ. 2506 - 2507 การสืบสวนของคณะกรรมการสมาชิกผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ว่าด้วยการลอบสังหารประธานาธิบดี (HSCA) ระหว่าง พ.ศ. 2519 - 2522 และการสืบสวนของรัฐบาล สรุปว่าประธานาธิบดีถูกลอบสังหารโดย 'ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์’

ซึ่งในเวลาต่อมา ออสวอล์ดถูกฆาตกรรมโดย แจ๊ค รูบี้ ก่อนที่เขาจะต้องขึ้นศาล ในช่วงแรกที่มีการเปิดเผยผลการสืบสวน ข้อสรุปนี้ได้รับการยอมรับจากสาธารณชนอเมริกัน แต่ในภายหลัง ผลสำรวจที่มีการจัดทำขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2509 - 2547 เปิดเผยว่าชาวอเมริกันประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์มีความเชื่อตรงกันข้ามกับข้อสรุปที่ได้จากการสืบสวนดังกล่าว

ดังนั้นการลอบสังหารในครั้งนี้ยังคงเป็นประเด็นการอภิปรายในวงกว้าง และก่อให้เกิดประเด็นเรื่องทฤษฎีสมคบคิดและการจัดฉากอย่างนับไม่ถ้วน จนกระทั่ง พ.ศ. 2522 คณะกรรมการสมาชิกผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ว่าด้วยการลอบสังหารประธานาธิบดี ค้นพบว่ารายงานการสืบสวนของเอฟบีไอและคณะกรรมการวอร์เรนมีข้อบกพร่องอย่างร้ายแรง 

คณะกรรมการฯ ยังสรุปด้วยว่ามีการยิงปืนใส่ไม่ต่ำกว่า 4 นัด ซึ่งเป็นไปได้สูงว่าอาจมีฆาตกรสองคน และทฤษฎีสมคบคิดดังกล่าวเกิดขึ้นจริง อย่างไรก็ดี ผลการศึกษาในภายหลัง ซึ่งรวมถึงผลการศึกษาของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐอเมริกาได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความถูกต้องของหลักฐานที่คณะกรรมการฯ ใช้เพื่อสนับสนุนทฤษฎีกระสุนสี่นัดดังกล่าว

แต่แล้ว ในวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2560 คดีการลอบสังหารในครั้งนี้ก็ดูเหมือนจะกระจ่างขึ้น เมื่อประธานาธิบดีโดนัลน์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้มีคำสั่งให้หอจดหมายเหตุแห่งชาติสหรัฐฯ เปิดเผยเอกสารเกี่ยวกับคดีลอบสังหาร ปธน.จอห์น เอฟ เคนเนดี ที่ยังไม่เคยเปิดเผยกว่า 2,800 ชิ้น ตามที่ได้เคยกล่าวผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่าจะเปิดเผยข้อมูลในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560

แต่ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้น เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์ ตัดสินใจวินาทีสุดท้าย ไม่เปิดเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับคดีดังกล่าวอีกกว่า 300 ชิ้น เพราะหน่วยข่าวกรองกลาง หรือซีไอเอ และสำนักงานสอบสวนกลาง หรือเอฟบีไอ ขอให้มีการเก็บข้อมูลบางส่วนต่อไป เนื่องจากมีข้อกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยการเปิดเผยคาดว่าจะมีการพิจารณาถึงความเหมาะสมต่อไปอีก 6 เดือน หรือประมาณช่วงเดือนเมษายน พ.ศ. 2561

เหตุการณ์สะเทือนโลกครั้งนี้จึงนับเป็น เหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ที่ชาวโลกยังคงจดจำ ต่อการจากไปของประธานาธิบดีหนุ่ม ‘จอห์น เอฟ. เคนเนดี’ ที่สร้างคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติมากมาย อีกทั้งยังเป็นคดีที่ยังคงมีถูกตั้งข้อสงสัยและยังไม่ได้รับความกระจ่างอย่างแท้จริงจากเอกสารบางส่วนที่ยังไม่เปิดเผย มาจนถึงทุกวันนี้

20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2482 กำเนิด ‘วงดนตรีสุนทราภรณ์’ ก่อตั้งโดย ‘ครูเอื้อ สุนทรสนาน’

บุคคลสำคัญของโลกที่ได้รับการยกย่อง โดยยูเนสโก และเป็นบุคคลที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงรัชกาลที่ 9 มาเป็นเวลายาวนานตราบจนวาระสุดท้ายของบุคคลผู้นี้ คือ ‘ครูเอื้อ สุนทรสนาน’ หรือที่รู้จักกันในนามของ ‘สุนทราภรณ์’ ผู้ก่อตั้งวงดนตรี ‘สุนทราภรณ์’ อันโด่งดัง ซึ่งทุกวันนี้แม้ตัวคุณครูเองจะจากไปหลายปีแล้ว แต่วงดนตรีของท่านก็ยังคงอยู่ รวมทั้งเพลงต่าง ๆ ที่คุณครูแต่งหรือร่วมแต่งไว้กว่า 2,000 เพลง ก็ยังคงความไพเราะและเป็นอมตะ ได้รับการบรรเลงขับร้องจากนักร้องรุ่นหลัง ๆ เรื่อยมา โดยไม่มีวี่แววว่าประชาชนจะหลงลืมเพลงเหล่านี้แต่อย่างใดเลย

ครูเอื้อเกิดเมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2453 ที่อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2524 และได้รับการยกย่องจากยูเนสโก ให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก ในสาขาวัฒนธรรมดนตรีไทยสากล ในวาระครบรอบ 100 ปีชาตกาล เมื่อ พ.ศ. 2552

ท่านก่อตั้งวงดนตรี ‘สุนทราภรณ์’ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2482 ขณะดำรงตำแหน่งหัวหน้าวงดนตรีกรมโฆษณาการ หรือกรมประชาสัมพันธ์ในปัจจุบัน ครูเอื้อไม่ประสงค์จะใช้วงดนตรีของทางราชการไปรับงานแสดงส่วนตัว จึงได้ดำริจัดตั้งวงดนตรี ‘สุนทราภรณ์’ ขึ้น เพื่อรับบรรเลงตามสถานที่ต่าง ๆ ในเวลานอกราชการ 

คำว่า ‘สุนทราภรณ์’ ได้มาจากการนำนามสกุลท่อนแรกของท่าน คือ ‘สุนทร’ มาสนธิกับชื่อสุภาพสตรีอันเป็นที่รักของท่าน ได้แก่ ‘อาภรณ์’ (กรรณสูต) กลายเป็น ‘สุนทราภรณ์’ ซึ่งเป็นทั้งชื่อวงดนตรีและนามแฝงในการขับร้องเพลงของท่านควบคู่กันไป เพลงของสุนทราภรณ์มีทุกแนว นับตั้งแต่เพลงปลุกใจ, เพลงสดุดีเทิดพระเกียรติ, เพลงประจำสถาบันต่าง ๆ, เพลงรัก, เพลงคติธรรมชีวิต ไปจนถึงเพลงรำวงและลีลาศอันสนุกสนาน หลาย ๆ เพลงยังคงความอมตะ และได้รับความนิยมสืบเนื่องจนกลายเป็นสมบัติของชาติเคียงคู่สังคมไทยตราบเท่าทุกวันนี้ ได้แก่ เพลงเทศกาลต่าง ๆ เช่น เริงสงกรานต์, รำวงสงกรานต์, รำวงลอยกระทง, สวัสดีปีใหม่, รื่นเริงเถลิงศก, รำวงปีใหม่ ฯลฯ เป็นต้น

ไม่เพียงแต่จะเป็นที่รู้จักในประเทศไทยเท่านั้น เพลง ‘รำวงลอยกระทง’ ของท่านยังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ในฐานะเพลงสัญลักษณ์เพลงหนึ่งของประเทศไทย และเล่ากันว่าในการเสนอชื่อท่านต่อยูเนสโก เพื่อให้ยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลกนั้น หากผลงานของบุคคลสำคัญเป็นที่รู้จักในต่างประเทศด้วย ก็จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ ทางฝ่ายไทยจึงแนบเทปเพลง ‘รำวงลอยกระทง’ ไปด้วย เมื่อเปิดขึ้นคณะกรรมการพิจารณาก็ยิ้มทันที เพราะรู้จักเพลงนี้กันทุกคน

ครูเอื้อ สุนทรสนาน ได้รับพระราชทานเพลงพระราชนิพนธ์ ‘มหามงคล’ จากในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นเพลงเปิดวงในโอกาสฉลองครบรอบปีที่ 20 แห่งการตั้งวง เมื่อพ.ศ. 2502 และทางวงดนตรีสุนทราภรณ์ก็ได้อัญเชิญบรรเลงเป็นเพลงเปิดวงแม้จนทุกวันนี้

เมื่อครั้งวงดนตรีสุนทราภรณ์มีอายุครบ 30 ปี ใน พ.ศ. 2512 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานพระราชวโรกาสให้ครูเอื้อ สุนทรสนาน นำนักร้อง นักดนตรี และนักเรียนจากโรงเรียนสุนทราภรณ์การดนตรี เข้าเฝ้า ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิม และพระราชทานเหรียญเสมาทองคำ ‘ภปร.’ แก่หัวหน้าวง นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้นแก่ครูเอื้อ

ในงานฉลอง 70 ปี ของการตั้งวงดนตรีสุนทราภรณ์ เมื่อ พ.ศ. 2552 นายแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวังใน พ.ศ.ดังกล่าว ได้กล่าวไว้ว่า “วงดนตรีสุนทราภรณ์ถือเป็นวงในพระราชสำนัก เพราะได้บรรเลงดนตรีถวายต่อเนื่องเป็นเวลาหลายสิบปี” 

เมื่อครูเอื้อถึงแก่กรรม ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเพลิงศพด้วยพระองค์เอง ณ วัดเทพศิรินทราวาส นับเป็นศิลปินคนที่ 2 และคนสุดท้ายที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์

19 พฤศจิกายน ของทุกปี กำหนดเป็น ‘วันส้วมโลก’ หรือ ‘วันสุขาโลก’ รณรงค์ให้ตระหนักถึงสุขอนามัยการใช้ส้วม

‘วันส้วมโลก’ (World Toilet Day) หรือวันสุขาโลก ได้ถูกตั้งขึ้นโดยองค์การส้วมโลก (World Toilet Organization หรือ WTO) เป็นองค์การไม่แสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งก่อตั้งเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544 กับประเทศสมาชิก 15 ประเทศ เพื่อดำเนินการปรับปรุงส้วมและสุขอนามัยทั่วโลก โดยมุ่งเน้นไปที่ห้องส้วมมากกว่าด้านประปา ซึ่งต้องการให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหาของสุขาภิบาล ความสำคัญของความสะอาดของห้องน้ำห้องส้วม และให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของสาธารณสุขมากขึ้น เนื่องจากยังมีผู้คนทั่วโลกอีกมากมายที่ยังใช้ส้วมที่ไม่ได้มาตรฐานอยู่ โดยใช้ความพยายามกว่า 12 ปี ในการดำเนินงาน

จนกระทั่งวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ในที่ประชุมของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ได้มีมติเห็นชอบให้บรรจุวันส้วมโลกอยู่ในวันของสหประชาชาติ และ กำหนดวันที่ 19 พฤศจิกายน ของทุก ๆ ปี เป็นวันสุขาโลก เพื่อเรียกร้องให้สมาชิกช่วยกันส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และออกนโยบายเพื่อเพิ่มจำนวนผู้ที่สามารถเข้าถึงระบบสุขาภิบาล และหยุดการถ่ายอุจจาระในที่เปิดโล่ง และวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ได้มีมติอย่างเป็นทางการ เพื่อเน้นย้ำแสดงให้เห็นถึงชะตากรรมของผู้คนถึง 2.5 พันล้านคน ที่ยังไม่มีห้องน้ำขั้นพื้นฐาน ตามที่สหประชาชาติเคยกล่าวไว้ว่า ในบรรดาประชาชน 7 พันล้านคนของโลก มีเพียง 4.5 พันล้านคนเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงห้องสุขาหรือส้วมได้ และมีอีก 1,100 ล้านคน ที่ยังขับถ่ายในที่สาธารณะ ซึ่งคุกคามต่อการสาธารณสุข

นอกจากนี้ ยังมีรายงานขององค์กรการกุศลวอเตอร์เอด (WaterAid) ที่เผยแพร่ออกมาก่อนวันส้วมโลกประจำปี 2018 ระบุว่า ‘เอธิโอเปีย’ ขึ้นแท่นเป็นประเทศที่ขาดแคลนห้องน้ำมากที่สุดในโลก ปัจจุบันชาวเอธิโอเปียส่วนใหญ่ต้องถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระในพื้นเปิดข้างทาง ซึ่งจริง ๆ แล้วมันเป็นการแพร่กระจายเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และพยาธิต่าง ๆ ลงสู่แหล่งน้ำ และคุกคามต่อระบบสาธารณสุขท้องถิ่น ทั้ง ๆ ที่การเข้าถึงห้องน้ำเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน 

พร้อมทั้งแสดงให้เห็นด้วยว่า ประชากร 2.3 พันล้านคนทั่วโลกยังคงขาดแคลนห้องน้ำที่บ้าน มากไปกว่านั้น อีกหนึ่งข้อมูลน่าตกใจจากรายงานคือ เกือบ 1 ใน 5 ของโรงเรียนประถม และ 1 ใน 8 ของโรงเรียนมัธยมทั่วโลกก็ปราศจากห้องน้ำเช่นกัน ทำให้เด็กนักเรียนจำนวน 620 ล้านคน ต้องตกอยู่ท่ามกลางอันตราย

ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยจึงให้ความสำคัญกับการสร้างสุขอนามัยของห้องส้วมมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของห้องน้ำห้องส้วมภายในบ้าน และในที่สาธารณะ เช่น ปั๊มน้ำมัน วัด โรงเรียน สำนักงาน และสถานที่ราชการ ฯลฯ เพื่อสกัดไม่ให้การขับถ่ายที่ไร้สุขอนามัยส่งผลเสียกับแม่น้ำ ทะเลสาบ และมหาสมุทรโดยตรง เพราะหวั่นกลัวว่าสิ่งเหล่านี้จะหวนกลับเป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอีก แต่ในปัจจุบันจากการดำเนินงานพัฒนาส้วมและการจัดการสิ่งปฏิกูลในประเทศไทยของกรมอนามัยตลอดหลายปี ก็เผยให้เห็นว่า ในประเทศไทย ครัวเรือนมีส้วมใช้และถูกสุขลักษณะ จำนวน 20.3 ล้านครัวเรือน คิดเป็น 99.8% อีก 0.2% หรือ จำนวน 40,729 ครัวเรือน ยังไม่มีส้วม หรือเป็นส้วมที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลและยากลำบากในการเข้าถึงเท่านั้น

18 พฤศจิกายน ของทุกปี ถือเป็นวันเกิด ‘มิกกี้ เมาส์’ ตัวการ์ตูนชื่อดังแห่งวอลต์ ดิสนีย์

เชื่อว่าหลายคนคงรู้จัก ‘มิกกี้ เมาส์’ ตัวการ์ตูนชื่อดังขวัญใจของเด็ก ๆ และคนทั่วโลกแน่นอน และวันที่ 18 พฤศจิกายน ของทุกปี ถือเป็นวันเกิดของหนูการ์ตูนชื่อดังแห่งวอลต์ ดิสนีย์

‘มิกกี้ เมาส์’ เป็นตัวการ์ตูนของค่ายวอลต์ ดิสนีย์ ซึ่งถือกำเนิดขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 1928 (พ.ศ. 2471) โดยวอลเตอร์ อีเลียส ดิสนีย์ และอับ ไอเวิร์กส เดิมทีพวกเขาเรียกมันว่า ‘มอร์ติเมอร์ เมาส์’ ก่อนจะเปลี่ยนชื่อตัวการ์ตูนนี้ใหม่เป็น ‘มิกกี้ เมาส์’ จากการแนะนำของภรรยาวอลต์ ดิสนีย์ เนื่องจากเธอเห็นว่ามันเป็นชื่อที่ดูจริงจังจนเกินไป

จุดกำเนิดของมิกกี้ เมาส์ เกิดขึ้นขณะที่วอลเตอร์ อีเลียส ดิสนีย์ (ขณะนั้นอายุ 27 ปี) นั่งอยู่บนรถไฟระหว่างทางมุ่งสู่ลอสแอนเจลิส เขาลงมือสเกตช์ภาพคาแรกเตอร์หนูเล็ก ๆ สวมกางเกงสีแดงขึ้นมา โดยมี อับ ไอเวิร์กส ออกแบบรูปร่างลักษณะ หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1928 (พ.ศ. 2471) ‘มิกกี้ เมาส์’ ก็ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังการ์ตูนเงียบที่ชื่อว่า ‘Plane Crazy’ แต่ก่อนที่การ์ตูนเรื่องนี้จะออกฉาย ก็เริ่มมีการนำเสียงมาใส่ในภาพยนตร์ ทำให้มิกกี้ เมาส์ เป็นหนังการ์ตูนที่มีการใส่เสียงเรื่องแรกในโลก ในชื่อเรื่องว่า ‘Steamboat Willie’

การเปิดตัวครั้งแรกของมิกกี้ เมาส์ ในเรื่อง ‘Steamboat Willie’ ในวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 1928 (พ.ศ. 2471) ทำให้ ‘มิกกี้ เมาส์’ กลายเป็นขวัญใจของเด็ก ๆ จวบจนปัจจุบัน โดยทางนิวยอร์กไทมส์ เคยเขียนชื่นชมว่า ‘มิกกี้ เมาส์’ เป็นผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์เยี่ยมยอดและสนุก เพราะการ์ตูนเรื่องนี้มีจุดเด่นตรงเพลงประกอบที่ไพเราะ มีภาพและฉากที่สวยงาม

ลักษณะเด่นของ ‘มิกกี้ เมาส์’ เป็นเพียงหนูตัวเล็ก ๆ หูกลมใหญ่สีดำ แขนขาเล็กมาก สวมกางเกงเอี๊ยมสีแดง รองเท้าสีเหลือง มีบุคลิกที่มีความอดทนอดกลั้น ฉลาดหลักแหลม มองโลกในแง่ดี และกล้าหาญ ที่สำคัญ ‘มิกกี้ เมาส์’ มีสัญชาตญาณพิเศษในเรื่องของการสืบสวนสอบสวน และด้วยบุคลิกที่โดดเด่นในแง่นี้เองทำให้ตัวการ์ตูนตัวนี้ชอบที่จะใช้เหตุผลเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้กำลังเข้าสู้ จนสามารถเอาชนะศัตรูที่มีร่างกายที่แข็งแรงกว่า ทำให้ ‘มิกกี้ เมาส์’ สามารถเป็นที่รักและครองหัวใจของเด็ก ๆ และผู้คนทั่วโลกมาเกือบ 100 ปี

17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2513 วันจดสิทธิบัตร ‘เมาส์’ ครั้งแรกของโลก โดย ‘ดร.ดักลาส อิงเกิลบาร์ต’ ชาวสหรัฐฯ

มีอุปกรณ์มากมายที่ประกอบกันขึ้นมาเป็น ‘คอมพิวเตอร์’ แต่หนึ่งในอุปกรณ์ที่มีความจำเป็น และเกิดมาคู่กัน นั่นคือ ‘เมาส์’

‘เมาส์’ ไม่ใช่ปาก แต่เมาส์ทำหน้าที่คล้าย ๆ ปาก คือคอยคลิกคำสั่งการ เพื่อให้โปรแกรมต่าง ๆ ปฏิบัติงานได้ตามใจเรา 

หากย้อนกลับไปวันนี้เมื่อ 53 ปีก่อน หรือเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) ถือเป็นวันที่มีการจดสิทธิบัตรเจ้าอุปกรณ์ที่เรียกว่า ‘เมาส์’ ขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก

‘US3541541’ คือรหัสสิทธิบัตรของมัน แต่คงไม่จดจำเท่าที่มาของการประดิษฐ์อุปกรณ์ชิ้นนี้ ถูกเริ่มสร้างขึ้นมาในช่วงปี 1963 โดยนักประดิษฐ์ที่ชื่อ ดร. ดักลาส อิงเกิลบาร์ต ณ สถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด (Stanford Research Institute) ประเทศสหรัฐอเมริกา

แรกเริ่มเดิมที มันถูกออกแบบเป็นเฟือง 2 ตัววางในลักษณะตั้งฉากกัน และเคลื่อนที่ไปแบบ 2 มิติ ก่อนที่ต่อมาจะแทนที่ล้อหมุนด้วยลูกบอล จึงทำให้สามารถหมุนไปได้รอบทิศทาง

‘เมาส์’ กลายเป็นอุปกรณ์ที่มาช่วยอำนวยความสะดวกร่วมกับคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ และกลายเป็น ‘ของที่ต้องมี’ บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ทุกบ้าน วันนี้เมาส์มีอายุ 53 ปี ก็สุดจะเดาว่าอนาคตข้างหน้า เมาส์จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร หรือไม่

มันอาจจะเป็นอะไรที่มากกว่าเมาส์ไปแล้วก็ได้เมื่อถึงวันนั้น

16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2523 ย้อนรอย 43 ปี บึ้มสนั่นกลางกรุง ‘คลังแสงบางซื่อ’ ระเบิด แรงระเบิดรัศมีไกล 3 กิโลเมตร คร่าชีวิตกว่า 38 ศพ

วันนี้เมื่อ 43 ปีก่อน หรือ วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2523 เกิดเหตุสะเทือนขวัญคนไทยทั้งประเทศ นั่นก็คือเหตุ ‘คลังแสงบางซื่อ’ ระเบิด อันเป็นสาเหตุที่ทำให้มีคนเสียชีวิตกว่า 38 ศพ และได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 350 คน

ในส่วนของสาเหตุที่ทำให้การระเบิดครั้งนี้มีความรุนแรงอย่างมากก็เพราะ นี่คือการระเบิดของจรวดกว่า 4,800 ลูก สร้างแรงสั่นสะเทือนมหาศาลกินพื้นที่ไปกว่า 3-5 กิโลเมตร

โดยหลังเกิดเหตุมีการพบเศษชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์กระจัดกระจายทั่วบริเวณ แต่เนื่องจากรายงานว่ามีการระเบิดจากจรวดหลายพันลูก ที่ล้วนเป็น ‘จรวดทำลายรถถัง’ และ ‘ระเบิดทำลายติดปีกเครื่องบิน’

จึงทำให้สังคมตั้งข้อสงสัยถึง ความรุนแรงของการระเบิดที่ควรมีรัศมีที่กว้างกว่านี้ รวมไปถึงจำนวนผู้เสียชีวิต ที่อาจถึงหลักหลายร้อยเสียด้วยซ้ำ

ซึ่งได้มีผู้อยู่ในเหตุการณ์ ออกมาเปิดเผยถึงเหตุระเบิดที่ยิ่งตอกย้ำให้ข้อสังเกตนี้ อาจเป็น ‘ความจริง’ โดยได้เล่าว่าตนอยู่ในเหตุการณ์เพราะอาศัยในบ้านพักราชการที่นั่น ซึ่งเหตุร้ายในครั้งนี้เกิดขึ้น ในเช้าวันอาทิตย์ เวลาประมาณ 10 โมงเช้า 

เหตุการณ์เริ่มผิดสังเกตเมื่ออยู่ ๆ ทุกอย่างดับมืดลง หน้าต่างบ้านแตกละเอียดกระจายเข้าบ้านราวกับโลกจะแตก และหูของเขาก็อื้อไปหมด เคราะห์ดีที่เขาไม่เป็นไร จนกระทั่งเห็นทหารมากันเต็มไปหมดที่บ้านเพื่อช่วยเขาออกจากซากปรักหักพังของบ้าน

จนกระทั่งได้รับทราบว่ามีคนตาย เมื่อสุนัขที่บ้านคาบชิ้นส่วนของมือคนวิ่งเข้ามาหา โดยว่ากันว่ามีข่าวรายงานถึงเหตุการณ์นี้ว่าเป็นชิ้นส่วนมือของวิศวกร ยศร้อยโทท่านหนึ่งที่เสียชีวิตในการระเบิด แต่ด้วยความซนของตน จึงออกมาสำรวจที่เกิดเหตุ ก็พบชิ้นส่วนมนุษย์เต็มไปหมด ทั้งด้านล่างและตามต้นไม้

และเมื่อเหตุการณ์คลี่คลาย เขากลับได้รับข่าวร้ายว่าเพื่อนหลายคนเสียชีวิตจากเหตุร้ายนี้จำนวนมาก เพราะบ้านพักที่ตั้งในโซนที่รัศมีของระเบิดครอบคลุมถึง ซึ่งจากประสบการณ์ที่เขาได้เจอ ก็สอดคล้องกับข้อสันนิษฐานที่ว่าน่าจะมีผู้เสียชีวิตเกินกว่า 38 ราย จากเหตุการณ์คลังแสงบางซื่อระเบิดในครั้งนี้ 

15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 ประเทศไทย จัดให้มีการเลือกตั้ง สส. เป็นครั้งแรก เป็นการเลือกตั้งทางอ้อมครั้งแรก และครั้งเดียว

วันนี้ เมื่อ 90 ปีก่อน ประเทศไทยจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการเลือกตั้งทางอ้อมครั้งแรก และครั้งเดียวของไทย โดยเป็นการเลือกผู้แทนตำบลก่อน แล้วให้ผู้แทนตำบลเลือกผู้แทนราษฎรอีกทีหนึ่ง

ย้อนไปเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 ประเทศไทยจัดให้มีการเลือกตั้งครั้งแรก ซึ่งเป็นการเลือกตั้งทางอ้อม ประชาชนเลือกตัวแทนของตนในระดับตำบล เพื่อไปทำหน้าที่เลือกผู้แทนราษฎรอีกต่อหนึ่ง โดยแต่ละจังหวัดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 1 คนต่อราษฎร 200,000 คน มีผู้แทนราษฎรที่ได้รับเลือกตั้งจำนวน 78 คน รวมกับสมาชิกที่มาจากการแต่งตั้งโดยพระบรมราชโองการเป็น 156 คน

การเลือกตั้งครั้งนั้น เกิดขึ้นภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยในปี 2475 ประเทศไทย แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 70 จังหวัด และตามรัฐธรรมนูญ 2475 สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิก 2 ประเภท โดยมีจำนวนเท่า ๆ กัน คือ สมาชิกประเภทที่ 1 มาจากการเลือกตั้ง และสมาชิกประเภทที่ 2 มาจากการแต่งตั้ง

ในขณะนั้นรัฐธรรมนูญกำหนดให้แต่ละจังหวัดจะมี สส. ได้ 1 คนต่อราษฎร 200,000 คน ทำให้มี ส.ส. ประเภทที่ 1 จำนวน 78 คน และ สส. ประเภทที่ 2 ที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งอีก 78 คน รวมเป็น 156 คน ซึ่งจากการคำนวณดังกล่าว ทำให้ส่วนใหญ่แล้วจะสามารถเลือก สส. ได้จังหวัดละ 1 คน และมีบางจังหวัดที่มี สส. มากกว่า 1 คน คือ เชียงใหม่, ร้อยเอ็ด, มหาสารคาม และนครราชสีมา มี สส. จำนวน 2 คน ในขณะที่จังหวัดพระนครและอุบลราชธานี มี สส. มากที่สุด คือ 3 คน

สำหรับการเลือกตั้งครั้งแรกของไทย ถูกจัดขึ้นในวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 และเป็นการเลือกตั้ง สส. ประเภทที่ 1 โดยใช้วิธีการเลือกตั้งแบบทางอ้อม คือ ประชาชนจะไปใช้สิทธิ์เลือกผู้แทนตำบลก่อน จากนั้นผู้แทนตำบลที่ได้รับเลือกนั้น จะไปทำการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนประชาชนอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้นับเป็นการเลือกตั้งทางอ้อมครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

โดยในครั้งนั้น มีผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทั้งหมด 4,278,231 คน และมีผู้ออกไปใช้สิทธิ์ทั้งหมด 1,773,532 คน คิดเป็น 41.45% โดยจังหวัดที่มีผู้ไปใช้สิทธิ์มากที่สุด คือ จังหวัดเพชรบุรี คิดเป็น 78.82% และจังหวัดที่มีผู้ออกไปใช้สิทธิ์น้อยที่สุด คือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน คิดเป็น 17.71%


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top