Tuesday, 14 May 2024
TODAY SPECIAL

26 มกราคม ค.ศ. 2020 วันนี้เมื่อปีก่อน โลกต้องพบกับการสูญเสีย เมื่อนักกีฬาชื่อก้องโลก ‘โคบี ไบรอันท์’ ประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกเสียชีวิตอย่างกระทันหัน

เช้าวันนี้เมื่อปีที่แล้ว เกิดข่าวช็อคผู้คนไปทั้งโลก เมื่อราชานักบาสเกตบอลระดับโลก ‘โคบี ไบรอันท์’ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวตก หลังจากที่เขาและลูกสาววัย 13 ปี ‘จิอันนา ไบรอันท์’ กำลังออกเดินทางไปยังสนามแมมบา ศูนย์ฝึกซ้อมบาสเกตบอล

แต่ด้วยทัศนวิสัยที่ไม่ดี ทำให้เฮลิคอปเตอร์ตกลงบนภูเขาในเขตเมืองคาลาบาซาส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นผลให้โคบีและลูกสาว และทีมงานอีก 5 ชีวิต ต้องจบชีวิตลง

กล่าวถึง โคบี ไบรอันท์ เขาคือนักบาสเกตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของโลก เขาเริ่มต้นเข้าสู่การเป็นนักบาสเกตบอลอาชีพเมื่อปี ค.ศ. 1996 เคยทำสถิติเป็นผู้เล่นที่มีอายุน้อยที่สุดในวงการบาสฯ เอ็นบีเอ โคบีประสบความสำเร็จอย่างมากกับต้นสังกัด ทีมลอสแอนเจลิส เลเกอส์ เคยคว้าแชมป์บาสฯ เอ็นบีเอร่วมกับทีมถึง 5 สมัย รวมทั้งยังเคยได้รับรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าของลีกอาชีพอีกหลายครั้ง

โคบี ประกาศเลิกเล่นบาสฯ อาชีพเมื่อปี ค.ศ. 2016 ด้วยความยิ่งใหญ่ของเขา ทำให้ทางการเมืองลอสแอนเจลิส ประกาศให้ทุกวันที่ 24 สิงหาคม เป็น ‘วันโคบี ไบรอันท์ (Kobe Bryant Day)’ โดยที่มาของวันที่ 24 และเดือน 8 นั้น ก็มาจากหมายเลขเสื้อที่โคบีเคยสวมใส่ขณะตอนที่ยังเล่นบาสเกตบอลอาชีพอยู่นั่นเอง

ผ่านมาแล้ว 1 ปี กับการสูญเสียบุคลากรทางการกีฬาที่ได้ชื่อว่า เก่งกาจชนิดหาตัวจับยาก แต่ถึงอย่างไร สำหรับแฟนๆ กีฬาบาสเกตบอล ชื่อของโคบี ไบรอันท์ ก็จะอยู่ในความทรงจำตลอดไป

ผ่านมาร่วม 2 เดือน กับสถานการณ์โควิด – 19 ระบาดระลอกใหม่ มียอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอยู่ทุกวัน แต่มีอยู่ 12 จังหวัดที่ยังรักษาความเหนียว โควิด-19 ยังไม่สามารถเจาะเข้าพื้นที่ได้!

โควิด – 19 ระลอกใหม่ เล่นงานประเทศไทยมาเกือบจะ 2 เดือนเต็ม อัปเดตสถานการณ์ล่าสุดประจำวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2564 ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 13,687 ราย หายป่วยไปแล้ว 10,662 ราย กำลังรักษาตัวอยู่ที่ 2,950 ราย ส่วนจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด ยังเป็นสมุทรสาคร 5,511 คน กรุงเทพ 2,198 คน ชลบุรี 735 คน ระยอง 580 คน และสมุทรปราการ 407 คน

แต่ที่น่าสนใจคือ มีอยู่ถึง 12 จังหวัดที่ยังไม่มียอดผู้ติดเชื้อ (ระลอกใหม่) ตัวเลขยังยืนระยะเป็น 0 โดยแบ่งเป็นจังหวัดทางภาคเหนือ 2 จังหวัด ภาคกลาง 1 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัด และภาคใต้อีก 4 จังหวัด ต้องปรบมือให้ในมาตรการการดูแลความปลอดภัย ส่วนจะมีจังหวัดใดที่เหนียวประหนึ่งพกยันต์มหาอุตทั้งจังหวัดกันบ้าง ไปดูกัน!

24 มกราคม พ.ศ. 2543 เกิดเหตุระทึกขวัญ กองกำลังก๊อดอาร์มี่ บุกยึดศูนย์โรงพยาบาลราชบุรี จับแพทย์ พยาบาล และผู้ป่วยเป็นตัวประกันนับพันคน เหตุการณ์ตรึงเครียดกว่า 20 ชั่วโมง ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะยุติเรื่องราวลงได้

วันนี้เมื่อ 21 ปีก่อน เกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญ เรียกว่าเป็นข่าวใหญ่ที่ประชาชนคนไทยต่างติดตามกันทั้งประเทศ เมื่อมีรายงานข่าวด่วนว่า มีกองกำลังก๊อดอาร์มี่ จำนวน 10 คน ได้ก่อเหตุบุกยึดโรงพยาบาลที่จังหวัดราชบุรี

สืบย้อนกลับไปก่อนเกิดเหตุการณ์หนนี้ กองกำลังทหารกะเหรี่ยงกลุ่มนี้ เคยเข้าบุกยึดสถานทูตพม่ามาครั้งหนึ่งแล้ว ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำสอง แต่คราวนี้มีเป้าหมายที่โรงพยาบาล โดยกลุ่มผู้ก่อการทั้งหมดปลอมตัวเป็นผู้โดยสารนั่งรถประจำทางสายสวนผึ้ง-ราชบุรี แล้วใช้ปืนเอ็ม-16 จี้คนขับให้ไปยังโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี ก่อนที่จะทำการบุกยึดโรงพยาบาล จับแพทย์ พยาบาล และผู้ป่วยพับพันชีวิตเป็นตัวประกัน

กลุ่มผู้ก่อเหตุยังได้วางระเบิดเอาไว้หลายจุด โดยเป็นทางเจ้าหน้าที่ของไทย พยายามเจรจาช่วยเหลือตัวประกัน และต่อมาก็ได้รู้ความต้องการของกลุ่มผู้ก่อเหตุว่า ต้องการนำตัวแพทย์ และพยาบาล ไปรักษาทหารกะเหรี่ยงที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกทหารรัฐบาลพม่าปราบปรามอย่างหนัก

เวลาผ่านไปกว่า 20 ชั่วโมง กลุ่มก๊อดอาร์มี่ได้ร้องขอเครื่องมือสื่อสารและเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ เพื่อให้พากลับไปส่งยังชายแดน ที่อำเภอสวนผึ้ง เจ้าหน้าที่พยายามต่อรองเพื่อถ่วงเวลาให้ผู้ก่อเหตุอ่อนล้า กระทั่งเวลา 04.00 น. กองกำลังผสมของเจ้าหน้าที่จำนวนกว่า 50 นาย ได้บุกเข้าช่วยเหลือตัวประกัน ควบคู่ไปกับการจัดการขั้นเด็ดขาด โดยใช้เวลาเพียงไม่ถึง 20 นาที สามารถช่วยเหลือตัวประกันไว้ได้อย่างปลอดภัยทั้งหมด ส่วนกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมด เสียชีวิตทั้ง 10 คน

นับเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ระทึกขวัญและมีประชาชนติดตามตลอดข้ามคืนข้ามวัน ก่อนที่สถานการณ์ทุกอย่างจะคลี่คลาย ซึ่งต่อมากลุ่มกองกำลังก๊อดอาร์มี่ที่เหลือเพิ่มเติม ได้เข้ามอบตัวต่อทางการไทย ก่อนจะถูกส่งตัวไปยังค่ายผู้อพยพและดำเนินตามขั้นตอนหลักสากลต่อไป

23 มกราคม พ.ศ. 2549 ย้อนรอยกรณีตระกูลชินวัตร ขายหุ้นกลุ่มบริษัทชินคอร์ปฯ ให้กับบริษัทเทมาเส็ก โฮลดิ้ง จนกลายเป็นกระแสสังคม นำมาซึ่งการกดดันให้ ทักษิณ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น

คำว่า ‘เลี่ยงภาษี’ อาจจะเป็นคำที่คนไทยคุ้นเคย แต่หากจะหาว่า ช่วงไหนของเมืองไทยที่กระแสคำว่า ‘เลี่ยงภาษี’ มีความรุนแรงมากๆ ต้องย้อนเวลากลับไป 15 ปีก่อน

วันนี้เมื่อ 15 ปีก่อน หรือ 23 มกราคม พ.ศ. 2549 มีข่าวดังที่สร้างความสนใจกับผู้คนไปทั่วประเทศ เมื่อตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ ขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น ให้กับกองทุนเทมาเส็ก ของประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเรื่องนี้ นายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ถูกโยงเข้ามามีเอี่ยว และเกิดกระแสวิพากษ์วิจารIณ์อย่างหนักว่า นี่เป็นการเลี่ยงภาษีใช่หรือไม่?

ทั้งนี้หุ้นที่มีการซื้อขายกันในตอนนั้น ถือเป็นการขายหุ้นที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประเทศไทย เป็นจำนวนกว่า 1,487,740,000 หุ้น (49.595% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด) มูลค่าหุ้นละ 49.25 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 73,271,200,910 บาท

การซื้อขายหุ้นครั้งนี้ ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากหลายทิศทาง ทั้งจากพรรคการเมืองฝ่ายค้าน องค์กรเอกชน นักวิชาการ รวมทั้งสาธารณชน โดยประเด็นที่พุ่งเป้าสงสัยนั้นมีหลายประการ อาทิ การได้รับยกเว้นภาษี ประเด็นเรื่องจังหวะเวลาที่ขายหุ้นซึ่งเกิดหลังการประกาศใช้ พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคม ฉบับใหม่เพียงสองวัน และประเด็นเรื่องการที่กิจการสื่อสารมวลชน ซึ่งเป็นกิจการที่สำคัญต่อความมั่นคงของชาติ ต้องตกไปอยู่ในการบริหารของต่างชาติ

แม้จะมีคำอธิบายจากนายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ถือเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้เกิดการออกมากดดันให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง กระทั่งนำไปสู่การยุบสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549

และต่อมาจึงได้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่ก็ต้องพบกับปัญหามากมาย ทั้งมีพรรคการเมืองคว่ำบาตรไม่ลงแข่งขันการเลือกตั้ง หรือผลการเลือกตั้งของผู้สมัครมีคะแนนน้อยกว่าบัตรที่ไม่เลือกใคร รวมทั้งปัญหาเรื่องความไม่โปร่งใสของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จนนำมาซึ่งการเลือกตั้งใหม่อยู่หลายรอบ แต่ก่อนที่จะถึงกำหนดการเลือกตั้งครั้งสุดท้ายในวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ก็เกิดการก่อรัฐประหารขึ้นเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 โดยเป็นการยึดอำนาจการปกครองประเทศ จากรัฐบาลภายใต้การรักษาการนายกรัฐมนตรีของนายทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง


ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki

22 มกราคม พ.ศ. 2486 ครบรอบ 78 ปี ประเทศไทยใช้คำว่า’สวัสดี’ เป็นการทักทายครั้งแรก

ไปไหนมาไหน เจอใคร คนไทยต้องยกมือไหว้ กล่าวคำว่า ‘สวัสดี’ ซึ่งคำ ๆ นี้ มีขึ้นมากว่า 78 ปีแล้ว โดยวันนี้เมื่อในอดีต ถือเป็นวันแรกในการประกาศให้คนไทย ใช้คำทักทายเวลาเจอกันว่า ‘สวัสดี’

และผู้ที่ออกประกาศนี้ก็คือ จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ด้วยวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้คนไทยยุคนั้นมีความเป็นชาตินิยม ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนชื่อ ‘สยาม’ มาเป็นประเทศ ‘ไทย’ หรือเปลี่ยนเนื้อร้องเพลงชาติไทยแต่เดิมมาเป็นเวอร์ชั่นปัจจุบัน รวมไปถึงการประกาศให้คำว่า ‘สวัสดี’ เป็นคำทักทายในโอกาสแรกที่ได้พบกัน

การประกาศนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2486 โดยเป็นกรมโฆษณาการ (ชื่อเดิมของกรมประชาสัมพันธ์) ที่เป็นหน่วยงานออกประกาศข่าวนี้

กล่าวถึงคำว่า สวัสดี เป็นภาษาสันสกฤต มาจากคำว่า ‘สุ’ แปลว่า ดี งาม หรือ ง่าย และคำว่า ‘อสฺติ’ เป็นคำกิริยาแปลว่า มี แผลงคำว่า ‘สุ’ เป็น ‘สว’ (สฺวะ) ได้โดยเอา ‘อุ’ เป็น ‘โอ’ เอา ‘โอ’ เป็น ‘สฺว’ ตามหลักไวยากรณ์ แล้วสนธิกับคำว่า ‘อสฺติ’ กลายเป็น ‘สวสฺติ’ อ่านว่า สะ-วัด-ติ แปลว่า ‘ขอความดีความงามจงมี (แก่ท่าน)’

โดยผู้ที่ริเริ่มใช้คำว่า ‘สวัสดี’ ในช่วงแรก คือ พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) ได้ปรับเสียงของคำว่า ‘สวสฺติ’ ให้ง่ายต่อการออกเสียงของคนไทย จากคำสระเสียงสั้น (รัสสระ) ซึ่งเป็นคำตาย มาเป็นคำสระเสียงยาว (ทีฆสระ) ซึ่งเป็นคำเป็น ทำให้ฟังไพเราะ รื่นหูกว่า จึงกลายเป็น ‘สวัสดี’ ใช้เป็นคำทักทายที่ไพเราะและสื่อความหมายดี ๆ ต่อกันของคนไทยตลอดมา

พิธีสาบานตนเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ผ่านไปเรียบร้อย งานนี้เลยขอเก็บตกแฟชั่นหน้ากากอนามัยของเหล่าผู้นำสหรัฐฯ ทั้งคนเก่าและคนใหม่ ใครสวมใส่แบบไหนกันบ้าง เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์โควิด -19 กันเสียหน่อย

เข้ารับตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา และแน่นอนว่า ภารกิจแรกที่นายโจ ไบเดน ประกาศหลังเข้ารับตำแหน่ง นั่นก็คือ การรณรงค์ให้ประชาชนสหรัฐฯ ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย เรียกว่าขอความร่วมมือให้ใส่กันตลอด 100 วันต่อจากนี้ เพื่อลดอัตราการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 ลงให้ได้

เมื่อคืนเป็นงานพิธีเข้ารับการสาบานตนเป็นประธานาธิบดีของนายโจ ไบเดน The States Times จึงไปส่องการสวมใส่หน้ากากอนามัยของเหล่าผู้นำทั้งหลายในงาน เบื้องต้นทุกคนสวมใส่กันเรียบร้อยดี แต่จะมีดีเทลหรือรายละเอียดอะไรกันบ้างนั้น ลองไปดู อ๊อ! ขออนุญาตเพิ่มเติม ‘ผู้นำประเทศไทย’ ด้วยอีกท่าน พอดีท่านสวมสีหวาน ๆ จึงขอนำมาอวดกันซะหน่อย (อิอิ)

ศบค.กทม.เตรียมชงเรื่องปลดล็อคธุรกิจร้านค้า ให้สามารถกลับมาประกอบกิจการกันได้อีกครั้ง หลังต้องปิดตัวเนื่องจาก ‘โควิด-19 ระลอกใหม่’ ธุรกิจไหนที่จ่อคิวได้กลับมาเปิดกันบ้าง ตามไปเช็กกันดูได้เลย

เตรียมเฮกันดัง ๆ หลังมีข่าวศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร หรือ ศบค.กทม. เตรียมหารือเรื่องการคลายล็อค หรือผ่อนปรนมาตรการ การปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว หลังจากที่โรคโควด -19 กลับมาระบาดระลอกใหม่ โดยคาดว่าเตรียมจะอนุญาตให้กลับมาเปิดกิจการกันได้อีกครั้ง

ทั้งนี้ ศบค.กทม.จะเข้าประชุมหารือกับคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ในวันนี้ (21 ม.ค. 64) ว่าเห็นควรให้ผ่อนปรนหรือไม่ หรือจะกำหนดให้มีมาตรการเสริมเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดเพิ่มเติมหรือไม่อย่างไร บรรดาธุรกิจร้านค้าต่างๆ ต้องติดตามข่าวกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากว่ามีการผ่อนปรนขึ้นมาจริง กิจการที่จะได้รับการปลดล็อคในเบื้องต้น มีดังนี้..

21 มกราคม วันกอดสากล วันที่ชวนทุกคนมาแสดงความรักต่อกันด้วยการกอด วันนี้มีประวัติมายาวนานกว่า 34 ปีแล้ว

กอดใครครั้งสุดท้ายเมื่อไรครับ? บางคนเมื่อวาน บางท่านบอกแทบจำไมได้ว่าเคยเกิดขึ้นเมื่อไร เอาเป็นว่า กอดได้กอดกันในวันนี้เลยแล้วกัน เพราะวันนี้เป็นวันพิเศษที่เรียกกันว่า ‘วันกอดสากล’ หรือ National Hug Day

วันกอดสากลเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1986 หรือเมื่อ 34 ปีก่อน โดยบาทหลวงนามว่า เควิน ซาบอร์นีย์ ที่อาศัยอยู่ในรัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา เขาเห็นว่า ชาวอเมริกันอยู่ในสังคมที่ไม่ค่อยแสดงความรักต่อกันในที่สาธารณะ จึงพยายามรณรงค์ให้มีการกอดกัน 1 วันในทุก ๆ ปี โดยเลือกช่วงเดือนมกราคมที่เป็นฤดูอันหนาวเหน็บ และกำหนดให้ วันที่ 21 มกราคม เป็นวันแห่งการกอด นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986 เป็นต้นมา

ต่อมาการรณรงค์นี้ ก็ถูกเผยแพร่ออกไป เริ่มจากในเมืองคาโร แห่งรัฐมิชิแกน (ที่บาทหลวงอาศัยอยู่) ได้ขยายออกไปในวงกว้าง จากเมืองสู่รัฐ จากรัฐสู่ประเทศ จนกลายเป็นว่า มีประเทศนอกเหนือจากสหรัฐอเมริกา อาทิ แคนาดา เยอรมนี จอร์เจีย อังกฤษ ออสเตรเลีย บัลแกเรีย ฯลฯ ต่างกำหนดให้วันที่ 21 มกราคม เป็นวันกอดสากลเช่นเดียวกัน

วันกอดสากลนี้ กอดกันได้ทั้งเพื่อน คนรัก สัตว์ และสมาชิกในครอบครัว ที่ผ่านมาเคยมีผลการศึกษามากมาย ส่วนใหญ่ต่างระบุตรงกันว่า การสัมผัสร่างกายกันของมนุษย์ จะช่วยส่งเสริมให้อารมณ์และสุขภาพจิตดีขึ้น โดยเฉพาะ ‘การกอด’ ที่ช่วยพัฒนาทางด้านจิตใจ มากไปกว่านั้น ยังช่วยระบบย่อยอาหาร ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ รู้อย่างนี้แล้ว วันนี้รีบมองหาคนกอดกันดีกว่าครับ!

พีค of the week Ep.2 รวมมิตรเรื่อง ‘พีคๆ’ รอบสัปดาห์

สัปดาห์ก่อน เรื่องการข่าว มาทั้งเรื่องดีๆ และเรื่องดราๆ (หมายถึงดราม่า) ทั้งข่าวมาตรการเยียวยา หรือดราม่าพิมรี่พาย ยังมีอีกหลายข่าวที่เราคัดสรรมาแล้วว่า ‘มันพีคจริงๆ แม่!’ ไปดูกันซะก่อนจะหมดวันนี้ เพราะเดี๋ยวพรุ่งนี้ คุณจะคุยกับเขา ไม่...รู้...เรื่อง!!

 

20 มกราคม ค.ศ. 1885 วันแรกของการจดสิทธิบัตร ‘เครื่องเล่นรถไฟเหาะตีลังกา’

ใครๆ ก็รู้จัก ’รถไฟเหาะตีลังกา’ แต่จะมีใครรู้ไหมว่า วันนี้เมื่อ 136 ปีก่อน เป็นวันแรกที่มีการจดสิทธิบัตรเครื่องเล่นประจำสวนสนุกชนิดนี้ 

สมมติถ้าจะให้คะแนน ‘เครื่องเล่นสวนสนุกสุดยอดขวัญใจ’ เชื่อเหลือเกินว่า คะแนนของ ‘รถไฟเหาะตีลังหา’ ต้องมาเป็นลำดับต้นๆ อย่างแน่นอน แต่รู้หรือไม่ว่า เจ้าเครื่องเล่นชนิดนี้ มีอายุอานามมากว่า 136 ปีแล้วนะ

ไอเดียของรถไฟเหาะตีลังกานั้น เริ่มต้นมาตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 18 เมื่ออุตสาหกรรมถ่านหินในอเมริกาค่อย ๆ ถูกยกเลิก รางรถไฟเดิมที่ใช้สำหรับลำเลียงถ่านหิน ก็ถูกนำไปปรับปรุงให้เป็นขบวนรถนำเที่ยวชมภูเขา แถมมันยังได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะได้ความหวาดเสียวเล็ก ๆ เวลาที่ผู้โดยสารนั่งไปบนรางสูง ๆ และมีความคดเคี้ยวระหว่างทาง จุดนี้เองที่เป็นจุดแรกเริ่มที่ถูกนำไปสร้างเป็นรถไฟเหาะในเวลาต่อมา 

โดยมันเกิดจากชายที่ชื่อว่า Lamarcus Adna Thompson หรือ L.A. Thompson นักธุรกิจชาวเจอร์ซีย์ ในรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา เขาเป็นผู้หนึ่งที่ได้สัมผัสกับประสบการณ์นั่งรถไฟนำเที่ยวชมภูเขาด้วยเช่นกัน จึงเริ่มคิดค้นและออกแบบระบบรถไฟเหาะชื่อ Switchback Gravity Railway และเปิดให้บริการในปี ค.ศ.1884 ที่สวนสนุก Coney Island ซึ่งถือเป็นรถไฟเหาะเจ้าแรกในอเมริกา

ทว่าไอเดียนี้กลับถูกคู่แข่งสวนสนุกนำไปสร้างรถไฟเหาะได้หวือหวากว่า เป็นเหตุให้ L.A. Thompson ลงทุนจดสิทธิบัตรการสร้างรถไฟเหาะในนามของตัวเองขึ้นเมื่อวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 1885 หรือวันนี้เมื่อกว่า 136 ปีก่อนและหลังจากนั้น เขาก็คิดค้นปรับปรุงรถไฟเหาะตีลังกาให้มีความสนุกและปลอดภัยมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด เขาก็ได้ชื่อว่า เป็น ‘บิดาแห่งรถไฟเหาะ’ ที่ผู้คนในโลกต่างยอมรับ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top